สวัสดีวันเสาร์ที่ 21/01/2560 ครับ...
สำหรับเหล่าสมาชิกพันทิพห้องศาสนา..และบรรดาผู้สนใจและติดตามคดีของหลวงพี่ธัมมชโย...ที่ต้องถือว่าเป็น
“มหากาพย์คดีแห่งแผ่นดิน” ที่น่าติดตามและยาวยืดเยื้อที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
คดีนี้...ว่าด้วยความคืบหน้า หากดูจากผิวน้ำก็ดูราวกับคลื่นสงบเรียบใสราวกระจก...แต่ลึกลงใต้น้ำนิ่งก็ยังมีกระแสคลื่นยักษ์ที่รอตวัดตัวขึ้นผิวน้ำให้โครมครามได้อาจจะในเวลาไม่ช้าจากนี้
บรรดาร้อยกว่าข้อหา....หลายคดี หลากกรรม..ต่างวาระ ทำให้เหล่าบรรดา สาวก..สาวิกา ของภิกษุที่ถูกหลากคดีทางโลกโจทก์ใส่.... เริ่มพากันลังเลกันไปในหลายทิศทาง...
ทางเดิมคือ
กลุ่มแรก สาวกผู้คลั่งไคล้...กลุ่มนี้ ยกให้เป็นกลุ่มเดิมที่ถูกแบ่งออกเป็นสารพัน กองพัน,กองพล แถมยังมีกองพลน้อย ซึ่งว่ากันตามปัจจุบันคงเหลือกันไม่กี่คน
กลุ่มที่สองคือ กลุ่มลังเล..ชั่งใจ กลุ่มนี้ ออกแนวกลางๆ ยังไม่ถึงขนาดตกหลุมมนต์สะกดหน้าคะมำดำปื้ดแบบกลุ่มแรก ..เหตุเพราะยังเสพข้อมูลในหลาย ๆ ด้าน และเริ่มประมวลข้อเท็จจริงต่าง ๆ มาประกอบ ..โดยเฉพาะกรณี
“เผ่น” เอาตัวรอดของหลาย ๆคน ที่ถือเป็นคีย์แมนองค์กร...ที่เปรียบดั่งแม่ทัพนายกองที่ยังไม่ทันได้ประลองศึกก็ดันเผ่นไม่เห็นฝุ่น.... แบบนี้ไม่ต้องเปิดพิชัยสงคราม ก็คงเดาได้ว่าบรรดานักรบล่างๆที่รอคำสั่งแบบในหนังว่า
“สู้ตายๆๆ!” ต้องกระพริบตาถี่ในความเงียบสงัด...กลุ่มนี้มีจำนวนก็ไม่น้อยทีเดียว
กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มทุนใหญ่ต่าง ๆ และบางคนที่อยู่ในภาครัฐที่แอบสนับสนุน.. พวกนี้ ฉลาด ...รุ้จักเวลา
“รุกรับจับประเด็น” ได้รวดเร็ว... ถ้าขืนออกตัวเร็วทำเป็นฮีโร่นำ ถือว่าเสี่ยง อยู่เงียบ ๆ ดุเชิงไปก่อน ...แต่ถ้าแนวโน้มกองทัพพัง...ส่วนใหญ่กลุ่มพวกนี้นกรู้และจะรอดเสมอ
กลุ่มที่สี่ คือ กลุ่มใหญ่ที่สุดคือบรรดาผู้ที่เคยเข้าออกสวดมนต์..ทำบุญสารพัน ทั้งบุญประจำ..บุญพิเศษ...สารพันอีเว้นท์ นับเป็นกลุ่มชาวบ้านร้านตลาดที่นับถือและศรัทธาซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ...
กลุ่มเหล่านี้จะมีพลังขับเคลื่อนได้ก็ต่อเมื่อมีห่วงโซ่ที่คอยประสานชักน้ำให้ ผ่านทางแกนนำของสื่อสารองค์กร ..ลงมาตามระดับจังหวัด ซึงเอาเข้าจริงกลุ่มนี้ก็ยังไม่ถือว่าจะสามารถสร้างอำนาจต่อรองอะไรได้ ...เพราะแขนขาอย่างสื่อสารก็ถูกรัฐฯ ตัดทิ้ง เหลือเฉพาะกลุ่มทีใช้โซเชียล ซึ่งหากเกิดระดมพลขึ้นจริง และฝ่ายรัฐฯ เห็นว่าจำเป็นต้องหยุดกลุ่มนี้..พวกเค้าจะสามารถหยุดกลุ่มคนเหล่านี้ได้ ณ ต้นทางได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
และที่น่าสนใจคือ..จากนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้น..... ต้องลุ้น หมายค้น ครั้งใหม่ละครับ!!
เพราะค้นครั้งนี้ มีเรื่องการปิดหมายอายัดสารพันทั้งทรัพย์สินและสถานที่ไว้แล้ว.... จึงเป็นเรื่องง่ายกว่าทุกครั้ง โดยเฉพาะในแง่ทางกฎหมาย!
เพราะปิดหมายห้ามเคลื่อนย้ายถ่ายลบหรือใช้สอย ทรัพย์สิน..สถานที่ นั่นหมายถึง เจ้าพนักงานมีคำสั่งให้ บุคคลใดออกจากสถานที่นั้น ๆ ได้อย่างถูกกฎหมายได้แบบไม่ต้องพึ่ง ม.44
ดังนั้น เมื่อมีคำสั่งห้ามใช้...แต่ยังขืนดันทุรังจะหลับหูหลับตาสวดมนต์แบบไม่ดูกาละ...แบบนี้ ไม่ยาก..ข้อหา
“ขัดขืน” ก็ตามมา
โดยเฉพาะ ..พวกที่ชี้ชวน..ชักนำ บอก
“มาเถอะๆ ...มาสวดมนต์กัน” พวกนี้จะถือเป็นพวกแรกที่เข้าข่าย
ส่วนระดับคีย์แมน...นั่นเค้าสบาย เพราะมีแบ็คอัพดี ..พามุดรั้ว...ออกทิศตะวันตก..ไปขึ้นเครื่องบินตะวันออก ..แผล่บเดียวเดี๋ยวก็ถึง
“ฝรั่งเศส” สบายๆ
แต่ระดับชาวบ้าน... ทุ่มสุดฤทธิ์ปิดบัญชีโลก เพราะรักหลวงพ่อ..... ยอมอุทิศชีวิตปกป้องอย่างสุดกำลัง....แต่กำลังหนุนด้านบารมียังไม่ถึง ...แผล่บเดียวเหมือนกัน แต่เป็น
“หมายเรียก” ถึงบ้าน!
ดังนั้น...อย่าได้สงสัยเลยว่า คดีความทำไมมันถึงได้กระเถิบขึ้นเป็นร้อย!! …… เพราะหมายค้นเที่ยวหน้าออก ถ้าจะลองของ เอาสแลนมาคลุมถนน..หรือปิดประตูลงโซ่ ..เอารถมาจอดขวาง..เอาคอนเทรนเนอร์มาอุดช่อง....ก็ลองดูอีกที เที่ยวนี้จะได้รู้ว่า จากร้อยกว่าคดี....เป็น
“หลายร้อย!” มันเกิดได้อย่างไรและ “เพราะใคร!?”
สิ่งที่อยากฝาก ..โดยเฉพาะ เพื่อนร่วมศาสนิกในฐานะกัลยาณชนด้วยกัน....ต้องหมั่นระลึกไว้เสมอว่า วัดพระธรรมกาย ก็คือวัด ไม่ใช่ นครรัฐวาติกัน ที่จะมีอธิปไตยปกครองกันเองได้ซะเมื่อไหร?
คนที่ศรัทธาวัดธรรมกาย แท้จริงก็คือ คนไทย ซึ่งมีหลากหลายชาติพันธุ์ ไทยจีน ม้ง,เย้า,กระเหรี่ยง ฯลฯ ไม่ใช่เลียนแบบคัดเอาแต่ พวกเลือดอารยัน แบบที่อยากฮิตเล่อร์อยากให้เป็นซะเมื่อไหร่...
ฮิตเล่อร์....ล้างสมองคน..เลือกแต่คนที่มีระดับ...มีเงิน มีสมอง ส่วนพวกจน ๆ ..แก่เฒ่าทำอะไรไม่ได้ ...เอาไปใส่หลุมฝัง!
ฮิตเลอร์....ล้างสมองเด็ก เปิดโครงการ..สร้างโรงเรียน...ใส่ชุดความคิดฝังหัวแบบซ้ำๆๆ จนกระทั่งเด็กเล็กยังไม่ทันหย่านมตื่นนอนคำแรกต้องชูมือ “ไฮ้!..ฮิตเล่อร์!” เพราะมันฝังหัว
กระบวนการใส่ชุดความคิด...ตอกย้ำคำเดิม ๆ ....ใส่สมองคนวันแล้ววันเล่า... เหล่านี้ เป็นกลยุทธ์ในจิตวิทยาสงครามประเภทหนึ่ง หรือที่ฝรั่งเรียกว่า
"Brainwashed"
“จงรวย ..จงรวย...จงรวย” “หลับตา...ฝันเป็นตุเป็นตะ....”, “วงบุญพิเศษ..เขตจุตจักร” ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนย้ำซ้ำๆๆ จนน่ากลัว!
ภาพละเมอเพ้อพก....วงกลม วนๆๆๆๆๆ นั่นคือเบสิคพื้นฐานของการ
"สะกดจิต"
ผลของการตกหลุมลึกแล้ว... ยากที่จะดึงขึ้นมา ยิ่งแก้กล้า..ยิ่งมีมิจฉามานะ ..... ต้องยอมปล่อยไปตามกรรม
เชื่อผมเถอะ....ถ้ายังมีสติ...ก็ยังทันที่จะถอนตัว......
คนพุทธส่วนใหญ่ที่นับถือพุทธองค์จะเชื่อในหลักเหตุและผลเสมอ .....
และที่สำคัญ เมื่อเชื่อในหลักเหตุและผล เราก็จะไม่เชื่อและศรัทธาในการล้างสมองคน
เพราะคำว่า “สัทธา” มันแปลด้วยตัวเองอยู่แล้วว่า ต้องเชื่ออะไรด้วยเหตุและผล
ถ้าเหตุมันคือ ทำผิดกฎหมาย.... ผล มันก็คือ ถูกดำเนินคดี อันนี้เป็นตรรกะของโลก...เป็นเหตและผลที่มนุษย์ใช้กัน
เหตุและผลนี้..........ก็ต้องใช้กับที่ประเทศไทย เหมือนกันละครับ.
สมองแห่งพุทธปัญญา...อย่าให้ใครมาล้าง!!
สวัสดีวันเสาร์ที่ 21/01/2560 ครับ...
สำหรับเหล่าสมาชิกพันทิพห้องศาสนา..และบรรดาผู้สนใจและติดตามคดีของหลวงพี่ธัมมชโย...ที่ต้องถือว่าเป็น “มหากาพย์คดีแห่งแผ่นดิน” ที่น่าติดตามและยาวยืดเยื้อที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
คดีนี้...ว่าด้วยความคืบหน้า หากดูจากผิวน้ำก็ดูราวกับคลื่นสงบเรียบใสราวกระจก...แต่ลึกลงใต้น้ำนิ่งก็ยังมีกระแสคลื่นยักษ์ที่รอตวัดตัวขึ้นผิวน้ำให้โครมครามได้อาจจะในเวลาไม่ช้าจากนี้
บรรดาร้อยกว่าข้อหา....หลายคดี หลากกรรม..ต่างวาระ ทำให้เหล่าบรรดา สาวก..สาวิกา ของภิกษุที่ถูกหลากคดีทางโลกโจทก์ใส่.... เริ่มพากันลังเลกันไปในหลายทิศทาง...
ทางเดิมคือ กลุ่มแรก สาวกผู้คลั่งไคล้...กลุ่มนี้ ยกให้เป็นกลุ่มเดิมที่ถูกแบ่งออกเป็นสารพัน กองพัน,กองพล แถมยังมีกองพลน้อย ซึ่งว่ากันตามปัจจุบันคงเหลือกันไม่กี่คน
กลุ่มที่สองคือ กลุ่มลังเล..ชั่งใจ กลุ่มนี้ ออกแนวกลางๆ ยังไม่ถึงขนาดตกหลุมมนต์สะกดหน้าคะมำดำปื้ดแบบกลุ่มแรก ..เหตุเพราะยังเสพข้อมูลในหลาย ๆ ด้าน และเริ่มประมวลข้อเท็จจริงต่าง ๆ มาประกอบ ..โดยเฉพาะกรณี “เผ่น” เอาตัวรอดของหลาย ๆคน ที่ถือเป็นคีย์แมนองค์กร...ที่เปรียบดั่งแม่ทัพนายกองที่ยังไม่ทันได้ประลองศึกก็ดันเผ่นไม่เห็นฝุ่น.... แบบนี้ไม่ต้องเปิดพิชัยสงคราม ก็คงเดาได้ว่าบรรดานักรบล่างๆที่รอคำสั่งแบบในหนังว่า “สู้ตายๆๆ!” ต้องกระพริบตาถี่ในความเงียบสงัด...กลุ่มนี้มีจำนวนก็ไม่น้อยทีเดียว
กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มทุนใหญ่ต่าง ๆ และบางคนที่อยู่ในภาครัฐที่แอบสนับสนุน.. พวกนี้ ฉลาด ...รุ้จักเวลา “รุกรับจับประเด็น” ได้รวดเร็ว... ถ้าขืนออกตัวเร็วทำเป็นฮีโร่นำ ถือว่าเสี่ยง อยู่เงียบ ๆ ดุเชิงไปก่อน ...แต่ถ้าแนวโน้มกองทัพพัง...ส่วนใหญ่กลุ่มพวกนี้นกรู้และจะรอดเสมอ
กลุ่มที่สี่ คือ กลุ่มใหญ่ที่สุดคือบรรดาผู้ที่เคยเข้าออกสวดมนต์..ทำบุญสารพัน ทั้งบุญประจำ..บุญพิเศษ...สารพันอีเว้นท์ นับเป็นกลุ่มชาวบ้านร้านตลาดที่นับถือและศรัทธาซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ...
กลุ่มเหล่านี้จะมีพลังขับเคลื่อนได้ก็ต่อเมื่อมีห่วงโซ่ที่คอยประสานชักน้ำให้ ผ่านทางแกนนำของสื่อสารองค์กร ..ลงมาตามระดับจังหวัด ซึงเอาเข้าจริงกลุ่มนี้ก็ยังไม่ถือว่าจะสามารถสร้างอำนาจต่อรองอะไรได้ ...เพราะแขนขาอย่างสื่อสารก็ถูกรัฐฯ ตัดทิ้ง เหลือเฉพาะกลุ่มทีใช้โซเชียล ซึ่งหากเกิดระดมพลขึ้นจริง และฝ่ายรัฐฯ เห็นว่าจำเป็นต้องหยุดกลุ่มนี้..พวกเค้าจะสามารถหยุดกลุ่มคนเหล่านี้ได้ ณ ต้นทางได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
และที่น่าสนใจคือ..จากนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้น..... ต้องลุ้น หมายค้น ครั้งใหม่ละครับ!!
เพราะค้นครั้งนี้ มีเรื่องการปิดหมายอายัดสารพันทั้งทรัพย์สินและสถานที่ไว้แล้ว.... จึงเป็นเรื่องง่ายกว่าทุกครั้ง โดยเฉพาะในแง่ทางกฎหมาย!
เพราะปิดหมายห้ามเคลื่อนย้ายถ่ายลบหรือใช้สอย ทรัพย์สิน..สถานที่ นั่นหมายถึง เจ้าพนักงานมีคำสั่งให้ บุคคลใดออกจากสถานที่นั้น ๆ ได้อย่างถูกกฎหมายได้แบบไม่ต้องพึ่ง ม.44
ดังนั้น เมื่อมีคำสั่งห้ามใช้...แต่ยังขืนดันทุรังจะหลับหูหลับตาสวดมนต์แบบไม่ดูกาละ...แบบนี้ ไม่ยาก..ข้อหา “ขัดขืน” ก็ตามมา
โดยเฉพาะ ..พวกที่ชี้ชวน..ชักนำ บอก “มาเถอะๆ ...มาสวดมนต์กัน” พวกนี้จะถือเป็นพวกแรกที่เข้าข่าย
ส่วนระดับคีย์แมน...นั่นเค้าสบาย เพราะมีแบ็คอัพดี ..พามุดรั้ว...ออกทิศตะวันตก..ไปขึ้นเครื่องบินตะวันออก ..แผล่บเดียวเดี๋ยวก็ถึง “ฝรั่งเศส” สบายๆ
แต่ระดับชาวบ้าน... ทุ่มสุดฤทธิ์ปิดบัญชีโลก เพราะรักหลวงพ่อ..... ยอมอุทิศชีวิตปกป้องอย่างสุดกำลัง....แต่กำลังหนุนด้านบารมียังไม่ถึง ...แผล่บเดียวเหมือนกัน แต่เป็น “หมายเรียก” ถึงบ้าน!
ดังนั้น...อย่าได้สงสัยเลยว่า คดีความทำไมมันถึงได้กระเถิบขึ้นเป็นร้อย!! …… เพราะหมายค้นเที่ยวหน้าออก ถ้าจะลองของ เอาสแลนมาคลุมถนน..หรือปิดประตูลงโซ่ ..เอารถมาจอดขวาง..เอาคอนเทรนเนอร์มาอุดช่อง....ก็ลองดูอีกที เที่ยวนี้จะได้รู้ว่า จากร้อยกว่าคดี....เป็น “หลายร้อย!” มันเกิดได้อย่างไรและ “เพราะใคร!?”
สิ่งที่อยากฝาก ..โดยเฉพาะ เพื่อนร่วมศาสนิกในฐานะกัลยาณชนด้วยกัน....ต้องหมั่นระลึกไว้เสมอว่า วัดพระธรรมกาย ก็คือวัด ไม่ใช่ นครรัฐวาติกัน ที่จะมีอธิปไตยปกครองกันเองได้ซะเมื่อไหร?
คนที่ศรัทธาวัดธรรมกาย แท้จริงก็คือ คนไทย ซึ่งมีหลากหลายชาติพันธุ์ ไทยจีน ม้ง,เย้า,กระเหรี่ยง ฯลฯ ไม่ใช่เลียนแบบคัดเอาแต่ พวกเลือดอารยัน แบบที่อยากฮิตเล่อร์อยากให้เป็นซะเมื่อไหร่...
ฮิตเล่อร์....ล้างสมองคน..เลือกแต่คนที่มีระดับ...มีเงิน มีสมอง ส่วนพวกจน ๆ ..แก่เฒ่าทำอะไรไม่ได้ ...เอาไปใส่หลุมฝัง!
ฮิตเลอร์....ล้างสมองเด็ก เปิดโครงการ..สร้างโรงเรียน...ใส่ชุดความคิดฝังหัวแบบซ้ำๆๆ จนกระทั่งเด็กเล็กยังไม่ทันหย่านมตื่นนอนคำแรกต้องชูมือ “ไฮ้!..ฮิตเล่อร์!” เพราะมันฝังหัว
กระบวนการใส่ชุดความคิด...ตอกย้ำคำเดิม ๆ ....ใส่สมองคนวันแล้ววันเล่า... เหล่านี้ เป็นกลยุทธ์ในจิตวิทยาสงครามประเภทหนึ่ง หรือที่ฝรั่งเรียกว่า "Brainwashed"
“จงรวย ..จงรวย...จงรวย” “หลับตา...ฝันเป็นตุเป็นตะ....”, “วงบุญพิเศษ..เขตจุตจักร” ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนย้ำซ้ำๆๆ จนน่ากลัว!
ภาพละเมอเพ้อพก....วงกลม วนๆๆๆๆๆ นั่นคือเบสิคพื้นฐานของการ "สะกดจิต"
ผลของการตกหลุมลึกแล้ว... ยากที่จะดึงขึ้นมา ยิ่งแก้กล้า..ยิ่งมีมิจฉามานะ ..... ต้องยอมปล่อยไปตามกรรม
เชื่อผมเถอะ....ถ้ายังมีสติ...ก็ยังทันที่จะถอนตัว......
คนพุทธส่วนใหญ่ที่นับถือพุทธองค์จะเชื่อในหลักเหตุและผลเสมอ .....
และที่สำคัญ เมื่อเชื่อในหลักเหตุและผล เราก็จะไม่เชื่อและศรัทธาในการล้างสมองคน
เพราะคำว่า “สัทธา” มันแปลด้วยตัวเองอยู่แล้วว่า ต้องเชื่ออะไรด้วยเหตุและผล
ถ้าเหตุมันคือ ทำผิดกฎหมาย.... ผล มันก็คือ ถูกดำเนินคดี อันนี้เป็นตรรกะของโลก...เป็นเหตและผลที่มนุษย์ใช้กัน
เหตุและผลนี้..........ก็ต้องใช้กับที่ประเทศไทย เหมือนกันละครับ.