พอใจในชีวิตโสค แต่ก็ไม่อยากโสด ทำยังไงดี?

สวัสดีคะทุกคน
                        มีเรื่องอยากจะปรึกษาคะ คือในชีวิตเราอ่ะอยู่คนเดียว อยู่กับเพื่อนตลอด เห็นเพื่อนมีแฟนก็บ่นไปบ้างว่าอยากจะมีแฟนบ้าง อยากมีคนอยู่ข้างๆบ้าง(ที่ไม่ใช่เพื่อน) ก็คือรู้สึกเหงาคะเวลากินข้าวคนเดียว เคยแบบรู้สึกเหงามากๆจนร้องไห้คนเดียวเกือบอาทิตย์(ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยคะ) บ่นมากๆคะ จนเพื่อนถามว่า "ถามจริงๆเถอะ ว่าอยากมีเเฟนจริงๆเหรอ? เรารู้สึกว่าเเกไม่ได้อยากมีเเฟนนะ" เราก็ตอบมันไปว่า "ก็ต้องอยากป่ะ? ใครจะอยากอยู่คนเดียว"

                         แต่ในใจคิดคะว่า.. หรือจริงๆเราไม่อยากมีเเฟนว่ะ? จากคำถามมันได้วิเคราะห์ออกมาเป็นสาเหตุหลักๆดังนี้คะ คือ

                         1.) คนที่มีความสุขในการทำอะไรคนเดียวคะ ดูหนังคนเดียว(ดูเรื่องที่อยากดูได้ ถ้าเพื่อนหรือใครดูหนังกับเราจะคิดตลอดเลยคะว่า เฮ้ย! มันจะสนุกเหมือนเรามั้ย? ยิ่งถ้ารู้สึกว่าหนังที่เราเลือกไม่สนุกเรากลัวว่าเพื่อนจะไม่สนุกยิ่งกว่าเรา ง่ายๆคือ คิดเยอะห่วงความรู้สึกคนอื่น) ช็อปปิ้งคนเดียว(สบายใจมว๊ากก เกรงใจที่ให้คนอื่นรอ เเต่เรารอคนอื่นได้) แต่ไม่ชอบกินข้าวคนเดียวนะคะ ถ้าไม่ใช่ตอนเช้ารู้สึกว่ากินข้าวคนเดียวมันเหงามากๆเลย แต่ในชีวิตประจำวันทุกอย่างคือรู้สึกเลยคะว่าเราทำเองได้หมดไม่ต้องพึ่งใครหรือมีใครทำกิจกรรมร่วมในชีวิตก็ได้ แถมคนให้ปรึกษามีอยู่รอบตัวไปหมด เวลามีปัญหาอะไรเราส่วนใหญ่จะถามเเต่จะหาเเนวทางเอาเองคะ มันก็เลยทำให้เราได้เเค่ถาม เเต่ไม่ได้สานสัมพันกับใครได้เท่าไร

                        2.)ไม่ชอบหนังรัก คิดอยู่นานคะว่าจะใส่ข้อนี้เป็นสาเหตุมั้ย แต่ก็พบว่าเวลาดูหนังหรือซีรี่ ฉากที่พระเอกกับนางเอกหวานกันจนเลี่ยน เราจะเซ็งหน่อยๆ เเล้วก็คิดว่า "ไม่จริงหรอก / ใครจะทำแบบนี้กัน? /จะรักกันนานเท่าไรเชียว? / เดี๋ยวโปรโมชั่นก็หมด" พยายามลบความคิดนี้ออกไปนะคะ แต่ก็ทำไมได้สักที จากหนังรักเนี่ยเหละคะทำให้เรารู้ตัวเองว่า เราไม่เชื่อในความรัก เราจะอินกับความรักในครอบครัวมากกว่าคะ เเละอีกอย่างเราเป็นสาววายคะ ฉายจีบกันของช-ชนี้เขิลตัวบิดเลย ก็อย่างที่บอกเเหละคะว่าเราเชื่อในพรหมลิขิต เราเชื่อว่าการที่เรารักใครสักคนโดยการมองข้ามเพศ สิ่งเเวดล้อม กฏเกณฑ์ต่างๆ มันคือรักที่เเท้จริง (เพ้อฝันสุดๆเลยหล่ะคะ ประโยคนี้ เเต่คิดอย่างงั้นจริงๆนะ) คล้ายๆกับครอบครัวอ่ะคะ ต่อให้ลูกไม่ดียังไง พ่อเเม่ก็ยังรัก ช่วยเหลือโดยไม่สนว่าตัวเองจะเป็นยังไงคะ

                         3.) เป็นคนไม่เชื่อในความรัก แต่เชื่อในพรหมลิขิต จากการที่โดนเป่าหูมาตั้งเเต่เด็กในสำนวนที่ว่า "คู่กันแล้วไม่แคล้วกันหรอก" ทำให้เราพอใจในการรอคะ รอจะเจอคนที่ใช่ เเล้วคนที่เข้ามาเเล้วคิดว่าไม่ใช่จะพยายามคุยห่างๆ เพราะไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเค้า (เห็นเคสมาจากเพื่อนที่ร้องได้เป็นบ้าเป็นหลังกับการที่คุยกับคนที่แอบชอบมาปีกว่า ไอ่คนนั้นไปเป็นเเฟนคนใหม่) เหมือนกับสำนวนที่ว่า กรรมใดใครก่อกรรมน้นถึงตัว ไม่อยากเจ็บคะ กลัวว่าถ้าเราเป็นเค้าบ้างเราคงจะเจ็บน่าดู

                        4.) ชีวิตวนลูป+บ้างาน เราทำงานเสาร์เว้นเสาร์คะ เข้าเช้า-กลับเย็น  ถึงบ้านที่เร็วสุดคือ 1 ทุ่มครึ่ง เป็นโรคจิตที่ไม่ชอบทำงานค้างคะ ถ้ารู้สึกว่าไม่มากก็จะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะเสร็จ ถึงบ้านก็เหนื่อยเเล้วคะอยากพักผ่อน เสาร์อาทิตย์นี้ไม่อยากออกจากบ้านเลยคะ มีงานบ้านให้ทำ ขอนั่งดูหนังอ่านหนังสือเล่นเกมส์ที่บ้านดีกว่า เเล้วชอบเล่นเกมออฟไลน์ด้วยคะ
                            ถ้าถามถึงช่วงกลางวันก็จะไปกินข้าวกับเพื่อนคะ ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่มาก ล้อมหน้าล้อมหลัง ต่อให้มีเเยกไปกินบ้างก็จะมีคนไปเป็นเพื่อน เเละเราเป็นคนกินข้าวเร็วคะเวลากินคนเดียว ยิ่งงานยังรู้สึกว่าไม่เสร็จนี้ขึ้นรีบขึ้นไปทำงานก่อนเลยคะ

                        5.) ครอบครัวอบอุ่นไป เราอยู่กับพ่อเเม่คะ เป็นลูกสาวคนเดียว พ่อกับเเม่คอยให้คำปรึกษา ให้คำเเนะนำทุกอย่าง เวลาเรามีปัญหาอะไร พ่อกับเเม่จะเป็น2คนเเรกที่รู้คะ เเต่เราชอบขอความเห็นเเล้วมาคิดเองมาตัดสินใจเองมากกว่าคะ ถ้าเค้าให้คำเเนะนำที่ไม่พอใจก็จะทำเป็นรับฟังคะเเต่ไม่ทำตาม แต่เเน่หล่ะคะ มันก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ปรึกษาพ่อเเม่ได้หมด บางเรื่องเราก็อยากถามเเต่กลัวถามเเล้วจะทำให้เค้ากังวล เราไม่อยากทำให้ท่านกังวลหรือเสียใจใดๆเลยคะ เรารู้สึกว่าพวกท่ารักเรามาก มันคงจะเเย่มากๆถ้าทำให้ท่านเสียใจ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเถียง กระทืบเท้า หรือปิดประตูเสียงดังนะคะ เเต่ทุกครั้งที่เราใจเย็นลงเราจะขอโทษพวกท่านก่อนเสมอคะ ต่อให้เราคิดว่าเราถูกที่สุดก็ตาม
                             สรุปของข้อนี้คือ ความรักในครอบครัวมันเต็มคะ จนไม่โหยหาความรักจากที่อื่นขนาดนั้น

                       6.) มีผั-วผิดคิดจนตัวตาย สำนวนไทยลำดับที่ 3 ของกระทู้นี้ เป็นคำที่เเม่สอนอยู่เสมอคะ มันมีเรื่องตลกของคำพูดเเม่อยู่คะ ตอนเรียนเเม่มัธยมพูดไว้ว่า "ถ้าจะมีเเฟนให้ดูดีๆ แต่!! ตอนเรียนห้ามมีเเฟนนะลูก รอเข้ามหาลัยก่อน ถ้าเเฟนเราเค้ามหาลัยดีๆไม่ได้จะมีอนาคตเหรอ?" เราก็เชื่อเเม่คะ รอๆเราก็ตั้งใจเรียนจนเข้ามหาลัยดีๆได้

                        ตอนเปิดเทอมวันเเรกเเม่พูดอีกว่า "ตั้งใจเรียนนะลูก อย่าเพิ่งหาเเฟน เเม่ส่งมาเรียน ถ้าเรามีเเฟนเเม่กลัวเราจะติดเเฟนเรียนไม่จบ ตั้งใจเรียนให้จบก่อนนะ" ประโยคนี้เราไม่เชื่อหรอกนะคะ เเต่เราเข้าคณะที่มันเน้นทำโปรเจ็คอ่ะคะ เพราะฉะนั้นสถานที่ที่เจอเราในช่วงมหาลัยคือ หอพัก / ห้องเรียน เพื่อนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงด้วยคะ เป็นกลุ่มก้อนที่ใหญ่มากด้วย ไม่ทำกิจกรรมเพราะกลัวทำโปรเจ็คไม่ทัน ไม่ชอบเข้าร้านเหล้าคะ ไม่ชอบกิน ไม่ชอบบรรยากาศ *สำหรับกระทู้ที่ว่า ผญ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เข้าผับ ยังมีอยู่บนโลกไหม คำตอบคือ "มีคะ กรูว์ไงคะ" แต่ชีวิตจะเป็นเเนวๆนี้คะ ถ้าคุณไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวคุณก็จะไม่เห็นเค้าในสถานที่สาธารณะเลยคะ*

                       ถ้าเพื่อนในคณะหรือสาขามันรู้เเก้วกันหมดเเล้วอ่ะคะ เลยยืนความสันพันที่เพื่อนหมด จนกระทั้งเราจบปี4เเล้วเริ่มทำงานคะ... เเม่ก็พูดอีกว่า

                      "อย่าเพิ่งรีบหาเเฟนนะ มีเวลาอีกตั้งเยอะ เราเรียนมาตั้งขนาดนี้เเล้ว ต้องมองสูงๆไว้นะ ถ้าเราคบกันเเล้วคนนั้นไม่จบป.โทเราจะทำไง" เราก็อึ้งเลยคะ ไม่คิดว่าจบมาหางานทำเองได้เเล้วเเม่จะพูดประโยคนี้ เเล้วก็เราคิดว่าเราก็ไม่ใช่คนสวยเท่าไรด้วยคะ หน้าตาพอดีๆ แต่งหน้าอ่อนๆเเล้วดูไม่โทรมเท่านั้น แอบคิดอยู่คะว่าเราเลือกได้ขนาดนั้นเลยเหรอ??? แต่มันก็ทำให้เราคิดเสมอคะว่า หาทั้งดีก็ควรหาดีๆหน่อยป่ะ เพราะเราต้องใช้ชีวิตอีกครึ่งนึงกับเค้าคนนั้นเลยนะ

                      7.) วางตัวดีเกินไป ไม่ใช่ว่าชมตัวเองนะคะ มีเพื่อนผช.ด้วยคะ แต่เราจะมีระยะหว่างระหว่างเพื่อน ผช กับ เพื่อน ผญ คะ เพื่อนผชนี้เราไม่ให้เเตะตัวเราโดยไม่จำเป็นเลยคะ จะรู้สึกหงุดหงิดมากถ้ามันมาเเตะตัวเราโดยไม่จำเป็น บังเอิญอะไรเราจะเฉยๆ แต่ถ้ามาจิ้ม มาจับไรเงี๊ยะ จะพยายามหลบ/สะบัดให้รู้ตัวว่า อย่ามาทำอย่างงี้กับฉันนะ! มันทำให้เรารู้สึกว่า การทำอย่างงี้มันเป็นการสร้างกำเเพงความสัมพันในการที่จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆหรือเปล่า? แต่ก็เพื่อนอะ.. ไม่เคยคิดเกินเลย ไม่อยากให้คิดเกินกว่านั้นด้วย

                     8.) ยุคใหม่ ไล่จีบ จากข้อที่เเล้วที่บอกว่าวางตัวดี ทำให้การจีบ ผช. ก่อนเป็นเรื่องที่ยากมากเลยคะ เราค่อนข้างจะเป็นคนตรงๆในการบอกรำคาญ และเชื่อในความรู้สึกเเรกที่เข้ามา ถ้าเราเเอบชอบเราจะเข้าไปคุยคะ เเต่เคสนี้เกิดขึ้นเเค่ 2 ครั้งในชีวิตคะ ตอนป.5 เเละตอน ม.6 เเต่เหมือนจีบไม่เป็นมั้งคะ กินเเห้วทั้ง2ครั้ง เเต่ตอนม.6ไม่เสียใจเลยคะ เฉยๆเเบบ ดีเเล้วไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะตอบไหม? จะคุยอะไรดี? แต่ป.5 นี้จำได้ว่าร้องไห้หนักมาก ตอนชอบนี้เเกล้งเกลียดด้วยคะ เกาหลีฝุดๆ

                      9.) รักเด็ก อนาคตอยากมีลูก เป็นคนรักเด็กมากคะ อยู่กับเด็กเล่นกับเด็กได้ทั้งวัน เเละอยากมีลูกมาก คิดมาตั้งเเต่มหาลัยว่า อยากมีลูกแค่คิดว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเรา เราก็รู้สึกรักโดยไม่มีเงื่อนไขเเล้วคะ แต่ประเด็นคือ ยังหาเเฟนไม่ได้เนี่ยเเละคะ ทำให้ปัจจุบันคิดว่า ถ้าอยากมีจริงๆ วิธีไหนก็ไม่สนคะ รู้คะว่ารักเด็กไม่จำเป็นต้องมีลูกเอง และการเป็น Single Mom ไม่ใช่เรื่องง่าย เเละการที่เราทำงานเยอะๆ ก็เพราะจะเตรียมแต่มันก็คือความฝันอย่างหนึ่งนะคะ สรุปของข้อนี้คือ ทำให้คิดว่าไม่จำเป็นต้องมีสามีคะ

                      สรุปคะจากที่เขียนมายาวเหยียด รู้ตัวเลยคะว่า คานทอง คงเป็นสถานีต่อไปที่เราอาจจะต้องลง แต่เราก็มีภาพปั้นปลายชีวิตเราอยู่ในหัวคะว่า เราจะอยู่กับสามีพร้อมกับเเมวอีก1ตัวในช่วงปั้นปลายชีวิต เหมือนตา-ยายของเราที่คอยดูเเลซึ่งกันเเละกันตลอดเวลา เเล้วก็คิดว่าถ้าเราทำภาพนี้ใหม่มันใหญ่ขึ้น... มันอาจจะทำให้เรากระตือรือร้นที่จะไปลงสถานีอื่นมากกว่านี้

                     ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้บ่นนี้ด้วนะคะ อาจจะดูเพ้อฝันไปบาง เเต่ก็เชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคนจอปัญหาแบบนี้ ก็ถือว่าเตือนเเล้วกันคนสำหรับบคนที่เริ่มมีความคิดอย่างงี้ ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดีคะ โลกมันอาจจะดีกว่าวิวที่เป็นอยู่ตอนนี้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เเท็กปํญหาสุขภาพจิต เพราะกลัวว่าการที่เราเหงาจนร้องไห้เกือบอาทิตย์มันจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า หรือพัฒนาเป็นโรคอย่างอื่นมั้ย
แท็กแอบรัก เพราะ 2 เคสเเล้วเเอบรักใครไม่สำเร็จ พอจะมีวิธีเด็ดๆ ในความรักครั้งใหม่ที่จะแอบเข้ามามั้ย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่