เรื่องราวของคนรอบตัวและประวัติชีวิตของ Ed Sheeran ที่เล่าผ่านบทเพลง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



ติดตามเรื่องราวของบทเพลง ผ่านเนื้อเพลงที่แปลและตีความออกมาเป็นภาษาไทยได้ที่
https://www.facebook.com/DeepInSong/




เรื่องราวของคนรอบตัวและประวัติชีวิตของ Ed Sheeran ที่เล่าผ่านบทเพลง


จะหาคนที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินบทเพลงของ Ed Sheeran ในชั่วโมงนี้คงยากจริงๆ
.
ความสำเร็จของศิลปินมากความสามารถชาวอังกฤษท่านนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่ที่เค้าเริ่มปล่อยอัลบั้มแรก + (Plus) ออกมาสู่ผู้ฟังในปี 2011 โดยในอัลบั้มนั้นมีซิงเกิ้ลที่ดังติดหูคนฟังหลายเพลง อย่างเช่น Lego House,  Drunk, Give Me Love, และ You Need Me But I Don’t Need You.
.
.
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบทเพลงของเค้าได้พากันทะยอยกันขึ้นชาร์ตหลายสำนักทั้งฝั่งยุโรป และฝั่งอเมริกา ทำให้เค้าสามารถคว้ารางวัลใหญ่ๆในเวทีดนตรีอย่าง Grammy Awards, Brits Awards, MTV Video Music Awards มาเป็นเครื่องการันตีความสามารถเค้าได้เป็นอย่างดี และได้ปล่อยอัลบั้ม X (Multiply) ออกมาสานต่อความสำเร็จในปี 2014
.
.
Castle On The Hill เป็นหนึ่งใน 2 ซิงเกิ้ลจากอัลบั้มล่าสุด ÷ (Divide) โดยเพลงนี้ Ed เล่าถึงประวัติชีวิตในวัยเด็ก และเรื่องราวของผู้คนรอบตัวเค้า ผ่านท่วงทำนองที่ทั้งไพเราะและเป็นเอกลักษณ์ ถ้าถามว่าเป็นเอกลักษณ์ขนาดไหน ก็ถึงขนาดที่ตัวผมเองได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกโดยที่ไม่ดูชื่อศิลปิน ก็สามารถรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นเพลงของ Ed Sheeran แน่นอน (ฮา)
.
.
นอกจากนี้ เนื้อเพลงกล่าวถึงการเติบโตของบรรดาผู้คนในชีวิตที่ผ่านมาของ Ed ว่าแต่ละคนตอนนี้ชีวิตพวกเค้าเหล่านั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง และ Ed คิดถึงคนเหล่านี้มากแค่ไหน
นอกจากนี้ ในบทเพลงยังบอกกับเราอีกว่า ผู้คนเหล่านี้แหละที่มีส่วนทำให้ตัว Ed เติบโตมาเป็นเค้าในแบบทุกวันนี้
.
.
ต่อจากนี้คือเนื้อเพลงพร้อมคำแปลภาษาไทยครับ



.
When I was six years old I broke my leg
I was running from my brother and his friends
And tasted the sweet perfume of the mountain grass as I rolled down

ย้อนกลับไปตอนเมื่อฉันอายุได้6ขวบ ตอนนั้นฉันทำขาตัวเองหัก
ตอนนั้นฉันกำลังวิ่งหนีจากพี่ชายของฉัน และเพื่อนๆของเขา
ระหว่างนั้น ฉันได้สัมผัสถึงกลิ่นไอหอมๆของหญ้าบนเนินเขา ในขณะที่ฉันกลิ้งลงไป
.

I was younger then,
Take me back to when...

ตอนนั้นฉันยังเด็กมากเลย
และตอนนี้ฉันกำลังนึกย้อนกลับไปยังช่วงเวลาเหล่านั้น....
.

I found my heart and broke it here
Made friends and lost them through the years
And I've not seen the roaring fields in so long,
I know I've grown
And I can't wait to go home

ช่วงเวลาที่ฉันได้พบว่า หัวใจของฉันเคยแตกสลาย ณ ตรงนั้น
ตรงที่ฉันได้เจอเพื่อนมากมาย และได้สูญเสียพวกเค้าเหล่านั้นไป ตามกาลเวลา
และฉันไม่ได้เห็นเนินเขานั้นมานานมากแล้ว
ฉันรู้ว่าฉันโตขึ้นมากแล้ว
และฉันรอที่จะกลับบ้านไม่ไหวแล้ว
.

I'm on my way
Driving at 90 down those country lanes
Singing to "Tiny Dancer"
And I miss the way
You make me feel,
And it's real
We watched the sunset over the castle on the hill

ฉันกำลังเดินทางไปนะ
ขับไปด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปตามถนนในชนบท
ระหว่างขับรถ ก็ร้องเพลง Tiny Dancer ไปด้วย
ฉันคิดถึงเวลาพวกคุณทำให้ฉันรู้สึกดีๆแบบนี้ และมันเป็นความรู้สึกที่เป็นของจริง
ตอนที่เรานั่งมองดวงตะวันตกดินด้วยกัน ที่ปราสาทบนเนินเขาแห่งนั้น
.

Fifteen years old and smoking hand-rolled cigarettes
Running from the law through the backfields and getting drunk with my friends
Had my first kiss on a Friday night,
I don't reckon that I did it right
.

ตอนอายุได้ 15 ก็เริ่มที่จะสูบบุหรี่แบบพันลำ
พากันแหกกฏหมาย และเมามายไปกับเพื่อนๆ
ยังจำได้ ตอนที่ฉันได้จูบครั้งแรกในคืนวันศุกร์
โดยที่ฉันไม่ได้คิดเลยว่า ฉันทำถูกไหม
.

I was younger then,
Take me back to when...

ตอนนั้นฉันยังเด็กมากเลย
และตอนนี้ฉันกำลังนึกย้อนกลับไปยังช่วงเวลาเหล่านั้น....

We found weekend jobs, when we got paid
We'd buy cheap spirits and drink them straight
Me and my friends have not thrown up in so long,
Oh, how we've grown
But I can't wait to go home

ตอนนั้นพวกเราได้งานพาร์ทไทม์ เสาร์-อาทิตย์กัน เราเริ่มหาเงินได้แล้วนะ
เราเอาเงินไปซื้อเหล้าถูกๆ และเอามานั่งกินกันเพียวๆเลย
ตอนนี้ฉันกับเพื่อนๆ ไม่ได้เมาอ้วกมานานมากแล้วนะ
โอ้โห เราโตขึ้นมากเลยนะ
และฉันรอที่จะกลับบ้านไม่ไหวแล้ว
.

I'm on my way
Driving at 90 down those country lanes
Singing to "Tiny Dancer"
And I miss the way
You make me feel,
And it's real
We watched the sunset over the castle on the hill
Over the castle on the hill
Over the castle on the hill
.

ฉันกำลังเดินทางไปนะ
ขับไปด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปตามถนนในชนบท
ระหว่างขับรถ ก็ร้องเพลง Tiny Dancer ไปด้วย
ฉันคิดถึงเวลาพวกคุณทำให้ฉันรู้สึกดีๆแบบนี้ และมันเป็นความรู้สึกที่เป็นของจริง
ตอนที่เรานั่งมองดวงตะวันตกดินด้วยกัน ที่ปราสาทบนเนินเขาแห่งนั้น
.

One friend left to sell clothes
One works down by the coast
One had two kids but lives alone
One's brother overdosed
One's already on his second wife
One's just barely getting by
But these people raised me
And I can't wait to go home
.

เพื่อนคนนึงออกไปขายเสื้อผ้า
คนนึงทำงานอยู่แถวๆชายฝั่ง
คนนึงตัวคนเดียว และมีลูก2
ส่วนอีกคน เสพยาเกินขนาด
เพื่อนคนนึงมีเมียคนที่2ไปแล้ว
อีกคนนานๆจะทราบข่าวกันที
แต่ผู้คนเหล่านี้แหละ ที่ช่วยทำให้ฉันเติบโต
และฉันรอที่จะกลับบ้านไม่ไหวแล้ว
.

And I'm on my way,
I still remember these old country lanes
When we did not know the answers
And I miss the way
You make me feel,
It's real
We watched the sunset over the castle on the hill
Over the castle on the hill
Over the castle on the hill

ฉันกำลังเดินทางไปนะ
ขับไปด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปตามถนนในชนบท
ระหว่างขับรถ ก็ร้องเพลง Tiny Dancer ไปด้วย
ฉันคิดถึงเวลาพวกคุณทำให้ฉันรู้สึกดีๆแบบนี้ และมันเป็นความรู้สึกที่เป็นของจริง
ตอนที่เรานั่งมองดวงตะวันตกดินด้วยกัน ที่ปราสาทบนเนินเขาแห่งนั้น


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่