เผยชีวิตสุดทรหดของ “มหาเศรษฐี” ระดับโลก ที่เริ่มต้นจากความยากจนข้นแค้น

คนเรามักคิดว่ามหาเศรษฐีพันล้านนั้นเกิดมาในครอบครัวที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะก่อร่างสร้างตัวจนกลายมาเป็นนักธุรกิจแนวหน้า นั่นเป็นเพราะเราเห็นแต่ชีวิตของพวกเขาในช่วงที่ประสบความสำเร็จ โดยลืมนึกไปว่าทุกคนย่อมผ่านอุปสรรค และกว่าจะเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ หลายคนก็เริ่มจากศูนย์หรือติดลบ




Roman Abramovich นักธุรกิจใหญ่ชาวรัสเซียผู้เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลระดับโลกเชลซี


                                          

ทรัพย์สิน: 288,000 ล้านบาท

บ้านเกิดของเขาอยู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย Abramovich เป็นเด็กกำพร้าที่แสนยากจน จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 2 ขวบ ลุงและญาติๆ จึงรับตัวเขาไปเลี้ยงดู

ในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่สถาบัน Moscow Auto Transport Institute ในปี 1987 เขาก็เริ่มกิจการผลิตของเล่นพลาสติกเล็กๆ ของตัวเอง ซึ่งต่อมาเขาก็ได้ผันตัวมาทำธุรกิจน้ำมันและกลายเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก นอกจากนี้เขายังซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลเชลซีในปี 2003 เป็นเจ้าของเรือยอชต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท



Mohed Altrad ประธานสโมสรรักบี้ Montpellier และนักธุรกิจแห่งปี


                                       

ทรัพย์สิน: 35,000 ล้านบาท

เขาเกิดมาในชนเผ่าร่อนเร่กลางทะเลทรายในซีเรีย แม่ซึ่งถูกข่มขืนโดยพ่อของเขาเองนั้นเสียชีวิตตั้งแต่เขาเกิด ยายจึงเป็นผู้เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก ยายห้ามไม่ให้เขาไปเรียนหนังสือ แต่ด้วยความใฝ่เรียนเขาจึงดั้นด้นหาทางเข้าโรงเรียนสำเร็จ Altrad ได้ย้ายไปเรียนในมหาวิทยาลัยฝรั่งเศสโดยไม่มีความรู้ทางด้านภาษาฝรั่งเศสแม้แต่น้อย

Altrad ต้องประทังชีวิตในแต่ละวันด้วยอาหารเพียงมื้อเดียว แต่จากนั้นเขาก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เข้าทำงานกับบริษัทชั้นนำ และซื้อกิจการบริษัทแห่งหนึ่งจนก่อตั้งบริษัทซีเมนต์และอุปกรณ์ก่อสร้างของเขาเองได้สำเร็จ จนได้รับตำแหน่งนักธุรกิจแห่งปีของประเทศฝรั่งเศส



Kenny Troutt ผู้ก่อตั้ง Excel Communications


                                            

ทรัพย์สิน: 52,000 ล้านบาท

Troutt เติบโตขึ้นมากับพ่อที่มีอาชีพบาร์เทนเดอร์ เขาส่งเสียตัวเองเรียนในมหาวิทยาลัย Southern Illinois ด้วยการขายกรมธรรม์ประกันชีวิต

รายได้ปัจจุบันของเขาทั้งหมดมาจากบริษัท Excel Communications ที่ก่อตั้งในปี 1988 และเปิดขายหุ้นสาธารณะในปี 1996 และอีกสองปีต่อมาเขารวมบริษัทของตัวเองเข้ากับ Teleglobe ด้วยมูลค่า 123,000 ล้านบาท ปัจจุบันเขาวางมือทางด้านธุรกิจและผันตัวไปเป็นนักขี่ม้า



Howard Schultz CEO แห่ง Starbucks


                                       

ทรัพย์สิน: 102,000 ล้านบาท

บทสัมภาษณ์ของ Schultz ใน British tabloid Mirror มีใจความว่า “ผมรู้สึกมาตลอดในระหว่างที่กำลังเติบโตว่าตัวเองอาศัยอยู่ในด้านหนึ่งของสังคม โดยผู้คนในอีกด้านหนึ่งนั้นมีครอบครัวที่ดีพร้อม มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ และมีเงินทองมากมาย ผมไม่รู้ว่าทำไมหรือทำได้อย่างไร แต่ผมจะต้องปีนข้ามรั้วที่กั้นอยู่และประสบความสำเร็จในสิ่งที่หลายคนบอกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แม้ตอนนี้ผมจะสวมสูทและมีชีวิตที่ดี แต่ผมรู้เสมอว่าตัวผมเองมาจากไหนและชีวิตในตอนนั้นเป็นอย่างไร”

เขาได้รับทุนการศึกษาจากกีฬาฟุตบอลในมหาวิทยาลัย Northern Michigan และได้เข้าทำงานกับบริษัท Xerox หลังจบการศึกษา จากนั้นไม่นานเขาก็เข้าครอบครองกิจการ Starbucks ที่ขณะนั้นมีเพียง 60 สาขา ในฐาน CEO Schultz เดินหน้าขยายกิจการ Starbucks จนในปัจจุบันมีมากกว่า 16,000 สาขาทั่วโลก



Ken Langone นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ


                                       

ทรัพย์สิน: 98,000 ล้านบาท

พ่อแม่ของเขาเป็นช่างประปาและทำงานในโรงอาหาร Langone ต้องทำงานพิเศษหลายงานเพื่อช่วยพ่อแม่หาเงินส่งเสียตัวเขาเองและเลี้ยงดูครอบครัวในขณะเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัย Bucknell

ในปี 1968 เขาทำงานร่วมกับ Ross Perot ผู้ก่อตั้งบริษัท Electronic Data Systems (ซึ่งต่อมาถูกเทคโอเวอร์โดย HP) สองปีหลังจากนั้นเขาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ Bernard Marcus เพื่อก่อตั้งกิจการ Home Depot



Oprah Winfrey พิธีกรชื่อดังประเภททอล์คโชว์ชาวแอฟริกันอเมริกันคนแรกที่รวยที่สุดในศตวรรษที่ 20


                                       

ทรัพย์สิน: 105,000 ล้านบาท

เธอเกิดในครอบครัวที่ยากจนซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐมิสซิสซิปปี Winfrey เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐเทนเนสซี และได้รับทุนการศึกษาจนเรียนจบ เธอเป็นนักข่าวหญิงเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกเมื่อมีอายุเพียง 19 ปี

ในปี 1983 เธอย้ายไปชิคาโกเพื่อทำงานกับรายการทอล์กโชว์ชื่อดัง AM ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น The Oprah Winfrey Show



John Paul DeJoria เจ้าของกิจการผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและ Patron Tequila


                                        

ทรัพย์สิน: 102,000 ล้านบาท

ในวัย 10 ขวบ เขาทำงานหาเงินด้วยการขายการ์ดคริสต์มาสและหนังสือพิมพ์เพื่อช่วยเหลือครอบครัว เขาถูกส่งไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเข้าร่วมแกงค์วัยรุ่นก่อนที่จะไปประจำการเป็นทหารในกองทัพ

DeJoria กู้ยืมเงินประมาณ 25,000 บาทเพื่อมาประกอบกิจการ John Paul Mitchell Systems เพื่อขายแชมพูถึงหน้าประตูบ้านของลูกค้าในระหว่างที่ใช้รถยนต์ของตัวเองเป็นที่นอน หลังจากนั้นเขาเริ่มกิจการ Patron Tequila ซึ่งเป็นหนึ่งในเตกีล่าที่ดีที่สุดของโลก



Shahid Khan หนึ่งในนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดของโลก


                                      

ทรัพย์สิน: 154,000 ล้านบาท

ตอนที่ย้ายมาจากปากีสถานเพื่อมาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาใหม่ๆ เขาทำงานเป็นคนล้างจานที่ได้รับค่าจ้างเพียงชั่วโมงละ 42 บาทพร้อมกับศึกษาที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ไปด้วย

ปัจจุบัน Khan เป็นเจ้าของบริษัท Flex-N-Gate หนึ่งในบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ รวมทั้งเป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอลชื่อดังใน NFL Jacksonville Jaguars และทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกส์ Fulham



Do Won Chang ผู้ก่อตั้งบริษัท Forever 21


                                     

หลังจากย้ายถิ่นฐานจากเกาหลีใต้มาอยู่ในสหรัฐฯ Do Won Chang และภรรยา Jin Sook ต้องผ่านความยากลำบากมากมาย โดยเขาทำงานมาหลายอาชีพไม่ว่าจะเป็น ภารโรง เด็กปั๊ม และพนักงานในร้านกาแฟ

ต่อมาในปี 1984 เขาก็เปิดกิจการร้านจำหน่ายเสื้อผ้าเป็นของตัวเองและก่อตั้ง Forever 21 ได้สำเร็จ ปัจจุบันร้านของเขามีสาขากว่า 480 สาขาทั่วโลกและทำรายได้ถึง 105,000 ล้านบาทต่อปี



แฟชั่นดีไซเนอร์ระดับโลก Ralph Lauren


                                         

ทรัพย์สิน: 240,000 ล้านบาท

เขาจบการศึกษาระดับไฮสคูลในเขตบรองซ์ นครนิวยอร์ก หลังจากนั้นก็ลาออกจากระดับมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพ และเขาก็มาทำงานเป็นเสมียนให้กับ Brooks Brothers

เขารู้สึกว่าควรมีการดีไซน์ออกแบบเนคไทของผู้ชายที่หลายหลายและสร้างสรรค์กว่านี้ ไม่กี่ปีหลังจากนั้นเขาก็ทำตามฝันได้สำเร็จ ในปี 1967 เขาขายเนคไทได้เงินกว่า 17 ล้านบาทและเริ่มกิจการ Polo



Lakshmi Mittal CEO และประธานบริษัท ArcelorMittal


                                         

ทรัพย์สิน: 432,000 ล้านบาท

ในปี 2009 BBC ได้เปิดเผยชีวิตของนักธุรกิจเจ้าของบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กที่ยิ่งใหญ่คนนี่ว่า เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนในรัฐราชสถานของอินเดีย เขาก่อตั้งบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กและใช้เวลามากกว่า 20 ปีในการขยายกิจการ จนปัจจุบันบริษัทของเขากลายเป็นอุตสาหกรรมเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก



Francois Pinault ประธานบริษัทสินค้าและเสื้อผ้าแฟชั่น Kering


                                         

ทรัพย์สิน: 500,000 ล้านบาท

ในอดีต เขาเป็นนักเรียนที่ไม่จบการศึกษาและลาออกจากโรงเรียนเนื่องจากถูกรังแกและกลั่นแกล้งเพราะความยากจน แต่ปัจจุบันเขากลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จที่มีเทคนิคการทำธุรกิจด้วยการซื้อกิจการเล็กๆ ทั้งหลายเพื่อควบคุมราคาของตลาด นอกจากนี้เขายังก่อตั้ง PPR ธุรกิจแฟชั่นระดับสูงที่ครอบคลุมแบรนด์ Gucci, Stella McCartney, Alexander McQueen และ Yves Saint Laurent
Leonardo Del Vecchio เจ้าของกิจการแว่นตาระดับโลก Ray-Ban และ Oakley


                                          

ทรัพย์สิน: 847,000 ล้านบาท

Del Vecchio เกิดมาพร้อมกับพี่น้อง 5 คน ในครอบครัวที่ยากจน เขาถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเนื่องจากแม่ผู้เป็นแม่ม่ายนั้นไม่สามารถเลี้ยงดูพวกเขาได้ทั้งหมด เขาเข้าทำงานกับโรงงานผลิตแว่นตาซึ่งทำให้เขาสูญเสียบางส่วนของนิ้วมือไป จากนั้นเมื่ออายุ 23 ปีเขาก็เปิดกิจการหล่อแบบแว่นตาของตัวเองและเดินหน้าพัฒนาธุรกิจจนกลายเป็นกิจการแว่นตาที่ใหญ่ที่สุดในโลก



George Soros พ่อมดการเงินผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง


                                      

ทรัพย์สิน: 850,000 ล้านบาท

เขาเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี เป็นนักวิเคราะห์ค่าเงิน นักลงทุนหุ้น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Soros Fund Management และสถาบัน Open Society Institute

เขาออกจากบ้านเกิดที่ประเทศฮังการีแบบเสื่อผืนหมอนใบเมื่ออายุ 17 ปี เขาทำงานทุกอย่างที่ขวางหน้าและอยู่แบบอดมื้อกินมื้อในประเทศอังกฤษ แต่ก็อดทนจนสามารถเรียนจบปริญญาตรีได้ก่อนกำหนด และย้ายไปทำงานอย่างหนักในสหรัฐฯ จนประสบความสำเร็จ



Li Ka-shing ประธานบริษัท Cheung Kong Industries และเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์


                                      

ทรัพย์สิน: 952,000 ล้านบาท

ครอบครัวของ Li Ka-shing ย้ายออกจากบ้านเกิดในจีนไปอาศัยอยู่ในฮ่องกงในปี 1940 พ่อของเขาเสียชีวิตในขณะที่เขามีอายุเพียง 15 ปี และทิ้งภาระอันหนักอึ้งในการดูแลครอบครัวให้แก่เขา ในปี 1950 เขาเริ่มก่อร่างสร้างตัวในกิจการของตัวเองโดยการก่อตั้งบริษัทพลาสติก จากนั้นก็ขยายธุรกิจไปทางด้านอสังหาริมทรัพย์



Sheldon Adelson เจ้าของคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก Las Vegas Sands


                                       

ทรัพย์สิน: 1.03 ล้านล้านบาท

Adelson เป็นลูกชายของคนขับแท็กซี่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ เขาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพด้วยการขายหนังสือพิมพ์ตั้งแต่อายุ 12 ปี หลังจากนั้นเขาก็ลาออกจากโรงเรียน แล้วไปเร่ขายสินค้าตามท้องถนน ขายโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ประกอบธุรกิจเล็กๆ หลายแห่ง จนถึงกิจการคอนโด

เขาเคยสูญเสียทรัยพ์สินทั้งหมดในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ แต่ก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้อีกครั้งและกลายมาเป็นเจ้าของกิจการคาสิโนในลาสเวกัส

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่