หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เที่ยว Portland-Seattle 2 สัปดาห์หน้าหนาวฉบับผู้หญิงตัวคนเดียว :)
กระทู้สนทนา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
ภาพถ่าย
ประเทศโปแลนด์
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตของเราซึ่งอยากจะแบ่งปันเรื่องราวจากการไปเที่ยว Portland และ Seattle ในช่วงระยะเวลาประมาณสองสัปดาห์ตั้งแต่ 25 ธันวาคมถึง 6 มกราคม ที่ผ่านมา เราตัดสินใจจะไปใช้ชีวิตล่องลอยที่ไหนสักที่ที่ไม่วุ่นวายมากนัก และเมืองที่เราเลือกจะไปก็คือ Portland ก่อนไปเราทราบคร่าวๆเพียงว่า Portland เป็นเมืองเล็กๆในรัฐ Oregon สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงที่เลือกจะไปเที่ยวคนเดียวแบบเรา และเป็นเมืองที่มีความน่ารักอยู่ไม่น้อย ซึ่งทริปนี้เราพกไปแค่กล้องฟิล์มของเรากับโทรศัพท์มือถือจ้า และค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 31000 บาท ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินเน้อ
Portland เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านความฮิปปี้ฮิปสเตอร์มาก ไม่ว่าจะทั้งตัวเมืองและผู้คน ดูน่ารักและธรรมชาติดีในสายตาเรา และ Potland ยังอยู่ติด Seattle ซึ่งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติก สวยงามและเจริญ ถือเป็นเมืองใหญ่ที่น่าอยู่อันดับต้นๆของอเมริกาด้วย เรากดจองตั๋วไปแบบไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มเลยและไม่ได้วางแผนจะไป Seattle ไว้ด้วย คิดว่าถ้าเงินพอคงไปได้ ทริปนี้ค่อนข้างประหยัด นอนโฮสเทล กินอยู่ง่ายๆ เอาเป็นว่าไม่พูดมากละตามมาดูกันเลยดีกว่าเนอะ
เราไปถึงพอร์ทแลนด์เช้าวันคริสต์มาส สิ่งแรกที่เราสัมผัสเมื่อเหยียบย่าง Portland ก็คือฝนปรอยๆและบรรยากาศสีเทา ครึ้มฟ้าครึ้มฝน พวกร้านต่างๆก็ปิดกันส่วนใหญ่ คือเหงามาก คิดในใจว่าเราคิดถูกรึเปล่าเนี้ยที่เลือกมานี่ และนี่เป็นเหตุผลที่น้อยคนนักเลือกจะมาเที่ยว Portland ในช่วงหน้าหนาว เพราะจริงๆหน้าร้อนจะมีกิจกรรมเด็ดๆเยอะมาก เช่น เทศกาลเบียร์ Saturday market ซึ่งเป็นตลาดที่มีของเก๋ๆให้ดูชมและจับจ่ายรวมถึงได้เจอศิลปินผู้สร้างสรรค์งานอาร์ตต่างๆด้วย
ช่วงที่เราไปนั้นอุณหภูมิอยู่ที่ -6 ถึง 6 องศาเซลเซียสและเจอทั้งลม ทั้งฝน รวมทั้งบรรยากาศเหงาๆ สมกับฉายาเมืองฝนจริงๆ แต่สิ่งที่เราชอบมากคือตึกรามบ้านช่องที่นี่เรียกได้ว่าฮิปจริงๆทั้งสีสัน การตกแต่ง ความเก่าแก่ หรือบางทีก็เพ้นท์กันบนกำแพงนั่นแหละ ตามป้ายต่างๆข้างทางโดยเฉพาะป้ายรถเมล์ หรือแม้กระทั่งถังขยะจะถูกแต่งแต้มสีสันและแปะสติ้กเกอร์เต็มไปหมด ร้านรวงบ้านเรือนก็น่ารักน่าดูชมมุงมิ้งสดใส เราคิดในใจว่าถึงบรรยากาศจะหม่นแค่ไหนเราก็ยังสุขได้อยู่นะเออ
การเดินทางภายในเมืองมีรถสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถบัสและรถรางเล็กที่เรียกว่า Street car ถ้าซื้อตั๋วรถไฟจะสามารถใช้ได้กับทั้งรถบัสและ Street car เพราะตั๋ว Street car จะราคาถูกกว่า เพื่อเป็นการประหยัดเราก็ซื้อแค่ตั๋วแบบวันเดียว 24 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 5 USD เรียกได้ว่าคุ้มค่าจ้าเพราะใช้ได้ครอบคลุมหมด หรือจะเลือกซื้อแบบ 7 วันแบบนี้ก็ได้ ราคาก็จะถูกลงไปอีก และอีกอย่างผู้คนที่นี่ก็ยังชอบปั่นจักรยานกันมาก เราเห็นได้จากภาพจักรยานที่จอดเต็มเมืองซึ่งเราสามารถเช่าเพื่อปั่นได้มีทั้งแบบชั่วโมงและแบบสัปดาห์ให้เลือก ราคาก็ไม่ได้โหดร้ายมากนัก หรือถ้าเอาแบบสบายๆหน่อยก็เรียก Taxi นี่แหละ Taxi ที่นี่เรียกว่า Radio cab หน้าตาน่ารักเชียวล่ะ
หลังจากสำรวจในเมืองกันพอหอมปากหอมคอเราก็เลือดเดินป่าขึ้นหน้า ฟีลอยากเดินป่าเดินเขาก็มา ฮ่า เมื่อหาข้อมูลได้ป่าที่ใกล้ที่สุดก็จัดไป เราเลือกนั่งรถไฟไปลงที่สถานีตรงสวนสัตว์เพื่อเดินเข้าสู่ Washington Park ซึ่งระยะทางก็ไม่ได้โหดมากนัก เรียกว่าเดินออกกำลังเอาเหงื่อนิดๆ ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายเป็นระยะและอากาศหนาวมาก ป่าที่นี่มีมอสเขียวๆชุ่มๆขึ้นอยู่ข้างทางและเกาะตามต้นไม้เต็มไปหมด รวมถึงมีละอองน้ำเล็กๆเกาะ คือเป็นบรรยากาศป่าฝนจริงๆ เราเดินประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเพื่อไปทะลุที่ Forest Park และเดินต่อไปที่จุดชมวิวยอดฮิต Pittock Mansion จริงๆเราจะสามารถมองเห็นวิวเมืองพอร์ทแลนด์ได้จากจุดนี้ ตัว Pittock Mansion นั้นเราคิดว่าเหมือนปราสาทเก่าแก่ที่ตกแต่งสวยงาม มีค่าเข้าแต่เราไม่ได้เข้า แค่เดินชมวิวรอบๆ เพราะประหยัดตังค์ ฮ่าๆ จริงๆไม่เข้าก็แอบย่องดูรอบๆได้นะ แต่ถ้าใครมาเที่ยวแล้วไม่งกแบบเราก็เสียตังค์เข้าไปดูข้างในสวยๆได้จ้า
หืม รูปวิวเมืองพอร์ทแลนด์ท่ามกลางสายฝนนี่ให้หวนคิดถึงจุดชมวิวดอยสุเทพจังหวัดเชียงใหม่มากจ้า ฮ่า ๆ คล้ายกันเหลือเกินแม่คุณ
ถึงเวลาออกนอกเมืองกันบ้าง ด้วยความที่เรานอนโฮสเทลก็ทำให้ได้พบปะผู้คนมากมายหลายชาติ และได้เพื่อนสาวเกาหลีมาคนนึง เลยชวนกันเช่ารถออก Road trip แบบวันเดียวราคาอยู่ที่ประมาณ 48 USD ต่อวัน (หารกันแล้วตกประมาณ 25 USD ต่อคนต่อวันรวมค่าน้ำมัน) วันนั้นเราตั้งใจไปดูแม่น้ำ Columbia Gorge River, Mt.Hood และน้ำตก Mulnomah waterfall ซึ่งเป็นสถานที่ที่สองสาวเห็นพ้องต้องกันว่าอยากไปหลังจากกางข้อมูลเที่ยวของโฮสเทลดู แถมวันนั้นหิมะตกแถวภูเขาและน้ำตกด้วย เรียกว่าไปกันแบบไม่ได้หาข้อมูลกันเล้ย ทุลักทุเลกันหน่อยแต่ก็คุ้มเพราะว่าสวยมากจนต้องร้องกรี้ดในใจ ฮ่าๆ
และสุดท้ายเราก็ไม่ได้ไป Mt. Hood กัน เพราะว่าเย็นมากแล้วและหิมะตกเยอะมากวันนั้น เลยตัดสินใจและชมวิวกันข้างทางก่อนกลับเข้าใน Downtown ก็ได้เห็นบรรยากาศสวยๆริมแม่น้ำก่อนพระอาทิตย์ตกกัน โรแมนติกมากและสวยมาก มีความมุ้งมิ้งในการพูดคุยแลกเปลี่ยนบทสนทนาที่สวยงามกันระหว่างเรากับเพื่อนสาวเกาหลีเป็นสิ่งประกอบฉาก เน่าจริง อันที่จริงแลกกันถ่ายรูปและแบตใกล้จะหมดทั้งแบตมือถือและแบตคนด้วย
เราใช้เวลาช่วงแรกอยู่ที่ Portland จนถึงวันที่ 29 ธันวาคมจึงออกเดินทางต่อไป Seattle เราวางแผนจะนอน Seattle แค่สามคืนและกลับมาพอร์ทแลนด์อีกครั้งในวันที่ 1 มกราคม การเดินทางไป Seattle จะมีรถไฟและรถบัสให้บริการ ส่วนเราเลือกรถบัสที่เรียกว่า Boltbus เพราะว่าราคาถูกสุดละไม่ใช่อะไร ตั๋วราคา 30 USD และใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆจ้า บรรยากาศก็นะ เหมือนนั่งรถเมล์แถวๆภาคเหนือบ้านเราเลย ความคิดถึงบ้านและเพ้อก็มา
ถึงแล้ว Seattle วันแรกเราเข้าไปที่ Washington University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยงามมาก ถ้ามาช่วง Spring คงได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ แต่นั่นแหละนะ มาหน้าหนาวแถมฝนพรำก็ได้อารมณ์เหงาไปอีกแบบ แต่ยังไงก็ยังสวยอยู่ดี! เราใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเดินเล่นที่นั่นและเข้าไปชมห้องสมุดซึ่งเป็นห้องสมุดที่ใช้ถ่ายทำห้องสมุดในหนังเรื่อง Harry Potter ด้วย ให้ตาย เจ้าของกระทู้ไม่เคยรู้มาก่อน นางเป็นแฟนคลับแฮรี่ และตื่นเต้นมาก ฮ่าๆ
เช้าวันแรกที่ Seattle เราตื่นมาเพื่อเดินเล่นใน Park แถวบ้านเพื่อนซึ่งติดกับหาดที่เรียกว่า North beach และติดกับทางรถไฟ เหมือนเดินออกกำลังกายกันจากบ้านเพื่อนมานี่ สวยดีและน้ำเย็นมาก เอามือจุ่มน้ำนี่ให้อารมณ์แบบน้ำแข็งละลาย
จากนั้นเราก็นั่งรถบัสเข้าเมืองไปชมพิพิธภัณฑ์เครื่องบินหรือที่เรียกว่า Museum of flight เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองแรกที่ผลิต Boing ใน USA และยังคงเป็นกำลังสำคัญในการผลิตอยู่ ในพิพิธภัณฑ์ก็จะแบ่งเป็นส่วนของอวกาศ เครื่องบิน และประวัติศาสตร์สงครามต่างๆของโลก เรียกว่าได้ความรู้กันแน่นๆจัดเต็มทุกส่วน คือจริงๆควรใช้เวลาประมานวันเต็มๆถึงจะคุ้มค่ากับการเรียนรู้ที่นี่ ตั๋วเข้าน่าจะประมาน 25 เหรียญ แต่เราได้มาฟรีจากญาติโฮสที่เมืองนี้ ก็เลยประหยัดเงินแถมได้ความรู้และได้พกเพื่อนไปด้วยอีก ยิ้มแก้มแตก
เสร็จจากนี่เราก็ไปเดินเล่นนิดหน่อยช่วงดึกๆก่อนเข้าโฮสเทล ที่นี่ของกินแพงกว่า Portland แถมค่าภาษีก็แพงกว่า แต่เราประหยัดค่าข้าวเช้าเพราะที่โฮสเทลมีให้จัดเต็มมาก ก็กินก่อนออกตะลอนทุกเช้า งกไปอีก
เช้าวันที่ 31 เราเริ่มถือแผนที่และออกเดิน จุดแรกไปที่ตลาดสดก่อน น่าจะเป็นตลาดสดแห่งเดียวที่นี่และที่อเมริกา! ฮ่าๆ บ้านเค้าไม่มีแบบบ้านเราอะเนอะ ตลาดนี้เปิดทั้งวันมีของสดของกินของแฮนด์เมดของฝาก และมีดนตรีสดให้ฟังอีกด้วย ถูกใจก็วางเงินลงกระป๋องให้นักดนตรีไป
จะมีแผงขายปลาและอาหารทะเลซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการโยนปลา ก่อนโยนเค้าจะตะโกนเป็นสัญญาณให้กันแกมหยอกล้อสนุกสนานแล้วโยน เป็นที่ตื่นเต้นวี้ดว้ายของคนซื้อมาก
บรรยากาศในตลาดก็สนุกสนาน มีของให้ชิมจากบางร้าน ถ้าอร่อยถูกใจก็ซื้อกันไป
[เดี๋ยวมาอัพต่อนะจ้ะ รอแป๊บ
]
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวจนเหนื่อย 2 สัปดาห์ กับ USA (Seattle, Portland), Canada (Vancouver, Victoria) ตอนที่ 1
กลับมาพบกันอีกครั้งครับ คราวนี้ผมมีโอกาสกลับไปที่ Seattle อีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกเมื่อปี 2010 ผ่านมา 6 ปี โปรแกรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปจากครั้งแรกเกือบหมดครับ เที่ยวคราวนี้อัดแน่นทุกวันจน
Artygallery
ผู้ชายแบบนี้ ยังพอมีอีกมั้ย 💖
ถ้าเจอผู้ชายแบบนี้ คุณจะประทับใจเค้ามั้ยนึ ความประทับใจแรก เค้าดูเป็นคนสุภาพมาก บนรถไฟมีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 40++ ขึ้นรถมา เดินหาที่นั่ง เผอิญมีที่นั่งตรงข้ามเรา ด้านใน เค้าก็ถามผู้ชายที่นั่งอยู่แ
สมาชิกหมายเลข 7538097
[ManatC, 2024] Part II ลี่เจียง และคุนหมิง
ซึ่งการเดินทางวันที่ 2 ของเรา main หลักคือนั่งรถไฟยาว ๆ และไปนอนบนรถไฟต่อเลย ก็คือเดินทางด้วยรถไฟ D88 จากหลวงพระบาง และเดินทางต่อไปลี่เจียงในวัน
ManatC
My Story #Episode 10 >ลงภาคใต้ครั้งแรก "เขาเหมน" "หาดขนอม-สิชล" "น้ำตกพรหมโลก" นครศรีธรรมราช
ทริปลงภาคใต้ครั้งแรก ปีน "เขาเหมน" ขี่รถเที่ยว "หาดขนอม-สิชล" "น้ำตกพรหมโลก" นครศรีธรรมราช >> มาถึงเรื่องเล่า EP.10 กันแล้วทุกคน สำหรับใครที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่าน EP
หยุดแล้วเที่ยวได้
หนีความวุ่นวาย ไปพักใจที่เชียงคาน
เมืองเล็กริมโขง ที่เงียบแต่ไม่เหงา และอบอุ่นกว่าที่คิด เชียงคาน เมืองเล็กๆ ในจังหวัดเลยที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ด้วยบรรยากาศสงบและอากาศบริสุทธิ์ การมาเที่ยวเชี
สมาชิกหมายเลข 8877011
ถ้ารู้ตารางเดินทางกลับจากอเมริกามาไทยแน่นอนประมาณ 1 ปี ควรซื้อตั๋วเครื่องบินช่วงไหนครับ
ตามหลักคือยิ่งซื้อก่อนนานน่าจะถูก แต่อาจมีบางสายการบินยังไม่เริ่มขายตั๋ว โดยเฉพาะlocal airline หรือมีช่วงไหนที่ราคาตั๋วจะถูกกว่าปกติรึเปล่าครับ ขอบคุณครับ ปล.ผมกลับจาก Portland มาไทยต้องขึ้น Local ai
Shotaro
รีวิว Jurassic World: The Experience Bangkok เที่ยวเกาะไดโนเสาร์แห่งแรกของไทย
ตอนนี้ไทยมีเกาะไดโนเสาร์แห่งแรกที่ Asiatique เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม โดยสามารถซื้อตั๋วที่หน้างาน หรือซื้อล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ก็ได้ แต่ช่วงนี้กำลังฮิต แนะนำให้ซื้อผ่านเว็บไปก่อนครับ ถ้าไปซื้อที
MacroArt
Ep 4 สวิตเซอร์แลนด์สงกรานต์ เที่ยวเองครบรส แดด ฝน หิมะ (Montreux-Gruyere-Morges-Lausanne-Geneva)
Ep1 สวิตเซอร์แลนด์สงกรานต์ เที่ยวเองครบรส แดด ฝน หิมะEp2 สวิตเซอร์แลนด์สงกรานต์ เที่ยวเองครบรส แดด ฝน หิมะ (Zurich - Schaffhausen – Luzern)Ep3 สวิตเซอร์แลนด์สงกรานต์ เที่ยวเองครบรส แดด ฝน หิมะ (
สมาชิกหมายเลข 1675350
เที่ยวนิวซีแลนด์คนเดียว ไม่เช่ารถขับ - วันที่ 6 (Tranzalpine Train to Arthur's Pass)
วันที่ 1 Auckland : https://pantip.com/topic/43478170 วันที่ 2 Waitomo Cave & Hobbiton Movie Set : https://pantip.com/topic/43480784 วันที่ 2 Queenstown : https://pantip.com/topic/43483375 วันที่
สมาชิกหมายเลข 4338506
เดินป่าหน้าฝนเพื่อ "ตามหาหัวใจ" ที่ เปรโต๊ะลอซู อุ้มผาง จ.ตาก
“The storm will pass, but the lessons of the monsoon will stay forever.”." พายุจะพัดผ่านไป แต่บทเรียนจากพายุมรสุม จะคงอยู่ไปตลอดกาล " . ขอเริ่มต้นด้วยโควทเหมือนเดิมตามสไตล์ เป็นโ
แกงเขียนหวานหมูเด้ง
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
ภาพถ่าย
ประเทศโปแลนด์
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 3.6 พัน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เที่ยว Portland-Seattle 2 สัปดาห์หน้าหนาวฉบับผู้หญิงตัวคนเดียว :)
เราไปถึงพอร์ทแลนด์เช้าวันคริสต์มาส สิ่งแรกที่เราสัมผัสเมื่อเหยียบย่าง Portland ก็คือฝนปรอยๆและบรรยากาศสีเทา ครึ้มฟ้าครึ้มฝน พวกร้านต่างๆก็ปิดกันส่วนใหญ่ คือเหงามาก คิดในใจว่าเราคิดถูกรึเปล่าเนี้ยที่เลือกมานี่ และนี่เป็นเหตุผลที่น้อยคนนักเลือกจะมาเที่ยว Portland ในช่วงหน้าหนาว เพราะจริงๆหน้าร้อนจะมีกิจกรรมเด็ดๆเยอะมาก เช่น เทศกาลเบียร์ Saturday market ซึ่งเป็นตลาดที่มีของเก๋ๆให้ดูชมและจับจ่ายรวมถึงได้เจอศิลปินผู้สร้างสรรค์งานอาร์ตต่างๆด้วย
ช่วงที่เราไปนั้นอุณหภูมิอยู่ที่ -6 ถึง 6 องศาเซลเซียสและเจอทั้งลม ทั้งฝน รวมทั้งบรรยากาศเหงาๆ สมกับฉายาเมืองฝนจริงๆ แต่สิ่งที่เราชอบมากคือตึกรามบ้านช่องที่นี่เรียกได้ว่าฮิปจริงๆทั้งสีสัน การตกแต่ง ความเก่าแก่ หรือบางทีก็เพ้นท์กันบนกำแพงนั่นแหละ ตามป้ายต่างๆข้างทางโดยเฉพาะป้ายรถเมล์ หรือแม้กระทั่งถังขยะจะถูกแต่งแต้มสีสันและแปะสติ้กเกอร์เต็มไปหมด ร้านรวงบ้านเรือนก็น่ารักน่าดูชมมุงมิ้งสดใส เราคิดในใจว่าถึงบรรยากาศจะหม่นแค่ไหนเราก็ยังสุขได้อยู่นะเออ
การเดินทางภายในเมืองมีรถสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถบัสและรถรางเล็กที่เรียกว่า Street car ถ้าซื้อตั๋วรถไฟจะสามารถใช้ได้กับทั้งรถบัสและ Street car เพราะตั๋ว Street car จะราคาถูกกว่า เพื่อเป็นการประหยัดเราก็ซื้อแค่ตั๋วแบบวันเดียว 24 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 5 USD เรียกได้ว่าคุ้มค่าจ้าเพราะใช้ได้ครอบคลุมหมด หรือจะเลือกซื้อแบบ 7 วันแบบนี้ก็ได้ ราคาก็จะถูกลงไปอีก และอีกอย่างผู้คนที่นี่ก็ยังชอบปั่นจักรยานกันมาก เราเห็นได้จากภาพจักรยานที่จอดเต็มเมืองซึ่งเราสามารถเช่าเพื่อปั่นได้มีทั้งแบบชั่วโมงและแบบสัปดาห์ให้เลือก ราคาก็ไม่ได้โหดร้ายมากนัก หรือถ้าเอาแบบสบายๆหน่อยก็เรียก Taxi นี่แหละ Taxi ที่นี่เรียกว่า Radio cab หน้าตาน่ารักเชียวล่ะ
หลังจากสำรวจในเมืองกันพอหอมปากหอมคอเราก็เลือดเดินป่าขึ้นหน้า ฟีลอยากเดินป่าเดินเขาก็มา ฮ่า เมื่อหาข้อมูลได้ป่าที่ใกล้ที่สุดก็จัดไป เราเลือกนั่งรถไฟไปลงที่สถานีตรงสวนสัตว์เพื่อเดินเข้าสู่ Washington Park ซึ่งระยะทางก็ไม่ได้โหดมากนัก เรียกว่าเดินออกกำลังเอาเหงื่อนิดๆ ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายเป็นระยะและอากาศหนาวมาก ป่าที่นี่มีมอสเขียวๆชุ่มๆขึ้นอยู่ข้างทางและเกาะตามต้นไม้เต็มไปหมด รวมถึงมีละอองน้ำเล็กๆเกาะ คือเป็นบรรยากาศป่าฝนจริงๆ เราเดินประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเพื่อไปทะลุที่ Forest Park และเดินต่อไปที่จุดชมวิวยอดฮิต Pittock Mansion จริงๆเราจะสามารถมองเห็นวิวเมืองพอร์ทแลนด์ได้จากจุดนี้ ตัว Pittock Mansion นั้นเราคิดว่าเหมือนปราสาทเก่าแก่ที่ตกแต่งสวยงาม มีค่าเข้าแต่เราไม่ได้เข้า แค่เดินชมวิวรอบๆ เพราะประหยัดตังค์ ฮ่าๆ จริงๆไม่เข้าก็แอบย่องดูรอบๆได้นะ แต่ถ้าใครมาเที่ยวแล้วไม่งกแบบเราก็เสียตังค์เข้าไปดูข้างในสวยๆได้จ้า
หืม รูปวิวเมืองพอร์ทแลนด์ท่ามกลางสายฝนนี่ให้หวนคิดถึงจุดชมวิวดอยสุเทพจังหวัดเชียงใหม่มากจ้า ฮ่า ๆ คล้ายกันเหลือเกินแม่คุณ
ถึงเวลาออกนอกเมืองกันบ้าง ด้วยความที่เรานอนโฮสเทลก็ทำให้ได้พบปะผู้คนมากมายหลายชาติ และได้เพื่อนสาวเกาหลีมาคนนึง เลยชวนกันเช่ารถออก Road trip แบบวันเดียวราคาอยู่ที่ประมาณ 48 USD ต่อวัน (หารกันแล้วตกประมาณ 25 USD ต่อคนต่อวันรวมค่าน้ำมัน) วันนั้นเราตั้งใจไปดูแม่น้ำ Columbia Gorge River, Mt.Hood และน้ำตก Mulnomah waterfall ซึ่งเป็นสถานที่ที่สองสาวเห็นพ้องต้องกันว่าอยากไปหลังจากกางข้อมูลเที่ยวของโฮสเทลดู แถมวันนั้นหิมะตกแถวภูเขาและน้ำตกด้วย เรียกว่าไปกันแบบไม่ได้หาข้อมูลกันเล้ย ทุลักทุเลกันหน่อยแต่ก็คุ้มเพราะว่าสวยมากจนต้องร้องกรี้ดในใจ ฮ่าๆ
และสุดท้ายเราก็ไม่ได้ไป Mt. Hood กัน เพราะว่าเย็นมากแล้วและหิมะตกเยอะมากวันนั้น เลยตัดสินใจและชมวิวกันข้างทางก่อนกลับเข้าใน Downtown ก็ได้เห็นบรรยากาศสวยๆริมแม่น้ำก่อนพระอาทิตย์ตกกัน โรแมนติกมากและสวยมาก มีความมุ้งมิ้งในการพูดคุยแลกเปลี่ยนบทสนทนาที่สวยงามกันระหว่างเรากับเพื่อนสาวเกาหลีเป็นสิ่งประกอบฉาก เน่าจริง อันที่จริงแลกกันถ่ายรูปและแบตใกล้จะหมดทั้งแบตมือถือและแบตคนด้วย
เราใช้เวลาช่วงแรกอยู่ที่ Portland จนถึงวันที่ 29 ธันวาคมจึงออกเดินทางต่อไป Seattle เราวางแผนจะนอน Seattle แค่สามคืนและกลับมาพอร์ทแลนด์อีกครั้งในวันที่ 1 มกราคม การเดินทางไป Seattle จะมีรถไฟและรถบัสให้บริการ ส่วนเราเลือกรถบัสที่เรียกว่า Boltbus เพราะว่าราคาถูกสุดละไม่ใช่อะไร ตั๋วราคา 30 USD และใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆจ้า บรรยากาศก็นะ เหมือนนั่งรถเมล์แถวๆภาคเหนือบ้านเราเลย ความคิดถึงบ้านและเพ้อก็มา
ถึงแล้ว Seattle วันแรกเราเข้าไปที่ Washington University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยงามมาก ถ้ามาช่วง Spring คงได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ แต่นั่นแหละนะ มาหน้าหนาวแถมฝนพรำก็ได้อารมณ์เหงาไปอีกแบบ แต่ยังไงก็ยังสวยอยู่ดี! เราใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเดินเล่นที่นั่นและเข้าไปชมห้องสมุดซึ่งเป็นห้องสมุดที่ใช้ถ่ายทำห้องสมุดในหนังเรื่อง Harry Potter ด้วย ให้ตาย เจ้าของกระทู้ไม่เคยรู้มาก่อน นางเป็นแฟนคลับแฮรี่ และตื่นเต้นมาก ฮ่าๆ
เช้าวันแรกที่ Seattle เราตื่นมาเพื่อเดินเล่นใน Park แถวบ้านเพื่อนซึ่งติดกับหาดที่เรียกว่า North beach และติดกับทางรถไฟ เหมือนเดินออกกำลังกายกันจากบ้านเพื่อนมานี่ สวยดีและน้ำเย็นมาก เอามือจุ่มน้ำนี่ให้อารมณ์แบบน้ำแข็งละลาย
จากนั้นเราก็นั่งรถบัสเข้าเมืองไปชมพิพิธภัณฑ์เครื่องบินหรือที่เรียกว่า Museum of flight เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองแรกที่ผลิต Boing ใน USA และยังคงเป็นกำลังสำคัญในการผลิตอยู่ ในพิพิธภัณฑ์ก็จะแบ่งเป็นส่วนของอวกาศ เครื่องบิน และประวัติศาสตร์สงครามต่างๆของโลก เรียกว่าได้ความรู้กันแน่นๆจัดเต็มทุกส่วน คือจริงๆควรใช้เวลาประมานวันเต็มๆถึงจะคุ้มค่ากับการเรียนรู้ที่นี่ ตั๋วเข้าน่าจะประมาน 25 เหรียญ แต่เราได้มาฟรีจากญาติโฮสที่เมืองนี้ ก็เลยประหยัดเงินแถมได้ความรู้และได้พกเพื่อนไปด้วยอีก ยิ้มแก้มแตก
เสร็จจากนี่เราก็ไปเดินเล่นนิดหน่อยช่วงดึกๆก่อนเข้าโฮสเทล ที่นี่ของกินแพงกว่า Portland แถมค่าภาษีก็แพงกว่า แต่เราประหยัดค่าข้าวเช้าเพราะที่โฮสเทลมีให้จัดเต็มมาก ก็กินก่อนออกตะลอนทุกเช้า งกไปอีก
เช้าวันที่ 31 เราเริ่มถือแผนที่และออกเดิน จุดแรกไปที่ตลาดสดก่อน น่าจะเป็นตลาดสดแห่งเดียวที่นี่และที่อเมริกา! ฮ่าๆ บ้านเค้าไม่มีแบบบ้านเราอะเนอะ ตลาดนี้เปิดทั้งวันมีของสดของกินของแฮนด์เมดของฝาก และมีดนตรีสดให้ฟังอีกด้วย ถูกใจก็วางเงินลงกระป๋องให้นักดนตรีไป
จะมีแผงขายปลาและอาหารทะเลซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการโยนปลา ก่อนโยนเค้าจะตะโกนเป็นสัญญาณให้กันแกมหยอกล้อสนุกสนานแล้วโยน เป็นที่ตื่นเต้นวี้ดว้ายของคนซื้อมาก
บรรยากาศในตลาดก็สนุกสนาน มีของให้ชิมจากบางร้าน ถ้าอร่อยถูกใจก็ซื้อกันไป
[เดี๋ยวมาอัพต่อนะจ้ะ รอแป๊บ