5 วิธียอดฮิตของการยื่นภาษี


เมื่อคนเราทำงานมี “รายได้” แน่นอนว่าสิ่งที่เราทุกคนต้องเจอก็คือ “ภาษี”
อย่างที่หลายๆคนเคยกล่าวไว้ว่า สิ่งที่เราไม่มีวันหนีพ้น ก็คือ “ความตาย” และ “ภาษี”

แล้วในสถานะที่เราเป็นประชาชนคนธรรมดา
เรายังมีหน้าที่อย่างนึงก็คือเราต้อง “ยื่นภาษี” เองด้วย
ง่ายๆว่า เรามีหน้าที่ไปเสียภาษีให้เค้านั้นแหละ
โดยไม่ต้องรอให้ทางเฮียสรรพากรทวงถาม

บทความนี้จะพามาดูกันว่า เรามีวิธีการยื่นภาษีแบบไหนกันได้บ้างครับ ?

1. ยื่นภาษีออนไลน์

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดแล้วล่ะ
แค่เข้าไปเว็บไซด์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th
หน้าแรกก็จะมีปุ่ม “ยื่นแบบผ่านอินเตอร์เน็ต” ก็เข้าไปทำตามขั้นตอนได้เลย

แต่วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีรายได้ไม่ซับซ้อน
เช่นมีรายได้ 40(1) หรือ 40(2) เท่านั้น แบบไม่ต้องมีเอกสารอะไรเพิ่มเติมเยอะ
แค่ใบ ทวิ 50 จากนายจ้าง แล้วก็เอกสารลดหย่อนต่างๆเท่านั้น

แต่สำหรับคนที่มีรายได้แปลกๆ เช่น 40(8) ที่มีการหักค่าใช้จ่ายตามจริง
อันนี้แนะนำให้ใช้วิธีถัดไปดีกว่า นั่นก็คือ

2. ยื่นภาษีที่กรมสรรพากร

อันนี้เป็นวิธีโบราณที่สุด ก็คือการที่เราต้องเตรียมเอกสารทุกอย่าง (ต้องเตรียมให้ครบนะ)
แล้วไปที่กรมสรรพากรใกล้บ้าน เอาไปให้เจ้าหน้าที่ทำให้เลย

อย่างที่พูดถึงไว้ในข้อ 1
ว่าถ้าเรามีรายได้ประเภทที่หักค่าใช้จ่ายตามจริง
ที่ต้องแนบเอกสารเยอะๆ แนะนำว่าให้ไปทำที่กรมสรรพากรดีกว่า
เวลามีเอกสารผิดพลาด เจ้าหน้าที่จะได้แจ้งให้เราจัดการได้ทันที
ไม่ต้องรอส่งเมลไปมา กว่าเราจะได้ภาษีคืน หรือว่าจะเสร็จกินเวลาหลายอาทิตย์

3. ใช้บริการ ฝ่าย HR ของบริษัท ยื่นให้

HR หรือ Human Resource หรือฝ่ายบุคคลของบริษัทที่เราทำงานอยู่เนี้ยแหละ
จริงๆก็สามารถให้ฝ่ายบุคคลเราดำเนินการได้เช่นกัน
แค่เดินไปแจ้งให้จัดการให้หน่อย

เดี๋ยวฝ่ายบุคคลก็จะเรียกเอกสารจากเราเอง
ว่าเค้าจะเอาอะไรบ้างในการประกอบการยื่นภาษี

แต่วิธีนี้แนะนำว่า เหมาะกับคนที่มีรายได้แค่ 1 ทาง
คือจากบริษัทนายจ้างเราบริษัทเดียวนะ เพราะถ้าเรามีรายได้อื่นๆเยอะ
ก็คงไม่มีใครอยากจะไปโชว์ให้คนอื่นเห็นสักเท่าไหร่

หรือว่าถ้าฝ่ายบุคคลเป็นสาวสวย แล้วอยากโชว์ป๋า ว่าเรารายได้เยอะ
เลี้ยงเธอได้ทั้งชีวิตนะจ้ะ มาอยู่กับพี่ให้พี่ดูแลมั้ย ?
อันนี้ผมก็ไม่ขัดนะครับ ฮา

4. ไปยื่นที่ธนาคาร

วิธีนี้เราสามารถไปได้ที่ “ธนาคาร” ทุกที่เลย
โดยที่เราจะต้องเตรียม ภงด.90 หรือ 91 ไปยื่นได้เลย

แต่ยกเว้น “ธนาคารกรุงไทย” ที่จะสะดวกหน่อย คือเราไม่จำเป็นต้องเตรียมเอกสารไป
ทางธนาคารมีข้อมูลภาษีอยู่แล้ว ก็แค่เตรียมเงินไปจ่าย
เนื่องจากเป็นธนาคารที่กรมสรรพากรใช้บริการอยู่แล้ว
ธนาคารเค้าจะมีข้อมูลในกรณีที่ต้องชำระเพิ่ม แต่ต้องจ่ายเต็มทั้งจำนวน

5. ยื่นทางไปรษณีย์

วิธีนี้สามารถทำได้เฉพาะคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯเท่านั้น
โดยไปยื่น ภงด.90 หรือ 91 แล้วถ้าต้องชำระเพิ่มต้องเป็น “เช็ค” หรือ “ธนาณัติ” เท่านั้น

สำหรับคนที่มี “รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี”
หลายคนเข้าใจว่า ไม่ต้องยื่นภาษีละกัน ! ก็รายได้ไม่ถึงไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
ก็ “จำเป็นต้องยื่นภาษี” นะครับ
เพราะไม่งั้นแล้ว เราอาจจะโดน “ค่าปรับ” ได้เหมือนกัน

แล้วถ้าในกรณีที่เราได้เงินมา แต่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้ 3%
เราก็ยื่นภาษีเพื่อขอคืนได้เหมือนนะ พี่ทุยว่าได้คืนก็หลายบาทอยู่เหมือนกัน
ดังนั้นก็ไปยื่นเถอะ ยื่นออนไลน์ก็ได้ เสียเวลาแปปเดียวเอง

สำหรับใครที่ต้องเสีย “ภาษีเพิ่ม” แล้วเราเกิดบริหารเงินผิดพลาด
ไม่มีเงินมา “ชำระภาษี” จริงๆทางกรมสรรพากรเค้ามีโปรโมชั่นพิเศษ
ให้ผ่อนได้ 0% 3 เดือน อย่างกับโปรโมชั่นบัตรเครดิต ฮ่าๆๆๆๆ

แต่ผมแนะนำว่าถ้าจ่ายเต็มได้ ก็จ่ายเต็มเถอะไม่เสียหาย
เราจะไม่ได้ลืม เดี๋ยวถ้าพลาดโดนเบี้ยปรับอีก ก็ยุ่งวุ่นวายกันไปใหญ่ครับ

ติดตามเรื่องเล่าเข้าใจง่ายๆของ Money Buffalo ได้ที่
www.moneybuffalo.in.th หรือ
FB Page : fb.com/moneybuffalo
LINE : http://bit.ly/29bCfy4
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่