[CR] 10 ข้อควรรู้ ก่อน backpack ไปญี่ปุ่นหน้าหนาว



กระทู้นี้เหมาะสำหรับคนที่จะไปญี่ปุ่นแบบ backpack นะคะ ไม่ใช่ทัวร์
เราไปช่วงกลางมกรา ร้อนสุดคือ 5 องศา พูดง่ายๆคือหนาวมาก ใครไปฤดูอื่น ก็ข้ามเรื่องเครื่องแต่งกายไปก็ได้ค่ะ


1.ตั๋วเครื่องบิน

จะไปญี่ปุ่นก็หาตั๋วเครื่องบินก่อนค่ะ สำหรับญี่ปุ่นตั๋วไปกลับที่ถูกจะประมาณ 6,000-10,000บาท ถ้าเจอเรทนี้รีบกดเลยค่ะ
สำหรับเรากดขาไปของ air asia ทันตอนราคา 4,000 บาท แต่ว่าขากลับกดไม่ทัน ก็เลยไปกลับของ nok scoot 6,000บาทแทน
ที่อยากบอกก็คือ ควรจองไปกลับของสายการบินเดียวกัน เพื่อความง่ายตอนเชคอินล่วงหน้าทั้งขาไปขากลับ
เพราะของเราเจอปัญหาว่า nok scoot ไม่ยอมให้เชคอินล่วงหน้า เสียวสันหลังเลย กลัวไม่ได้กลับไทยมากค่ะ
ก็แนะนำให้ซื้อตั๋วของ air asia ไปกลับเลยดีกว่า เชคอินได้ก่อน สบายใจค่ะ

2.ด่านตรวจคนเข้าเมืองหรือตม.

มีตรวจ 4 ครั้งคือ ออกจากไทย เข้าญี่ปุ่น ออกจากญี่ปุ่น และเข้ามาไทย
มีน่ากลัวแค่ที่เดียวคือตอนเข้าญี่ปุ่นค่ะ เอาชัวร์ๆก็ปริ้นไฟล์ทบินไปกลับ กับที่พักไปด้วยก็ดีค่ะ เผื่อเขาถาม
ส่วนวิธีเขียนใบตม. บนเครื่องบินกระเป๋าหน้าที่นั่งก็มีวิธีเขียนอยู่ค่ะ ไม่ต้องคิดมากนะคะ

3.เครื่องแต่งกาย

ถ้าเดินเล่นชิวๆในเมือง ส่วนบนใส่ลองจอน เสื้อไหมพรมหนา (ไม่จำเป็นต้องคอเต่า) ส่วนล่างใส่ลองจอนกับยีนส์หรือกางเกงกันลมก็ได้
พวกลองจอนตัวเดียวอากาศติดลบ ไม่แนะนำให้ใส่ตัวเดียวนะคะ เพราะเจอลมญี่ปุ่นนิดเดียวก็สั่นไปทั้งขาแล้วค่ะ

เรื่องของโค้ท จริงๆอยากใส่อะไรก็ใส่ ขอแค่ผ้าหนาๆ ถ้ามาอากาศ5องศาลงไป ควรใส่ผ้าวูล/แคชเมียร์/ขนสังเคราะห์/ขนเป็ด อย่าซ่าใส่ผ้าธรรมดาไม่หนาราคาถูกนะ หนาวตาย เตือนแล้วนะ

ถ้าไปหิมะ สำหรับเราเพิ่มแค่สเวตเตอร์อีกตัวชั้นบน ชั้นล่างใส่กางเกงวอร์มเพิ่มไม่ให้เปียก แค่นี้ก็อยู่ได้สบายๆแล้ว แล้วโค้ทควรจะเป็นขนเป็ดนะคะ สบายตัวกว่า ผ้าวูลเปียกน้ำแล้วหนัก

ถุงมือ ถุงเท้า หมวก ผ้าพันคอ สำหรับเรามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ขาดไม่ได้เลยซักวัน อุณหภูมิไม่เท่าไหร่ แต่ลมนี่สั่นเลยค่ะ

รองเท้า อันนี้สำคัญมากสำหรับคนไปเอง เพราะต้องเดินทั้งวัน ให้เลือกรองเท้าก็ใส่แล้วสบาย ใส่ได้นานโดยไม่งอแงปวดเท้า
ถ้าไปหิมะ จริงๆรองเท้าผ้าใบ ก็เอาอยู่นะคะ แต่ต้องระวังลื่นนิดนึง เราเลือกซื้อบูทมือสองไปค่ะ เดินจมกองหิมะ ไม่ลื่น สบายๆเลยค่ะ

ถามว่า ควรซื้อของยี่ห้อมั้ย ใครสะดวกซื้อก็ซื้อค่ะ แต่เราไปช้อปปิ้งที่แพตตินั่ม ก็กันหนาวได้นะคะ เลือกที่มันหนาๆหน่อยแค่นั้นเอง

4.ที่พัก

สำหรับคนมีงบ ก็นอนโรงแรมดีๆไปเลยค่ะ มีฮีตเตอร์ที่มาพร้อมแอร์ กลับถึงห้องก็อุ่น นอนสบาย
สำหรับคนไปเองและงบจำกัดแบบเรา เราเลือกนอนของ airbnb ค่ะ เป็นบ้านพักที่คนญี่ปุ่นปล่อยเช่าให้นอน
เราลองนอนทั้ง private house และ share house ก็โอเคทั้งคู่ค่ะ สงบ ดีกว่า hostel มีครัวกับเครื่องซักผ้าให้ด้วย
และไปหน้าหนาวต้องหาที่มีฮีตเตอร์ด้วยนะคะ สำคัญมากจริงๆ ไม่มีนี่หนาวตายในบ้านได้เลย
อีกอย่างก็คือ ควรอยู่ใกล้สถานีรถไฟอย่างน้อยเดินไม่เกิน 15 นาที มีมินิมาร์ทใกล้ๆด้วยก็ดีค่ะ

5.การเดินทางด้วยรถไฟและรถบัส

-ตั๋วรถไฟ
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ pass สำหรับนักท่องเที่ยวเยอะมาก ทางที่ง่ายสุดคือ ศึกษาว่าเราจะไปเมืองไหน และเลือกใช้ให้เหมาะสมที่สุด
สมมุติ ในโอซาก้าเราจะไปแค่ปราสาทโอซาก้า เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ osaka amazing pass เพราะไม่คุ้ม
ถ้าจะข้ามไปกลับโตเกียว-โอซาก้า pass ที่คุ้มที่สุดคือ JR all pass แค่นั่งชินคันเซนไปกลับก็คุ้มแล้วค่ะ

-การขึ้นรถไฟ
เริ่มจากการซื้อตั๋ว ตู้ซื้อตั๋วของญี่ปุ่นมีภาษาอังกฤษหมดเลย แต่หลักการเหมือนกันหมด กดราคาก่อนหยอด หรือหยอดก่อนกดราคาก็ได้
ถ้าไม่แน่ใจว่าทำยังไง ยืนมองคนญี่ปุ่นทำ watch and learn ค่ะ ไม่ยาก
พอได้ตั๋วมา ก็สอดเข้าไปเครื่อง คิดสภาพเหมือนขึ้น bts ค่ะ สอดเดินผ่านแล้วหยิบ easy มากค่ะ

สิ่งที่ยากคือการหาชานชาลา เราแนะนำเวบ hyperdia นะคะ ใช้ง่ายและดีมากๆ เราจะรู้สายรถไฟและเวลาขึ้น บางอันบอกชานชาลาด้วย
ถ้าไม่บอกก็มองป้ายเอาค่ะ มันจะมีชื่อสายรถไฟบอกและมีบอกว่าลงสถานีใหญ่ๆไหนบ้าง ก็ศึกษาเส้นทางดีๆค่ะ ไม่หลงแน่นอน

-นั่งบนรถไฟ
ถ้าเป็นรถไฟธรรมดาจะห้ามไม่ให้กินอาหาร ส่วนพวกชินคันเซนนี่สามารถนำมากินได้ แต่ก็ไม่ควรเป็นอาหารกลิ่นแรงนะคะ
แล้วการคุย คุยได้นะคะตามมารยาทแหละค่ะ แต่ส่วนมากคนญี่ปุ่นนั่งรถไฟไม่กดมือถือก็หลับค่ะ ไม่ค่อยมีคนคุยกัน
แล้วก็ Priority Seat ถ้าว่างก็นั่งไปก่อน ถ้ามีคนคนชรา คนท้อง บุคคลทุพพลภาพมาก็ค่อยลุกให้ก็ได้
(ขอโทษที่ตรรกะไม่ดีนะคะ เพราะจากที่ไปมา เราเห็นคนญี่ปุ่นนั่ง Priority Seat คนชรามาก็ไม่ลุกให้
แล้วเพื่อนเราลุกให้ คนญี่ปุ่นที่นั่งรอบข้างหันมามองเหมือนทำอะไรผิดเลยค่ะ ขอโทษจริงๆ แก้ไขให้แล้วค่ะ)

-รถบัส
เรามีโอกาสได้นั่งบัสแค่ในเกียวโตเมืองเดียว คือซื้อแบบ one day pass คุ้มที่สุดแล้ว รถบัสบ้านเขาก็เหมือนรถเมล์บ้านเราอะค่ะ
ขึ้นประตูตรงกลาง นั่ง ถึงป้ายจะลงก็กดกริ่ง เดินไปสอดบัตร/จ่ายเงินหน้ารถ แล้วก็ลง แค่นี้แหละค่ะ
ส่วนเรื่องสายรถ ญี่ปุ่นเขาอำนวยความสะดวกมากนะคะ รถบัสจะวิ่งเป็นสีๆ หาข้อมูลดีๆว่าควรขึ้นสีอะไร ยังไงก็ไม่หลง

6.อาหาร

มีแต่คนบอกว่าอาหารญี่ปุ่นจืด สำหรับคนไม่กินเผ็ดแบบเรา มันไม่จืด ถ้าคนชอบกินเผ็ดก็พกพริกมาด้วยก็ได้นะคะ5555
เรากินแค่ข้าวกล่อง ข้าวปั้น ขนมปังตามมินิมาร์ท บางอันอร่อยกว่าไทยอีก (เราไม่ได้กินร้านอาหารแพงๆ รีวิวให้ไม่ได้เด้อ)
แล้วก็มาญี่ปุ่นไม่ต้องกลัวหิวน้ำ ตู้กดน้ำมีทุกๆ10ก้าวจริงๆ ราคาไม่เท่ากันด้วยนะ ประมาณ 110-140เยน มีทั้งร้อนและเย็น เก๋อะ
ที่อร่อยอยากแนะนำคือ ชาเขียว ชามะนาว กับ royal milk tea ชานม อร่อยจริง ต้องโดน นี่ถึงกับซื้อกลับมาไทย5555
พวกร้านราเมงตามสถานีรถไฟ ร้านข้าวหน้าเนื้อสั่งแบบกดตู้แล้วนั่งกิน ร้านข้าวกล่องที่ซื้อแล้วขึ้นรถไฟเลย ก็อร่อยนะคะ
มาเองทั้งทีต้องลองอะไรที่ทัวร์ไม่มีให้นะคะ คิคิ

7.ยา

ใครป่วยง่าย แพ้อากาศ ควรซื้อยามาเผื่อนะคะ make sure ก็พวกยาสามัญ เช่น พารา แก้ไอ แก้เจ็บคอ แก้แพ้ ยาคลายกล้ามเนื้อ เพราะยาที่ญี่ปุ่นแพงมาก แต่ก็คุณภาพดีมากจริงๆสมราคา เพื่อนเราป่วยหนัก ยาไทยเอาไม่อยู่ ซื้อยาที่ญี่ปุ่น แปปเดียวหายเลยค่ะ เหมือนเจอเชื้อญี่ปุ่นก็ต้องเอายาญี่ปุ่นแก้

8.เงิน

ญี่ปุ่นจะมีเหรียญตั้งแต่ 1 5 10 50 100 500 เยน ส่วนแบงค์จะเป็น 1000 5000 กับ 10000 เยน
ควรมีกระเป๋าเก็บเหรียญนะคะ เพราะแตกแบงค์ทีนึง ยังไงก็ได้เหรียญกลับมา
ตู้กดตั๋ว/กดน้ำ/กดสั่งอาหาร จะไม่รับเหรียญ 1 กับ 5 เยนนะคะ ถ้าอยากใช้ต้องเอาไปจ่ายที่มินิมาร์ทเท่านั้นค่ะ

9.ภาษา

คนญี่ปุ่นส่วนมากจะพูดอังกฤษไม่ได้ หรือพูดได้แต่สำเนียงก็ฟังยากอยู่ดี แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ
เราโชคดีมีเพื่อนฟังออกเป็นบางคำ ก็ช่วยๆกันไป แต่ตอนอยู่คนเดียวก็ทำหน้างงๆ เดี๋ยวเขาจะพยายามอธิบายให้เราฟังเองค่ะ
เราก็เตรียมคำพูดพื้นฐานไป เช่น อาริกาโตะ ไฮ้ ซึมิมาเซน โกเมนนาไซ ประมาณนี้แหละค่ะ ได้ใช้แน่นอน

10.ของฝาก

ใครตั้งใจจะรับหิ้ว หรือซื้อของไปฝากเพื่อน มีร้านเด็ดๆ2ร้านคือ มัสซิโมโต้กับดองกิ
คือแถบโอซาก้า หาดองกิยากมาก เราแทบไม่เจอเลย แต่มัสซิโมโต้นี่เกลื่อนค่ะ เห็นชื่อร้านจนเบื่อไปเลย
เครื่องสำอาง ครีม ก็ถูกกว่าไทยจริงๆนะคะ ฟีลลิ่งเหมือนลด 50-70%อะค่ะ สวรรค์ของผู้หญิงเลยล่ะ
แล้ว tax free นี่จะฟรีต่อเมื่อซื้อครบราคาตามที่เขากำหนดเท่านั้นค่ะ ยกเว้นที่สนามบิน อันนี้ free จริงๆ กี่เยนก็ฟรีค่ะ
ถ้าไปแถบโตเกียว แนะนำดองกิดีกว่ามัสซิโมโต้ เราว่าถูกกว่า และของหลากหลายกว่า ร้านเดียวมีครบ
ปล.ของที่โอซาก้าถูกกว่าโตเกียวนะคะ ใครสายช้อปแนะนำย่านนัมบะ(ป้ายกูลิโกะ)

สุดท้ายก็เตรียมตัววางแผนไปดีๆ ไม่ panic นะคะ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สนุกดีค่ะ
เป็นประสบการณ์ที่ใครบอก ก็ไม่เท่าไปเจอด้วยตัวเอง เกิดมาทั้งทีใช้ชีวิตให้คุ้มค่ะ
ใครอยากเพิ่มเติมอะไรเม้นได้นะคะ ถ้าข้อมูลเราผิดยังไงก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย
ขอให้สนุก good luck have fun ค่ะทุกคน
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น , Japan
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่