`จอร์จ โซรอส` เตือน ตลาดหุ้นเสี่ยงวูบ หลังนโยบาย `ทรัมป์`ยังไม่แน่นอน - อังกฤษออกจากอียู
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า 'จอร์จ โซรอส' มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง เตือนว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นเผชิญความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนเชิงนโยบายของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะเข้าพิธีเข้าสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯในวันนี้ และการออกจากสมาชิกภาพสหภาพยุโรป หรือ อียูของอังกฤษ
โดยนายโซรอสเรียกนายทรัมป์ว่า 'จอมเล่ห์เหลี่ยม' และกล่าวว่า สหรัฐฯได้เลือกผู้นำที่มีลักษณะเป็นเผด็จการ พร้อมกับเตือนว่า นโยบายของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯจะประสบความล้มเหลว เนื่องจากมีความขัดแย้งกันเอง นอกจากนี้รัฐมนตรีและที่ปรึกษาจะทุ่มเถียงกันเอง ดังจะเห็นได้จากการตอบข้อซักถามต่อวุฒิสภา
'ความล้มเหลวทางนโยบายจะทำให้ตลาดหุ้นที่ร้อนแรงมาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากความคาดหวังที่มีนโยบายการลงทุนภาครัฐและการลดข้อจำกัดทางกฎหมายของทรัมป์ ถึงคราวหยุดชะงัก' นายโซรอสกล่าว
ขณะเดียวกันนายโซรอสกล่าวว่า การออกจากอียูของอังกฤษจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่างๆตามมา พร้อมกับคาดว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษจะดำรงตำแหน่งได้ไม่นาน เนื่องจากมีความแตกแยกในคณะรัฐมนตรี
'ความไม่แน่นอนดำเนินมาถึงขีดสุด และความไม่แน่นอนนี้เองที่เป็นศัตรูของการลงทุนระยะยาว ผมไม่คิดว่า ตลาดจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีมากนัก ขณะนี้แม้ยังคงเฉลิมฉลองกันอยู่ แต่เมื่อความจริงปรากฏ ผลต่างๆจะตามมา หากยุโรปแตกแยก ผลที่เกิดขึ้นย่อมไม่ดีนัก แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้พยายามทำให้เห็นว่าทุกอย่างยังดีอยู่ เขาพูดความจริงให้สาธารณชนทราบไม่ได้ การรวมกลุ่มไม่ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างที่ควร' นายโซรอสกล่าว
นอกจากนี้ นายโซรอสกล่าวว่า สำหรับประเทศจีนนั้นในปีนี้จะยังคงไม่เปิดกว้างทางการค้าและเศรษฐกิจอย่างที่ควร แม้จะพยายามปฏิรูปเศรษฐกิจให้หันไปพึ่งพาการบริโภคในประเทศมากขึ้นก็ตาม พร้อมกับคาดว่า จีนจะยังคงประสบความล้มเหลวในการปฏิรูปเศรษฐกิจ และจะยังคงเพิ่มการผลิตสินค้าที่มีอุปทานส่วนเกินมากอยู่แล้ว
ไม่กลัวแรงขายจาก ทรัมป์ขึ้นตำแหน่งเหรอครับ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า 'จอร์จ โซรอส' มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง เตือนว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นเผชิญความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนเชิงนโยบายของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะเข้าพิธีเข้าสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯในวันนี้ และการออกจากสมาชิกภาพสหภาพยุโรป หรือ อียูของอังกฤษ
โดยนายโซรอสเรียกนายทรัมป์ว่า 'จอมเล่ห์เหลี่ยม' และกล่าวว่า สหรัฐฯได้เลือกผู้นำที่มีลักษณะเป็นเผด็จการ พร้อมกับเตือนว่า นโยบายของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯจะประสบความล้มเหลว เนื่องจากมีความขัดแย้งกันเอง นอกจากนี้รัฐมนตรีและที่ปรึกษาจะทุ่มเถียงกันเอง ดังจะเห็นได้จากการตอบข้อซักถามต่อวุฒิสภา
'ความล้มเหลวทางนโยบายจะทำให้ตลาดหุ้นที่ร้อนแรงมาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากความคาดหวังที่มีนโยบายการลงทุนภาครัฐและการลดข้อจำกัดทางกฎหมายของทรัมป์ ถึงคราวหยุดชะงัก' นายโซรอสกล่าว
ขณะเดียวกันนายโซรอสกล่าวว่า การออกจากอียูของอังกฤษจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่างๆตามมา พร้อมกับคาดว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษจะดำรงตำแหน่งได้ไม่นาน เนื่องจากมีความแตกแยกในคณะรัฐมนตรี
'ความไม่แน่นอนดำเนินมาถึงขีดสุด และความไม่แน่นอนนี้เองที่เป็นศัตรูของการลงทุนระยะยาว ผมไม่คิดว่า ตลาดจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีมากนัก ขณะนี้แม้ยังคงเฉลิมฉลองกันอยู่ แต่เมื่อความจริงปรากฏ ผลต่างๆจะตามมา หากยุโรปแตกแยก ผลที่เกิดขึ้นย่อมไม่ดีนัก แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้พยายามทำให้เห็นว่าทุกอย่างยังดีอยู่ เขาพูดความจริงให้สาธารณชนทราบไม่ได้ การรวมกลุ่มไม่ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างที่ควร' นายโซรอสกล่าว
นอกจากนี้ นายโซรอสกล่าวว่า สำหรับประเทศจีนนั้นในปีนี้จะยังคงไม่เปิดกว้างทางการค้าและเศรษฐกิจอย่างที่ควร แม้จะพยายามปฏิรูปเศรษฐกิจให้หันไปพึ่งพาการบริโภคในประเทศมากขึ้นก็ตาม พร้อมกับคาดว่า จีนจะยังคงประสบความล้มเหลวในการปฏิรูปเศรษฐกิจ และจะยังคงเพิ่มการผลิตสินค้าที่มีอุปทานส่วนเกินมากอยู่แล้ว