การพยายามบอกให้แม่เคร่งครัดในการใช้ชีวิตมากขึ้นคือการรังแกแม่รึเปล่าคะ ?

ตอนนี้เราอายุ 31 ปี แม่เราเป็นคนพื้นเพขอนแก่นอาศัยอยู่ตราดค่ะ พ่อเราเชื้อสายจีนคนกรุงเทพ พ่อแม่ไม่จดทะเบียนสมรสแล้วแยกกันอยู่ตั้งแต่เราขึ้นม.ปลายโดยแม่กลับไปอยู่กับตายายและไม่ติดต่อกันกับพ่ออีกเลยถึงตอนนี้ ประเด็นคือช่วงนี้แม่มาขอความช่วยเหลือเราหลายเรื่องที่เป็นเรื่องซีเรียสและเรามีความคิดประกอบเหตุผลหลายอย่างที่คิดว่าไม่ควรรีบช่วย
.
เรารู้ค่ะว่ามีคนหลายคนถือคติว่าคำว่าพ่อแม่ เราคือลูกที่มีหน้าที่ต้องอุปการะ กตัญญู โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่เกี่ยงงอนหรือไม่ต้องคิดสนใจเหตุผล (และเรามั่นใจว่าแม่เราก็คิดและเชื่อแบบนั้นอย่างหนักแน่น(----)) เล่าไปก็เสี่ยงโดนก่นด่าแต่ขอลองเสี่ยงเล่าลงมาดูค่ะ ไม่อยากเก็บเรื่องนี้ไว้ตัดสินเองคนเดียวว่าอะไรคือสิ่งที่ควรแล้วอะไรคือสิ่งไม่ควร ประเด็นคือแม่เราเป็นคนที่จนมาก ตอนสาวก็มาอยู่กับพ่อตัวเปล่า ทะเลาะแยกย้ายกันก็กลับไปตัวเปล่า (เอาแหวนเพชรและสร้อยทองที่พ่อซื้อให้ติดตัวไปด้วยนิดหน่อย ขายหมดไปละ) ด้วยนิสัยพื้นเพการหาเงินใช้เงิน ช่วงไม่มีก็ไม่ใช้ ช่วงได้มาหลักพันหลักหมื่นหรือหลักแสนก็รั่วหายไปเหมือนเทน้ำลงกระชอนหมด เอาเงินจ้างคนอื่นลอกบ่อในสวนแล้วเขาเชิดเงินไปโดยไม่ทำงานให้บ้าง ลงทุนแบบไม่ศึกษาหรือเตรียมการอะไรเลย(เลี้ยงเป็ด ปลูกผัก เลี้ยงปลา เปิดร้านหมูกะทะ)พอไม่มีที่ทางขายก็ทิ้งโครงการที่ลงทุนไปเลยบ้าง ล่าสุดแค่วานคนอื่นเติมเงินมือถือผ่านตู้กดเงินให้เงินก็ไม่รู้ไปอยู่หมายเลขเครื่องไหน เรียกว่าเขาเป็นคนใช้เงินได้สบายและไม่เคยซีเรียส และไม่เคยสร้างอะไรกลับมาจากเงินที่เสียหรือลงทุนไปเลยเหมือนกัน (แต่เขาชอบใช้เงินนะ ได้เงินมาก็เอาวนไปทำซ้ำ ๆ เหมือนเดิมตลอด ไม่เคยเก็บสะสมไม่เคยงอกเงย เราก็ถือว่าตัวเองไม่เคยให้เงินเขาก้อนใหญ่และเงินที่เขาหามาได้เองจะใช้ยังไงเราก็ไม่อยากไปยุ่ง แต่พอมาขอความช่วยเหลือแล้วเล่าประวัติการใช้เงินแล้วเราเครียดไม่อยากให้(.....)) ห้าสิบปีก่อนเขาจนเท่าไหร่ปัจจุบันก็จนอยู่เท่านั้น ----- ล่าสุดคือเอาที่ดินของตายาย(ที่เสียไปแล้ว)แถมยังไม่ได้จัดการมรดกให้พี่น้องไปขายฝากเอาเงินมาใช้เองคนเดียวแบบหล่ะหลวมสะเพร่า จนถูกฝ่ายนั้นใช้เทคนิคทางเอกสารสัญญาจะฮุบที่ดินไป เรื่องกำลังคาอยู่ที่กระบวนการฟ้องกันในศาล
.
ประเด็นคือ เรื่องการใช้เงินทองและการใช้ชีวิต แม่ของเราเขาไม่เคยฟังคำเตือนใครเลยค่ะ ทุกอย่างขึ้นกับฟิลลิ่งและจินตนาการฝันหวานในหัวเขาตลอด บอกให้ระวังจะโกรธ บอกให้อย่าทำจะโกรธ งอน ไม่ฟัง เวลามีเงินเขาใช้อย่างที่เขาอยากใช้คนเดียวเงียบ ๆ (สัญญาขายฝากที่ดินก็ทำไม่ปรึกษาใครนะ) พอเดือดร้อนปุ๊บกลายเป็นหน้าที่ของทุกคนรอบตัวเขาต้องมาช่วยแก้ไข (แต่แม่เราเป็นคนพูดหวานค่ะ พูดเก่ง) เขาถือว่าคนที่อยู่ข้างเดียวกับเขาคือคนที่ต้องช่วยเหลือเขา(----) แต่อะไรที่เป็นข้อบกพร่องของตัวเองจะไม่สน ไม่เห็นเลย สอนไม่ได้ห้ามไม่ได้ด้วยนะ ไม่ฟัง ไม่เข้าหัว สรุปคือ คนที่เป็นคนดีสำหรับเขาคือต้องรักเขาในทุกสิ่งที่เขาเป็นและพร้อมช่วยเหลือทุกปัญหาที่เขาก่อด้วย ถ้าทำไม่ได้หรือทำให้เขาไม่สบายใจเขาก็จะปลีกตัวห่างหายไปแล้วไปหาคนใหม่ที่จะทำแบบอุดมคตินั้นให้เขาได้ (อาจจะเป็นความสามารถพิเศษหนึ่งเดียวในตัวผู้หญิงคนนี้และทำให้เขาอยู่รอดโดยนิสัยการเงินประหลาด ๆ มาถึงป่านนี้ด้วย)  แม่เราเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นในการหาคนที่จะไนซ์และช่วยเหลือเขามากค่ะ ให้คนนั้นอยู่คนละมุมประเทศเขาก็ตัดสินใจไปหาได้ภายในข้ามวัน หรือเป็นองค์กรใหญ่ขนาดไหนก็ไม่หวั่น เคยบอกจะเอาเรื่องที่ดินตัวเองไปฟ้องลุงตู่ด้วยและมั่นใจว่าทุกคนที่ฟังเรื่องของเขาจะต้องอยู่ข้างเดียวกับเขาและสุดท้ายเขาจะชนะ หรือถ้าเราไม่ช่วยเหลือเขาเขาจะเอาข้อหาไม่กตัญญูไปฟ้องสภาทนายค่ะ (เราเรียนกฎหมาย) สรุปว่าเธอไฟท์ได้ทุกทางเลยค่ะยกเว้นวางแผนการเงิน การงานและชีวิตของตัวเองให้เป็นระเบียบ(แม่เราไม่เคยมีอาชีพหลักตั้งแต่สาวยันตอนนี้)
.
ข้อดีของเขาก็คือป่านนี้ยังแข็งแรง สดใส ด้วยพลังจิตและพลังใจประหลาดหลาย ๆ อย่าง ----- ประเด็นคือล่าสุดเขาเอาเรื่องที่ดินมาขอให้เราช่วยเหลือ ความสามารถของแม่เราคือพูดสนุกสนานบันเทิงได้ทุกอย่างแต่คุยธุระการงานไม่รู้เรื่อง ไม่ว่าเรื่องธุระนั้นจะเป็นปัญหาที่เธอสร้างเองและมีขนาดใหญ่โตแค่ไหน จนตอนต้นทนายความที่รับฟังเรื่องเกือบจะทิ้งเรื่องไม่ว่าความให้ บังเอิญแม่กับเราได้กลับมาติดต่อกันพอดีเราเลยช่วยเป็นคนกลางคุยติดต่อกับทนายคนนั้นให้ไป ตอนนี้มีเหตุที่อาจจะต้องหาทนายใหม่ แม่เราก็คุยกับทนายใหม่คนนั้นไม่รู้เรื่องจนทนายเขาบอกว่าถ้าหาคนอื่นคุยกับเขาแทนไม่ได้เขาจะไม่คุย (ตอนขึ้นศาลขั้นตอนไกล่เกลี่ยแม่เราก็พูดทะเลท่วมทุ่งจนไม่มีใครเข้าใจหรือจับประเด็นอะไรจากเธอได้) แน่นอนก็คือมาลงตรงเรา เราก็รู้สึกเลยว่าแม่หรือผู้หญิงคนนี้ ถ้าเขาหาคนทำเรื่องอะไรแทนเขาได้เขาก็จะไม่พยายามฝึกตัวเองเรื่องนั้นเลย (........นี่คือผู้ใหญ่อายุ 60+ นะ ประสบการณ์วัยสาวไม่ว่ากี่สิบปีไม่เคยสร้างการพัฒนาอะไรให้เธอได้) ล่าสุดขึ้นกรุงเทพมาหาเราเพราะเราเคยบอกว่าจะหาที่ทางทำงานของเธอให้ เพราะแม่เรากำลังเรียนนวดแผนไทยและเจ้าของตึกห้องพักของเราเขาเปิดร้านนวดพอดี ความจริงเราเกรงใจเจ้าของตึกมากเพราะเขาอุปการะและใจดีกับเราหลายเรื่อง ถ้าเอาเรื่องแม่มาฝากฝังก็อยากแน่ใจว่าอย่างน้อยแม่จะดูแลตัวเองได้ดีและทำงานให้ได้แบบไม่สร้างภาระหรือปัญหาอะไรหนักใจเพิ่ม ------ ปรากฎว่าเราเจอแม่ 3 ชม. แม่เราเดินทางง่าย ๆ 2 ป้ายรถเมล์มาที่ห้องพักเราไม่เป็น ทำมือถือตัวเองที่ซื้อมาร่วมเดือนให้มีเสียงเรียกเข้าไม่เป็น กดเบอร์โทรออกไม่เป็น ก่อนหน้าจะใช้ก็วานให้คนรอบตัวทำให้ตลอดแล้วตัวเองก็ไม่จำ เข้าห้องน้ำไม่กดน้ำ ห้องน้ำมีฝักบัวบอกจะเรียกหาถังหาตุ่ม...... (ปล.แม่เราเคยอยู่เมืองมาก่อนนะ ไม่ใช่ออกมาจากหลังเขา) เรื่องจุกจิกเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาไปหมดจนเราทบทวนใหม่หนัก ๆ ว่าแม่เรายังไม่พร้อมจะมาทำงานให้เจ้าของตึกรึเปล่า
.
สรุปคือเราก็เทศน์เธอไปค่ะ ว่าเธอต้องตั้งใจปรับปรุงตัวเรื่องการติดต่อคดีหรือธุระการงานมากกว่านี้ ต้องดูแลรับผิดชอบเรื่องขั้นต่ำ(ย้ำว่าแค่ขั้นต่ำ)รอบตัวเองให้มากที่สุดกว่านี้ และก็หัดคิดว่าตัวเองสร้างปัญหาอะไรให้กับคนรอบข้างและเอาแต่ให้ท้ายตัวเองเรื่องอะไรบ้าง กลายเป็นรังแกแม่ซะงั้น ไม่ช่วยแม่ เกลียดแม่ (หน้าเธอฟ้องมาก ฟิลลิ่งมาเต็ม) ปัจจุบันเธอก็ดราม่าทั้งรอยยิ้มกลับต่างจังหวัดไปละ ใจเราก็รู้สึกว่าให้เธอได้รู้สึกว่าต้องเคร่งครัดกับตัวเองมากขึ้นก็เป็นเรื่องที่ควรทำนะ แต่อีกใจก็ยิ้ม หรือเราควรจะช่วยทุกอย่างออกหน้าให้ทุกเรื่องเพื่อความเป็นลูกกตัญญูล่ะ เรื่องจะให้เธอทำอะไรด้วยตัวเองได้มากขึ้นไม่ต้องไปค้งไปคิดมัน คิดออกเลยว่าคนกลุ่มหนึ่งในสังคมอาจจะประโคมเหตุผลมาว่า แม่เขาแก่แล้วเขาก็เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไม่ได้เป็นธรรมดา เขาเป็นคนต่างจังหวัดเลยไม่ทันคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา เราเป็นลูกก็ต้องมีหน้าที่หาเงินเลี้ยงดูแก้สารพัดปัญหาให้แม่ในไส้เป็นธรรมดา ------ ปล. เราโตมากับการทำงานหาเงินของพ่อนะ ตัดประเด็นว่าแม่อาบเหงื่อต่างน้ำกว่าจะหาเงินสักบาทสักสตางค์มาเลี้ยงดูเราได้เลยค่ะ  
.
ก็เล่ามาทำนองนี้ล่ะค่ะ เชิญหย่อนความเห็นลงมาได้ตามสะดวก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่