
สวัสดีครับทุกๆท่าน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปสถานที่ที่ผมฝันเอาไว้มานานแล้ว เป็นการเดินทางไปยุโรปครั้งแรกและลุยเดี่ยวด้วยครับ นั่นก็คือสวิตเซอร์แลนด์กับอิตาลี โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 28 วันครับ แบ่งเป็นสวิตเซอร์แลนด์ 13 วัน เข้าอิตาลีผ่านทางเมืองอินสบรูคเลยแวะเที่ยว 2 วัน และอยู่ในอิตาลีอีก 13 วัน โดยผมขอรีวิวใสส่วนของสวิตเซอร์แลนด์ก่อนนะครับ
สำหรับจุดหมายปลายทางของผมในประเทศนี้หลักๆก็มีที่ 1. Zurich --> 2. Luzern --> 3. Zermatt --> 4. Lauterbrunnen --> 5. Bern ซึ่งที่ที่ผมหมายหมั้นปั้นมือมากที่สุดก็คือ Zermatt ที่มีเจ้า Matterhorn ครับ ซึ่งผมพักอยู่ที่เมืองนี้ 4 คืนด้วยกัน เดี๋ยวมาดูกันนะครับว่าเมืองนี้มีอะไรให้ทำบ้าง ทำไมผมถึงให้เวลากับที่นี่มากที่สุด

ค่าใช้จ่ายในประเทศสวิสก็ตามตารางนี้เลยครับ (ยังไม่รวมตั๋วเครื่องบิน) ผมทำค่าใช้จ่ายไว้เป็นเงินสกุลสวิสฟรังค์เพื่อความง่ายในการทำงบและคำนวนว่าจะต้องแลกเงินไปเท่าไหร่

ด้วยความที่เดินทางคนเดียวจะเปิดห้องในคนเดียวก็คงสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ผมเลือกที่จะนอนโฮสเทลทั้ง 12 คืน นอกจากจะประหยัดแล้ว ยังมีโอกาสได้คุยกับคนอื่นๆด้วยครับ แต่ก็แลกกับความไม่สะดวกนิดหน่อย โฮสเทลที่ผมไปพักโอเคเกือบทุกที่ครับ ยกเว้นที่ Zurich City Backpacker Biber ไม่โอเคอย่างมาก ห้องนอนคับแคบ ห้องน้ำเล็กมากๆ และไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ มีดีอย่างเดียวคืออยู่ใจกลางเมืองเก่า ใกล้แหล่งที่เที่ยวและร้านอาหาร แต่ก็กลายเป็นข้อเสียเพราะตอนกลางคืนเสียงดังมากครับ
ส่วนค่ากินผมประมาณไว้วันละ 35 CHF ซึ่งพอเอาเข้าจริงๆก็สามารถคุมงบได้ บางวันอาจจะมีหลุดๆบ้างแต่ไม่มาก โดยส่วนมากผมก็ซื้อของกินจากตามซุปเปอร์มาร์เก็ต COOP หรือ Migros เน้นไปที่อาหารแช่เย็น, ไก่ย่าง, อกไก่หมักซอส B.B.Q., ไข่ไก่, แฮม, ไส้กรอก, ชีส, นม, ขนมปัง, ผักสด เนื่องจากผมทำอาหารไม่เป็นเลยต้องหาอะไรที่ทำได้ง่ายๆ แค่เอาไปอุ่นแล้วกินวนๆไปครับ
Zurich Old Town
หลังจากผ่าน ต.ม. และรับกระเป๋าแล้ว ผมก็หาซื้อ swiss pass 15 วัน เป็นอย่างแรกที่ SBB office และซื้อซิมการ์ดของ Swisscom สำหรับไว้เปิด google map และตารางเวลารถไฟ จากนั้นก็นั่งรถไฟมายังสถานี Zurich Hauptbahnhof สถานีหลักของเมือง

เย็นวันแรกผมแค่เดินเล่นรอบๆที่พัก พยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และรูปนี้เป็นวิวจากแถวที่พักครับ

ภายในเมืองจะมีรถรางไฟฟ้าให้บริการ สามารถซื้อตั๋วจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติตามป้ายรถรางได้เลย ส่วนผมมี swiss pass สามารถขึ้นได้ฟรีครับ

วันที่สอง ผมยังคงเดินถ่ายรูปอยู่รอบๆตัวเมืองเก่าในครึ่งเช้าครับ โดยจุดหลักก็คือโบสถ์ Grossmunster ซึ่งเราสามารถขึ้นไปบน Tower เพื่อชมวิวของเมืองซูริคได้ครับ

จากนั้นในช่วงบ่ายผมก็นั่งรถไฟขึ้นเขาไปสถานี Uetilberg แล้วกลับมาถ่ายรูปแถวที่พักในช่วงเย็นอีกครั้งครับ เป็นคืนสุดท้ายในซูริค
Luzern
เช้าวันที่สาม มุ่งหน้าไปยังเมือง Luzern ครับ แค่เดินออกจากสถานีรถไฟลูเซิร์นมาหน่อย ก็เจอสะพาน Kapellbrucke อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ครับ หลังจากผมเอากระเป๋าไปเก็บที่โฮสเทลแล้วก็ออกมาเดินเล่นรอบๆสะพานและเมืองเก่าครับ

ผมเดินเล่นอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่บ่ายแก่ๆจนถึงค่ำครับ นั่งดูชีวิตผู้คน นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปผ่านมา และรอเวลาถ่ายรูปครับ แต่น่าเสียดายวันนี้ฟ้าไม่ระเบิด

เช้าวันถัดมาผมตั้งใจจะไป Mt. Rigi ซึ่ง swiss pass ครอบคลุมตลอดการเดินทางครับ แต่มาสะดุดกับฟ้าระเบิดหน้าที่พักซะก่อน ใจจริงผมอยากจะไปถ่ายแสงเช้าที่สะพาน Kapellbrucke อีกครั้ง แต่ตื่นสายไปหน่อย

จะเดินไปก็คงไม่ทัน เลยได้เป็น Mt. Rigi กับทะเลสาบมาแทน

พอมาถึงสถานีรถไฟลูเซิร์นเลยขอซักหน่อยครับ

จากนั้นก็ขึ้นรถไฟจากสถานี Luzern ไปยังสถานี Arth-Goldau Bahnhof เพื่อต่อรถไฟอีกขบวนขึ้นไปยอดเขาริกิครับ

ผมใช้เวลาไปกับริกิประมาณครึ่งวันแล้วกลับมาถึงลูเซิร์นช่วงบ่ายๆ ผมรีบซื้อของที่จะกินมื้อเย็นและมื้อเช้าของอีกวันจากนั้นรีบกลับโฮสเทล แล้วฝนก็ตกตั้งแต่เย็นไปจนถึงวันรุ่งขึ้น อดเที่ยวเลย แต่ก็ถือเป็นการพักผ่อนเอาแรงก่อนไปลุย Zermatt
ll My Dream Destination - Part 1 : Switzerland ll
สวัสดีครับทุกๆท่าน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปสถานที่ที่ผมฝันเอาไว้มานานแล้ว เป็นการเดินทางไปยุโรปครั้งแรกและลุยเดี่ยวด้วยครับ นั่นก็คือสวิตเซอร์แลนด์กับอิตาลี โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 28 วันครับ แบ่งเป็นสวิตเซอร์แลนด์ 13 วัน เข้าอิตาลีผ่านทางเมืองอินสบรูคเลยแวะเที่ยว 2 วัน และอยู่ในอิตาลีอีก 13 วัน โดยผมขอรีวิวใสส่วนของสวิตเซอร์แลนด์ก่อนนะครับ
สำหรับจุดหมายปลายทางของผมในประเทศนี้หลักๆก็มีที่ 1. Zurich --> 2. Luzern --> 3. Zermatt --> 4. Lauterbrunnen --> 5. Bern ซึ่งที่ที่ผมหมายหมั้นปั้นมือมากที่สุดก็คือ Zermatt ที่มีเจ้า Matterhorn ครับ ซึ่งผมพักอยู่ที่เมืองนี้ 4 คืนด้วยกัน เดี๋ยวมาดูกันนะครับว่าเมืองนี้มีอะไรให้ทำบ้าง ทำไมผมถึงให้เวลากับที่นี่มากที่สุด
ค่าใช้จ่ายในประเทศสวิสก็ตามตารางนี้เลยครับ (ยังไม่รวมตั๋วเครื่องบิน) ผมทำค่าใช้จ่ายไว้เป็นเงินสกุลสวิสฟรังค์เพื่อความง่ายในการทำงบและคำนวนว่าจะต้องแลกเงินไปเท่าไหร่
ด้วยความที่เดินทางคนเดียวจะเปิดห้องในคนเดียวก็คงสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ผมเลือกที่จะนอนโฮสเทลทั้ง 12 คืน นอกจากจะประหยัดแล้ว ยังมีโอกาสได้คุยกับคนอื่นๆด้วยครับ แต่ก็แลกกับความไม่สะดวกนิดหน่อย โฮสเทลที่ผมไปพักโอเคเกือบทุกที่ครับ ยกเว้นที่ Zurich City Backpacker Biber ไม่โอเคอย่างมาก ห้องนอนคับแคบ ห้องน้ำเล็กมากๆ และไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ มีดีอย่างเดียวคืออยู่ใจกลางเมืองเก่า ใกล้แหล่งที่เที่ยวและร้านอาหาร แต่ก็กลายเป็นข้อเสียเพราะตอนกลางคืนเสียงดังมากครับ
ส่วนค่ากินผมประมาณไว้วันละ 35 CHF ซึ่งพอเอาเข้าจริงๆก็สามารถคุมงบได้ บางวันอาจจะมีหลุดๆบ้างแต่ไม่มาก โดยส่วนมากผมก็ซื้อของกินจากตามซุปเปอร์มาร์เก็ต COOP หรือ Migros เน้นไปที่อาหารแช่เย็น, ไก่ย่าง, อกไก่หมักซอส B.B.Q., ไข่ไก่, แฮม, ไส้กรอก, ชีส, นม, ขนมปัง, ผักสด เนื่องจากผมทำอาหารไม่เป็นเลยต้องหาอะไรที่ทำได้ง่ายๆ แค่เอาไปอุ่นแล้วกินวนๆไปครับ
Zurich Old Town
หลังจากผ่าน ต.ม. และรับกระเป๋าแล้ว ผมก็หาซื้อ swiss pass 15 วัน เป็นอย่างแรกที่ SBB office และซื้อซิมการ์ดของ Swisscom สำหรับไว้เปิด google map และตารางเวลารถไฟ จากนั้นก็นั่งรถไฟมายังสถานี Zurich Hauptbahnhof สถานีหลักของเมือง
เย็นวันแรกผมแค่เดินเล่นรอบๆที่พัก พยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และรูปนี้เป็นวิวจากแถวที่พักครับ
ภายในเมืองจะมีรถรางไฟฟ้าให้บริการ สามารถซื้อตั๋วจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติตามป้ายรถรางได้เลย ส่วนผมมี swiss pass สามารถขึ้นได้ฟรีครับ
วันที่สอง ผมยังคงเดินถ่ายรูปอยู่รอบๆตัวเมืองเก่าในครึ่งเช้าครับ โดยจุดหลักก็คือโบสถ์ Grossmunster ซึ่งเราสามารถขึ้นไปบน Tower เพื่อชมวิวของเมืองซูริคได้ครับ
จากนั้นในช่วงบ่ายผมก็นั่งรถไฟขึ้นเขาไปสถานี Uetilberg แล้วกลับมาถ่ายรูปแถวที่พักในช่วงเย็นอีกครั้งครับ เป็นคืนสุดท้ายในซูริค
Luzern
เช้าวันที่สาม มุ่งหน้าไปยังเมือง Luzern ครับ แค่เดินออกจากสถานีรถไฟลูเซิร์นมาหน่อย ก็เจอสะพาน Kapellbrucke อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ครับ หลังจากผมเอากระเป๋าไปเก็บที่โฮสเทลแล้วก็ออกมาเดินเล่นรอบๆสะพานและเมืองเก่าครับ
ผมเดินเล่นอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่บ่ายแก่ๆจนถึงค่ำครับ นั่งดูชีวิตผู้คน นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปผ่านมา และรอเวลาถ่ายรูปครับ แต่น่าเสียดายวันนี้ฟ้าไม่ระเบิด
เช้าวันถัดมาผมตั้งใจจะไป Mt. Rigi ซึ่ง swiss pass ครอบคลุมตลอดการเดินทางครับ แต่มาสะดุดกับฟ้าระเบิดหน้าที่พักซะก่อน ใจจริงผมอยากจะไปถ่ายแสงเช้าที่สะพาน Kapellbrucke อีกครั้ง แต่ตื่นสายไปหน่อย
พอมาถึงสถานีรถไฟลูเซิร์นเลยขอซักหน่อยครับ
จากนั้นก็ขึ้นรถไฟจากสถานี Luzern ไปยังสถานี Arth-Goldau Bahnhof เพื่อต่อรถไฟอีกขบวนขึ้นไปยอดเขาริกิครับ
ผมใช้เวลาไปกับริกิประมาณครึ่งวันแล้วกลับมาถึงลูเซิร์นช่วงบ่ายๆ ผมรีบซื้อของที่จะกินมื้อเย็นและมื้อเช้าของอีกวันจากนั้นรีบกลับโฮสเทล แล้วฝนก็ตกตั้งแต่เย็นไปจนถึงวันรุ่งขึ้น อดเที่ยวเลย แต่ก็ถือเป็นการพักผ่อนเอาแรงก่อนไปลุย Zermatt