จากเจ้าสัตว์ดึกดำบรรพ์ triobites จนมาถึงไดโนเสาร์อย่าง tyrannosaurs ซากฟอสซิลส่วนใหญ่มักจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเปลือกแข็งหรือไม่ก็มีกระดูก ซึ่งเป็นซากที่จะไม่ย่อยสลายได้โดยง่าย และตะกอนดินรอบๆ ที่ห่อหุ้มไว้จะทำให้ซากเหล่านี้กลายเป็นซอสซิลที่สามารถคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันได้นับล้านๆ ปี


ในสภาวะที่ได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ ซากสัตว์บางชนิดจะถูกกลายมาเป็นฟอสซิลได้เช่นกัน ด้วยทักษะการสืบที่เป็นเลิศ นักบรรพชีวิน (ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งมีชีวิตยุคดึกดำบรรพ์) สามารถเปิดหน้าต่างบานใหม่แห่งการค้นพบของพวกเขา ว่าด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นบนโลก

อย่างไรก็ตาม ยังมีฟอสซิลสุดพิศดาลที่แม้แต่นักบรรพชีวินยังต้องอึ้งเมื่อมันถูกค้นพบ เพราะคิดว่ามันไม่น่าจะกลายเป็นซอสฟิลไปได้ จะมีอะไรบ้าง ตามมาเลย



สเปิร์มดึกดำบรรพ์!


                                            

ฟอสซิลสเปิร์มโบราณชิ้นนี้มีอายุราว 50,000,000 ปี เป็นสเปิร์มจากหนอน clitellate นับว่าเป็นสเปิร์มจากสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน ล้มสถิติ สเปิร์มหางสปริงในหินสีอำพันได้ (อายุ 40,000,000 ปี)

การเก็บรักษาสเปิร์มในรูปของฟอสซิลสามารถเป็นไปได้ เพราะว่า การสืบพันธุ์ของตัวหนอนจะทำการปล่อยไข่และสเปิร์มเข้าไปผสมกันในรังไหมดิบ ในกรณีนี้ เปลือกที่แข็งหนาได้ช่วยเก็บรักษารังไหมดิบไว้ จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์มาค้นพบในรูปของก้อนกรวดตรงบริเวณทะเลน้ำตื้นบนคาบสมุทรแอนตาร์กติก ถึงกระนั้น ก็ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูสเปิร์มที่ฝังอยู่ภายใน

สเปิร์มส่วนใหญ่ที่เป็นฟอสซิลมักมาจากหนอนที่เกาะอยู่กับกั้งทะเล แม้ว่าในวันนี้ สัตว์เหล่านี้จะอาศัยอยู่ในบริเวณซีกโลกเหนือ แต่นักวิจัยคิดว่าเทคนิคนี้สามารถนำไปใช้ในซอสซิลรังไหมชนิดอื่นๆ และช่วยให้เราเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่ยังคลุมเครือ



กุ้งในยุค Silurian


                                              

ถ้าหากว่าสเปิร์มอายุ 50,000,000 ปี สร้างความประหลาดใจให้กับคุณผู้อ่านแล้วหล่ะก็ แล้วเจ้าโลกอายุ 425,000,000 ปี หล่ะ จะอึ้งกันไหมจ้ะ? การค้นพบดังกล่าวเกิดขึ้นที่คลองใกล้กับชายแดน Anglo-Welsh ในต้นยุค 2000s จากภาพชี้ให้เห็นว่ากุ้งตัวนี้เป็นเพศผู้ ตรงบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนถูกทำให้กลายเป็นฟอสซิล

ในยุค Silurian (443,000,000 – 419,000,000 ปีก่อน) ชายแดน Welsh ตั้งอยู่บริเวณทะเลเขตร้อน สัตว์น้ำในทะเลถูกฝังและกลายเป็นหินโดยเถ้าภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ฟอสซิลขนาดเล็กชิ้นอื่นๆ นับไม่ถ้วน – ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนนักจากการส่องกล้องจุลทรรศน์ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องใช้เทคนิคการสร้างภาพจำลองสามมิติขึ้นมาเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนแทน


อึไดโนเสาร์!
                    

                                        


มูลที่กลายเป็นหินสามารถหาซื้อได้ในร้านขายสิ่งของบรรพชีวิน นอกเหนือจากสิ่งนี้แล้ว สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าก็คือ การแกะรอยฟอสซิลต่างหาก ซึ่งหมายความว่า พวกนักวิทยาศาสตร์สามารถรับรู้ได้ว่าสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วนั้น กินอะไรเป็นอาหารนั่นเอง



กรามของแรด


                                             

หนึ่งในฟอสซิลสุดแปลกชิ้นนี้ถูกค้นพบในถ้ำ Kirkdale ในสหราชอาณาจัก ปี 1821

ศาสตราจารย์ William Buckland แห่งมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด เชื่อว่ากรามฟันฟอสซิลชิ้นนี้เป็นของสัตว์กินพืชอย่างช้างหรือไม่ก็แรด และในถ้ำนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของไฮยีน่ามาก่อนเมื่อ 125,000 ปีก่อน


สัตว์ประหลาดลึกลับ


                                           


ฟอสซิลแห่ง Mazon Creek ในรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ถูกค้นพบในเหมืองถ่านหินในศตวรรษที่ 19 จนกระทั่งในยุค 1950s เหมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นแห่งฟอสซิลที่มีชื่อเสียง ต้องขอบคุณคุณ Francis Tully ที่ได้ค้นพบฟอสซิลชิ้นนี้ สิ่งมีชีวิตในหินก้อนนี้มีลำตัวอ่อนที่สวยงาม และเพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้ที่ค้นพบมัน เจ้าสัตว์ประหลาดในฟอสซิลตัวนี้จึงได้ถูกตั้งชื่อให้ว่า “Tullimonstrum gregarium”

ที่ยังคงเป็นปัญหาในทุกวันนี้ก็คือ ไม่มีใครทราบเลยว่ามันคือตัวอะไร มันมีลำตัวยาวเพียงไม่กี่นิ้ว มีจมูกยาว มีฟันคล้ายก้ามปู ลำตัวแบ่งเป็น 2 ท่อน, และมีหางเป็นครีบ จากการวิเคราะห์ พบว่ามันเป็นสัตว์นักล่า อาศัยอยู่ในเขตร้อน บริเวณทะเลน้ำตื้น

ที่มา : discovermagazine    [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.meekhao.com/education/bizzare-fossils