เรื่องย่อ (Spoiler alert)
มีอา สาวสวยนัยน์ตาโต ฝันอยากเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จท่ามกลางคนหนุ่มสาวมากมายในเมืองลอส แอนเจลิส การทำงานในร้านกาแฟสลับกับการออดิชั่นที่ไม่เคยประสบผล ทำเอามีอาเริ่มท้อแท้ว่าคงไม่มีทางทำให้ฝันเป็นจริงได้
จนกระทั่งเธอได้พบกับ เซบาสเตียน ชายหนุ่มผู้หลงใหลในดนตรีแจ๊ซที่กำลังจะตายลงท่ามกลางกระแสเพลงสมัยใหม่ซึ่งเต็มไปเนื้อเพลงซ้ำซากและเสียงสังเคราะห์บาดแก้วหู
การพบกันที่เริ่มจากความเย็นชา กระเถิบเข้าหากันด้วยบทสนทนาช่างเสียดสี ก้าวไปสู่การแลกเปลี่ยนความหลงใหลที่ต่างคนต่างมีต่อความฝันของตัวเอง
แจ๊สบาร์ที่เซบาสเตียนพาเธอไป ทำให้มีอาเริ่มฟังดนตรีแจ๊สด้วยความเพลิดเพลิน และเข้าใจถึงความหลงใหลในบางสิ่งอย่างแท้จริง หลังจากเธอตัดสินใจหนีออกจากร้านอาหารและตัดขาดกับชายที่เธอกำลังคบหา เพื่อไปตามนัดชวนดูหนังกับเซบาสเตียน เธอก็รู้หัวใจตัวเอง ทั้งความรักและความกล้าที่จะทำตามฝัน
หลังจากย้ายมาอยู่ด้วยกัน มีอาเริ่มเขียนบทละครเพื่อการแสดงเดี่ยว สร้างโอกาสด้วยการหาเวทีให้ตัวเอง แทนที่จะเฝ้าเวียนวนอยู่กับการออดิชั่นที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
ความรักที่เพิ่งเกิดจุดแรงบันดาลใจให้แก่มีอา แต่สิ่งเดียวกันนี้ก็ดึงเซบาสเตียนไปสู่โลกของดนตรีป๊อปที่เขาแสนจะเกลียด ด้วยเชื่อว่านี่จะเป็นหนทางสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิตรักที่เพิ่งเริ่ม และต่อเติมความฝันที่จะมีร้านแจ๊สบาร์ของตัวเอง นับจากนั้นเซบาสเตียนก็เริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ตกับวงดนตรีป๊อป และออกห่างจากฝันของตัวเอง
หลังจากการออกทัวร์ที่เหนื่อยล้าอย่างไม่รู้จบครั้งหนึ่ง มีอาเริ่มถามเซบาสเตียนถึงความฝันของเขา ซึ่งเขาก็เริ่มสับสนจนหงุดหงิดตัวเอง จุดแตกหักมาถึง เมื่อเซบาสเตียนจำต้องผิดนัดไปชมการแสดงเดี่ยวครั้งแรกของมีอา เพื่อถ่ายทำภาพโปรโมทวงดนตรีของเขา
คืนนั้นมีคนมาชมการแสดงของมีอาเพียงแค่หยิบมือ เหมือนความฝันสลายลงกับตา ความจริงมาอยู่ตรงหน้า มีอาสำนึกว่าเธอคงไม่มีวันไปถึงฝัน เธอทิ้งทุกอย่าง กลับบ้านอย่างเจ็บช้ำ และเลิกรากับเซบาสเตียนในคืนนั้นเอง
โอกาสมักมาอย่างที่เราไม่คาดคิด ในจำนวนคนดูเพียงหยิบมือในคืนนั้น มีผู้กำกับหนังคนหนึ่งได้มาชมการแสดงของมีอาจนเกิดความประทับใจ เขาหาทางติดต่อเธอผ่านทางเซบาสเตียน
เซบาสเตียนขับรถไปหามีอาที่บ้าน คะยั้นคะยอและให้กำลังเธอในการไปออดิชั่นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้สำเร็จลงด้วยดี แต่เธอต้องเดินทางจากเขาไปไกลถึงฝรั่งเศส ทั้งสองคนแยกจากกันโดยไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกหรือไม่
เวลาผ่านไป มีอากลายเป็นนักแสดงสาวที่ประสบความสำเร็จ เธอกลับมาลอส แอนเจลิสอีกครั้ง พร้อมกับลูกและสามี สองสามีภรรยาบังเอิญเจอแจ๊สบาร์น่านั่งแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้ว มีอาจึงได้พบว่าเป็นร้านในฝันของเซบาสเตียนนั่นเอง เขาทำสำเร็จเช่นกัน
เมื่อพบกันในสถานะที่เปลี่ยนไป เซบาสเตียนนั่งลงเล่นเพลงที่เธอเคยชอบ พร้อมกับจินตนาการไปว่าทั้งสองจะมีความสุขมากเพียงใดหากได้ลงเอยด้วยกัน แต่เมื่อเพลงจบลง แม้เซบาสเตียนจะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้ ได้นั่งลงเล่นเปียโนในแจ๊สบาร์ของตัวเอง แต่ความรักหลุดลอยจากเขาไปแล้ว เหลือเพียงรอยยิ้มแห่งมิตรภาพของมีอาที่อยากจะแสดงความชื่นชมยินดีกับความสำเร็จ แล้วเดินออกจากชีวิตเขาไปเพียงแค่นั้น
###############################
La La Land เป็นหนึ่งในหนังเพลงที่ชอบมากที่สุด การกำกับการแสดงเด็ดขาดมาก สองนักแสดงไม่ใช่แนวดีว่าเลย แต่เสียงฟังเพลินทั้งคู่
นักแสดงทุกคนร้องและเต้นลงตัวกับทุกท่อนเพลงเหมือนซ้อมมาเป็นพันครั้ง เป๊ะตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องบนถนน
ชอบที่สุดคือ Someone in the Crowd ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย สีสันงานปาร์ตี้ที่หลากหลายตัดกันฉับๆ กลับมีระเบียบอย่างไม่น่าเชื่อ
เสียงร้องของเอมม่ามีพลังอย่างมากในเพลง Audition/The Fools Who Dream เสียงแหบปลายๆ คำ กับการเปล่งเสียงสุดหัวใจในท่อนร้องเสียงสูงเรียกน้ำตาพอซึมๆ กลายเป็นเสน่ห์ที่น่าจดจำ
แค่คำสั้นๆ ว่า “Oh Really?” ที่เธอพูดแทรกในเพลง A Lovely Night ก็ทำให้บทสนทนาของคู่แรกรักที่หยอกล้อกันฟังดูเซ็กซี่ขึ้นมากเลยทีเดียว
ฉากในหอดูดาวเหมือนหลุดไปอยู่ในความฝัน คู่รักล่องลอยอย่างไร้แรงโน้มถ่วงเต้นรำไปด้วยกันท่ามกลางภาพท้องฟ้าดารดาษด้วยดาวใกล้เหมือนจะเอื้อมไปจับได้ ชวนให้นึกถึงบางฉากจากเรื่อง Across the Universe สวยโรแมนติกจริงๆ
ดูจบแล้วรู้สึกเหมือนโดนเอมม่าสาดเสน่ห์ใส่ ความสดใส เสียงเซ็กซี่แหบๆ เล็กน้อย หนังเรื่องนี้เผยให้เห็นอีกด้านของเธอที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวย
ไรอันหล่อไม่แคร์โลก ปากจัดๆ เสียดสีวัฒนธรรมป๊อปยิ่งทำให้มองเพลินฟังเพลิน ฉากเดี่ยวเปียโนชวนให้เชื่อว่าเป็นนักดนตรีที่เล่นเหมือนอยู่คนเดียวในโลก
เส้นทางสู่ความฝันอาจมีทางไปที่หลากหลาย หนังเรื่องนี้กำลังจะบอกว่า ไม่ว่าคุณจะเลือกมุ่งหน้าเดินไปอย่างกล้าหาญ หรือหาทางอ้อมไปอย่างรอบคอบ ก็พาคุณไปถึงจุดหมายได้เหมือนกัน ที่สำคัญคือขอเพียงอย่าลืมจุดหมายปลายทางของตัวเอง คิดอยู่เสมอว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร เท่านั้นก็พอแล้ว
[CR] La La Land (2017): ตามหาความฝันในโลกความจริง
มีอา สาวสวยนัยน์ตาโต ฝันอยากเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จท่ามกลางคนหนุ่มสาวมากมายในเมืองลอส แอนเจลิส การทำงานในร้านกาแฟสลับกับการออดิชั่นที่ไม่เคยประสบผล ทำเอามีอาเริ่มท้อแท้ว่าคงไม่มีทางทำให้ฝันเป็นจริงได้
จนกระทั่งเธอได้พบกับ เซบาสเตียน ชายหนุ่มผู้หลงใหลในดนตรีแจ๊ซที่กำลังจะตายลงท่ามกลางกระแสเพลงสมัยใหม่ซึ่งเต็มไปเนื้อเพลงซ้ำซากและเสียงสังเคราะห์บาดแก้วหู
การพบกันที่เริ่มจากความเย็นชา กระเถิบเข้าหากันด้วยบทสนทนาช่างเสียดสี ก้าวไปสู่การแลกเปลี่ยนความหลงใหลที่ต่างคนต่างมีต่อความฝันของตัวเอง
แจ๊สบาร์ที่เซบาสเตียนพาเธอไป ทำให้มีอาเริ่มฟังดนตรีแจ๊สด้วยความเพลิดเพลิน และเข้าใจถึงความหลงใหลในบางสิ่งอย่างแท้จริง หลังจากเธอตัดสินใจหนีออกจากร้านอาหารและตัดขาดกับชายที่เธอกำลังคบหา เพื่อไปตามนัดชวนดูหนังกับเซบาสเตียน เธอก็รู้หัวใจตัวเอง ทั้งความรักและความกล้าที่จะทำตามฝัน
หลังจากย้ายมาอยู่ด้วยกัน มีอาเริ่มเขียนบทละครเพื่อการแสดงเดี่ยว สร้างโอกาสด้วยการหาเวทีให้ตัวเอง แทนที่จะเฝ้าเวียนวนอยู่กับการออดิชั่นที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
ความรักที่เพิ่งเกิดจุดแรงบันดาลใจให้แก่มีอา แต่สิ่งเดียวกันนี้ก็ดึงเซบาสเตียนไปสู่โลกของดนตรีป๊อปที่เขาแสนจะเกลียด ด้วยเชื่อว่านี่จะเป็นหนทางสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิตรักที่เพิ่งเริ่ม และต่อเติมความฝันที่จะมีร้านแจ๊สบาร์ของตัวเอง นับจากนั้นเซบาสเตียนก็เริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ตกับวงดนตรีป๊อป และออกห่างจากฝันของตัวเอง
หลังจากการออกทัวร์ที่เหนื่อยล้าอย่างไม่รู้จบครั้งหนึ่ง มีอาเริ่มถามเซบาสเตียนถึงความฝันของเขา ซึ่งเขาก็เริ่มสับสนจนหงุดหงิดตัวเอง จุดแตกหักมาถึง เมื่อเซบาสเตียนจำต้องผิดนัดไปชมการแสดงเดี่ยวครั้งแรกของมีอา เพื่อถ่ายทำภาพโปรโมทวงดนตรีของเขา
คืนนั้นมีคนมาชมการแสดงของมีอาเพียงแค่หยิบมือ เหมือนความฝันสลายลงกับตา ความจริงมาอยู่ตรงหน้า มีอาสำนึกว่าเธอคงไม่มีวันไปถึงฝัน เธอทิ้งทุกอย่าง กลับบ้านอย่างเจ็บช้ำ และเลิกรากับเซบาสเตียนในคืนนั้นเอง
โอกาสมักมาอย่างที่เราไม่คาดคิด ในจำนวนคนดูเพียงหยิบมือในคืนนั้น มีผู้กำกับหนังคนหนึ่งได้มาชมการแสดงของมีอาจนเกิดความประทับใจ เขาหาทางติดต่อเธอผ่านทางเซบาสเตียน
เซบาสเตียนขับรถไปหามีอาที่บ้าน คะยั้นคะยอและให้กำลังเธอในการไปออดิชั่นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้สำเร็จลงด้วยดี แต่เธอต้องเดินทางจากเขาไปไกลถึงฝรั่งเศส ทั้งสองคนแยกจากกันโดยไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกหรือไม่
เวลาผ่านไป มีอากลายเป็นนักแสดงสาวที่ประสบความสำเร็จ เธอกลับมาลอส แอนเจลิสอีกครั้ง พร้อมกับลูกและสามี สองสามีภรรยาบังเอิญเจอแจ๊สบาร์น่านั่งแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้ว มีอาจึงได้พบว่าเป็นร้านในฝันของเซบาสเตียนนั่นเอง เขาทำสำเร็จเช่นกัน
เมื่อพบกันในสถานะที่เปลี่ยนไป เซบาสเตียนนั่งลงเล่นเพลงที่เธอเคยชอบ พร้อมกับจินตนาการไปว่าทั้งสองจะมีความสุขมากเพียงใดหากได้ลงเอยด้วยกัน แต่เมื่อเพลงจบลง แม้เซบาสเตียนจะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้ ได้นั่งลงเล่นเปียโนในแจ๊สบาร์ของตัวเอง แต่ความรักหลุดลอยจากเขาไปแล้ว เหลือเพียงรอยยิ้มแห่งมิตรภาพของมีอาที่อยากจะแสดงความชื่นชมยินดีกับความสำเร็จ แล้วเดินออกจากชีวิตเขาไปเพียงแค่นั้น
###############################
La La Land เป็นหนึ่งในหนังเพลงที่ชอบมากที่สุด การกำกับการแสดงเด็ดขาดมาก สองนักแสดงไม่ใช่แนวดีว่าเลย แต่เสียงฟังเพลินทั้งคู่
นักแสดงทุกคนร้องและเต้นลงตัวกับทุกท่อนเพลงเหมือนซ้อมมาเป็นพันครั้ง เป๊ะตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องบนถนน
ชอบที่สุดคือ Someone in the Crowd ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย สีสันงานปาร์ตี้ที่หลากหลายตัดกันฉับๆ กลับมีระเบียบอย่างไม่น่าเชื่อ
เสียงร้องของเอมม่ามีพลังอย่างมากในเพลง Audition/The Fools Who Dream เสียงแหบปลายๆ คำ กับการเปล่งเสียงสุดหัวใจในท่อนร้องเสียงสูงเรียกน้ำตาพอซึมๆ กลายเป็นเสน่ห์ที่น่าจดจำ
แค่คำสั้นๆ ว่า “Oh Really?” ที่เธอพูดแทรกในเพลง A Lovely Night ก็ทำให้บทสนทนาของคู่แรกรักที่หยอกล้อกันฟังดูเซ็กซี่ขึ้นมากเลยทีเดียว
ฉากในหอดูดาวเหมือนหลุดไปอยู่ในความฝัน คู่รักล่องลอยอย่างไร้แรงโน้มถ่วงเต้นรำไปด้วยกันท่ามกลางภาพท้องฟ้าดารดาษด้วยดาวใกล้เหมือนจะเอื้อมไปจับได้ ชวนให้นึกถึงบางฉากจากเรื่อง Across the Universe สวยโรแมนติกจริงๆ
ดูจบแล้วรู้สึกเหมือนโดนเอมม่าสาดเสน่ห์ใส่ ความสดใส เสียงเซ็กซี่แหบๆ เล็กน้อย หนังเรื่องนี้เผยให้เห็นอีกด้านของเธอที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวย
ไรอันหล่อไม่แคร์โลก ปากจัดๆ เสียดสีวัฒนธรรมป๊อปยิ่งทำให้มองเพลินฟังเพลิน ฉากเดี่ยวเปียโนชวนให้เชื่อว่าเป็นนักดนตรีที่เล่นเหมือนอยู่คนเดียวในโลก
เส้นทางสู่ความฝันอาจมีทางไปที่หลากหลาย หนังเรื่องนี้กำลังจะบอกว่า ไม่ว่าคุณจะเลือกมุ่งหน้าเดินไปอย่างกล้าหาญ หรือหาทางอ้อมไปอย่างรอบคอบ ก็พาคุณไปถึงจุดหมายได้เหมือนกัน ที่สำคัญคือขอเพียงอย่าลืมจุดหมายปลายทางของตัวเอง คิดอยู่เสมอว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร เท่านั้นก็พอแล้ว