สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกที่หัดมาลองเขียนรีวิวที่นี่ครับ พอดีเป็นช่างภาพสมัครเล่นที่มีใจรักและบ้ากระเป๋ากล้องค่อนข้างมากเลยอยากลองเขียนรีวิวเกี่ยวกับกระเป๋ากล้องที่ใช้ดูครับ ปกติก็ชอบซื้อกระเป๋ากล้องแบบต่างๆและกระเป๋าเดินทางจนเต็มบ้าน หากใครมีข้อเสนอแนะอย่างไร มีประสบการณ์อะไรก็มาแลกเปลี่ยนหรือพูดคุยกันได้นะครับ
ซึ่งการเขียนรีวิวอันนี้จะเน้นจากประสบการณ์การใช้งานจริงๆเลยนะครับ ไม่มีการมโนขึ้นมาแต่อย่างไร เพราะแบกจริง ใช้จริง เขรอะจริง แต่ก็สนุกจริงครับ

ได้มีโอกาสใช้กระเป๋ากล้อง lowepro flipside trek ตัว 350 AW ครับ เอาไปเที่ยวภูกระดึงในช่วงต้นปีครับ อากาศไม่ค่อยเย็นอย่างที่หวังเท่าไหร่แต่ก็สนุกและมีความสุขมากเลยครับ การรับน้ำหนักของกระเป๋าสบายดีครับ แบกไปหนนี้รับน้ำหนักสูงสุดที่ผมสะพายไป 7 กิโลกรัม แบกยาวต่อเนื่อง นานสุดราว5 ชั่วโมงครับ ตัวผมสูง 165 เซนติเมตร หนัก 60 กิโลกกรัมครับ
เกริ่นซะหน่อย
กระเป๋ารุ่น Flipside นั้นเป็นกระเป๋ากล้องซีรี่ที่มีเอกลักษณ์คือการที่ส่วนเปิดเอากล้องนั้นอยู่ติดหลังของผู้สะพายกระเป๋าทำให้ช่างภาพที่ใช้กระเป๋าซีรี่นี้ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนแอบเปิดกระเป๋าหยิบกล้องจากข้างหลังเพราะว่าไม่มีช่องเปิดเชื่อมถึงกับส่วนเก็บกล้องนั่นเอง กระเป๋าซีรี่นี้พัฒนามาหลายรุ่นแล้วจนมาล่าสุดนั้นเป็นรุ่น Flipside trek นั่นเอง
Highlighted Feature ของ Flipside นั้นนอกจากจะเปิดจากด้านหลังได้อย่างเดียวเพื่อความปลอดภัยแล้ว การใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดที่เค้าคิดขึ้น (น่าจะเจ้าแรกนะผมว่า ) คือ การใช้สายรัดเอวรัด แล้วคลายออกเล็กน้อยไม่ให้แน่นมาก แล้วหมุนกระเป๋ากล้องมาข้างหน้าครับ แล้วเปิดข้างหลังออก ก็จะสามารถใช้งานช่องเก็บกล้องได้เต็มที่โดยที่ไม่ต้องวางกระเป๋ากล้องลงเลยครับ เป็นอะไรที่ผมชอบที่สุดเพราะว่า ไม่ชอบวางกระเป๋าลงกับพื้นเปียกหรือฝุ่นครับ และยังสามารถเปลี่ยนเลนสได้สะดวกอีกด้วย

work stationเล็กๆ ที่ไม่ต้องวางกระเป๋า สะดวกดีเวลาต้องการรีบหยิบกล้อง
รูปลักษณ์ภายนอก และทั่วไป
รุ่นก่อนหน้านี้ผมเคยใช้เป็น flipside sport ซึ่งผมชอบมากแต่ว่ากระเป๋าค่อนข้างอ้วนออกทางด้านข้างทำให้คนตัวเล็กแบบผมสะพายแล้วไม่ค่อยหล่อเท่าไหร่นัก พอมารุ่นนี้ได้ปรับปรุงให้มันแคบลง เลยรู้สึกสะพายแล้วมั่นใจขึ้น รูปร่างโดยรวมเหมือนกระเป๋าเดินป่ามากขึ้น บวกกับสีเขียวเทาที่ทำให้ดูเรียบร้อยและเหมาะกับการเดินป่ามากยิ่งขึ้น เหมือนในรุ่นนี้จะมีแค่สีเดียว
กระเป๋ารุ่นนี้มีช่องหลัก 3 ช่อง คือ ช่องเปิดบน ช่องเปิดหน้า และช่องเปิดข้างหลังสำหรับกล้อง
การใช้งาน
อย่างแรกเลยที่ชอบในรุ่นนี้จะมีช่องใส่น้ำที่เอาไว้ใส่ขวดน้ำหรือของที่ต้องการให้หยิบง่ายๆกลับมาแล้ว ดีใจมากครับเพราะผมไม่ได้ใช้พวกถุงน้ำแบบที่คนปีนเขาหรือฝรั่งใช้กัน พื้นที่ด้านข้างในส่วนนี้ก็ยังมีสายรัดให้ด้วยครับทำให้ความสามารถในการใส่ กระเป๋าเล็กเพิ่มหรือรัดขาตั้งกล้องยังทำได้อยู่ ผมชอบตรงนี้ครับ เพราะข้างนึงก็ใส่ขวดน้ำอีกฝั่งหนึ่งก็รัดขาตั้งกล้องไว้

มีสายคาดเอวมาให้ ซึ่งจำเป็นมากสำหรับชาวเอเชียร่างเล็กครับเพราะพวกเราจะรับน้ำหนักของได้ไม่ดีเท่าฝรั่งตัวใหญ่ๆ การมีสายคาดเอวที่รับน้ำหนักได้จริงนั้นจะช่วยแบ่งเบาภาระของไหล่ไม่ให้รับน้ำหนักมากและนานเกินไปครับ ผมเคยกล้ามเนื้อไหล่อักเสบเกือบเดือนเพราะสะพายกระเป๋ากล้องหนักและนานเกินไป
ตัวบุด้านหลังมีการเปลี่ยนใหม่อีกรอบจากแต่ละรุ่น รุ่นนี้ทำให้เกิดช่องระบายอากาศขณะสะพายได้ดีครับ ผมสะพายทั้งวันบนภูกระดึงก็ไม่เหงื่อออกไม่มากเท่าแบบอื่นๆนะ แต่ในflipside sportก็ระบายได้ดีเหมือนกันนะครับ และมีการเสริมความหนาของจุดรับน้ำหนักตรงไหล่ด้านบนให้หนาขึ้น

ด้านหน้า เป็นแบบเรียบๆไม่มีอะไรแต่มีสายรัดให้ 2 สายซึ่งสามารถเอาไว้รัดอุปกรณ์เสริมได้ หรือรัดขาตั้งกล้องก็ได้เช่นกัน ชอบตรงนี้เหมือนกันครับเพราะผมมีพวกกระเป๋าเล็กหรืออุปกรณ์tactical ค่อนข้างเยอะเอาไว้แต่งกระเป๋า ตรงจุดนี้ สายรัดสามารถปลดมาแล้วรัดข้างนอกสำหรับของชิ้นใหญ่หรือสอดกับช่องกลางไว้สำหรับรัดของชิ้นเล็กหรือมีน้ำหนักมากขึ้นได้ครับ

ช่องเปิดบน ไว้ใส่ของใช้และอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งแบ่งเป็นโซนแยกจากข้างล่าง ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ถ้าต้องการ พื้นที่จะแตกต่างกันเล็กน้อยแล้วแต่ขนาดที่ซื้อครับ ถ้ารุ่นของผม เป็นรุ่นกลาง ใส่ได้แน่นสุดคือเสื้อผ้าสำหรับ 2 วัน (อาจจะมีคนแพคได้มากกว่านี้ก็ได้นะ 55)

อันนี้แปลกใหม่หน่อยสำหรับ Lowepro ครับคือ ปกติช่องใส่ถุงกันฝนจะอยู่ล่างสุดของกระเป๋าครับแต่ใบนี้มาอยู่ข้างหลังด้านบนของช่องเปิดบนครับ ทำให้เหมือนได้ช่องเล็กๆพิเศษขึ้นมาอีกช่องซึ่งทำให้เวลาเก็บของสามารถแบ่งของออกไปแอบเก็บในช่องนั้นได้ด้วยเพราะว่าช่องเปิดนั้นค่อนข้างโดนซ่อนไว้ ถ้าไม่มองดีๆอาจจะมองไม่เห็นช่องเก็บถุงกันฝนก็ได้ครับ (ผมเอาไว้แอบเก็บเงินเล็กน้อยแยกไว้ครับ)

ส่วนข้างบนด้านนอกนั้นจะมีที่คล้องให้สำหรับใครที่ต้องการประยุกต์เอาสายมาคล้องหรือเอาไว้คล้องพวก ตะขอห่วง อะไรพวกนี้ครับแต่ว่า จะไม่มีให้ในกระเป๋ารุ่นเล็กสุดนะครับ
สำหรับผม ผมเอาสายอิลาสติคมาคล้องไว้ทั้ง2 ฝั่งแล้วเอาไว้รัดเสื้อหนาวหรือผ้าพันคอครับ สะดวกมากๆ

ช่องเปิดด้านหน้าเป็นพื้นที่ใส่ของใช้อื่นๆเช่นสมุดจดเอกสาร และมีช่องสำหรับใส่ ipad ได้ (ผมเอาไปใส่พวกสมุด field note แทน ) และก็มีช่องเล็กๆสำหรับใส่ของอื่นให้

ช่องหลักข้างหลัง มีความสูงประมาณครึ่งกระเป๋า คือพื้นที่สำหรับใส่กล้องครับ ถ้ารุ่นใหญ่สุดจะมีความลึกพอใส่กล้องรุ่นใหญ่สุดที่มีกริปติดตัวได้ และพอจะใส่ 70-200 สบายๆเลย ของผมรุ่นเล็กลงมาหน่อย ถ้าใส่ 70-200f4 canon + 5D3 ที่มี Lplate จะพอดีแน่นครับ (ตอนซื้อมาจะได้แผ่นกั้นมาถึง 7 แผ่นนะครับ เป็นแบบมีที่ใส่ของ 2 แผ่นครับ )

การออกแบบใหม่เล็กๆของLowepro ที่ชอบอีกที่คือตรงนี้ครับ ที่กันกระแทกของช่องกล้องนั้นจะมีแบบธรรมดาและแบบ ที่เป็นช่องใส่ของในตัวมาให้ สามารถใส่ของเล็กๆ พวกเมมโมรี่การ์ดหรือแบตสำรองได้ครับ

ส่วนเล็กๆที่เพิ่มเข้ามาอีกส่วนคือจุดคล้องตัวล็อคที่ก้นกระเป๋าครับ ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้มีความสามารถมในการบอกแผ่นรองนอน หรือsleeping bag หรือ ขาไฟ ขาตั้งได้อีกที่ก้นกระเป๋าครับ โดยตัวรัดจะรัดกับที่คล้องนี้แล้วไปคล้องกับสายรัดข้างหน้าอีกทีครับ

แน่นอนว่าอย่างไรก็ตาม กระเป๋ารุ่นนี้เองก็มีข้อให้พิจราณาอยู่เช่นกันครับ
- รุ่นนี้ไม่ว่าขนาดไหนก็ไม่มีแบบใส่โน้ตบุคให้นะครับ น่าเสียดาย
- ตัวกระเป๋านั้นค่อนข้างยาวกว่าปกติทำให้เวลาสะพายจะรู้สึกแปลกๆเล็กน้อยเพราะ ฐานสายรัดก็อยู่บนสุด ไม่ใช่ต่ำลงมาทำให้ระยะห่างมากขึ้น
- ช่องซิปที่สายรัดเอว ค่อนข้างเล็ก ต้องเป็นรุ่นใหญ่สุดเท่านั้นถึงจะใส่ของได้หลากหลายครับ ในรุ่น 350 ผมก็เอาไว้ใส่ แบตสำรอง ทิชชู่เช็ดเลนส เศษเหรียญหรือตั๋วโดยสานครับ

- สายหิ้วกระเป๋าข้างบนมีการพัฒนาให้หิ้วได้สบายขึ้นครับไม่เจ็บมือ แต่ก็ยังเรียกว่าเล็กไปนิดหน่อยสำหรับการถือให้สบายมือครับ
- การสบัดกระเป๋ามาเปิดข้างหน้านั้นทำให้โครงกระเป๋าย่นติดกับตัวเรามากขึ้นทำให้ช่องข้างในเล็กลง ใครที่จัดกล้องลงแล้วแน่นมาก จะไม่ค่อยแนะนำครับเพราะถึงเวลาใส่กลับมันจะใส่ไม่ได้ แต่ถ้าซื้อรุ่นใหญ่สุดก็สบายๆครับ
- และเล็กน้อยมากครับคือ คือมีสีเดียว 5555 น่าเสียดายจริงๆครับ
ก็เป็นการใช้งานทั้งหมดเป้ตัวนี้ครับ โดยรวมแล้วผมชอบมากกับรุ่นนี้ ตอบโจทย์ความต้องการของผมได้ทั้งหมดในขณะที่รุ่นอื่นๆจะมีนิดขาดหน่อย ในที่สุดรุ่นนี้ก็ตอบได้หมดครับผม อาจจะมีข้อด้อยบ้างเล็กน้อยแต่ก็นั่นแหละครับไม่มีการออกแบบใดที่ดีสมบูรณ์ครับ ใบนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสะพายเป้กล้องเที่ยวแบบหลายวันได้เป็นอย่างดี
มาดูกันครับว่ามีอะไรในกระเป๋าบ้างกับทริปหนนี้ จากภาพนี้ยังขาดอีก 2 อย่างนะครับ คือ ขาตั้งกล้อง กับขวดน้ำ และยังว่างพอสำหรับใส่ table อีกครับ แล้วก็ถ้าเป็นรุ่นใหญ่สุด ยังว่างพอใส่บอดี้กล้องได้อีกตัวกับเลนสอีก 2 ตัว เลยครับ

ก็กลายเป็นกระเป๋าหลักสำหรับผมไปครับใบนี้ในตอนนี้ ใบขนาด 350 นั้นน้ำหนักราว 1.4 กิโลกรัม สำหรับผมถือว่าโอเค ใบใหญ่สุดหนักราว 1.7 กิโลกรัม ก็หนักขึ้นมาหน่อย
ใครได้มีโอกาสใช้ใบนี้แล้วก็ลองมาแปลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะครับ ขอบคุณครับผม
และพอดีนี่เป็นกระทู้แรกเลยครับ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัว หากผิดพลาดประการใดรบกวนชี้แนะด้วยครับ
[CR] รีวิวใช้จริง เลอะจริง กระเป๋ากล้อง Lowepro Fliside Trek 350 AW
ซึ่งการเขียนรีวิวอันนี้จะเน้นจากประสบการณ์การใช้งานจริงๆเลยนะครับ ไม่มีการมโนขึ้นมาแต่อย่างไร เพราะแบกจริง ใช้จริง เขรอะจริง แต่ก็สนุกจริงครับ
เกริ่นซะหน่อย
กระเป๋ารุ่น Flipside นั้นเป็นกระเป๋ากล้องซีรี่ที่มีเอกลักษณ์คือการที่ส่วนเปิดเอากล้องนั้นอยู่ติดหลังของผู้สะพายกระเป๋าทำให้ช่างภาพที่ใช้กระเป๋าซีรี่นี้ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนแอบเปิดกระเป๋าหยิบกล้องจากข้างหลังเพราะว่าไม่มีช่องเปิดเชื่อมถึงกับส่วนเก็บกล้องนั่นเอง กระเป๋าซีรี่นี้พัฒนามาหลายรุ่นแล้วจนมาล่าสุดนั้นเป็นรุ่น Flipside trek นั่นเอง
Highlighted Feature ของ Flipside นั้นนอกจากจะเปิดจากด้านหลังได้อย่างเดียวเพื่อความปลอดภัยแล้ว การใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดที่เค้าคิดขึ้น (น่าจะเจ้าแรกนะผมว่า ) คือ การใช้สายรัดเอวรัด แล้วคลายออกเล็กน้อยไม่ให้แน่นมาก แล้วหมุนกระเป๋ากล้องมาข้างหน้าครับ แล้วเปิดข้างหลังออก ก็จะสามารถใช้งานช่องเก็บกล้องได้เต็มที่โดยที่ไม่ต้องวางกระเป๋ากล้องลงเลยครับ เป็นอะไรที่ผมชอบที่สุดเพราะว่า ไม่ชอบวางกระเป๋าลงกับพื้นเปียกหรือฝุ่นครับ และยังสามารถเปลี่ยนเลนสได้สะดวกอีกด้วย
รูปลักษณ์ภายนอก และทั่วไป
รุ่นก่อนหน้านี้ผมเคยใช้เป็น flipside sport ซึ่งผมชอบมากแต่ว่ากระเป๋าค่อนข้างอ้วนออกทางด้านข้างทำให้คนตัวเล็กแบบผมสะพายแล้วไม่ค่อยหล่อเท่าไหร่นัก พอมารุ่นนี้ได้ปรับปรุงให้มันแคบลง เลยรู้สึกสะพายแล้วมั่นใจขึ้น รูปร่างโดยรวมเหมือนกระเป๋าเดินป่ามากขึ้น บวกกับสีเขียวเทาที่ทำให้ดูเรียบร้อยและเหมาะกับการเดินป่ามากยิ่งขึ้น เหมือนในรุ่นนี้จะมีแค่สีเดียว
กระเป๋ารุ่นนี้มีช่องหลัก 3 ช่อง คือ ช่องเปิดบน ช่องเปิดหน้า และช่องเปิดข้างหลังสำหรับกล้อง
การใช้งาน
อย่างแรกเลยที่ชอบในรุ่นนี้จะมีช่องใส่น้ำที่เอาไว้ใส่ขวดน้ำหรือของที่ต้องการให้หยิบง่ายๆกลับมาแล้ว ดีใจมากครับเพราะผมไม่ได้ใช้พวกถุงน้ำแบบที่คนปีนเขาหรือฝรั่งใช้กัน พื้นที่ด้านข้างในส่วนนี้ก็ยังมีสายรัดให้ด้วยครับทำให้ความสามารถในการใส่ กระเป๋าเล็กเพิ่มหรือรัดขาตั้งกล้องยังทำได้อยู่ ผมชอบตรงนี้ครับ เพราะข้างนึงก็ใส่ขวดน้ำอีกฝั่งหนึ่งก็รัดขาตั้งกล้องไว้
มีสายคาดเอวมาให้ ซึ่งจำเป็นมากสำหรับชาวเอเชียร่างเล็กครับเพราะพวกเราจะรับน้ำหนักของได้ไม่ดีเท่าฝรั่งตัวใหญ่ๆ การมีสายคาดเอวที่รับน้ำหนักได้จริงนั้นจะช่วยแบ่งเบาภาระของไหล่ไม่ให้รับน้ำหนักมากและนานเกินไปครับ ผมเคยกล้ามเนื้อไหล่อักเสบเกือบเดือนเพราะสะพายกระเป๋ากล้องหนักและนานเกินไป
ตัวบุด้านหลังมีการเปลี่ยนใหม่อีกรอบจากแต่ละรุ่น รุ่นนี้ทำให้เกิดช่องระบายอากาศขณะสะพายได้ดีครับ ผมสะพายทั้งวันบนภูกระดึงก็ไม่เหงื่อออกไม่มากเท่าแบบอื่นๆนะ แต่ในflipside sportก็ระบายได้ดีเหมือนกันนะครับ และมีการเสริมความหนาของจุดรับน้ำหนักตรงไหล่ด้านบนให้หนาขึ้น
ด้านหน้า เป็นแบบเรียบๆไม่มีอะไรแต่มีสายรัดให้ 2 สายซึ่งสามารถเอาไว้รัดอุปกรณ์เสริมได้ หรือรัดขาตั้งกล้องก็ได้เช่นกัน ชอบตรงนี้เหมือนกันครับเพราะผมมีพวกกระเป๋าเล็กหรืออุปกรณ์tactical ค่อนข้างเยอะเอาไว้แต่งกระเป๋า ตรงจุดนี้ สายรัดสามารถปลดมาแล้วรัดข้างนอกสำหรับของชิ้นใหญ่หรือสอดกับช่องกลางไว้สำหรับรัดของชิ้นเล็กหรือมีน้ำหนักมากขึ้นได้ครับ
ช่องเปิดบน ไว้ใส่ของใช้และอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งแบ่งเป็นโซนแยกจากข้างล่าง ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ถ้าต้องการ พื้นที่จะแตกต่างกันเล็กน้อยแล้วแต่ขนาดที่ซื้อครับ ถ้ารุ่นของผม เป็นรุ่นกลาง ใส่ได้แน่นสุดคือเสื้อผ้าสำหรับ 2 วัน (อาจจะมีคนแพคได้มากกว่านี้ก็ได้นะ 55)
อันนี้แปลกใหม่หน่อยสำหรับ Lowepro ครับคือ ปกติช่องใส่ถุงกันฝนจะอยู่ล่างสุดของกระเป๋าครับแต่ใบนี้มาอยู่ข้างหลังด้านบนของช่องเปิดบนครับ ทำให้เหมือนได้ช่องเล็กๆพิเศษขึ้นมาอีกช่องซึ่งทำให้เวลาเก็บของสามารถแบ่งของออกไปแอบเก็บในช่องนั้นได้ด้วยเพราะว่าช่องเปิดนั้นค่อนข้างโดนซ่อนไว้ ถ้าไม่มองดีๆอาจจะมองไม่เห็นช่องเก็บถุงกันฝนก็ได้ครับ (ผมเอาไว้แอบเก็บเงินเล็กน้อยแยกไว้ครับ)
ส่วนข้างบนด้านนอกนั้นจะมีที่คล้องให้สำหรับใครที่ต้องการประยุกต์เอาสายมาคล้องหรือเอาไว้คล้องพวก ตะขอห่วง อะไรพวกนี้ครับแต่ว่า จะไม่มีให้ในกระเป๋ารุ่นเล็กสุดนะครับ
สำหรับผม ผมเอาสายอิลาสติคมาคล้องไว้ทั้ง2 ฝั่งแล้วเอาไว้รัดเสื้อหนาวหรือผ้าพันคอครับ สะดวกมากๆ
ช่องเปิดด้านหน้าเป็นพื้นที่ใส่ของใช้อื่นๆเช่นสมุดจดเอกสาร และมีช่องสำหรับใส่ ipad ได้ (ผมเอาไปใส่พวกสมุด field note แทน ) และก็มีช่องเล็กๆสำหรับใส่ของอื่นให้
ช่องหลักข้างหลัง มีความสูงประมาณครึ่งกระเป๋า คือพื้นที่สำหรับใส่กล้องครับ ถ้ารุ่นใหญ่สุดจะมีความลึกพอใส่กล้องรุ่นใหญ่สุดที่มีกริปติดตัวได้ และพอจะใส่ 70-200 สบายๆเลย ของผมรุ่นเล็กลงมาหน่อย ถ้าใส่ 70-200f4 canon + 5D3 ที่มี Lplate จะพอดีแน่นครับ (ตอนซื้อมาจะได้แผ่นกั้นมาถึง 7 แผ่นนะครับ เป็นแบบมีที่ใส่ของ 2 แผ่นครับ )
การออกแบบใหม่เล็กๆของLowepro ที่ชอบอีกที่คือตรงนี้ครับ ที่กันกระแทกของช่องกล้องนั้นจะมีแบบธรรมดาและแบบ ที่เป็นช่องใส่ของในตัวมาให้ สามารถใส่ของเล็กๆ พวกเมมโมรี่การ์ดหรือแบตสำรองได้ครับ
ส่วนเล็กๆที่เพิ่มเข้ามาอีกส่วนคือจุดคล้องตัวล็อคที่ก้นกระเป๋าครับ ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้มีความสามารถมในการบอกแผ่นรองนอน หรือsleeping bag หรือ ขาไฟ ขาตั้งได้อีกที่ก้นกระเป๋าครับ โดยตัวรัดจะรัดกับที่คล้องนี้แล้วไปคล้องกับสายรัดข้างหน้าอีกทีครับ
แน่นอนว่าอย่างไรก็ตาม กระเป๋ารุ่นนี้เองก็มีข้อให้พิจราณาอยู่เช่นกันครับ
- รุ่นนี้ไม่ว่าขนาดไหนก็ไม่มีแบบใส่โน้ตบุคให้นะครับ น่าเสียดาย
- ตัวกระเป๋านั้นค่อนข้างยาวกว่าปกติทำให้เวลาสะพายจะรู้สึกแปลกๆเล็กน้อยเพราะ ฐานสายรัดก็อยู่บนสุด ไม่ใช่ต่ำลงมาทำให้ระยะห่างมากขึ้น
- ช่องซิปที่สายรัดเอว ค่อนข้างเล็ก ต้องเป็นรุ่นใหญ่สุดเท่านั้นถึงจะใส่ของได้หลากหลายครับ ในรุ่น 350 ผมก็เอาไว้ใส่ แบตสำรอง ทิชชู่เช็ดเลนส เศษเหรียญหรือตั๋วโดยสานครับ
- การสบัดกระเป๋ามาเปิดข้างหน้านั้นทำให้โครงกระเป๋าย่นติดกับตัวเรามากขึ้นทำให้ช่องข้างในเล็กลง ใครที่จัดกล้องลงแล้วแน่นมาก จะไม่ค่อยแนะนำครับเพราะถึงเวลาใส่กลับมันจะใส่ไม่ได้ แต่ถ้าซื้อรุ่นใหญ่สุดก็สบายๆครับ
- และเล็กน้อยมากครับคือ คือมีสีเดียว 5555 น่าเสียดายจริงๆครับ
ก็เป็นการใช้งานทั้งหมดเป้ตัวนี้ครับ โดยรวมแล้วผมชอบมากกับรุ่นนี้ ตอบโจทย์ความต้องการของผมได้ทั้งหมดในขณะที่รุ่นอื่นๆจะมีนิดขาดหน่อย ในที่สุดรุ่นนี้ก็ตอบได้หมดครับผม อาจจะมีข้อด้อยบ้างเล็กน้อยแต่ก็นั่นแหละครับไม่มีการออกแบบใดที่ดีสมบูรณ์ครับ ใบนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสะพายเป้กล้องเที่ยวแบบหลายวันได้เป็นอย่างดี
มาดูกันครับว่ามีอะไรในกระเป๋าบ้างกับทริปหนนี้ จากภาพนี้ยังขาดอีก 2 อย่างนะครับ คือ ขาตั้งกล้อง กับขวดน้ำ และยังว่างพอสำหรับใส่ table อีกครับ แล้วก็ถ้าเป็นรุ่นใหญ่สุด ยังว่างพอใส่บอดี้กล้องได้อีกตัวกับเลนสอีก 2 ตัว เลยครับ
ก็กลายเป็นกระเป๋าหลักสำหรับผมไปครับใบนี้ในตอนนี้ ใบขนาด 350 นั้นน้ำหนักราว 1.4 กิโลกรัม สำหรับผมถือว่าโอเค ใบใหญ่สุดหนักราว 1.7 กิโลกรัม ก็หนักขึ้นมาหน่อย
ใครได้มีโอกาสใช้ใบนี้แล้วก็ลองมาแปลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะครับ ขอบคุณครับผม
และพอดีนี่เป็นกระทู้แรกเลยครับ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัว หากผิดพลาดประการใดรบกวนชี้แนะด้วยครับ