ก็ครั้งนี้ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่เที่ยวคนเดียวตลอดอย่างเรา จะไปเจอผู้หญิงที่เที่ยวคนเดียวอีกตั้งหลายคนที่นี่
และเมื่อเรามาถึงจุดที่ข้อมูลในหัวเยอะเกินจนไม่รู้ว่าจะไปไหน ให้เก็บกระเป๋าออกมาก่อนเหอะ ไม่รู้ว่าจะไปไหน ไม่รู้ว่าจะนอนไหน เอาตั๋วรถไฟฟรีมาก่อน(นอกจากบ้าแล้วยังจนด้วย) เดี๋ยวค่อยคิดว่าจะลงไหน ค่ำไหนก็นอนนั่นแหละ ชีวิตโสดอยู่ในมือ ก่อนที่จะไม่โสดแล้วจะทำอะไรแบบนี้ไม่ได้อีก ได้หยุดแค่ 2 วันของคนอื่น กับ ได้หยุดตั้ง 2 วันของเรามันต่างกันมากนะ
ตั๋วรถไฟฟรี กรุงเทพ-เชียงใหม่ นั่งไปเรื่อยๆ ฝนก็ตกเกือบตลอดทาง แต่ข้างทางนั่งมองไม่เบื่อตรงที่มีแต่ความเขียวขจีนี่แหละ ตอนแรกกะจะลงใกล้ๆ แพร่ก็แล้ว อุตรดิตถ์ก็แล้ว ลำปางก็แล้ว เลยไปเชียงใหม่เลยแล้วกัน ที่พักยังไม่มีเลย ไม่อยากพักในเมือง อากาศดีแบบนี้น่าไปนอนโฮมสเตย์ นั่งเซิร์ทหาข้อมูลไปเรื่อยๆตรงสถานีรถไฟเนี่ยแหละ เห้ย! เชียงดาวน่าไป แต่ขอจองห้องก่อน ได้ข่าวว่าจองยากและไม่มีสัญญาณ โทรติดที่ไหนก็ที่นั่นแหละ ตอนแรกอยากไปนอนบ้านระเบียงดาว เห็นคนไปเยอะ แต่อย่างที่บอก โทรไม่ติด ติดบ้านวิวดอยหลวง คนรับเสียงงัวเงียมาก ก็โทรไปตี 5 เห้ยมาวันธรรมดาที่พักว่างอ่ะ ดีใจมาก ดีใจที่มีที่นอนแล้ว
นั่งรถแดงจากสถานีรถไฟ 20 บาทเพื่อไปลงที่สถานีขนส่งช้างเผือก ไปทันรถบัสเล็กกำลังจะออกจากสถานีพอดี คนขับรถแดงก็ชี้ให้ดู นั่นไงๆ เชียงใหม่-ท่าตอน วิ่งเลยจ้า ทันรถออกพอดี เลยได้ออกเช้าหน่อย ระหว่างทางถ้าง่วงหรือเพลียก็มาหลับบนรถ นอนนิ่งเลย
บอกคนขับว่าถึงโลตัสเชียงดาวให้บอกด้วย เค้าก็ตะโกนบอกอยู่นะ หรือเริ่มเข้าตัวเมืองแล้วก็พยายามสังเกตซ้ายมือไว้ ก็สังเกตซ้ายมือจะเห็นโลตัส ลงรถเดินเลยเซเว่นซ้ายมืออีกหน่อย มีซอยเล็กๆอยู่ขวามือ รถสองแถวจะอยู่แถวนั้น เป็นรถกระบะของชาวบ้านที่ถูกดัดแปลงเป็นสองแถวขับขึ้นเชียงดาว แต่กว่าจะออกอีกนาน มีเป็นรอบๆ เลยมาหาอะไรกินก่อน ข้าวขาหมูแถวนี้ก็อร่อยดี แต่ที่สำคัญกว่านั้นได้เพื่อนตั้งแต่ลงจากรถเลย เพราะเห็นน้องมาคนเดียว เดินงงๆ เลยอยู่คุยกันยาวเลยระหว่างรอรถ น้องบอกชอบเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน นั่งรถไฟมาขบวนเดียวกันเลย แต่บนรถไฟไม่เห็น บอกว่าเมื่อก่อนก็เที่ยวกับเพื่อน แต่หลังๆเวลาไม่ตรงกัน เพื่อนไม่ชอบเที่ยวแนวเดียวกัน ก็ห่างๆกันไปบ้าง
สำคัญเลยต้องขอเบอร์คนขับด้วย นี่โยนเป้ขึ้นรถก่อนแล้วคนขับแวะไปรับคนนั้นคนนี้แล้วปล่อยให้เรารออ่ะ รถคันอื่นก็ต่อคิวแล้ว ความจริงเปลี่ยนคันได้ แต่เป้อยู่อีกคันนี่ดิ่ เลยนั่งเซ็งกับน้องที่แบคแพคมาคนเดียวเหมือนกัน เหมือนมีเพื่อนร่วมชะตากรรม
แล้วรูปนี้ก็ถ่ายในรถสองแถว วานน้องที่ร่วมชะตากรรมช่วยถ่ายให้
เห็นวิวแล้วอยากกรี๊ด เขียวไปหมด มองไกลๆมีหมอกด้วย ฝนตกเป็นระยะๆ หมอกหน้าฝนนี่สวยไม่เบาเลยนะ
รถมานี่ก็ 50 บาท เป็นเพราะมากันหลายคนเลยจ่ายไม่แพงด้วย ที่พักเราถึงก่อน เราพักบ้านวิวดอยหลวง ส่วนน้องผู้ร่วมชะตาชีวิต พักบ้านสายหมอก นี่ความจริงเรามาถึงก่อนเวลาเช็คอินด้วย ถึงประมาณ 10 โมงกว่าๆ อย่าลืมบอกคนขับด้วยนะว่าพรุ่งนี้ให้มารับด้วย มากี่โมง แต่ที่สำคัญลืมขอเบอร์อีกแล้ว แต่ที่สำคัญกว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์จ้า ไม่รู้ว่าจะโทรติดหรือเปล่าถ้ามีเบอร์ ต้องเดินไปตามต้นไม้บางต้นก็ยังพอมีให้เล่นเน็ตได้
แต่ละบ้านก็มีชื่อ นี่บ้านเรา วิมานเดือน
เช็คอินแล้ว ก็ไปดูวิวรอบๆที่พักหน่อย
โอย...นี่ยังคิดอยู่ว่ามาแบบฟ้าเปิดขนานนี้ ถ้าฝนไม่ตกนี่แย่เลยนะ ใครๆก็ไม่ชอบหน้าฝนหรอก แต่ถ้าอยากเห็นหมอกฟินๆก็ให้เที่ยวหน้าฝนเป็นต้นไปก่อนหน้าหนาวเลย หมอกมาเต็มมาก ทำไรเสร็จแล้วก็ออกไปเดินแถวๆหมู่บ้านเช็คที่พักอื่นด้วย ที่พักราคาเดียวกันหมดเลย 500 บาท อาหาร 2 มื้อ เป็นของเย็นวันที่มากับเช้าของอีกวัน ใครหิวบ่อย ติดขนม แนะนำให้หอบมาจากเซเว่นข้างล่างด้วยนะ ร้านค้าไม่เห็นมีเลย แต่บางคนบอกว่ามี แต่ซื้อมาจากข้างล่างน่าจะถูกกว่าเยอะ มีหลายที่ทำเป็นร้านอาหารและร้านกาแฟ เอาใจนักท่องเที่ยวอยู่ประปราย
นี่ก็บ้านระเบียงดาวที่คนอื่นแย่งจองกัน วิวอารมณ์นี้ แต่เราว่าสวยทุกที่ และที่พักก็เข้าไปถ่ายรูปได้ทุกที่เลย
มาเที่ยวคนเดียวหรือมาเป็นคู่จะดีกว่านะที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนมองอะไรเขียวๆ มาเป็นกลุ่มกับปาร์ตี้นี่อย่ามาเลย
มีการสร้างและต่อเติมมากมายบนดอย นั่นก็น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งจากข่าวล่าสุดที่ออกมาว่ามีการรื้อถอนที่พักของเชียงดาวหลายที่เพราะรุกล้ำป่า มันดีที่สร้างรายได้ บางอย่างก็ต้องเคารพกฎเพื่อให้เราอยู่กับสิ่งแวดล้อมได้ สร้างเยอะก็ต้องตัดต้นไม้ออกเยอะก็ไม่ค่อยมีผลดีเท่าไหร่
เด็กดอยน่ารัก ขอถ่ายรูปก็ไม่ยอมเลย แอบตลอด ซนมาก
กิจกรรมไม่มีอะไรเลย บอกแล้วว่าเหมาะกับการมาพักผ่อน เดินเล่น ชมวิว ถ่ายรูป เน็ตก็เล่นไม่ได้เนาะ นี่เดินไปด้วยเริ่มรู้สึกละว่าถ้าฝนไม่ตกคงได้ดูบรรยากาศแห้งๆแบบนี้แหละ ความชุ่มฉ่ำอยู่ไหน
[CR] เชียงดาวหน้าฝน มีแต่คนมาคนเดียว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น