การปราบปรามกลุ่มมุสลิมนิยมแนวทางรุนแรงจะเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจะสนับสนุนพันธมิตรเก่าและสร้างพันธมิตรใหม่ ตลอดจนสร้างความเป็นเอกภาพให้แก่โลกที่มีอารยธรรมในการปราบปรามภัยคุกคามจากกลุ่มญิฮัด
ถ้อยแถลงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งใจจะทำงานร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แม้รัฐบาลสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะทักท้วงกลยุทธซึ่งรัสเซียใช้ในการปกป้องการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอะซัด ของซีเรียว่าโหดเหี้ยมจนสร้างความบาดหมางให้แก่กลุ่มสายกลางในซีเรีย และเสริมสร้างสถานะความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มรัฐอิสลาม หรือ IS
นอกจากนี้ แถลงการณ์นโยบายฉบับแรก ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของทำเนียบขาว ยังระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะสร้างความเป็นมหาอำนาจทางทหารขึ้นมาใหม่ พร้อมเสริมสร้างขีดความสามารถในการต่อต้านขีปนาวุธ และให้ความสำคัญกับการปราบปรามกลุ่ม IS เป็นอันดับแรก โดยจะเลิกจำกัดงบประมาณใช้จ่ายด้านกลาโหม และวางแผนพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธ เพื่อป้องกันการโจมตีจากอิหร่าน เกาหลีเหนือ และประเทศอื่นๆ ตลอดจนถึงการพัฒนาขีดความสามารถในการทำสงครามไซเบอร์ หลังหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเจาะระบบคอมพิวเตอร์พรรคการเมือง ทั้งนี้ แม้สหรัฐฯ ยังไม่มีเครือข่ายการป้องกันทั่วประเทศอย่างเต็มรูปแบบ แต่สหรัฐฯ ได้ส่งขีปนาวุธ ซึ่งออกแบบมาเพื่อสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือไปยังชายฝั่งตะวันตกแล้ว
ทีมต่างประเทศ
CR:AFP,REUTERS
http://www.js100.com/en/site/news/view/36010
สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการปราบปรามกลุ่มมุสลิมนิยมแนวทางรุนแรงเป็นหัวใจนโยบายต่างประเทศ
การปราบปรามกลุ่มมุสลิมนิยมแนวทางรุนแรงจะเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจะสนับสนุนพันธมิตรเก่าและสร้างพันธมิตรใหม่ ตลอดจนสร้างความเป็นเอกภาพให้แก่โลกที่มีอารยธรรมในการปราบปรามภัยคุกคามจากกลุ่มญิฮัด
ถ้อยแถลงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งใจจะทำงานร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แม้รัฐบาลสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะทักท้วงกลยุทธซึ่งรัสเซียใช้ในการปกป้องการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอะซัด ของซีเรียว่าโหดเหี้ยมจนสร้างความบาดหมางให้แก่กลุ่มสายกลางในซีเรีย และเสริมสร้างสถานะความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มรัฐอิสลาม หรือ IS
นอกจากนี้ แถลงการณ์นโยบายฉบับแรก ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของทำเนียบขาว ยังระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะสร้างความเป็นมหาอำนาจทางทหารขึ้นมาใหม่ พร้อมเสริมสร้างขีดความสามารถในการต่อต้านขีปนาวุธ และให้ความสำคัญกับการปราบปรามกลุ่ม IS เป็นอันดับแรก โดยจะเลิกจำกัดงบประมาณใช้จ่ายด้านกลาโหม และวางแผนพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธ เพื่อป้องกันการโจมตีจากอิหร่าน เกาหลีเหนือ และประเทศอื่นๆ ตลอดจนถึงการพัฒนาขีดความสามารถในการทำสงครามไซเบอร์ หลังหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเจาะระบบคอมพิวเตอร์พรรคการเมือง ทั้งนี้ แม้สหรัฐฯ ยังไม่มีเครือข่ายการป้องกันทั่วประเทศอย่างเต็มรูปแบบ แต่สหรัฐฯ ได้ส่งขีปนาวุธ ซึ่งออกแบบมาเพื่อสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือไปยังชายฝั่งตะวันตกแล้ว
ทีมต่างประเทศ
CR:AFP,REUTERS
http://www.js100.com/en/site/news/view/36010