

...โหรา (ไม่) คาใจ... โดย คุณ Aims Astro ค่ะ 


จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 67 ค่ะ
ถาม – ตอนนี้ผมกำลังทำวิทยานิพนธ์อยู่ครับ ปัญหาก็คือพอไม่มีใครมาบังคับว่าต้องทำอะไรเวลาไหน ก็เลยไม่ได้เริ่มต้นทำสักที รู้สึกว่าตัวเองขี้เกียจมาก ทั้งวันก็ใช้เวลาไปกับการกินกับนอนเป็นหลัก ผมไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ อยากทราบว่าถ้าดวงเราเป็นคนไม่ขยัน จะมีทางแก้ไขให้ดีขึ้นได้ไหมครับ
ไม่น่าเชื่อนะคะว่าความขี้เกียจก็เป็นกรรม เพราะมีบอกในดวงเลยค่ะ ว่าเจ้าชะตามีพฤติกรรมและนิสัยใจคอแบบไหน สิ่งที่มีอิทธิพลมากคือดาวที่แทนตัวและจิตใจ ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนั้น ก็เกิดจากกรรมที่สั่งสมมา บันดาลให้แต่ละคนมาเกิดภายใต้อิทธิพลดวงดาวที่เข้มแข็งและอ่อนแอแตกต่างกันไป คนที่มีพลังในการทำงานสูง มีความกระตือรือร้น ดาวที่แทนตัวและจิตใจจะอยู่ในสถานะที่มีกำลังค่ะ เวลาอ่านพื้นดวงของแต่ละคน จะบอกได้เลยค่ะว่าคนนี้มีลักษณะแบบไหน ชอบหรือไม่ชอบทำงาน มุ่งมั่นหรือท้อถอยง่าย ขยันหรือขี้เกียจ ฯลฯ
นอกจากพื้นดวงเดิมแล้ว การจรของดาวตนุลัคน์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือวาระของกรรมเก่าที่มาให้ผล ก็จะมีผลมากต่อความรู้สึก ความเข้มแข็งและพลังงานของเจ้าชะตา บางท่านมีพื้นฐานดวงเดิมดี พอถึงเวลาที่ดาวจรมาไม่ค่อยดี ก็จะแค่ซวนเซ แต่สำหรับบางท่านที่ดวงเดิมดาวมีกำลังน้อย มาเจอจังหวะที่ดาวจรไม่ดีซ้ำเข้า ก็พาลไม่อยากทำอะไรไปเลยก็มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูด้วยค่ะว่ากรรมปัจจุบันของแต่ละคนเป็นอย่างไร เพราะคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งภายนอกและภายในได้ด้วยกรรมดีใหม่ๆ ในชาตินี้ค่ะ
เขียนมาถึงตรงนี้ก็คิดถึงคุณผู้หญิงท่านหนึ่งซึ่งเคยมาดูดวงด้วยแล้วหนึ่งครั้ง ในการมาดูดวงครั้งที่สองนี้เธอเล่าว่าสอบวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกเรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการแก้ไขบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการสำเร็จการศึกษา เมื่อตรวจดวงดิฉันก็ทักไปว่าช่วงนี้ดูจะขี้เกียจนะคะ แต่ว่าอยากให้งานเสร็จ เธอหัวเราะแล้วก็บอกว่าจริงๆ น่ะแหละ ขี้เกียจมาก เนื่องจากอายุของเธอก็ยังไม่ถึงสามสิบปี เท่าที่ผ่านมาก็นับว่าเก่งมากแล้ว เพราะการเรียนปริญญาดุษฎีบัณฑิตนั้นก็หนักหนาทีเดียว ดิฉันจึงให้กำลังใจไปว่าต้องทำนะ ยิ่งเบื่อ ยิ่งต้องทำ โดยเฉพาะช่วงนี้ดาวตนุลัคน์เดินไปเจอดาวคู่ศัตรูเข้า ทำให้อ่อนแรงไม่มีกำลัง ต้องพยายามฝืน ไม่อย่างนั้นจะล่าช้าไปอีกพักใหญ่
งานบางอย่างเป็นงานที่ยากลำบาก และฝืนความรู้สึกของคนทำมากนะคะ บางคนเวลาเจองานที่ไม่อยากทำแต่ดันเป็นงานที่ “ต้องทำ” ก็มักจะเฉไฉไปทำงานอื่นๆ ที่ไม่สำคัญ หรือบางทีก็หันไปหาสิ่งอื่นไปซะก่อน ตัวอย่างที่พบบ่อยๆ ก็คือ การเริ่มวันด้วยการเปิดคอมพิวเตอร์ท่องโลกอินเตอร์เน็ต ลูกค้าหลายท่านยอมรับว่าเป็นแบบนี้จริงๆ พอตื่นมาก็เปิดคอมพิวเตอร์ แล้วเวลาที่เพลิดเพลินในโลกไซเบอร์จะผ่านไปเร็วมาก รู้ตัวอีกทีก็เสียเวลาทำงานไปหลายชั่วโมง บางคนใกล้จะต้องส่งการบ้านที่ได้รับมอบหมายให้ทำในช่วงปิดภาคการศึกษาแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มทำเลยก็เพราะเริ่มต้นวันด้วยการท่องโลกเสมือนนี่แหละ ถ้าจะให้ดีควรเริ่มต้นด้วยการทำงานก่อน แล้วค่อยมาเล่นอินเตอร์เน็ต ให้การเล่นเป็นการผ่อนคลายและให้รางวัลตัวเองดีกว่านะคะ (^_^)
เมื่อพูดถึงงานที่ต้องใช้เวลาในการทำนานๆ โดยเฉพาะงานที่มาเป็นชิ้นใหญ่ๆ เช่นวิทยานิพนธ์ หรือการเขียนตำราวิชาการหรือการทำงานอื่นๆ ที่ต้องจัดสรรเวลาเอง และจะต้องเผื่อเวลาสำหรับเหตุฉุกละหุก เช่น ถ้าเราเกิดไม่สบายหรือเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ทำงานไม่ได้ไปพักหนึ่ง หรือปัญหาอื่นๆ ที่จะทำให้เวลาในการทำงานลดลงด้วยนะคะ เพราะถ้าไม่จัดระบบ ไม่วางแผนการใช้เวลาให้ดี ก็จะต้องมาเร่งงานอดตาหลับขับตานอนกันตอนท้ายๆ ซึ่งอาจจะทำให้งานออกมาไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น หรือทำไม่เสร็จ ถ้างานนั้นเป็นวิทยานิพนธ์ก็อาจจะทำให้เรียนไม่จบค่ะ
การจัดลำดับความสำคัญของงานก็เป็นสิ่งที่ลืมไม่ได้ เฉพาะงานบางชิ้นที่มีกำหนดเวลาและถ้าไม่ทำจะส่งผลกระทบต่อเรามากๆ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องบังคับตัวเองให้ทำก่อนเลย การเริ่มต้นนั่งทำงานนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากค่ะ เพราะมีหลายคนที่ใช้เวลาไปกับสิ่งอื่นๆ เลยไม่ได้ลงมือทำสักที
สำหรับงานบางอย่างที่มีความสลับซับซ้อน มีรายละเอียดและขนาดของงานใหญ่มาก อาจต้องทำแรมเดือนแรมปีกว่าจะเสร็จ ซึ่งบางครั้งทำให้เจ้าของงานพานท้อแท้ไม่อยากทำไปเลย ถ้าแบบนี้ให้พยายามแบ่งงานออกเป็นส่วนๆ ค่ะ เลือกทำส่วนที่ง่ายๆ ก่อนก็ได้ จะได้มีกำลังใจทำ เพราะถ้าเรามองงานเป็นภาพรวม อาจจะรู้สึกมันใหญ่มากเกินกว่าจะทำได้ แต่ถ้ามองแยกเป็นส่วนๆ ค่อยทำไปทีละส่วนๆ ด้วยความเพียรพยายาม ก็จะไม่ยากเกินกว่าที่จะทำ และย้ำอีกรอบว่าการเริ่มต้นลงมือทำงานสำคัญมากค่ะ
สิ่งที่จะช่วยให้มีความตั้งใจไม่ท้อถอยกับงานก็คือการมี “อธิษฐานบารมี” และ “สัจจบารมี” ซึ่งทั้งสองบารมีนี้มักจะไปด้วยกันค่ะ “อธิษฐาน” หมายถึง ความตั้งใจมั่น มีความมั่นคงและเด็ดเดี่ยว แน่วแน่ในทางดำเนินและจุดมุ่งหมายของตน ส่วน “สัจจะ” หมายถึงการเป็นคนที่พูดจริงทำจริง ตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จลุล่วงให้ได้ ทั้งสองบารมีนี้จะช่วยให้ทำงานได้สำเร็จ เพราะมีความมุ่งมั่น มุ่งหมายที่จะทำสิ่งใดไว้แล้วก็ทำได้ตามนั้นค่ะ
สำหรับลูกค้าที่ตรวจดวงแล้วเห็นว่ามีทั้งสองบารมีนี้มาค่อนข้างน้อย ใจคอติดโลเล ดิฉันมักแนะนำให้มีความตั้งใจและทำให้ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยให้เริ่มจากเรื่องง่ายๆ ก่อน เช่น จะเริ่มทำงานตอนเก้าโมงเช้าห้านาที ก็ให้เริ่มตอนนั้นจริงๆ กิน นอน ทำงาน พักผ่อน ตามเวลาที่ตั้งใจไว้ และอย่าให้การผัดวันประกันพรุ่งและความขี้เกียจมาทำให้เราเสียความตั้งใจได้ค่ะ พอทำได้แบบนี้นานๆ เรียกว่าอธิษฐานบารมีและสัจจบารมีดีขึ้น ก็จะส่งผลให้ไม่ว่าจะขี้เกียจหรือขยันก็จะทำงานนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
ว่าแล้วก็ขอยกตัวอย่างคนที่เอาชนะดวง เกี่ยวกับเรื่องความเกียจคร้านได้สำเร็จค่ะ...
เมื่อปลายปีก่อน ดิฉันได้ตรวจดวงชะตาของคุณผู้ชายท่านหนึ่งซึ่งในขณะนี้กำลังศึกษาต่อระดับปริญญาเอกอยู่ที่ต่างประเทศ พิจารณาแล้วเห็นว่าตามปกติเป็นคนมีไฟในการทำงานพอสมควร แต่เนื่องจากตั้งแต่เดือนธันวาคมปี ๒๕๕๑ และภาพรวมในปี ๒๕๕๒ ทั้งปี ตนุลัคน์คือดาวที่แทนตัวเขาเองจะจรอ่อนกำลังทั้งยังพัวพันกับดาวที่ทำให้ฟุ้งและง่วงงุนง่าย เกรงว่าจะทำให้งานวิจัยของเขาล่าช้าได้ จึงเตือนไปว่าจะขี้เกียจนะคะ ผลปรากฏว่าคำเตือนนี้ได้ผลมากค่ะ เพราะเมื่อถึงช่วงเวลาตามที่ทายทักไว้ เขาก็ออกปากว่าตัวเองเริ่มขี้เกียจ แต่ก็พยายามแก้ไขด้วยการมาขยันทำงานมากกว่าเดิม บางสัปดาห์ทำงานทุกวัน ถึงอากาศจะหนาวยาวนานกว่าปกติ ชวนให้อยากนอนมากก็ตาม แต่เขากลับลุกไปทำงาน เอาชนะความขี้เกียจจนได้ค่ะ ^^
แม้ว่าสิ่งที่ดวงดาวบอกมันคือกรรมเก่า แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยนตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่าชาติต่อๆ ไปก็จะต้องเป็นแบบนี้อีก เพราะนิสัยของคนเราเปลี่ยนได้ก็จริง แต่ก็ต้องอาศัยความมุ่งมั่นในการขัดเกลาตัวเองอยู่ไม่น้อยค่ะ เมื่อเราสามารถทำงานได้ในทุกเวลาแล้ว คราวนี้ไม่ว่าดวงดาวจะบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ เราขี้เกียจมากมายขนาดไหน ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นโดยมีอธิษฐานบารมีและสัจจบารมีหนุน ก็เชื่อว่าจะสามารถทำงานให้สำเร็จได้ ไม่ว่าดวงจะเป็นอย่างไรก็ตามค่ะ





...โหรา (ไม่) คาใจ... โดย คุณ Aims Astro ค่ะ ^^ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 67 ค่ะ
จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 67 ค่ะ
ถาม – ตอนนี้ผมกำลังทำวิทยานิพนธ์อยู่ครับ ปัญหาก็คือพอไม่มีใครมาบังคับว่าต้องทำอะไรเวลาไหน ก็เลยไม่ได้เริ่มต้นทำสักที รู้สึกว่าตัวเองขี้เกียจมาก ทั้งวันก็ใช้เวลาไปกับการกินกับนอนเป็นหลัก ผมไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ อยากทราบว่าถ้าดวงเราเป็นคนไม่ขยัน จะมีทางแก้ไขให้ดีขึ้นได้ไหมครับ
ไม่น่าเชื่อนะคะว่าความขี้เกียจก็เป็นกรรม เพราะมีบอกในดวงเลยค่ะ ว่าเจ้าชะตามีพฤติกรรมและนิสัยใจคอแบบไหน สิ่งที่มีอิทธิพลมากคือดาวที่แทนตัวและจิตใจ ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนั้น ก็เกิดจากกรรมที่สั่งสมมา บันดาลให้แต่ละคนมาเกิดภายใต้อิทธิพลดวงดาวที่เข้มแข็งและอ่อนแอแตกต่างกันไป คนที่มีพลังในการทำงานสูง มีความกระตือรือร้น ดาวที่แทนตัวและจิตใจจะอยู่ในสถานะที่มีกำลังค่ะ เวลาอ่านพื้นดวงของแต่ละคน จะบอกได้เลยค่ะว่าคนนี้มีลักษณะแบบไหน ชอบหรือไม่ชอบทำงาน มุ่งมั่นหรือท้อถอยง่าย ขยันหรือขี้เกียจ ฯลฯ
นอกจากพื้นดวงเดิมแล้ว การจรของดาวตนุลัคน์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือวาระของกรรมเก่าที่มาให้ผล ก็จะมีผลมากต่อความรู้สึก ความเข้มแข็งและพลังงานของเจ้าชะตา บางท่านมีพื้นฐานดวงเดิมดี พอถึงเวลาที่ดาวจรมาไม่ค่อยดี ก็จะแค่ซวนเซ แต่สำหรับบางท่านที่ดวงเดิมดาวมีกำลังน้อย มาเจอจังหวะที่ดาวจรไม่ดีซ้ำเข้า ก็พาลไม่อยากทำอะไรไปเลยก็มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูด้วยค่ะว่ากรรมปัจจุบันของแต่ละคนเป็นอย่างไร เพราะคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งภายนอกและภายในได้ด้วยกรรมดีใหม่ๆ ในชาตินี้ค่ะ
เขียนมาถึงตรงนี้ก็คิดถึงคุณผู้หญิงท่านหนึ่งซึ่งเคยมาดูดวงด้วยแล้วหนึ่งครั้ง ในการมาดูดวงครั้งที่สองนี้เธอเล่าว่าสอบวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกเรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการแก้ไขบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการสำเร็จการศึกษา เมื่อตรวจดวงดิฉันก็ทักไปว่าช่วงนี้ดูจะขี้เกียจนะคะ แต่ว่าอยากให้งานเสร็จ เธอหัวเราะแล้วก็บอกว่าจริงๆ น่ะแหละ ขี้เกียจมาก เนื่องจากอายุของเธอก็ยังไม่ถึงสามสิบปี เท่าที่ผ่านมาก็นับว่าเก่งมากแล้ว เพราะการเรียนปริญญาดุษฎีบัณฑิตนั้นก็หนักหนาทีเดียว ดิฉันจึงให้กำลังใจไปว่าต้องทำนะ ยิ่งเบื่อ ยิ่งต้องทำ โดยเฉพาะช่วงนี้ดาวตนุลัคน์เดินไปเจอดาวคู่ศัตรูเข้า ทำให้อ่อนแรงไม่มีกำลัง ต้องพยายามฝืน ไม่อย่างนั้นจะล่าช้าไปอีกพักใหญ่
งานบางอย่างเป็นงานที่ยากลำบาก และฝืนความรู้สึกของคนทำมากนะคะ บางคนเวลาเจองานที่ไม่อยากทำแต่ดันเป็นงานที่ “ต้องทำ” ก็มักจะเฉไฉไปทำงานอื่นๆ ที่ไม่สำคัญ หรือบางทีก็หันไปหาสิ่งอื่นไปซะก่อน ตัวอย่างที่พบบ่อยๆ ก็คือ การเริ่มวันด้วยการเปิดคอมพิวเตอร์ท่องโลกอินเตอร์เน็ต ลูกค้าหลายท่านยอมรับว่าเป็นแบบนี้จริงๆ พอตื่นมาก็เปิดคอมพิวเตอร์ แล้วเวลาที่เพลิดเพลินในโลกไซเบอร์จะผ่านไปเร็วมาก รู้ตัวอีกทีก็เสียเวลาทำงานไปหลายชั่วโมง บางคนใกล้จะต้องส่งการบ้านที่ได้รับมอบหมายให้ทำในช่วงปิดภาคการศึกษาแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มทำเลยก็เพราะเริ่มต้นวันด้วยการท่องโลกเสมือนนี่แหละ ถ้าจะให้ดีควรเริ่มต้นด้วยการทำงานก่อน แล้วค่อยมาเล่นอินเตอร์เน็ต ให้การเล่นเป็นการผ่อนคลายและให้รางวัลตัวเองดีกว่านะคะ (^_^)
เมื่อพูดถึงงานที่ต้องใช้เวลาในการทำนานๆ โดยเฉพาะงานที่มาเป็นชิ้นใหญ่ๆ เช่นวิทยานิพนธ์ หรือการเขียนตำราวิชาการหรือการทำงานอื่นๆ ที่ต้องจัดสรรเวลาเอง และจะต้องเผื่อเวลาสำหรับเหตุฉุกละหุก เช่น ถ้าเราเกิดไม่สบายหรือเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ทำงานไม่ได้ไปพักหนึ่ง หรือปัญหาอื่นๆ ที่จะทำให้เวลาในการทำงานลดลงด้วยนะคะ เพราะถ้าไม่จัดระบบ ไม่วางแผนการใช้เวลาให้ดี ก็จะต้องมาเร่งงานอดตาหลับขับตานอนกันตอนท้ายๆ ซึ่งอาจจะทำให้งานออกมาไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น หรือทำไม่เสร็จ ถ้างานนั้นเป็นวิทยานิพนธ์ก็อาจจะทำให้เรียนไม่จบค่ะ
การจัดลำดับความสำคัญของงานก็เป็นสิ่งที่ลืมไม่ได้ เฉพาะงานบางชิ้นที่มีกำหนดเวลาและถ้าไม่ทำจะส่งผลกระทบต่อเรามากๆ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องบังคับตัวเองให้ทำก่อนเลย การเริ่มต้นนั่งทำงานนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากค่ะ เพราะมีหลายคนที่ใช้เวลาไปกับสิ่งอื่นๆ เลยไม่ได้ลงมือทำสักที
สำหรับงานบางอย่างที่มีความสลับซับซ้อน มีรายละเอียดและขนาดของงานใหญ่มาก อาจต้องทำแรมเดือนแรมปีกว่าจะเสร็จ ซึ่งบางครั้งทำให้เจ้าของงานพานท้อแท้ไม่อยากทำไปเลย ถ้าแบบนี้ให้พยายามแบ่งงานออกเป็นส่วนๆ ค่ะ เลือกทำส่วนที่ง่ายๆ ก่อนก็ได้ จะได้มีกำลังใจทำ เพราะถ้าเรามองงานเป็นภาพรวม อาจจะรู้สึกมันใหญ่มากเกินกว่าจะทำได้ แต่ถ้ามองแยกเป็นส่วนๆ ค่อยทำไปทีละส่วนๆ ด้วยความเพียรพยายาม ก็จะไม่ยากเกินกว่าที่จะทำ และย้ำอีกรอบว่าการเริ่มต้นลงมือทำงานสำคัญมากค่ะ
สิ่งที่จะช่วยให้มีความตั้งใจไม่ท้อถอยกับงานก็คือการมี “อธิษฐานบารมี” และ “สัจจบารมี” ซึ่งทั้งสองบารมีนี้มักจะไปด้วยกันค่ะ “อธิษฐาน” หมายถึง ความตั้งใจมั่น มีความมั่นคงและเด็ดเดี่ยว แน่วแน่ในทางดำเนินและจุดมุ่งหมายของตน ส่วน “สัจจะ” หมายถึงการเป็นคนที่พูดจริงทำจริง ตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จลุล่วงให้ได้ ทั้งสองบารมีนี้จะช่วยให้ทำงานได้สำเร็จ เพราะมีความมุ่งมั่น มุ่งหมายที่จะทำสิ่งใดไว้แล้วก็ทำได้ตามนั้นค่ะ
สำหรับลูกค้าที่ตรวจดวงแล้วเห็นว่ามีทั้งสองบารมีนี้มาค่อนข้างน้อย ใจคอติดโลเล ดิฉันมักแนะนำให้มีความตั้งใจและทำให้ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยให้เริ่มจากเรื่องง่ายๆ ก่อน เช่น จะเริ่มทำงานตอนเก้าโมงเช้าห้านาที ก็ให้เริ่มตอนนั้นจริงๆ กิน นอน ทำงาน พักผ่อน ตามเวลาที่ตั้งใจไว้ และอย่าให้การผัดวันประกันพรุ่งและความขี้เกียจมาทำให้เราเสียความตั้งใจได้ค่ะ พอทำได้แบบนี้นานๆ เรียกว่าอธิษฐานบารมีและสัจจบารมีดีขึ้น ก็จะส่งผลให้ไม่ว่าจะขี้เกียจหรือขยันก็จะทำงานนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
ว่าแล้วก็ขอยกตัวอย่างคนที่เอาชนะดวง เกี่ยวกับเรื่องความเกียจคร้านได้สำเร็จค่ะ...
เมื่อปลายปีก่อน ดิฉันได้ตรวจดวงชะตาของคุณผู้ชายท่านหนึ่งซึ่งในขณะนี้กำลังศึกษาต่อระดับปริญญาเอกอยู่ที่ต่างประเทศ พิจารณาแล้วเห็นว่าตามปกติเป็นคนมีไฟในการทำงานพอสมควร แต่เนื่องจากตั้งแต่เดือนธันวาคมปี ๒๕๕๑ และภาพรวมในปี ๒๕๕๒ ทั้งปี ตนุลัคน์คือดาวที่แทนตัวเขาเองจะจรอ่อนกำลังทั้งยังพัวพันกับดาวที่ทำให้ฟุ้งและง่วงงุนง่าย เกรงว่าจะทำให้งานวิจัยของเขาล่าช้าได้ จึงเตือนไปว่าจะขี้เกียจนะคะ ผลปรากฏว่าคำเตือนนี้ได้ผลมากค่ะ เพราะเมื่อถึงช่วงเวลาตามที่ทายทักไว้ เขาก็ออกปากว่าตัวเองเริ่มขี้เกียจ แต่ก็พยายามแก้ไขด้วยการมาขยันทำงานมากกว่าเดิม บางสัปดาห์ทำงานทุกวัน ถึงอากาศจะหนาวยาวนานกว่าปกติ ชวนให้อยากนอนมากก็ตาม แต่เขากลับลุกไปทำงาน เอาชนะความขี้เกียจจนได้ค่ะ ^^
แม้ว่าสิ่งที่ดวงดาวบอกมันคือกรรมเก่า แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยนตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่าชาติต่อๆ ไปก็จะต้องเป็นแบบนี้อีก เพราะนิสัยของคนเราเปลี่ยนได้ก็จริง แต่ก็ต้องอาศัยความมุ่งมั่นในการขัดเกลาตัวเองอยู่ไม่น้อยค่ะ เมื่อเราสามารถทำงานได้ในทุกเวลาแล้ว คราวนี้ไม่ว่าดวงดาวจะบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ เราขี้เกียจมากมายขนาดไหน ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นโดยมีอธิษฐานบารมีและสัจจบารมีหนุน ก็เชื่อว่าจะสามารถทำงานให้สำเร็จได้ ไม่ว่าดวงจะเป็นอย่างไรก็ตามค่ะ