......วันนี้ได้ปฏิบัติธรรมในช่วงใกล้สว่าง ทำการพิจารณาเรื่อง "ความยึดถือ" ผมกำหนดจิตเป็นสมาธิ บางครั้งก็กำหนดอยู่ที่ลมหายใจ บางครั้งก็เป็นที่ อาการท้องยุบท้องพอง โดยไม่ได้ท่องอะไร หลับตาลงเบาๆ เช็คดูสติสัมปชัญญะดีไหม จิตอยู่ในที่กำหนดดีไหม จิตสงบนิ่งดีไหม มีความพร้อมที่จะเดิน ความคิดไปในแนวใช้ปัญญาได้ไหม (ส่วนท่านอื่นก็ต้องฝึก ตามอาจารย์ของท่านนะครับ) ผมจะชี้ให้ดูในเรื่องความยึดถือของมนุษย์ อันเป็นสาเหตุให้เกิดกิเลส ผมจะเอาเรื่อง ที่เรามองเห็นกันได้ง่ายๆเลยครับ ยกตัวอย่างให้หนึ่งเรื่อง "ความรัก" สิ่งที่มนุษย์ยึดถืออยู่ เช่น ความรู้สึกยินดีหรือยินร้าย ในความรัก จะทำให้เราเกิด "ความหวัง" ความผูกพัน ความคิดถึง เกี่ยวข้องกับความรักใน อดีต ปัจจุบัน อนาคต อันเป็นสาเหตุให้กิเลสเกิด เช่น ภรรยาพูดถึงความรักเก่าของเขา ด้วยความชื่นชม เราผู้เป็นสามียึดติดอยู่ จึงทำให้เกิดอาการผิดปกติที่จิตขึ้น (เช่น หงุดหงิด ขัดเคือง หรือโกรธ) รวมทั้ง เราตั้งความหวังไว้ในอนาคต ในเรื่องของผู้หญิง ในเรื่องของความรัก อันนั้นแหละ คือการยึดถือครับ เช่น ยึดถือว่า คู่บุญ เนื้อคู่ (ยึดถือว่าเป็นคู่บุญ การรอคอยเนื้อคู่) ยึดถือด้วยความภูมิใจว่า เรามีเมียมาหลายคนแล้ว ยึดถือว่า ตอนตาย อยากให้คนที่เรารัก คนที่เราผูกพันที่สุด มาในงานศพของเรา(คนข้างบ้านผมเขาทำครับ) นั่นแหละ คือการยึดถือครับ ให้ฝึกปฏิบัติจนเป็นผู้ ไม่มี "ความหวัง" ในเรื่องความรักทั้งหมด จิตไม่กำเริบ ไม่หวั่นไหว ไม่ยินดีหรือยินร้าย ในเรื่องความรัก จิตไม่กระเพื่อมด้วยอำนาจของ "ความรัก" สามารถวางเฉย ในเรื่องความรักได้ มีสติบริสุทธิ์อยู่ จับตาดูความรัก ของคนอื่นๆที่เขายังยึดติดอยู่ ด้วยความสงบนิ่ง อันนี้คือการพิจารณาแบบง่ายๆดูครับ อันนี้ผมชี้ให้ดูสาเหตุ ถ้าฝึกกันจริงๆ จะต้องพิจารณาจน "เห็นโทษ" ของความรัก และฝึกจนจิตเบื่อหน่าย สามารถปล่อยวางความรักได้ ถ้าจับอาการ 32 แบบหลวงตามหาบัว อันนั้น เป็นการวางแบบเด็ดขาดอีกแบบหนึ่ง อันนี้ ผมยังไม่เน้นการละกิเลสมากนัก แต่ชี้ให้ดูจุดปัญหา และสิ่งที่เราจะต้องกระทำ ผมขอขอบคุณ ท่านผู้อาวุโส 2474575 ที่ให้ข้อมูลผมส่วนหนึ่ง ซึ่งผมนับถือท่านเป็นอาจารย์ท่านหนึ่ง ส่วนท่านอื่นๆ ปฏิบัติแล้ว ได้ข้อมูลอะไรบ้าง มาแลกเปลี่ยนกันครับ ผมไม่ยึดติด ไม่มีใครเสียเงิน ไม่มีใครได้ประโยชน์ในทางโลก ในเรื่องที่ผมชวนสนทนาครับ
เรื่องความยึดถือ