ขอเกริ่นก่อนนะคะ กระทู้นี้ จขกท แค่ลองคิดเล่นๆ ดูนะคะ ว่าถ้าเรามองความรักในมุมวิทยาศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จริงๆ ความรักของผู้หญิงในยุคปัจจุบันจะออกมาในรูปแบบไหนกัน ถ้าเราตัดเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก และศีลธรรม จริยธรรมบางส่วนออกไป ภาพจะออกมายังไง
แต่เป็นแค่การสมมุติเล่นๆนะคะ ใครที่อนุรักษ์นิยมก็อย่าเพิ่งด่ากันนะคะ เราไม่ได้จะสนับสนุนให้นำทฤษฏีนี้ไปปฏิบัติจริง แค่อยากแชร์มุมมองของผู้หญิงคนหนึ่งเกี่ยวกับความรัก และภาพที่เกิดขึ้นในในสังคมไทย
ก่อนอื่นถ้าเรามองความรักในมุมวิทยาศาสตร์ เราก็อาจจะสรุปได้ว่า ความรักเป็นกระบวนการที่ ปฏิกิริยาเคมีในสมองสั่งให้มนุษย์แสวงหาคู่เพื่อที่จะสืบพันธ์ ส่งต่อยีนส์ของตนไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป เราจะคัดเลือกคู่ที่ดีที่สุดเพื่อเฟ้นหาพันธุกรรมที่ดีในการส่งต่อยีนส์ของเราต่อไป
ถ้ามองในมุมเศรษฐศาสตร์ที่เน้นให้แสวงหาผลประโยชน์สูงสุดโดยใช้ทรัพยาการน้อยที่สุด เรามองว่าทรัพยากรในที่นี้คือ เวลาในการหาคู่ ผลประโยชน์สูงสุดในที่นี้คือ โอกาสในการคัดเลือกคู่ที่ดีที่สุด
เข้าเรื่องเลยนะคะ ในสังคมไทยที่มองว่าผู้หญิงควรแต่งงานก่อนอายุ 30 ปี รวมไปถึงข้อเท็จตามธรรมชาติเรื่องร่างกายของผู้หญิงที่ว่ามีลูกก่อนอายุ 30 ปี จะดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่จะอุดมสมบูรณ์ที่สุด อันนี้เราขอไม่พูดรวมถึงเรื่องการพึงพาความก้าวหน้าทางการแพทย์สำหรับผู้หญิงที่อายุมากขึ้นแล้วอยากมีลูกนะคะ ทฤษฏีนี้ไม่ได้ใช้กับผู้ชายนะคะ เพราะสังคมไทยไม่ได้กดดันว่าให้ผู้ชายแต่งงานได้ถึงอายุเท่าไหร่
ถ้าเป็นเช่นนี้ ถ้าเราจะมองถึงวัยที่มีผู้หญิงจะมีโอกาสคบหาดูใจแฟนสักคนหนึ่ง ก็คงจะอยู่ที่ช่วงอายุราวๆ 20-30 ปี บวกลบไม่เกิน 2-3 ปี (ไม่นับเด็กกว่านั้นนะคะเพราะยังเป็นวัยเรียนอยู่) เราขอตีคร่าวๆ เป็น 10 ปี หากการคบใครสักคนจนรู้ลึกไปถึงสันดานแท้จริง เราคิดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี เพราะคนเราจะแอ๊บอะไรได้ไม่เกิน 2 ปี
ถ้าผู้หญิงคนนึง มีเวลา 10 ปี คบได้มากสุด 3 คน ในกรณี 3 คนนี้ก็คบแบบว่าแทบจะไม่มีช่วงพักให้โสดเลยนะคะ เลิกปุ๊ป คบใหม่ปั๊ป และถ้า 3 คนนี้ก็ยังไม่ใช่คนที่คิดว่าเหมาะสมที่จะเป็นพ่อของลูก เราก็จะเสียเวลาเพิ่มไปอีก ซึ่งก็จะไม่ได้ตามแผนที่วางไว้ว่าจะแต่งงานหรือมีลูกก่อนอายุ 30 ปี
แต่ถ้าหากในช่วงเวลา 10 ปี นั้น เรามีการคบซ้อนระหว่างที่คบคนนึงอยู่เราก็คบคนอื่นไปด้วย เราก็จะสามารถ คบได้มากถึง 6-7 คน ซึ่งหมายความว่าเราก็จะมีคนที่เป็นตัวเลือกในการเป็นพ่อของลูกมากกว่ามิใช่เหรอคะ
ถ้าเรามองความรักในมุมเศรษฐศาสตร์ ความรักอาจจะออกมาในรูปแบบนี้ก็ได้ จริงมั๊ย ถึงมันอาจจะไม่ช่วยในโลกสงบสุขขึ้น 555 โลกคงดราม่ามากกว่าเดิมอีกหลายเท่า เพื่อนๆคิดยังไงกันกับความรักแบบนี้คะ
เราเลยคิดว่าผู้หญิงที่เจอแฟนคนแรกหรือคนที่ 2 แล้วใช่เลย แต่งงานกับคนนั้น ถือว่าโชคดีมาก ไม่งั้นก็ต้องสวย โสด สตรองกันต่อไป เวลาใครถามว่า มะไหร่จะมี ก็หาได้แคร์ไม่55
P.S. เราเชื่อว่ามีผู้หญิงหลายคนกำลังใช้ทฤษฏีนี้ไปปฏิบัติจริงอยู่
P.S 2 ย้ำว่าไม่ได้สนับสนุนทฤษฏีนี้จ้า แค่คิดเล่นๆ
+++หากมองความรักของผู้หญิงในมุมเศรษฐศาสตร์+++
แต่เป็นแค่การสมมุติเล่นๆนะคะ ใครที่อนุรักษ์นิยมก็อย่าเพิ่งด่ากันนะคะ เราไม่ได้จะสนับสนุนให้นำทฤษฏีนี้ไปปฏิบัติจริง แค่อยากแชร์มุมมองของผู้หญิงคนหนึ่งเกี่ยวกับความรัก และภาพที่เกิดขึ้นในในสังคมไทย
ก่อนอื่นถ้าเรามองความรักในมุมวิทยาศาสตร์ เราก็อาจจะสรุปได้ว่า ความรักเป็นกระบวนการที่ ปฏิกิริยาเคมีในสมองสั่งให้มนุษย์แสวงหาคู่เพื่อที่จะสืบพันธ์ ส่งต่อยีนส์ของตนไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป เราจะคัดเลือกคู่ที่ดีที่สุดเพื่อเฟ้นหาพันธุกรรมที่ดีในการส่งต่อยีนส์ของเราต่อไป
ถ้ามองในมุมเศรษฐศาสตร์ที่เน้นให้แสวงหาผลประโยชน์สูงสุดโดยใช้ทรัพยาการน้อยที่สุด เรามองว่าทรัพยากรในที่นี้คือ เวลาในการหาคู่ ผลประโยชน์สูงสุดในที่นี้คือ โอกาสในการคัดเลือกคู่ที่ดีที่สุด
เข้าเรื่องเลยนะคะ ในสังคมไทยที่มองว่าผู้หญิงควรแต่งงานก่อนอายุ 30 ปี รวมไปถึงข้อเท็จตามธรรมชาติเรื่องร่างกายของผู้หญิงที่ว่ามีลูกก่อนอายุ 30 ปี จะดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่จะอุดมสมบูรณ์ที่สุด อันนี้เราขอไม่พูดรวมถึงเรื่องการพึงพาความก้าวหน้าทางการแพทย์สำหรับผู้หญิงที่อายุมากขึ้นแล้วอยากมีลูกนะคะ ทฤษฏีนี้ไม่ได้ใช้กับผู้ชายนะคะ เพราะสังคมไทยไม่ได้กดดันว่าให้ผู้ชายแต่งงานได้ถึงอายุเท่าไหร่
ถ้าเป็นเช่นนี้ ถ้าเราจะมองถึงวัยที่มีผู้หญิงจะมีโอกาสคบหาดูใจแฟนสักคนหนึ่ง ก็คงจะอยู่ที่ช่วงอายุราวๆ 20-30 ปี บวกลบไม่เกิน 2-3 ปี (ไม่นับเด็กกว่านั้นนะคะเพราะยังเป็นวัยเรียนอยู่) เราขอตีคร่าวๆ เป็น 10 ปี หากการคบใครสักคนจนรู้ลึกไปถึงสันดานแท้จริง เราคิดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี เพราะคนเราจะแอ๊บอะไรได้ไม่เกิน 2 ปี
ถ้าผู้หญิงคนนึง มีเวลา 10 ปี คบได้มากสุด 3 คน ในกรณี 3 คนนี้ก็คบแบบว่าแทบจะไม่มีช่วงพักให้โสดเลยนะคะ เลิกปุ๊ป คบใหม่ปั๊ป และถ้า 3 คนนี้ก็ยังไม่ใช่คนที่คิดว่าเหมาะสมที่จะเป็นพ่อของลูก เราก็จะเสียเวลาเพิ่มไปอีก ซึ่งก็จะไม่ได้ตามแผนที่วางไว้ว่าจะแต่งงานหรือมีลูกก่อนอายุ 30 ปี
แต่ถ้าหากในช่วงเวลา 10 ปี นั้น เรามีการคบซ้อนระหว่างที่คบคนนึงอยู่เราก็คบคนอื่นไปด้วย เราก็จะสามารถ คบได้มากถึง 6-7 คน ซึ่งหมายความว่าเราก็จะมีคนที่เป็นตัวเลือกในการเป็นพ่อของลูกมากกว่ามิใช่เหรอคะ
ถ้าเรามองความรักในมุมเศรษฐศาสตร์ ความรักอาจจะออกมาในรูปแบบนี้ก็ได้ จริงมั๊ย ถึงมันอาจจะไม่ช่วยในโลกสงบสุขขึ้น 555 โลกคงดราม่ามากกว่าเดิมอีกหลายเท่า เพื่อนๆคิดยังไงกันกับความรักแบบนี้คะ
เราเลยคิดว่าผู้หญิงที่เจอแฟนคนแรกหรือคนที่ 2 แล้วใช่เลย แต่งงานกับคนนั้น ถือว่าโชคดีมาก ไม่งั้นก็ต้องสวย โสด สตรองกันต่อไป เวลาใครถามว่า มะไหร่จะมี ก็หาได้แคร์ไม่55
P.S. เราเชื่อว่ามีผู้หญิงหลายคนกำลังใช้ทฤษฏีนี้ไปปฏิบัติจริงอยู่
P.S 2 ย้ำว่าไม่ได้สนับสนุนทฤษฏีนี้จ้า แค่คิดเล่นๆ