มาเล่าประสบการณ์ความรัก ของคนที่รักกันแต่คบกันไม่ได้ เพียงเพราะว่าเป็นเพศเดียวกัน

สวัสดีค่ะทุกคนที่เข้ามาอ่าน เราชื่อ ' เอม ' จริงๆแล้วเราไม่ใช่เจ้าของล็อกอินนี้หรอกนะ เรายืมของเพื่อนมาอีกที แค่อยากจะมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตให้ทุกคนฟัง เข้าเรื่องเลยละกันเน้าะ ตอนนั้นเราเพิ่งเข้ามหาลัยมาใหม่ๆ ก็เป็นเด็กบ้านนอกเข้ากรุง เพื่อนก็ไม่มีกะว่าจะมาอาศัยหาเพื่อนใหม่ที่นี่เอา แล้ววันที่รับน้องวันแรกเราก็ได้เจอเพื่อนๆมากมาย ได้ทำความรู้จักกัน แล้วก็ได้มีกลุ่มมีแก๊งที่สนิทกัน ขอข้ามไปวันเปิดเรียนเลยนะกันนะคะ เรามีเพื่อนที่สนิทที่สุดคนนึงชื่อ ' มิ้น ' ซึ่งเธอก็เป็นบัดดี้ของเราเอง เวลาไปรับน้อง ไปเรียน หรือมีกิจกรรมอะไรก็จะไปด้วยกันตลอด จนเพื่อนๆก็แซวกันว่าเราสองคนกุ๊กกิ๊กอะไรกันรึป่าว? แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเราไม่ได้คิดแบบนั้นกันจริงๆ เราใช้ชีวิตของพวกเรากันตามปกติค่ะ อยู่มาวันนึงช่วงก่อนสอบมิดเทอมปี1เทอม1 มิ้นได้ชวนเราไปเดินห้าง จริงๆแล้วมันก็ปกตินะที่ไปกันแค่สองคน แต่วันนั้นเธอได้มาปรึกษาปัญหาชีวิตของเธอ ซึ่งมันเป็นเรื่องความรัก ....

หลังจากที่คุยกันเสร็จ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณ2ทุ่ม เธอก็ชวนเราไปนอนที่หอเธอ เราก็ไม่ได้คิดอะไรเพื่อนกันนี่ ผู้หญิงด้วยกันอีก ไม่น่ามีไรคิดมากใช่ป่ะ! พอมาถึงหอ ก่อนขึ้นหอเธอก็บอกให้เราขึ้นห้องไปก่อน เดี๋ยวเธอจะไปซื้อเบียร์แล้วจะตามขึ้นไป มาถึงห้องเราก็นอนเล่นโทรศัพท์วนไป ซักพักมีคนมาเคาะประตู เราก็งงไปอีกว่าถ้าเป็นเธอแล้วทำไมไม่เปิดประตูเข้ามาเลย เพราะนี่ก็ห้องเธอนะ แต่อีกใจก็คิดแบบ.. สงสัยมือไม่ว่างเลยไม่มีมือเปิดเข้ามา เราก็เปิดไป สิ่งที่เราเจอคือผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ค่ะ ถีบเราเข้ามาข้างในแล้วก็ค่อมตัวมาตบเราไป3ที เราก็รวบรวมกำลังที่มีอยู่ผลักนางนั้นออกไป แล้วเพื่อนเราก็มาพอดี นั่นก็โดนตบไปอีกฉาดใหญ่ๆจนมีคนข้างห้องน่าจะได้ยินเสียงอ่ะเลยเข้ามาห้ามไว้ แล้วก่อนพวกนางจะไปมีชี้หน้าด่าอีกนะ เรานี่งงมาก มาไวไปไวเหลือเกิน หลังจากที่เหตุการณ์มันสงบลงแล้ว เราเลยถามมิ้นว่านี่มันเรื่องอะไรกัน สรุปรวมๆเลยก็คือ ชะนีพวกนั้นคือคนที่ชอบผู้ชายที่เธอคุยอยู่ เหมือนเล็งๆกันไว้มานานล้ะ เราก็ทำแผลให้เธอแล้วเธอก็ขอโทษเรายกใหญ่ ที่ทำให้เกิดเรื่อง แต่เราก็ไม่ได้อะไรเพราะเราคิดแค่ว่านี่ขนาดอยู่สองคนมันยังทำขนาดนี้ แล้วถ้าเพื่อนเราอยู่คนเดียวล่ะมันจะเป็นยังไง เราห่วงเพื่อนมากกว่า.. คืนนั้นเราก็นั่งกินเบียร์กันจนหมดแล้วก็อาบน้ำนอน คืนนั้นเธอนอนกอดเราทั้งคืน พอหลังจากเรื่องราวคืนนั้นเราก็ใช้ชีวิตปกติไปเรื่อยๆ ก็มีเรื่องวุ่นวายอยู่เหมือนกันนะคะแต่จำได้ไม่หมดเพราะช่วงปี2เราจะเป็นที่ปรึกษามากกว่า

จนมาถึงปี3 เธอเลิกกับแฟน เธอเฮิร์ท กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่สบาย เราก็ดูแลเธอตลอด อ่อ..ลืมบอกไปว่าหลังจากเกิดเรื่องตบตีวันนั้น เราก็ให้เพื่อนย้ายมาอยู่กับเราเลย ในช่วงปี3เราเริ่มเรียนกันหนักมาก แต่เพื่อนเราจะมามัวเป็นแบบนี้อยู่ไม่ได้เสียการเรียนแย่ เราเลยชวนเพื่อนไปเที่ยวบ่อยๆ เที่ยวที่มันสร้างสรรค์อ่านะคะ ใช้เวลาดูแลเธอได้3เดือนเราเริ่มสงสัยว่าเราชอบเธอแล้วรึป่าว แต่เราก็คิดว่ามันคงไม่ใช่ เราก็ทำแบบนี้มา3ปีแล้วนี่ มันก็คงปกติแบบที่เพื่อนทำให้กันอ่าแหละ ในระหว่างที่เราเริ่มสงสัยตัวเอง เราก็ปล่อยให้เราทำตามใจตัวเองดูจะได้รู้ว่าเราคิดยังไง ซึ่งมันก็ดีมาเรื่อยๆ จนถึงเทอมสุดท้ายของเรา เรียนมหาลัยทุกคนคงจะรู้นะคะเทอมสุดท้ายมันก็คือช่วงฝึกงาน เราไปฝึกที่เดียวกันค่ะ แล้วมาจนถึงวันสุดท้ายของการฝึกงาน เราทั้งกลุ่มได้นัดกันไปฉลองที่คอนโดของเพื่อนในกลุ่มนั่นแหละค่ะ แต่มันก็ไม่ได้มีแค่กลุ่มเรานะ ยังมีเพื่อนในเอกมาร่วมจอยกันด้วย คืนนั้นเป็นคืนที่สนุกมากจริงๆค่ะ

จากที่ในงานทุกคนกำลังสนุกสนาน เรากับมิ้นก็ออกมายืนคุยกันตรงระเบียง เรามีความรู้สึกที่ไม่โอเคมากๆ มันดีใจนะที่เราจะเรียนจบกันแล้ว แต่มันไม่โอเคอยู่เรื่องนึงคือเรากำลังจะต้องแยกจากกัน เรากระวนกระวายมาก งงมากเลยค่ะว่าเราเป็นอะไร ทำไมต้องรู้สึกอะไรแบบนี้ นี่เพื่อนเรานะ ....คือก่อนหน้านี้ในช่วงฝึกงานเธอบอกว่าถ้าเธอเรียนจบแม่เธอจะให้เธอย้ายไปอยู่ ตปท. กับครอบครัว ซึ่งเราก็คิดอยู่ตลอดแหละว่าเราจะทำยังไง ควรพูดอะไรกับเธอมั้ย หรือว่าควรทำอะไรมากกว่านี้มั้ย จนมาถึงตอนนี้เราก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าเราควรทำยังไง ถ้าเราพูดไปเรากลัวเสียเพื่อนที่ดีคนนี้ไป ในขณะที่เธอมองดาว เราก็เอาแต่มองหน้าเธอ ทุกคนเข้าใจความรู้สึกครึ่งๆกลางๆที่เราเป็นอยู่ใช่มั้ย? มันไม่ดีเลยเน้อะ!! จนคืนนั้นเธอพูดกับเราว่า " ขอบคุณนะ ขอบคุณที่เติมเต็มในส่วนที่ขาดให้เธอ ขอบคุณที่ดูแลเธอ ขอบคุณที่พาเธอมาถึงที่ตรงนี้ ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกัน กูชอบเมิงนะ น่าเสียดายที่เมิงไม่ใช่ผู้ชาย 555555 " เธอพูดแล้วก็หัวเราะ เราก็หัวเราะตาม ซึ่งจริงๆแล้วข้างในเราโคตรแย่เลยอ่ะ อย่างกับโดนถีบหน้ามาแน่ะ แต่ก็เก็บมันไว้ แล้วก็คุยเรื่องอื่นไป หลังจากคืนนั้นเราก็ไม่ได้เจอหน้าเธออีก แต่ติดต่อกันผ่านโซเชียลเท่านั้น เธอชวนนัดมาเจอนะแต่เราก็อ้างตลอดว่าติดงานนู่นนี่นั่น ก่อนวันที่เธอจะไปตปท. เธอบอกว่าอยากเจอเราอยากให้เราไปส่งเธอขึ้นเครื่อง แต่ก็นั่นแหละ เราก็บ่ายเบี่ยงเธอว่าไม่ว่างอยู่ดี สรุปว่าวันนั้นเราก็ไม่ได้ไปส่งเธอ เราเริ่มคุยกันน้อยลงจนเหลือแค่แชทกลุ่มที่จะมีเม้ามอยกันอยู่ทุกๆวัน อยู่มาวันนึงเธอก็บอกว่าอีก2เดือนเธอจะกลับไทย แล้วก็ส่งรูปเสื้อผ้า กระเป๋า บลาๆๆ ที่จะเอามาฝากเพื่อนที่นี่ แต่มีรูปนึงที่ทำเราช็อคมาก! มันคือรูปการ์ดแต่งงาน .... นั่นก็คือเธอกำลังจะบอกว่า เธอกำลังจะแต่งงาน T^T ตอนที่เธอส่งมาเรากำลังอยู่ที่ทำงาน วันนั้นทั้งวันเราทำงานไม่ได้เลย ในหัวเรามันคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะเอาไงต่อดี จากที่ดูคร่าวๆคือเธอจะมาแต่งที่นี่ แล้วจากที่คุยๆกันในกลุ่มก็น่าจะอยู่ที่ไทยต่อเลย เรารู้สึกว่าเราไม่อยากเจอหน้าเธอ ไม่ใช่เพราะเราเกลียดนะ แต่เรายังทำใจไม่ได้อ่ะ ไม่อยากเจออะไรทั้งนั้น ในระหว่างที่ไม่เจอกันเกือบสองปีมันไม่ได้ช่วยให้เราดีขึ้นเลย ไหนจะมาเจอเรื่องที่เธอจะแต่งงานอีก โอ้ยยยยยยยยยย.. ไม่ไหวจริงๆ ก่อนเธอจะกลับไทย1เดือน เจ้านายของเราได้ชวนเราไปทำงานอีกตำแหน่งนึงซึ่งต้องเดินทางไปมาตปท.บ่อยๆ เราเลยทำเรื่องไว้ก่อน เดี๋ยวเจ้านายเราจะเลือกอีกทีว่าจะเอาใครไป ระหว่างนั้นเราพยายามปรับตัวให้ดีขึ้นได้มากที่สุด เรากะว่าจะเจอเค้างานแต่งนี้เป็นงานสุดท้าย เราอยากจะบอกสิ่งที่เรารู้สึกให้เค้ารู้ จนวันที่เค้ากลับมาถึงไทยเค้าน่าจะโทรหาเราเป็นคนแรก เค้าถามทางว่าเราอยู่ตรงไหนอะไรยังไง เพราะเค้าจะมาหา เราไม่ได้บอก เราบอกแค่ว่าวันนี้เราหยุดงานเราอยากนอนพักผ่อน ไว้เจอกันพร้อมเพื่อนก็ได้อะไรประมาณนี้

แล้วเธอก็หาเราจนเจอ ถ้ามาเคาะประตูหน้าห้อง ตอนเราเปิดมาเราก็ตกใจมาก เรานึกว่าเธอล้มเลิกความคิดที่จะตามหาเราไปแล้ว วันนี้เธอมาคนเดียวเราก็รู้สึกดีนะ ถ้าเค้ามากับแฟนเราคงน้ำตาแตกแน่ๆ เราก็ให้เธอเข้ามาในห้อง คุยกับเหมือนปกติ จนวกวนกลับมาเรื่องงานแต่ง เธอบอกว่าแฟนเธอไม่ได้มาด้วยเพราะเธอขอ เธอบอกว่าเธออยากอยู่กับเราและเพื่อนๆก่อนจะแต่งงาน เราก็ยิ้มนะ ดูเหมือนสำคัญดี คุยกันไปซักพักมีโทรศัพท์เข้าเราเลยขอตัวออกมาคุยตรงระเบียงข้างนอก คนที่ทำงานโทรมาบอกว่าเราผ่านการคัดเลือกที่จะไปทำงานตำแหน่งนั้น เจ้านายเลยให้เลขาโทรมาถามเราก่อน ถ้าเราโอเคเราก็ลงตำแหน่งนั้นได้เลย แต่เรื่องมันอยู่ตรงที่ว่าเราเกิดอาการลังเลใจอีก ว่าจะอยู่หรือจะไปดี เราเลยอ้างกับเลขาไปว่าเดี๋ยวให้ไปคำตอบพรุ่งนี้เช้าขอไปปรึกษากับครอบครัวก่อน แล้วก็วางสายไป .... พอเราหันหน้ามากำลังจะเดินเข้าห้อง เธอก็ยืนฟังอยู่ตรงประตู แล้วเธอก็บอกว่า นี่เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้วหรอ? ขำดีเน้อะ! กูไปเมิงอยู่ กูอยู่เมิงไป !!! เธอพูดเสียงแข็งนิดๆ ออกจะนอยด์ด้วยซ้ำ แล้วเราก็รู้สึกผิดไปอีกซึ่งไม่เห็นจะมีอะไรน่ารู้สึกผิด เราอยากออกไปจากที่ตรงนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ??? เธอถามต่อว่าเราจะไปเมื่อไหร่ เราเลยบอกไปว่าเดือนหน้าแหละ ไม่ก็อีก2อาทิตย์ เธอก็เถียงเรากลับมาว่า อีก2อาทิตย์ก็เดือนหน้าแล้ว ไม่ต่างกันหรอก! ทีนี้เหมือนเธอโกรธมาก .. เราก็เลยง้อๆอย่างที่เราเคยทำกันมาก่อน ซักพักเธอเย็นลง แล้วเธอก็บอกว่างั้นเวลาที่เหลือกูขออยู่กับเมิงนะ แล้วเธอก็มาจูบที่ปากเรา1ที -3-

-//////////////-

เราใช้ชีวิตที่เหมือนแฟนกันมาอาทิตย์นึง เช้าเธอปลุกเรา ทำกับข้าวให้เรากิน ไปรับไปส่งเราที่ทำงาน ไปเที่ยวกับเพื่อนก็ไปด้วยกัน (เพื่อนทุกคนก็รู้นะว่าเธอพักอยู่กับเรา) ก่อนนอนเธอก็จะจูบปากเรา จนวันนึงเราเลยถามเธอไปตรงๆว่า ที่จูบปากเราเนี่ย เธอคิดยังไงกับเราหรอ? เธอบอกสั้นๆว่า เธอรักเรา ซึ่งเราก็งงมาก รักแบบไหน? เพื่อนหรอ? เพื่อนจูบปากกันได้ด้วยหรอ? เธอบอกต่อว่า เธออยากอยู่กับเราแต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่ผู้ชาย (มันเหมือนเป็นคำที่ซ้ำเติมเราเน้อะ) เราเลยบอกว่า " กูก็ชอบเมิงมานานมากแล้วนะ แต่เมิงเคยบอกว่ากูไม่ใช่ผู้ชาย กูเลยไม่อยากพูดอะไรต่อ เพราะกูรู้ว่ายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าวันนี้เมิงพูดแบบนี้ เมิงช่วยบอกกูทีได้มั้ยว่ากูควรทำไงต่อไป แล้วเมิงอยู่กับกูได้มั้ยจนกว่ากูจะไปตปท. เมิงเป็นแฟนกูก่อนได้มั้ยก่อนที่แฟนตัวจริงจะมา " จริงๆแล้วเราพูดเยอะกว่านี้นะ แต่จำไม่ได้ล้ะ .. หลังจากนั้นเธอก็เข้ามากอดเรา เราก็พูดทั้งน้ำตาอีกครั้งว่า " กูรักเมิงนะ " แล้วเธอก็กอดเราแน่นกว่าเดิม แล้วเธอก็ดันเราจนถอยหลังล้มลงไปอยู่บนเตียง แล้วเธอก็กระซิบบอกว่า จะใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ให้เราทั้งสองคนมีความสุขที่สุด แล้วเราก็จูบกัน แล้วก็ดำเนินเรื่องราวไปตามสเต็ป เป็นอย่างงี้ไปประมาณอาทิตย์นึง แล้วก็มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น นั่นก็คือ ที่เราไปประชุมมาไฟท์บินมันจะหลังงานแต่งเธอไป1อาทิตย์ แต่เค้าได้เปลี่ยนใหม่ให้เลื่อนเข้ามา ซึ่งก็แปลว่าต้องไปก่อนกำหนดจริง1อาทิตย์ เราก็อึ้งหนักมาก ไม่รู้จะบอกกับเธอยังไงว่าไม่ได้อยู่ร่วมงานแต่งเธอ แต่มันก็ต้องบอก หลังจากที่เราประชุมเสร็จ เจ้านายก็ให้เราหยุดเตรียมตัวเดินทาง ก็คือตั้งแต่พรุ่งนี้เราไม่ต้องไปทำงานแล้ว เมื่อกลับมาถึงห้องเราเลยหาจังหวะที่ดีบอกเธอ พอเธอรู้เธอก็ร้องไห้ เธอบอกไม่อยากให้เราไป แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนี่ เหมือนคืนนั้นเราจะได้อยู่ด้วยกันเป็นคืนสุดท้าย เพราะพรุ่งนี้แฟนเธอจะบินมาเพื่อเตรียมงานที่จะจัดขึ้นอาทิตย์หน้า คืนนั้นเราไม่ได้นอนกันเลย นั่งกันอยู่คนละมุมห้อง ในส่วนของเราเอง เราก็คิดนะว่าที่ทำไปมันดีแล้วหรอ? มันจะไม่ผูกพันธ์มากกว่าเดิมหรอ? แต่ก็นั่นแหละ.. เราทำมันไปแล้ว ต่อไปเราก็ต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองให้ได้

วันสุดท้ายท้ายที่เราจะเจอกัน ซึ่งเป็นวันก่อนเธอจะแต่งงานแค่วันเดียว เรารู้สึกแย่นะ. ทำไมอีกแค่วันเดียวฟ้าถึงให้เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ !!!!! เธอมาส่งเราที่สนามบิน เพื่อนในแก๊งก็มากันครบ ร่ำลากันเรียบร้อย เรากับมิ้นก็มีของมาแลกกันโดยไม่ได้นัดกันมา แล้วเราก็แยกกัน
หลังจากนั้นเราก็ขาดการติดต่อกันไปเลย 5เดือน เราแค่อยากจะบอกว่าตอนนี้เราคิดถึงเค้ามาก แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้เราไม่ได้คุยกันอีก
เรื่องแบบนี้เราทำใจยากมากตอนเราอยู่ตปท. เราได้ใช้ดนตรีบำบัดกันเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้ก็โอเคขึ้นเยอะแล้ว
ยังไงก็ขอบคุณที่ตามมาอ่านกันจนจบนะคะ เราเหงาๆเซ็งๆ กำลังคิดแต่เรื่องพวกนี้เลยอยากมาเล่าให้ฟังเฉยๆค่ะ
ส่วนใครที่มีปัญหาอะไรก็อย่าไปเก็บไว้นะคะ ระบายออกมาบ้างก็ดี เดี๋ยวจะจิตตกกันไปใหญ่เหมือนเรา
หรือจะส่งข้อความมาคุยกันก็ได้นะคะ ว่าจะยึดล็อกอินของเพื่อนไว้ล้ะ55555555555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่