ขอเล่าเรื่องของเราก่อนแล้วกันนะคะ พอดีเราเคยมีแฟนมาแค่คนเดียว เรื่องประสบการณ์ความรักมันก็คงจะไม่เท่ากับเพื่อนๆหลายๆคน เราคบมาได้3ปีนิดๆ ตอนคบกันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร คบกันมาตั้งแต่ม.ปลาย เราเจอกันแค่อาทิตย์ละ1-2ครั้ง เพราะเราก็เรียนกันคนละโรงเรียน เค้าโตกว่าเรา 1 ปี ช่วงเค้าเข้ามหาลัยเราค่อนข้างกลัวเนื่องจากเค้าเรียนโรงเรียนชายล้วนมา พอเข้ามหาลัย เราก็กลัวว่าเค้าจะเจอใครใหม่ๆ กังวล เราก็ค่อนข้างจะแสดงตนว่ามีเจ้าของแล้วนิดนึง เช่นลงรูปคู่บ้างอะไรบ้าง เผื่อผู้หญิงคนอื่นเข้ามาดูจะได้รู้ว่า..เออ..ผู้ชายเค้ามีแฟนแล้วนะ ตลอดเวลาที่คบกัน
เราค่อนข้างจะให้พื้นที่ความเป็นส่วนตัวเค้าในระดับหนึ่ง เช่น เวลาเค้าไปเที่ยวกับเพื่อน เราก็ไม่ไปด้วยเพราะเค้าเคยบอกกับเราว่า..เวลาเพื่อนมีเรื่องที่จะคุยกัน มันก็คุยกันไม่ได้ เพราะว่าเราอยู่ นี่เป็นเหตุผลที่เราไม่ไปกับเค้า มันไม่ได้เกิดจากการงอนนะคะ แต่เราเข้าใจ เราเลยไม่ค่อยไปไหนกับเค้ากับเพื่อนเค้า..เพราะเค้าจะได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่จะคุยอะไรก็คุยได้
แฟนเราเป็นคนที่ชอบเตะบอลมากๆ เค้าเคยชวนเราไปดูแต่เราไม่เคยไปเลย เพราะคิดว่าไปแล้วเราก็คงจะนอยไม่มีอะไรทำ แล้วถ้าไปแฟนเราก็ต้องมานั่งเป็นห่วงอีกว่า เราจะเบื่อมั้ย? จะเซงมั้ย? เราเลยเลือกที่จะไม่ไป เพื่อจะได้ไม่เสียบรรยากาศด้วย อีกเหตุผลคือ...มันก็สามารถเป็นช่วงเวลาที่เราสามารถไปใช้ชีวิตส่วนตัวในเวลานั้นได้ อยากจะไปทำอะไรก็ทำได้ ตอนนั้นเราเลยเลือกที่จะไปทำงาน เพราะว่านอกจากจะช่วยฆ่าเวลาและยังเป็นประสบการณ์+ได้เงินอีกด้วย
มันเลยเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาให้เค้าเท่าไหร่ด้วยแหละมั้ง เช่นวันเสาร์เราต้องเจอกัน แต่เราต้องแบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปหาลูกค้า1-2ชั่วโมง และหลังจากเสร็จงาน เราถึงจะไปหาเค้าไปเที่ยวกับเค้า ช่วงนั้นเราก็ไม่ได้ทำงานแค่อย่างเดียว ก็มีขายของบ้าง เราไปรับของมาแล้วก็ให้เค้าช่วยส่ง ส่วนเรื่องกำไร ของชิ้นไหนที่เราให้เค้าไปส่ง เราให้กำไรของชิ้นนั้นกับเค้าทั้งหมด ก็ถือว่าช่วยๆกันไป เราไม่ค่อยคิดมากเรียนนี้อยู่แล้ว เวลาสิ้นเดือนเงินเดือนออกเราก็มักจะพาเค้าไปเลี้ยงข้าวอยู่บ่อยครั้ง หรือบางทีมีทริปไปเที่ยวเราก็เลี้ยงบ้าง เพราะเราถือว่าเออเงินที่หามาเพราะว่าตั้งใจที่จะได้ใช้ด้วยกันไปไหนมาไหนก็สะดวก เพราะเงินที่เราได้มานั้นก็มากด้วยในระดับหนึ่ง ด้วยความที่เราไม่ใช่คนที่จะใช้จ่ายซื้อของอะไรมาก เงินส่วนใหญ่เลยจะไปอยู่ที่เรื่องกินข้าวเลี้ยงข้าวซะมากกว่า
พอช่วงที่ถึงเวลาที่เราจะต้องเข้ามหาลัยบ้างแล้ว เราก็เริ่มที่จะมีสังคมใหม่ๆ เริ่มไปร้านเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง สำหรับคนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าไปบ่อยนะอาทิตย์ละครั้ง ส่วนงานก็เริ่มไม่ค่อยได้ทำเพราะว่าไม่มีเวลา มหาลัยค่อนข้างเรียนหนักอยู่พอสมควร เราเข้ามหาลัยกันคนละที่กับแฟนเรา ดังนั้นช่วงสอบหรือปิดเทอมมันย่อมจะไม่ตรงกัน ช่วงที่เราเข้ามหาลัยมันก็มีคนที่เข้ามาจีบเราบ้าง เรายอมรับว่าตอนนั้นเราก็มีคุยแต่ก็พยายามให้อยู่ในขอบเขตของเพื่อนกันซะมากกว่า เราเคยชี้ให้แฟนเราดูว่า มีเพื่อนบอกว่านายAชอบเรา ด้วยความที่Aเป็นเพื่อนของเพื่อนเรา เราเลยมีโอกาสได้สนิทกันและดันอยู่หอเดียวกัน เค้าเลยชวนเราไปเรียนพร้อมเค้า ทุกเช้าเราจะติดรถเค้าเข้าไปในมอด้วย วันหนึ่งแฟนเรารู้เรื่องเค้าก็เลยมีเคลียที่หอเรา จำได้ว่าตอนนั้นเราคบกันได้2ปี วันที่มาเคลียเราเกือบจะเลิกกันเลย เพราะเค้าก็ค่อนข้างผิดหวัง วันนั้นมันกลายเป็นวันที่เราต้องเลือก
สุดท้าย..เราเลือกที่จะคบแฟนเราต่อ เพราะว่าเราคิดว่ามันก็แค่เป็นอารมณ์เข้าปีหนึ่งใหม่ๆ ได้เจอคนใหม่ๆ อาจจะแค่ตื่นเต้นกับสังคมมหาลัย แต่มันก็ได้ทำให้รู้ว่า เรารักแฟนเรามากจริงๆ เราได้ทบทวนอะไรหลายๆอย่าง เค้าขอให้เราเลิกยุ่งกับA ไม่ให้ไปเรียนตอนเช้าด้วยกัน ตอนนั้นเราก็ไปบอกกับAว่า เราคงไม่ได้ยุ่งกับแกสักพักนะ...แฟนเราไม่สบายใจเท่าไหร่ ขอโทษด้วยนะเราไม่อยากให้แฟนเราไม่สบายใจ หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยยุ่งกับA แต่เวลาเจอกันก็มีพูดคุยกันบ้าง
เวลาผ่านไปทุกๆอย่างก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ เมื่อเวลาช่วงสอบไม่ตรงกัน เค้าจะสอบก่อนเราปามาน1อาทิตย์แล้วมหาลัยเราค่อยสอบ ช่วงเค้าอ่านหนังสือ เค้าก็ต้องมีเรียนพิเศษ เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะว่าเราก็อยากให้เค้าโฟกัสเรื่องเรียนเหมือนกัน เราก็ไปหาอะไรทำตามสไตล์ของเรา พอเค้าสอบเสร็จ..มันก็เป็นช่วงที่เราจะต้องอ่านหนังสือสอบบ้างแล้ว แต่เค้าก็มีงองแงบ้าง..แต่เราก็จะให้คำตอบเค้าไปว่า"ตอนเธอสอบเราให้เธออ่านหนังสือสอบ..ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องอ่านบ้างแล้วเธอให้เวลาเราหน่อย" เค้าก็จะเข้าใจ ดังนั้นช่วงสอบเราก็จะคุยกันน้อยเพราะเรามีสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบ มีช่วงหนึ่งเราได้รู้จักกับเพื่อนเค้าคนหนึ่งแทนนามว่า"B " แล้วกันเนอะ แต่บอกตามตรงว่าไม่ค่อยชอบหล่อนเท่าไร เพราะว่าดูเป็นคนที่แบบจะไปไหนมาไหน หรือเกิดเหตุการณ์อะไร จะต้องทักมาหาแฟนเราตลอดทั้งวัน เราไม่รู้ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่เค้าดูบอลกันรึป่าวนะ แต่ถ้าคนที่เค้าดูกันจริงๆ เรารู้สึกว่าก็คงรู้ว่าลิงค์อะไรบ้าง แต่นี่Bทักแฟนเรามาตลอดในอะไรหลายๆเรื่อง รวมถึงของลิงค์ดูบอล เราเคยถามแฟนเราว่า "เพื่อนกันจำเป็นต้องรายงานกันทุกอย่างด้วยหรอ?" แฟนเราก็บอกว่า"เพื่อนกันสนิทกันไม่มีอะไรหรอก" ถึงเราจะได้ยินแบบนั้น เราก็ไม่ค่อยชอบใจนักที่ผู้หญิงจะมาสนิทขนาดถึงจะต้องรายงานอะไรแบบนี้ เพราะในความรู้สึกคือ นางต้องชอบแฟนเราแน่ๆ หลายครั้งที่เราจะเจอรูปเวลาถ่ายรูปรวมกับเพื่อน Bจะอยู่ใกล้แฟนเราเสมอแล้วหน้าค่อนข้างใกล้กันมาก อันนี้เราก็บอกแฟนเราว่าเราไม่ชอบเค้าก็พยายามห่างให้เรื่องถ่ายรูป
ผ่านไป1ปี มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องย้ายมหาลัย เราได้ไปเรียนมหาลัยเดียวกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงsummer เราก็ไปเรียนปรับพื้นฐาน ด้วยความที่จะต้องย้ายมาอยู่มหาลัยเดียวกัน เราเลยทำใจแล้วว่า"ที่แฟนเราบอกว่าBเป็นเพื่อน" เราก็เลยคิดว่าไหนๆก็ต้องมาอยู่มหาลัยเดียวกันก็คงต้องเจอกัน เพื่อนก็เพื่อนแหละ และช่วงนั้นเริ่มใกล้ถึงวันเกิดแฟนเราแล้ว เราเลยตั้งใจจะทำเซอไพร์ท เราเลยทักBไปเพราะว่าเราอยากทำเซอไพร์ทให้แฟนเรา เราเลยจะแต่งห้อง เพื่อทำเซอไพร์ท เราเลยอยากให้Bพาแฟนเรามาหาเราให้หน่อย (เรา3คนอยู่หอเดียวกันนะคะ) ก่อนถึงเวลานัด B มาช่วยเราแต่งห้อง วันนั้นทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
ผ่านไป2อาทิตย์ เข้าสู่วันสงกรานต์ เราไปเที่ยววันสงกรานต์กับเพื่อนที่ในกรุงเทพตอนกลางคืน ส่วนแฟนเราไปเที่ยวกับครอบครัว คืนนั้นที่ๆเราไปสัญญาณไม่ดีเนื่องจากน่าจะมีคนใช้สัญญาณเยอะ เลยทำให้โทรไม่ติด พอช่วงดึกๆหน่อยๆมีข้อความส่งมาหาเราว่า "เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเถอะ" พอเราโทรกลับแฟนเราก็ปิดเครื่อง วันนั้นกะว่าจะไปนอนบ้านเพื่อน เราตัดสินใจกลับบ้านไปหาแม่เลย และก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่เราฟัง พอช่วงสงกรานต์ผ่านไปมหาลัยเริ่มเปิดเรียน เราไปมหาลัยเพื่อจะได้ไปเคลียทั้งๆที่เราไม่มีเรียน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราไม่ขับรถเลย เราไปมหาลัยโดยนั่งรถตู้เพราะไม่อยากขับรถและมันอันตรายต่อตัวเองเวลาสุขภาพจิตใจไม่ดี และคำตอบที่เราได้มาคือ "เค้ารู้สึกอยากอยู่คนเดียว" พอเคลียไปเคลียมาเราก็ได้รู้ว่า 'จริงๆแล้วเค้าคุยกับBอยู่' ก่อนที่เค้าจะส่งข้อความบอกเลิกเรา เค้าได้คุยโทรศัพท์ กับB เป็นชั่วโมง ก็คงจะเป็นช่วงที่เรากำลังสนุกกับเพื่อนที่งานสงกรานต์ ตอนนั้นเราพยายามลั้งเค้าอยากให้เค้าทบทวน แต่สุดท้ายเราก็เลิกกันจริงๆ เรามีโอกาสได้คุยกับแม่ของแฟนเรา แม่บอกว่า..แฟนเราเคยบอกแม่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาชอบ แต่เค้าไม่กล้าบอกเรา เพราะว่ากลัวว่าเราจะคิดมาก และผู้หญิงคนนั้นก็ดันมาเป็นเพื่อนในกลุ่มอีกด้วย
ช่วงที่เราทำใจ..เค้ามีทักเรามาบ้างแต่ก็จะบอกกับเราเสมอว่า..เราคิดถึงเธอนะ แต่ไม่ได้อยากกลับมาอาจจะเป็นเพราะเราแค่ผูกพันธ์กัน เราได้แต่ทำใจ พยายามทำใจและพยายามลืม พอใกล้ถึงวันเกิดเราเค้าก็ได้โทรมาหาเราและจะชวนเราไปกินข้าว เราปฏิเสธ เค้าเลยถามว่า 'เธอไม่อยากได้เค้กวันเกิดจากเราแล้วหรอ' แต่เราถามเค้าว่าพร้อมที่จะเจอแล้วหรอ เค้าบอกอืม เราเลยตัดสินใจที่จะไปเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เหมือนเป็นการให้โอกาสตัวเองและเค้า
พอวันที่เราจะต้องเจอ เค้ากลับส่งข้อความมาว่า 'ขอเลื่อนนัดเราคิดดูแล้ว เราว่าเรายังไม่พร้อมเจอ'
เวลาผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ เราคิดว่าเราเริ่มดีขึ้นแล้ว เราเริ่มพร้อมแล้วแหละที่จะเป็นเพื่อนกับเค้าได้ เราเลยทักเค้าไป แต่คำตอบที่ได้กลับมาเราค่อนข้างช็อคมาก เพราะเค้ากลับบอกกับเราว่า เค้าว่าเค้าจะทักเราไปพอดี เค้าเลิกยุ่งกับคนนั้นแล้วนะ เลิกยุ่งตั้งแต่หลังวันเกิดของเราแล้ว เค้าเลยขอโอกาสที่จะกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง เราตอบเค้าไปว่า 'เรายังไม่ค่อยมั่นใจ เราขอเวลาหน่อยได้ไหม ขอลองคุยดูแต่ยังไม่กลับไปคบนะ'
เราก็ได้นัดเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เราได้ขอไปพบแม่เค้าเพราะคิดถึงไม่ได้เจอเลย เค้ากลับไม่ให้เราไป ความรู้สึกวันนั้นคือทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม เหมือนเราพยายามที่จะมีความสุขมากกว่า ระหว่างเค้าขับรถ เราได้เล่นโทรศัพท์เค้า เราเห็นรูปแชทที่คุยกับBที่เค้าได้แคปไว้ เราเลยถามเค้าว่า นี่ยังไม่เคลียตัวเองหนิ แล้วกลับมาทำไม?' เค้าก็บอกว่า 'ยังไม่ได้ลบเฉยๆ' พอเราแยกย้ายกลับบ้านเค้าก็กลายเป็นเริ่มตอบช้า จนเรารู้สึกแปลกๆ เพราะเราเป็นคนที่แบบคิดอะไรรู้สึกยังไงก็พูดสิ เราเลยถามเค้าว่า เป็นอะไร เค้าเลยบอกว่า "ความรู้สึกเวลาอยู่ด้วยกันมันไม่เหมือนเดิม" เราเลยบอกเค้าไปว่า "ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่รู้สึกไม่เหมือนเดิม เราก็เหมือนกัน" เพื่อที่เราจะได้จบกันแบบเรารู้สึกกันไม่เหมือนเดิมนั่นแหละ เลยเลิกกัน ผ่านไป3-4เดือน เราก็ได้รู้ว่า แฟนเรากับBเค้าคบกัน
หลังจากที่เราได้เลิกกับแฟนไป ผ่านไป 2 ปี มันก็มีคนที่เข้ามาจีบเรานะ แต่เรากลับไม่รู้สึกชอบเค้าเลย เรากลายเป็นคนมีมาตรฐานมากกว่าเดิม เหมือนเป็นการสร้างเกาะคุ้มกันให้กับตัวเองด้วยแหละ มันกลายเป็นเหมือนกำแพง กลับเป็นคนที่มีความคิดว่า คนที่มาจีบใครๆก็ทำดีทั้งนั้นแหละ ใครจะมาแสดงด้านไม่ดีให้เราเห็น มันกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยไว้ใจใครเท่าไหร่ และก็เริ่มมีความคิดว่าถ้าจะคบใครสักคนก็คงอยากรู้จักกันไปก่อน เพื่อจะได้รู้จักนิสัยกันมากขึ้น
ความรักพอมันโตขึ้น องค์ประกอบของมันก็คงไม่ใช่แค่ความรู้สึกของคนสองคน มันจะมีองค์ประกอบมากขึ้น ไม่ว่าจะด้านความคิด การวางแผนชีวิต และฐานะ
เรื่อง'ฐานะ' เราไม่ได้โฟกัสว่า..จะต้องเป็นคนที่รวยกว่าเรา เราขอแค่เท่าเทียมกัน เพราะถ้าหากให้คบคนที่รวยกว่า เราก็กลัวที่จะโดนดูถูก เราถึงต้องคอยพัฒนาตัวเองตลอดเวลา เพื่อที่จะทำชีวิตตัวเองให้ดีและมีสิทธิเลือกในสิ่งที่ดีสำหรับตัวเราเอง เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราสร้างมาตรฐานหรือเกาะให้ตัวเองมากไปรึป่าว แต่ถ้าพูดถึงคนที่เข้ามาจีบก็มีบ้าง มีคนที่เข้ามาจีบเรานานพอสมควร แต่เราก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนว่าเราไม่ชอบ รู้สึกแค่อยากเป็นแค่พี่น้องและคงไม่พัฒนาความสัมพันธ์นั้นแน่นอน เนื่องจากด้วยนิสัยแล้วเราไม่สามารถทนกับคนแบบนี้ได้จริงๆ นอกจากนี้ก็มีคนเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ถ้าช่วงไหนเงียบ ก็เงียบไปเลย ด้วยความที่ว่าเราไม่ได้รู้สึกว่าเรารู้สึกดีกับใครเป็นพิเศษเราเลยไม่ลองคบ เพราะเราเป็นคนที่ ถ้าหากจะคบกับใครจริงๆความรู้สึกของเราต้อง ชอบเค้าจริงๆ คุยแล้วต้องคลิ๊กกัน ทำให้ทุกวันนี้เราถึงไม่มีใคร
เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละคะ เลยอยากถามเพื่อนๆว่า เพื่อนคิดยังไงกับความคิดของเรา เพราะบอกตามตรงว่า จริงๆก็เหงาแต่ก็คิดว่าถ้ามีคนเข้ามาแล้วลองคบ และให้ช่วงที่เราคบเป็นการเรียนรู้กัน เราก็คงไม่โอเค เพราะเราไม่อยากคบแล้วต้องเลิก และอีกคำถามนะคะ ถามเพื่อนๆผู้ชายว่า มองผู้หญิงที่มีความคิดแบบเรายังไง ถ้าเป็นคุณ คุณจะจีบเราไหม?
ยาวหน่อยนะคะ^^
ตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่ามา ยังไม่เคยชอบใครหรือมีแฟนใหม่เลยคะ ไม่รู้ว่าเรื่องมากหรืออะไร ขอคำปรึกษาหน่อยคะ
เราค่อนข้างจะให้พื้นที่ความเป็นส่วนตัวเค้าในระดับหนึ่ง เช่น เวลาเค้าไปเที่ยวกับเพื่อน เราก็ไม่ไปด้วยเพราะเค้าเคยบอกกับเราว่า..เวลาเพื่อนมีเรื่องที่จะคุยกัน มันก็คุยกันไม่ได้ เพราะว่าเราอยู่ นี่เป็นเหตุผลที่เราไม่ไปกับเค้า มันไม่ได้เกิดจากการงอนนะคะ แต่เราเข้าใจ เราเลยไม่ค่อยไปไหนกับเค้ากับเพื่อนเค้า..เพราะเค้าจะได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่จะคุยอะไรก็คุยได้
แฟนเราเป็นคนที่ชอบเตะบอลมากๆ เค้าเคยชวนเราไปดูแต่เราไม่เคยไปเลย เพราะคิดว่าไปแล้วเราก็คงจะนอยไม่มีอะไรทำ แล้วถ้าไปแฟนเราก็ต้องมานั่งเป็นห่วงอีกว่า เราจะเบื่อมั้ย? จะเซงมั้ย? เราเลยเลือกที่จะไม่ไป เพื่อจะได้ไม่เสียบรรยากาศด้วย อีกเหตุผลคือ...มันก็สามารถเป็นช่วงเวลาที่เราสามารถไปใช้ชีวิตส่วนตัวในเวลานั้นได้ อยากจะไปทำอะไรก็ทำได้ ตอนนั้นเราเลยเลือกที่จะไปทำงาน เพราะว่านอกจากจะช่วยฆ่าเวลาและยังเป็นประสบการณ์+ได้เงินอีกด้วย
มันเลยเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาให้เค้าเท่าไหร่ด้วยแหละมั้ง เช่นวันเสาร์เราต้องเจอกัน แต่เราต้องแบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปหาลูกค้า1-2ชั่วโมง และหลังจากเสร็จงาน เราถึงจะไปหาเค้าไปเที่ยวกับเค้า ช่วงนั้นเราก็ไม่ได้ทำงานแค่อย่างเดียว ก็มีขายของบ้าง เราไปรับของมาแล้วก็ให้เค้าช่วยส่ง ส่วนเรื่องกำไร ของชิ้นไหนที่เราให้เค้าไปส่ง เราให้กำไรของชิ้นนั้นกับเค้าทั้งหมด ก็ถือว่าช่วยๆกันไป เราไม่ค่อยคิดมากเรียนนี้อยู่แล้ว เวลาสิ้นเดือนเงินเดือนออกเราก็มักจะพาเค้าไปเลี้ยงข้าวอยู่บ่อยครั้ง หรือบางทีมีทริปไปเที่ยวเราก็เลี้ยงบ้าง เพราะเราถือว่าเออเงินที่หามาเพราะว่าตั้งใจที่จะได้ใช้ด้วยกันไปไหนมาไหนก็สะดวก เพราะเงินที่เราได้มานั้นก็มากด้วยในระดับหนึ่ง ด้วยความที่เราไม่ใช่คนที่จะใช้จ่ายซื้อของอะไรมาก เงินส่วนใหญ่เลยจะไปอยู่ที่เรื่องกินข้าวเลี้ยงข้าวซะมากกว่า
พอช่วงที่ถึงเวลาที่เราจะต้องเข้ามหาลัยบ้างแล้ว เราก็เริ่มที่จะมีสังคมใหม่ๆ เริ่มไปร้านเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง สำหรับคนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าไปบ่อยนะอาทิตย์ละครั้ง ส่วนงานก็เริ่มไม่ค่อยได้ทำเพราะว่าไม่มีเวลา มหาลัยค่อนข้างเรียนหนักอยู่พอสมควร เราเข้ามหาลัยกันคนละที่กับแฟนเรา ดังนั้นช่วงสอบหรือปิดเทอมมันย่อมจะไม่ตรงกัน ช่วงที่เราเข้ามหาลัยมันก็มีคนที่เข้ามาจีบเราบ้าง เรายอมรับว่าตอนนั้นเราก็มีคุยแต่ก็พยายามให้อยู่ในขอบเขตของเพื่อนกันซะมากกว่า เราเคยชี้ให้แฟนเราดูว่า มีเพื่อนบอกว่านายAชอบเรา ด้วยความที่Aเป็นเพื่อนของเพื่อนเรา เราเลยมีโอกาสได้สนิทกันและดันอยู่หอเดียวกัน เค้าเลยชวนเราไปเรียนพร้อมเค้า ทุกเช้าเราจะติดรถเค้าเข้าไปในมอด้วย วันหนึ่งแฟนเรารู้เรื่องเค้าก็เลยมีเคลียที่หอเรา จำได้ว่าตอนนั้นเราคบกันได้2ปี วันที่มาเคลียเราเกือบจะเลิกกันเลย เพราะเค้าก็ค่อนข้างผิดหวัง วันนั้นมันกลายเป็นวันที่เราต้องเลือก
สุดท้าย..เราเลือกที่จะคบแฟนเราต่อ เพราะว่าเราคิดว่ามันก็แค่เป็นอารมณ์เข้าปีหนึ่งใหม่ๆ ได้เจอคนใหม่ๆ อาจจะแค่ตื่นเต้นกับสังคมมหาลัย แต่มันก็ได้ทำให้รู้ว่า เรารักแฟนเรามากจริงๆ เราได้ทบทวนอะไรหลายๆอย่าง เค้าขอให้เราเลิกยุ่งกับA ไม่ให้ไปเรียนตอนเช้าด้วยกัน ตอนนั้นเราก็ไปบอกกับAว่า เราคงไม่ได้ยุ่งกับแกสักพักนะ...แฟนเราไม่สบายใจเท่าไหร่ ขอโทษด้วยนะเราไม่อยากให้แฟนเราไม่สบายใจ หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยยุ่งกับA แต่เวลาเจอกันก็มีพูดคุยกันบ้าง
เวลาผ่านไปทุกๆอย่างก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ เมื่อเวลาช่วงสอบไม่ตรงกัน เค้าจะสอบก่อนเราปามาน1อาทิตย์แล้วมหาลัยเราค่อยสอบ ช่วงเค้าอ่านหนังสือ เค้าก็ต้องมีเรียนพิเศษ เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะว่าเราก็อยากให้เค้าโฟกัสเรื่องเรียนเหมือนกัน เราก็ไปหาอะไรทำตามสไตล์ของเรา พอเค้าสอบเสร็จ..มันก็เป็นช่วงที่เราจะต้องอ่านหนังสือสอบบ้างแล้ว แต่เค้าก็มีงองแงบ้าง..แต่เราก็จะให้คำตอบเค้าไปว่า"ตอนเธอสอบเราให้เธออ่านหนังสือสอบ..ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องอ่านบ้างแล้วเธอให้เวลาเราหน่อย" เค้าก็จะเข้าใจ ดังนั้นช่วงสอบเราก็จะคุยกันน้อยเพราะเรามีสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบ มีช่วงหนึ่งเราได้รู้จักกับเพื่อนเค้าคนหนึ่งแทนนามว่า"B " แล้วกันเนอะ แต่บอกตามตรงว่าไม่ค่อยชอบหล่อนเท่าไร เพราะว่าดูเป็นคนที่แบบจะไปไหนมาไหน หรือเกิดเหตุการณ์อะไร จะต้องทักมาหาแฟนเราตลอดทั้งวัน เราไม่รู้ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่เค้าดูบอลกันรึป่าวนะ แต่ถ้าคนที่เค้าดูกันจริงๆ เรารู้สึกว่าก็คงรู้ว่าลิงค์อะไรบ้าง แต่นี่Bทักแฟนเรามาตลอดในอะไรหลายๆเรื่อง รวมถึงของลิงค์ดูบอล เราเคยถามแฟนเราว่า "เพื่อนกันจำเป็นต้องรายงานกันทุกอย่างด้วยหรอ?" แฟนเราก็บอกว่า"เพื่อนกันสนิทกันไม่มีอะไรหรอก" ถึงเราจะได้ยินแบบนั้น เราก็ไม่ค่อยชอบใจนักที่ผู้หญิงจะมาสนิทขนาดถึงจะต้องรายงานอะไรแบบนี้ เพราะในความรู้สึกคือ นางต้องชอบแฟนเราแน่ๆ หลายครั้งที่เราจะเจอรูปเวลาถ่ายรูปรวมกับเพื่อน Bจะอยู่ใกล้แฟนเราเสมอแล้วหน้าค่อนข้างใกล้กันมาก อันนี้เราก็บอกแฟนเราว่าเราไม่ชอบเค้าก็พยายามห่างให้เรื่องถ่ายรูป
ผ่านไป1ปี มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องย้ายมหาลัย เราได้ไปเรียนมหาลัยเดียวกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงsummer เราก็ไปเรียนปรับพื้นฐาน ด้วยความที่จะต้องย้ายมาอยู่มหาลัยเดียวกัน เราเลยทำใจแล้วว่า"ที่แฟนเราบอกว่าBเป็นเพื่อน" เราก็เลยคิดว่าไหนๆก็ต้องมาอยู่มหาลัยเดียวกันก็คงต้องเจอกัน เพื่อนก็เพื่อนแหละ และช่วงนั้นเริ่มใกล้ถึงวันเกิดแฟนเราแล้ว เราเลยตั้งใจจะทำเซอไพร์ท เราเลยทักBไปเพราะว่าเราอยากทำเซอไพร์ทให้แฟนเรา เราเลยจะแต่งห้อง เพื่อทำเซอไพร์ท เราเลยอยากให้Bพาแฟนเรามาหาเราให้หน่อย (เรา3คนอยู่หอเดียวกันนะคะ) ก่อนถึงเวลานัด B มาช่วยเราแต่งห้อง วันนั้นทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
ผ่านไป2อาทิตย์ เข้าสู่วันสงกรานต์ เราไปเที่ยววันสงกรานต์กับเพื่อนที่ในกรุงเทพตอนกลางคืน ส่วนแฟนเราไปเที่ยวกับครอบครัว คืนนั้นที่ๆเราไปสัญญาณไม่ดีเนื่องจากน่าจะมีคนใช้สัญญาณเยอะ เลยทำให้โทรไม่ติด พอช่วงดึกๆหน่อยๆมีข้อความส่งมาหาเราว่า "เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเถอะ" พอเราโทรกลับแฟนเราก็ปิดเครื่อง วันนั้นกะว่าจะไปนอนบ้านเพื่อน เราตัดสินใจกลับบ้านไปหาแม่เลย และก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่เราฟัง พอช่วงสงกรานต์ผ่านไปมหาลัยเริ่มเปิดเรียน เราไปมหาลัยเพื่อจะได้ไปเคลียทั้งๆที่เราไม่มีเรียน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราไม่ขับรถเลย เราไปมหาลัยโดยนั่งรถตู้เพราะไม่อยากขับรถและมันอันตรายต่อตัวเองเวลาสุขภาพจิตใจไม่ดี และคำตอบที่เราได้มาคือ "เค้ารู้สึกอยากอยู่คนเดียว" พอเคลียไปเคลียมาเราก็ได้รู้ว่า 'จริงๆแล้วเค้าคุยกับBอยู่' ก่อนที่เค้าจะส่งข้อความบอกเลิกเรา เค้าได้คุยโทรศัพท์ กับB เป็นชั่วโมง ก็คงจะเป็นช่วงที่เรากำลังสนุกกับเพื่อนที่งานสงกรานต์ ตอนนั้นเราพยายามลั้งเค้าอยากให้เค้าทบทวน แต่สุดท้ายเราก็เลิกกันจริงๆ เรามีโอกาสได้คุยกับแม่ของแฟนเรา แม่บอกว่า..แฟนเราเคยบอกแม่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาชอบ แต่เค้าไม่กล้าบอกเรา เพราะว่ากลัวว่าเราจะคิดมาก และผู้หญิงคนนั้นก็ดันมาเป็นเพื่อนในกลุ่มอีกด้วย
ช่วงที่เราทำใจ..เค้ามีทักเรามาบ้างแต่ก็จะบอกกับเราเสมอว่า..เราคิดถึงเธอนะ แต่ไม่ได้อยากกลับมาอาจจะเป็นเพราะเราแค่ผูกพันธ์กัน เราได้แต่ทำใจ พยายามทำใจและพยายามลืม พอใกล้ถึงวันเกิดเราเค้าก็ได้โทรมาหาเราและจะชวนเราไปกินข้าว เราปฏิเสธ เค้าเลยถามว่า 'เธอไม่อยากได้เค้กวันเกิดจากเราแล้วหรอ' แต่เราถามเค้าว่าพร้อมที่จะเจอแล้วหรอ เค้าบอกอืม เราเลยตัดสินใจที่จะไปเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เหมือนเป็นการให้โอกาสตัวเองและเค้า
พอวันที่เราจะต้องเจอ เค้ากลับส่งข้อความมาว่า 'ขอเลื่อนนัดเราคิดดูแล้ว เราว่าเรายังไม่พร้อมเจอ'
เวลาผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ เราคิดว่าเราเริ่มดีขึ้นแล้ว เราเริ่มพร้อมแล้วแหละที่จะเป็นเพื่อนกับเค้าได้ เราเลยทักเค้าไป แต่คำตอบที่ได้กลับมาเราค่อนข้างช็อคมาก เพราะเค้ากลับบอกกับเราว่า เค้าว่าเค้าจะทักเราไปพอดี เค้าเลิกยุ่งกับคนนั้นแล้วนะ เลิกยุ่งตั้งแต่หลังวันเกิดของเราแล้ว เค้าเลยขอโอกาสที่จะกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง เราตอบเค้าไปว่า 'เรายังไม่ค่อยมั่นใจ เราขอเวลาหน่อยได้ไหม ขอลองคุยดูแต่ยังไม่กลับไปคบนะ'
เราก็ได้นัดเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เราได้ขอไปพบแม่เค้าเพราะคิดถึงไม่ได้เจอเลย เค้ากลับไม่ให้เราไป ความรู้สึกวันนั้นคือทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม เหมือนเราพยายามที่จะมีความสุขมากกว่า ระหว่างเค้าขับรถ เราได้เล่นโทรศัพท์เค้า เราเห็นรูปแชทที่คุยกับBที่เค้าได้แคปไว้ เราเลยถามเค้าว่า นี่ยังไม่เคลียตัวเองหนิ แล้วกลับมาทำไม?' เค้าก็บอกว่า 'ยังไม่ได้ลบเฉยๆ' พอเราแยกย้ายกลับบ้านเค้าก็กลายเป็นเริ่มตอบช้า จนเรารู้สึกแปลกๆ เพราะเราเป็นคนที่แบบคิดอะไรรู้สึกยังไงก็พูดสิ เราเลยถามเค้าว่า เป็นอะไร เค้าเลยบอกว่า "ความรู้สึกเวลาอยู่ด้วยกันมันไม่เหมือนเดิม" เราเลยบอกเค้าไปว่า "ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่รู้สึกไม่เหมือนเดิม เราก็เหมือนกัน" เพื่อที่เราจะได้จบกันแบบเรารู้สึกกันไม่เหมือนเดิมนั่นแหละ เลยเลิกกัน ผ่านไป3-4เดือน เราก็ได้รู้ว่า แฟนเรากับBเค้าคบกัน
หลังจากที่เราได้เลิกกับแฟนไป ผ่านไป 2 ปี มันก็มีคนที่เข้ามาจีบเรานะ แต่เรากลับไม่รู้สึกชอบเค้าเลย เรากลายเป็นคนมีมาตรฐานมากกว่าเดิม เหมือนเป็นการสร้างเกาะคุ้มกันให้กับตัวเองด้วยแหละ มันกลายเป็นเหมือนกำแพง กลับเป็นคนที่มีความคิดว่า คนที่มาจีบใครๆก็ทำดีทั้งนั้นแหละ ใครจะมาแสดงด้านไม่ดีให้เราเห็น มันกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยไว้ใจใครเท่าไหร่ และก็เริ่มมีความคิดว่าถ้าจะคบใครสักคนก็คงอยากรู้จักกันไปก่อน เพื่อจะได้รู้จักนิสัยกันมากขึ้น
ความรักพอมันโตขึ้น องค์ประกอบของมันก็คงไม่ใช่แค่ความรู้สึกของคนสองคน มันจะมีองค์ประกอบมากขึ้น ไม่ว่าจะด้านความคิด การวางแผนชีวิต และฐานะ
เรื่อง'ฐานะ' เราไม่ได้โฟกัสว่า..จะต้องเป็นคนที่รวยกว่าเรา เราขอแค่เท่าเทียมกัน เพราะถ้าหากให้คบคนที่รวยกว่า เราก็กลัวที่จะโดนดูถูก เราถึงต้องคอยพัฒนาตัวเองตลอดเวลา เพื่อที่จะทำชีวิตตัวเองให้ดีและมีสิทธิเลือกในสิ่งที่ดีสำหรับตัวเราเอง เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราสร้างมาตรฐานหรือเกาะให้ตัวเองมากไปรึป่าว แต่ถ้าพูดถึงคนที่เข้ามาจีบก็มีบ้าง มีคนที่เข้ามาจีบเรานานพอสมควร แต่เราก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนว่าเราไม่ชอบ รู้สึกแค่อยากเป็นแค่พี่น้องและคงไม่พัฒนาความสัมพันธ์นั้นแน่นอน เนื่องจากด้วยนิสัยแล้วเราไม่สามารถทนกับคนแบบนี้ได้จริงๆ นอกจากนี้ก็มีคนเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ถ้าช่วงไหนเงียบ ก็เงียบไปเลย ด้วยความที่ว่าเราไม่ได้รู้สึกว่าเรารู้สึกดีกับใครเป็นพิเศษเราเลยไม่ลองคบ เพราะเราเป็นคนที่ ถ้าหากจะคบกับใครจริงๆความรู้สึกของเราต้อง ชอบเค้าจริงๆ คุยแล้วต้องคลิ๊กกัน ทำให้ทุกวันนี้เราถึงไม่มีใคร
เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละคะ เลยอยากถามเพื่อนๆว่า เพื่อนคิดยังไงกับความคิดของเรา เพราะบอกตามตรงว่า จริงๆก็เหงาแต่ก็คิดว่าถ้ามีคนเข้ามาแล้วลองคบ และให้ช่วงที่เราคบเป็นการเรียนรู้กัน เราก็คงไม่โอเค เพราะเราไม่อยากคบแล้วต้องเลิก และอีกคำถามนะคะ ถามเพื่อนๆผู้ชายว่า มองผู้หญิงที่มีความคิดแบบเรายังไง ถ้าเป็นคุณ คุณจะจีบเราไหม?
ยาวหน่อยนะคะ^^