เพียงอย่าสิ้นหวัง

กระทู้สนทนา
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นขนาด 3 บทจบค่ะ
แนะนำชี้แนะได้เต็มที่เลยนะคะ และหากใครพบเห็นคำเขียนผิด
คำเขียนตกหล่นบอกกล่าวผู้เขียนได้เลยค่ะ ผู้เขียนจะรีบมาแก้ไขโดยด่วน
ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เพียงอย่าสิ้นหวัง

    1



เด็กชายป๊อกวัยแปดขวบพักอาศัยอยู่กับยายและแม่ในกระต๊อบหลังเล็กที่ถูกสร้างเป็นเพิงข้างริมทางมีหญ้าขึ้นรกชัฏ พื้นที่ตรงนี้เป็นที่ดินร้างยังไม่เคยมีใครเข้ามาใช้ทำประโยชน์หรือแสดงตนเป็นเจ้าของเกือบหลายสิบปีแล้ว ทั้งสามจึงถือวิสาสะเข้ามาปลูกกระต๊อบใช้เป็นที่พักอาศัยเพราะไม่มีที่จะซุกหัวนอน

นับตั้งแต่ทวีพ่อของป๊อกเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน จากอุบัติเหตุรถชนขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลายเพื่อมารับป๊อกที่โรงเรียน ทวีหิ้วถุงของเล่นซึ่งตั้งใจซื้อมาฝากลูก ในถุงนั้นคือหุ่นยนต์ไอรอนแมนของเล่นที่เด็กน้อยอยากได้นักหนา ผู้เป็นพ่อจึงเก็บออมเงินที่ได้จากการทำงานโอที ซื้อของเล่นชิ้นนี้มาเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบหกขวบให้บุตรชาย

ทวีเดินยิ้มอย่างอารมณ์ดี ปากฮัมเพลงเบาๆด้วยความสุข แค่จินตนาการถึงหน้าเด็กน้อยที่จะได้หุ่นยนต์ไอรอนแมนตัวนี้ คนเป็นพ่อก็เปี่ยมสุขแล้ว เร่งฝีเท้าเดินอย่างรวดเร็วเพื่อจะไปให้ถึงโรงเรียนก่อนครูจะปล่อยนักเรียนออกจากห้องเรียน

ในระหว่างนั้นรถเบนซ์คันหรูที่คนขับมัวแต่คุยโทรศัพท์ขณะขับรถและด้วยสติสตังที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงมองไม่เห็นสัญญาณไฟแดง คันเร่งเหยียบแตะหลักร้อยพุ่งชนบดขยี้ร่างทวีกระชากวิญญาณชายกรรมกรผู้หาเลี้ยงครอบครัวด้วยหยาดเหงื่อไปอย่างง่ายดาย หัวหุ่นยนต์ไอรอนแมนหลุดออกจากร่างกระเด็นกระดอนไปทางหนึ่ง แขนและขากระเด็นไปอีกทางหนึ่ง

หญิงสาวผู้ซึ่งแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเสื้อผ้าราคาแพงนั่งตกอกตกใจและตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่หลังพวงมาลัย แต่ ไม่แม้จะลงมาดูอาการคนที่ตนเพิ่งชน เธอหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาจิ้มเลื่อนหน้าจอขึ้นลงแล้วโทรหาใครสักให้มาช่วย ก่อนจะรีบจิ้มหน้าจอมือถืออย่างรวดเร็ว เพื่อโพสต์ข้อความอะไรบางอย่างลงโลกโซเชียล
  
เวลาเดียวกันนั้นเด็กชายป๊อกกำลังนั่งรอพ่ออย่างอารมณ์ดีสุดๆ วันนี้ครูให้วาดรูปครอบครัว แกวาดออกมาได้สวยงามกว่าใครเพื่อน คุณครูชื่นชมกันยกใหญ่ เพื่อนๆต่างเข้ามารุมดูรูปที่ป๊อกวาด

รูปวาดภายในกระดาษเอสี่ใบนั้น ไม่มีลวดลาย ลายเส้นที่ซับซ้อนอะไรเลย มีภาพพ่อแม่ ป๊อกและยาย ด้านหลังเป็นแปลงผักขนาดเล็ก และบ้านไม้ที่มีนกตัวน้อยเกาะอยู่บนหลังคา ลักษณะองค์ประกอบก็ไม่ต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ แต่ที่แตกต่างออกไปคือภาพวาดของป๊อกลงสีได้สวยงามมากไม่ออกนอกกรอบเลย  รูปวาดคมชัดเจนดี คุณครูได้นำภาพวาดของป๊อกมาเป็นแบบตัวอย่างให้เพื่อนๆได้ดูกัน

ป๊อกปลื้มใจมาก ดีใจจนยิ้มไม่ฮุบ ถือภาพวาดไว้ในมือเพื่อจะให้พ่อดูผลงานตัวเอง แต่ว่าวันนี้ป๊อกรู้สึกว่ารอพ่อนานกว่าปกติ จนรู้สึกน้อยใจขึ้นมา เพื่อนๆมีผู้ปกครองมารับกลับบ้านไปหมดแล้ว เหลือป๊อกคนเดียว ท้องฟ้าเริ่มมืดก็ยังไม่เห็นใครมารับ

เด็กน้อยร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะสกัดกั้นไว้ได้ ตัดพ้อพ่อแม่อยู่ในใจที่ทิ้งตนไว้แบบนี้ จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครมารับ สุดท้ายคุณครูจึงต้องพาป๊อกมาส่งที่บ้าน

ป๊อกกลับมาถึงบ้านด้วยสภาพบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ยายกับแม่นั่งกอดกันร้องไห้อยู่หน้าบ้าน และพอเห็นป๊อกคนทั้งสองยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก เด็กชายงุนงงสับสนไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้น แม่คว้าดึงร่างลูกชายคนเดียวเข้ามาสวมกอด ปากสะอื้นบอก ‘พ่อไม่อยู่แล้ว พ่อจากเราไปแล้วป๊อก’

เด็กชายไม่เข้าใจว่าพ่อจากไปไหน ทำไมพ่อถึงไม่อยู่กับพวกเราแล้ว นึกได้แบบนี้ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่ ตั้งใจจะเอารูปมาอวดพ่อแต่พ่อไม่อยู่แล้ว จะเอาไปอวดใคร ด่าทอพ่อในใจว่าพ่อใจร้าย พ่อทิ้งป๊อกไปได้ยังไง

กระดาษเอสี่ที่วาดรูปครอบครัวไว้อย่างสวยงามหล่นจากมือเด็กน้อย ปลิวละลิ่วไปตามสายลมที่พัดโชยมาก่อนจะลอยโบกสะบัดขึ้นสู่อากาศอันเย็นเยียบ รัตติกาลเคลื่อนมาปกคลุมจนมืดมิด  ยิ่งตอกย้ำให้บรรยากาศหม่นหมอง และหดหู่

แล้ววายุน้อยหอบหนึ่งก็พัดพารูปครอบครัวปลิวหายออกไปไกล ไกลออกไปเรื่อยๆ ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นร่ำไห้ของสามชีวิตที่เหลืออยู่

เมื่อสิ้นไร้ผู้นำครอบครัว ความยากแค้นก็ประดังประเดเข้ามาไม่ขาดสาย แม้คนที่ขับรถชนจะมอบเงินทำขวัญให้ แต่เงินที่ได้มาก็อยู่ในมือได้เพียงไม่นาน บรรดาเจ้าหนี้ที่รู้ข่าวต่างพากันมาเฝ้าทวงเงินกันอยู่ทุกวัน หากไม่จ่ายให้ก็ขู่กันเสียยกใหญ่ เลี่ยงที่จะไม่จ่ายก็ไม่ได้ เจ้าหนี้บางรายก็ทวงเงินเกินจำนวนที่ยืมมาเสียด้วยซ้ำ

วันนาจึงต้องใช้หนี้สินที่มีอยู่ให้เจ้าหนี้ไปทั้งหมดจนครบทุกเจ้า เงินหนึ่งแสนบาทหมดไปอย่างรวดเร็วแทบจะไม่ถึงสามเดือนเลยด้วยซ้ำ ไม่คุ้มเลยกันเลย กับสิ่งที่ได้เสียไป

วันนานั่งสะอื้นไห้อยู่หลังห้องเช่า จะร้องไห้ได้เต็มที่ก็ต่อเมื่อป๊อกไปโรงเรียนแล้ว เธอไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ลูกเห็นไปมากกว่านี้ มือกุมขมับอย่างคิดหนัก เดือนหน้าหากไม่มีเงินมาจ่ายค่าเช่าห้อง คงต้องโดนไล่ออกแน่ๆ ลำพังที่รับจ้างล้างจานในร้านอาหาร ได้ค่าจ้างวันละสองร้อยห้าสิบบาทก็คงไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย แล้วไหนแม่ยังมาปวดออดๆแอดๆสามวันมาแล้วก็ยังไม่หายดี ซื้อยาก็ต้องใช้เงินอีก

วันนาคิดหาทางออกจนหัวแทบจะระเบิด เคยฟังข่าวว่ามีคนโดนประตูธนาคารหนีบจนนิ้วขาด ออกมาเรียกร้องให้ทางธนาคารจ่ายเงินให้มากว่าหนึ่งแสน ค่าชดเชยที่ทางธนาคารเคยให้ไปเพียงแค่นี้ไม่พอกับสิ่งที่เสียไปเพราะต้องกลายเป็นคนพิการ ตามข่าวเห็นว่าอย่างนั้น

จึงคิดมาที่เรื่องของทวีผู้เป็นสามีบ้าง นี่ถึงขั้นชนคนตายจ่ายให้แค่แสนเดียว วันนาก็คิดอยู่ว่ามันน้อยเกินไป จะไปเรียกร้องให้ฝ่ายนั้นจ่ายเพิ่มอีกจะได้ไหม ครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็จนหนทาง หน้าตาคนที่ขับรถชนสามีเธอยังไม่เคยเห็นเลย

ฝ่ายนั้นไม่เคยมาขอโทษหรือมาแสดงความเสียใจเลยสักครั้ง ส่งแค่ทนายมาจ่ายเงินให้ พอส่งมอบเงินเรียบร้อยเรื่องก็หายเงียบไป ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีข่าวและวันนาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฝ่ายนั้นได้รับโทษอะไรบ้างหรือเปล่า

คิดไปเรื่อยก็ต้องส่ายหน้าไปมา คงไปเรียกร้องอะไรกับคนรวยไม่ได้ นึกไปนึกมาก็แสนน้อยใจกับชะตาชีวิตของตนนัก เกิดมาอาภัพมีนิ้วมือไม่ครบสิบนิ้วจะไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ อ่านหนังสือหนังหาก็ไม่ออก เพราะไม่ได้ร่ำเรียน สมัยเป็นเด็กพ่อแม่ยากจน จำต้องออกจากโรงเรียนตอนป.1 มาช่วยพ่อแม่ทำงาน

โชคดีหน่อยที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆบ้านจ้างตน แต่ก็ไม่รู้จะทำงานตรงนี้ได้อีกนานเท่าไร ได้ยินแว่วๆมาว่าเถ้าแก่จะปิดร้านแล้วย้ายไปอยู่กรุงเทพฯกับลูกสาว

เฮ้อ! ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนรีบปาดน้ำตาทิ้ง ปลุกใจตัวเองให้สู้ถึงลำบากแค่ไหนก็คงต้องสู้ต่อไป ตั้งมั่นว่าจะส่งเสียป๊อกให้เรียนสูงๆจะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนตนและถูกใครเอาเปรียบได้ง่ายๆ

ลุกไปดูแม่วัยเจ็ดสิบที่ยังนอนตัวสั่นเทาอยู่ใต้ผ้าห่ม

“แม่เป็นอย่างไร้บ้างจ้ะ” วันนานั่งพับเพียบข้างๆมารดาพร้อมดึงผ้าห่มอีกผืนมาห่มให้มารดา
หญิงชราค่อยๆปรือตาขึ้นช้าๆ

“แม่รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมอยู่นะ แค่รู้สึกหนาวนิดหน่อย” เสียงแหบแห้งของหญิงชราบอกลูกสาว พูดออกไปแบบไม่ให้ลูกเป็นห่วงมากนักทั้งที่จริงตนยังรู้สึกปวดศีรษะอยู่มาก

“ตัวแม่ยังร้อนอยู่เลย เดี๋ยววันเช็ดตัวให้แม่นะ”

วันนาจัดการเช็ดตัวให้มารดาจนเสร็จ และได้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆวางไว้บนหน้าผาก

“วันจะออกไปซื้อยาและจะแวะไปรับตาป๊อกที่โรงเรียน แม่อยู่คนเดียวสักพักได้นะคะ วันจะรีบไปรีบกลับ”

“แม่อยู่ได้ไปเถอะ ยาก็ไม่ต้องซื้อมานะ ประเดี๋ยวแม่ก็หายแล้วดี สิ้นเปลืองเงินเปล่าๆเก็บไว้ซื้อข้าวให้ตาป๊อกกินเถอะลูก”

“โธ่ แม่ หายดีอะไรกันแม่ยังตัวร้อนอยู่เลย ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หายดียังไงวันก็ต้องพาแม่ไปอนามัย ปล่อยไว้นานๆเดี๋ยวก็เป็นหนักขึ้นอีก เงินเก็บยังพอมีอยู่ แม่ไม่ต้องห่วง แม่พักผ่อนเถอะ”

พูดไว้เพียงแค่นั้นวันนาก็รีบผละออกจากห้องทันที กลัวผู้เป็นแม่จะเห็นแววตามดเท็จของเธอ เงินเก็บที่ว่าไว้นั้นแทบไม่มีเหลือแล้ว จะจ่ายค่าเช่าห้องได้เดือนนี้เดือนเดียวเท่านั้นละมั้ง และนี่ก็ผลัดเค้ามาหลายวันแล้ว เดือนหน้าคงต้องหาที่อยู่ใหม่

วันนาไปที่ร้านขายยาซื้อยาให้มารดาก่อนจะแวะไปรับลูกที่โรงเรียนและระหว่างทางกลับบ้าน ก็เห็นที่ดินร้างมีหญ้าขึ้นหนาทึบ ริมทางมีผักบุ้งยอดอ่อนสวยน่ากินสองแม่ลูกจึงช่วยกันเก็บผักบุ้งกลับบ้านไปด้วย

“ลุงแช่มคะ ที่ดินผืนนี้เป็นของใครหรือคะ”

วันนาชี้นิ้วมาทางที่ดินว่างขณะกำลังยืนถามพ่อค้าขายปลาหมึกย่างที่จอดรถซาเล้งย่างปลาหมึกให้ลูกค้าอยู่ข้างศาลาริมทาง ลุงแช่มแกเป็นคนในละแวกนี้รู้เรื่องเกี่ยวกับคนที่นี่ดี หากใครอยากรู้แล้วอะไรก็แวะมาถามแกนี้ละ

“ไม่รู้หรอก ที่ดินผืนนี้ร้างมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เคยมีใครมาเข้าทำอะไรเลยเท่าที่ลุงรู้นะ มันน่าจะถูกทิ้งร้างไปแบบนี้อีกนานละ ละแวกนี้ห่างไกลความเจริญคงไม่มีใครอยากสร้างอะไร แล้วถามทำไมล่ะ”  ลุงแช่มพลิกกลับด้านปลาหมึกบนเตาโดยไม่หันมามองหน้าคนถาม

“วันคิดจะสร้างกระต๊อบเล็กๆอยู่ในที่ผืนนั้นค่ะ ไม่นานคงถูกไล่ออกจากห้องพัก เดือนหน้าคงไม่มีเงินจ่ายค่าห้องเค้า” ทุ้มเสียงแผ่วเบาแต่เรียกสายตาคนฟังให้เงยหน้าขึ้นมามองได้ในทันดี

“จะดีรึ ถ้าเจ้าของที่เค้ามาเจอเอ็งไปอยู่ที่เค้าแบบนั้น เค้าไม่ไล่ตะเพิดเอ็งไปหรอกหรือ”

“ถ้าเค้าไล่ฉันก็ไปสิจ้ะ แต่ช่วงที่ไม่มีใครมาแสดงตนเป็นเจ้าของฉันขออยู่ไปก่อน ดีกว่าไม่มีที่จะให้ซุกหัวนอน”

“เอ่อๆ แล้วแต่เอ็ง”

ลุงแช่มบอกปัดๆอย่างหมดความคิดเห็น ก็ไม่รู้จะห้ามยังไงก็ในเมื่อตนก็ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ใจก็นึกสงสารสองแม่ลูกอยู่ไม่น้อย แต่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ลำพังครอบครัวตัวเองก็ปากกัดตีนถีบเหมือนกัน

“ถ้าลุงมีเศษไม้ที่ไม่ใช้แล้ว ลุงแบ่งมาให้ฉันบ้างนะจ้ะ ฉันจะเอามาสร้างกระต๊อบ”คราวนี้วันนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยก็ยังพอหาที่อยู่ใหม่ได้ เรื่องสร้างกระต๊อบเล็กๆคงไม่ใช่งานหนักหนาอะไร

ช่วงวัยรุ่นวันนาเคยไปช่วยพ่อแม่ที่ไซต์งานก่อนสร้างอยู่บ่อยๆ จึงพอรู้เรื่องงานก่อสร้างอยู่บ้าง แม้นิ้วมือจะไม่ครบสิบนิ้วแต่ก็สามารถจับค้อนตอกปะตูได้ดี


..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่