Mala Dhara มาลา ธารา "บ้านดิน อาหารออแกนิค โยคะ"
แค่คำนิยามที่พักก็รู้แล้วว่าจะธรรมชาติขนาดไหน!

สวัสดีค่า ขอเกริ่นเริ่มต้นก่อนเลยนะคะ ว่าเราเป็นคนค่อนข้างเรื่องมากเรื่องที่พัก อันนี้ยอมรับ
ไม่ถนัดเลยสายเที่ยวลุย นอนกลางดิน กินกลางทราย นอนไหนก็ได้ สบายๆชิลๆ ไม่ใช่เลย
เรานอนไหนก็ได้ไม่ได้ค่ะ รูปแบบที่พักสำคัญ แถมห้องน้ำนี่สำคัญกว่า ต้องไม่ทุลักทุเลมาก เป็นชะนีเรื่องเยอะ
และเนื่องจากส่วนใหญ่การไปนอนที่ธรรมชาติมากๆ ส่วนมากความสะดวกสบายที่พักมักแปรผันตรงข้ามกันกับวิว
เจอรีวิวหลายอันที่ชวนเที่ยว คือเห็นแล้วสวยมากแต่ต้องปีนผาพร้อมเดินป่ากันเข้าไป หรือนอนเต๊นท์นอนมุ้ง
.....เราก็ได้แต่ดูและชมความงามผ่านภาพไป ยอมค่า ไม่ใช่สายนั้นจริงๆ
คนแบบนี้เลยหาที่พักได้ยากเย็น เจอที่พักสวยวิวแต่ไม่สวย หรือวิวสวยแต่ที่พักก็ลำบาก(ในเกณฑ์ของเราเอง)
และแม้จะเรื่องมากขนาดนี้แต่ก็ยังชอบหาเรื่องไปเที่ยวบ่อย ดังนั้นถ้าจะจริตเยอะกับเรื่องที่พักแบบนี้ทุกครั้ง
คือการหาที่พักและวิวให้แปรผันตรงกัน ซึ่งอะไรแบบนั้นส่วนมากราคาก็จะไม่เป็นมิตรต่อเงินในกระเป๋า
แล้วให้จ่ายแพงทุกครั้งแบบนั้นก็คงไม่ไหว (รสนิยมสู๊งสูงง แต่รายได้ต๊ำต่ำ)
ถ้าเลือกได้เลยต้องคอยหาที่พัก ที่ราคาไม่แพงมาก แต่ตกแต่งเหมือนที่พักแพงมาก 5555 ซึ่งบางทีก็เจอ บางทีก็ไม่เจอ
แต่ครั้งนี้โชคดีที่เจอค่ะ เลยขอเอามาแชร์มาเล่าสู่กันฟัง
ถามว่าเจอที่นี่ได้ยังไง เอาจริงนี่ก็ยังงงอยู่เลย เพราะเป็นการหาไปเรื่อยๆในเว็ปที่พักเชียงใหม่
แล้วอยู่ดีๆก็randomไปเจอรูปห้องพักสีขาวๆตกแต่งดีหน่อยบวกกับรูปทุ่งนากว้างๆ มีรูปอยู่ไม่กี่รูป
เรารู้สึกชอบเลยเข้าไปดูที่เว็ปโดยตรงของเขาต่อเพิ่มเติม
ซึ่งพอเข้าไปดูแล้ว บอกเลยว่า ไม่เกิน5นาที กดเลือกห้องและจ่ายเงินเลยค่าา
ส่งอวดให้ทั้งเพื่อนและแฟนดู ก็บอกกันว่าระวังนะราคาแบบนี้ รูปมาสะเว่อร์ เขาอาจจะแค่ถ่ายรูปสวยเฉยๆหรือเปล่า
แถมเพื่อนก็ไปหารีวิวให้อีก นางก็บอกยังไม่เห็นเคยมีเลย
ใจนึงเราก็คิดว่า ดีแล้วที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก จะได้สงบๆ .....กับอีกใจนึงคือ ซวยแล้ว ถูกหลอกแล้ว
และแล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็ขอบอกเลยว่า สุดยอดดดดดดดดดดดดด
โอ้ย ทำไมสวยขนาดนี้ แฟนเราปกติเป็นคนไม่ค่อยชมอะไรง่ายๆ ยังพูดเลยว่า สวยดี ให้ผ่าน
มาดูรูปเป็นหลักฐานกันเลย แล้วจะรู้ว่าเราไม่ได้พูดเกินจริงงง



อันนี้เป็นวิวรอบๆของที่พัก เราเข้ามาจะเจอกระท่อมกลางนาแบบนี้ที่อยู่ด้านซ้ายมือของที่พัก สวยและเป็นธรรมชาติมากๆเลยย : )
ว่าแล้วก็มาพูดการเดินทางกันนะคะ เราเดินทางมาด้วยการเช่ารถขับมา
ที่พักจะอยู่แถวดอยสะเก็ด ก็ไม่ได้ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มาก
ถ้าวัดระยะจากนิมมานเหมินทร์ก็ระยะทางประมาณ30กิโลค่ะ ใช้เวลาขับมาเรื่อยๆประมาณ45นาที

วิวตลอด2ข้างทางระหว่างเข้ามาที่พัก ธรรมชาติมากกก

ถึงทางเข้าแล้วค่ะ ป้ายแอบอยู่

มีเจ้าทุย2ตัวอยู่ต้อนรับด้วย ชื่อ"ใจดี" กับ "กะทิ" มันน่ารักและเป็นมิตรมากๆเลย

และเมื่อเข้ามาในโรงแรม ทางเข้าเราจะเห็นสระว่ายน้ำทางด้านขวามือ



เดินตรงมาเรื่อยๆมาเช็คอินที่ Lobby ก็เจอเจ้าตัวเล็กนี้ยืนเจ๋ออยู่

Counter Lobby เขาจะอยู่ในอาคารนี้ซึ่งเป็นร้านอาหารของที่นี่ และชั้น2เป็นดาดฟ้าเปิดโล่งให้นั่งกินข้าวไปดูดาวไปก็มีนะคะ แต่เราไม่ได้ขึ้นไปถ่ายรูปมา

ลักษณะภายในอาคาร ชื่อร้าน "กินดี"


ทางที่พักบอกเลยว่าปลูกผักเอง เมนูกับข้าวเลยจะเปลี่ยนตามฤดูกาลของพืชผักที่ออกมา Organic สุด

ด้านหลังอาคารมีเตาอยู่ สำหรับประกอบกิจกรรมทำอาหาร

ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนก็มีพนักงานตัวเล็กนี้เดินตามไปทั่วเลยค่ะ
ต่อไปไปดูบริเวณห้องพักของที่นี่กันต่อ

บ้านพักทรงหยดน้ำฝนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ อยู่ตรงข้ามเลยกับบริเวณห้องอาหาร
มีการออกแบบทรงอาคารที่แปลกตามากก เหมือนที่อยู่ของเทเลทับบี้เลย
บ้านพักจะอยู่ในโซนเดียวกัน ห่างกันแต่ไม่ห่างไกลมาก เดินถึงกันได้


ห้องพักนี้เป็นแบบวิลล่าใหญ่2วิลล่า ห้องติดกัน

ส่วนหลังนี้เป็นห้องพักเราเองค่าา เราเลือกมาเป็นแบบ Hobbit Villa .....เข้ามาดูกันเลยดีกว่า


ภายในห้องกว้างขวางดีเลย เข้ามาด้านขวามือเป็นที่นอน ซ้ายเป็นบริเวณที่นั่งเล่น และด้านหน้าทางเข้าเป็นห้องน้ำ



หน้าต่างเป็นผ้าบางๆขาวๆ ให้แสงสว่างเข้ามาได้
แต่ไม่ต้องกลัวไม่เป็นส่วนตัวนะคะ เขามีม่านหนาซ่อนอยู่ด้านบนให้รูดลงมาปิดได้


ดีเทลเล็กๆน้อยๆน่ารักมาก


รู้เลยว่าเจ้าของเลือกเองกับมือ เพราะมันบ่งบอกสไตล์มากๆเลย
ว่าแล้ว ออกมาเดินเล่นข้างนอกกันก่อนตะวันตกดินดีกว่า


เดินเล่นไปสักพัก...ตะวันเริ่มตกดินแล้ว อันนี้เป็นรูปจากมุมตรงทุ่งนา ข้างโรงแรม

บอกเลย เดินจูงมือกับแฟนดูตะวันตกดิน มีหมอกจางๆ อากาศเย็นสบาย หายใจโล่ง
ไม่มีอะไรบังสายตา ภูเขาและทุ่งนาล้อม พาโนราม่า360องศาเลย นี่หรือเปล่าที่เขาบอกว่าสวรรค์บนดินมันเป็นแบบนี้ : )



มาพูดถึงมุมมองจากฝั่งเราที่ได้ไปเข้าพักนะคะ
ข้อดี
-เห็นเป็นบ้านดิน กลางธรรมชาติ แต่ไม่มีกลิ่นอับชื้นสักนิด แมลง มด ยุงก็แทบจะไม่มีเลย
และที่สำคัญห้องน้ำไม่มีจิ้งจกด้วย อันนี้ชะนีชอบมาก
-ส่วนตัวมากเพราะบริเวณที่พักจะแยกกันเป็นบ้านๆ ที่พักทั้งหมดมีแค่7หลังเอง
-ตกกลางคืนเห็นดาว ชัด มากกกกกกกกกกกกกกก ดาวเต็มท้องฟ้าไปหมดเลย
อยากถ่ายรูปมากแต่ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมาสำหรับตัวFujiและ ความสามารถของIphoneก็ไปไม่ถึง เสียดายเลยอดเอามาอวดกันเลย
ข้อเสีย
-อย่างที่เห็นคือเป็นโรงแรม2ดาว ดังนั้นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจะมีเท่าที่2ดาวมี
อย่างเช่น ไดร์เป่าผมต้องเตรียมมาเอง ตอนเรามาไม่ได้เตรียมมา แต่ในห้องมีพัดลมตั้งพื้นให้ เลยใช้เป่าแทนได้
ห้องน้ำก็มี สบู่ แชมพูให้ แต่พวกอุปกรณ์ของใช้เสริมอื่นๆไม่มีนะคะ
-ไม่มีทีวีหรือเครื่องเล่นเพลงในห้องนะคะ ห้องจะเงียบมากตอนกลางคืน
แต่สำหรับตัวเราเองตรงนี้ไม่มีปัญหาเพราะไม่ชอบดูทีวีอยู่แล้ว
อย่างเราก็ซื้อของกินเข้ามา แฟนก็ซื้อเบียร์เข้ามานั่งกิน หรือถ้าไม่ออกไปไหนที่โรงแรมก็มีไวน์ขายด้วย
มุมตรงข้ามเตียง จิบไปคุยกันไปตรงบริเวณที่นั่งเล่น ไฟจะสลัวๆ เปิดเพลงเบาๆ คือได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน2คนแบบจริงๆ
-ไกลจากบริเวณชุมชมประมาณ6กิโล คือถ้าเข้าที่พักไปแล้วเหมาะจะอยู่ยาวเลย
ตอนเราไป มีขับออกมาตอนประมาณ2ทุ่มมาหาminimart ทางมืดมากกก ไม่แนะนำออกมาดีกว่า
-ไม่มีบริกรคอยบริการนะคะ ต้องดูแลตัวเอง
ตอนเราเข้าพักก็มีฝรั่งHipsterคนนึงเอากุญแจมาให้ พาเดินไปที่ห้อง Say thank you. This is your room. ยิ้มให้หนึ่งที แล้วก็ไป ติสมาก
ถ้าใครชอบที่บริการดีๆ มีผ้าหอมเช็ดมือ welcome drink ลากกระเป๋าให้ พาส่งถึงห้องพัก อันนี้ไม่ใช่ทางแน่นอน 555
อย่างที่เราบอกคือที่นี่เป็นโรงแรม2ดาว แต่ที่เราชอบคือการตกแต่ง บรรยากาศ และวิว มันดีงามกันไปหมด
ถ้าจะเอาการบริการหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับโรงแรม5ดาวก็ผิดตั้งแต่คิดจะเข้ามาพักแล้ว
นอกจากที่เราพูดถึงมา ที่พักมีกิจกรรมอื่นๆอีกนะคะ
แต่แค่เราไม่ได้ทำเพราะเหมือนจะเป็นการจัดกิจกรรมที่เป็นGroup event
เช่น มีเตาก่อกองไฟ ห้องซาวน่า สปาธรรมชาติ โยคะ สระว่ายน้ำแบบน้ำเกลือ
ทั้งหมดเป็นกิจกรรมที่ธรรมชาติมากๆเลย อันนี้ต้องลองติดต่อไปกับทางที่พักกันเนอะ เราไม่รู้ในเรื่องรายละเอียดตรงนี้
มีรูปมาฝากกันนิดๆหน่อยๆกับบริเวณสำหรับกิจกรรมโยคะ


ส่วนกลมๆเหมือนยานอวกาศนี้เป็นห้องซาวน่าริมทุ่งนาค่ะ น่ารักมากเลย

สำหรับเรื่องราคา เราโชคดีที่ตอนเข้าไปดู เขาขึ้นว่าเป็นราคาโปรโมชั่นพิเศษ (มกราคม 2560)
เพราะเหมือนเขาเพิ่งเปิดมาได้1ปีนิดๆ เป็นโรงแรมใหม่เลยค่ะ
ลดเหลือ 2,200.- จาก 5,000.- ต่อคืน (ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะกลับไปราคาเดิมเมื่อไหร่)
ราคานี้เราพอรับได้เลยจองไปไม่คิดเลย ถ้าเรทนี้แล้วแลกกับวิวและบรรยากาศที่พักแบบนี้ แต่ถ้ากลับไปราคาเต็มก็คงคิดหนักเหมือนกัน
เราจองและจ่ายโดยตรงกับทางเวปเขาเลย เพราะราคาก็ไม่ต่างกันกับทางagencyอื่นๆ
จ่ายโดยpaypalหรือตัดบัตรเครดิตก็ได้
หรือถ้าไม่มีบัตรสามารถโทรหาทางโรงแรมและให้เขาส่งเลขบัญชีให้เพื่อโอนจ่ายได้ค่ะ
ใครสนใจลองรีบไปดูได้เลยในเวป
http://maladhara.com/
นี่โปรโมตขนาดนี้บอกเลยว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียนะ555 แต่เพราะความชอบส่วนตัวล้วนๆ
อยากให้คนที่มองหาที่พักแบบนี้ได้เจอที่พักดีๆและบรรยากาศดีๆเหมือนกันกับเราค่ะ นี่ก็บอกต่อเพื่อนๆไปหลายคู่เลย
กล้อง: FujiXA2, Ip6Plus
ติดตามกันอีกได้ที่ FB: saturdaysisters.official
ซึ่งปกติเพจเราเขียนเรื่องเน้นเกี่ยวกับความงาม ท่องเที่ยว lifestyle และแง่คิดชีวิตดีๆ
แต่ครั้งนี้ขอหนีเพื่อนสาวมาเที่ยวกับแฟนหน่อยเนอะ
ขอบคุณที่อ่านและติดตามกันมาถึงบรรทัดนี้นะคะ
หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่า
[CR] นอนบ้านดินสบายๆแบบมีสไตล์ สุดฮิป กลางทุ่งนา ณ เชียงใหม่
แค่คำนิยามที่พักก็รู้แล้วว่าจะธรรมชาติขนาดไหน!
สวัสดีค่า ขอเกริ่นเริ่มต้นก่อนเลยนะคะ ว่าเราเป็นคนค่อนข้างเรื่องมากเรื่องที่พัก อันนี้ยอมรับ
ไม่ถนัดเลยสายเที่ยวลุย นอนกลางดิน กินกลางทราย นอนไหนก็ได้ สบายๆชิลๆ ไม่ใช่เลย
เรานอนไหนก็ได้ไม่ได้ค่ะ รูปแบบที่พักสำคัญ แถมห้องน้ำนี่สำคัญกว่า ต้องไม่ทุลักทุเลมาก เป็นชะนีเรื่องเยอะ
และเนื่องจากส่วนใหญ่การไปนอนที่ธรรมชาติมากๆ ส่วนมากความสะดวกสบายที่พักมักแปรผันตรงข้ามกันกับวิว
เจอรีวิวหลายอันที่ชวนเที่ยว คือเห็นแล้วสวยมากแต่ต้องปีนผาพร้อมเดินป่ากันเข้าไป หรือนอนเต๊นท์นอนมุ้ง
.....เราก็ได้แต่ดูและชมความงามผ่านภาพไป ยอมค่า ไม่ใช่สายนั้นจริงๆ
คนแบบนี้เลยหาที่พักได้ยากเย็น เจอที่พักสวยวิวแต่ไม่สวย หรือวิวสวยแต่ที่พักก็ลำบาก(ในเกณฑ์ของเราเอง)
และแม้จะเรื่องมากขนาดนี้แต่ก็ยังชอบหาเรื่องไปเที่ยวบ่อย ดังนั้นถ้าจะจริตเยอะกับเรื่องที่พักแบบนี้ทุกครั้ง
คือการหาที่พักและวิวให้แปรผันตรงกัน ซึ่งอะไรแบบนั้นส่วนมากราคาก็จะไม่เป็นมิตรต่อเงินในกระเป๋า
แล้วให้จ่ายแพงทุกครั้งแบบนั้นก็คงไม่ไหว (รสนิยมสู๊งสูงง แต่รายได้ต๊ำต่ำ)
ถ้าเลือกได้เลยต้องคอยหาที่พัก ที่ราคาไม่แพงมาก แต่ตกแต่งเหมือนที่พักแพงมาก 5555 ซึ่งบางทีก็เจอ บางทีก็ไม่เจอ
แต่ครั้งนี้โชคดีที่เจอค่ะ เลยขอเอามาแชร์มาเล่าสู่กันฟัง
ถามว่าเจอที่นี่ได้ยังไง เอาจริงนี่ก็ยังงงอยู่เลย เพราะเป็นการหาไปเรื่อยๆในเว็ปที่พักเชียงใหม่
แล้วอยู่ดีๆก็randomไปเจอรูปห้องพักสีขาวๆตกแต่งดีหน่อยบวกกับรูปทุ่งนากว้างๆ มีรูปอยู่ไม่กี่รูป
เรารู้สึกชอบเลยเข้าไปดูที่เว็ปโดยตรงของเขาต่อเพิ่มเติม
ซึ่งพอเข้าไปดูแล้ว บอกเลยว่า ไม่เกิน5นาที กดเลือกห้องและจ่ายเงินเลยค่าา
ส่งอวดให้ทั้งเพื่อนและแฟนดู ก็บอกกันว่าระวังนะราคาแบบนี้ รูปมาสะเว่อร์ เขาอาจจะแค่ถ่ายรูปสวยเฉยๆหรือเปล่า
แถมเพื่อนก็ไปหารีวิวให้อีก นางก็บอกยังไม่เห็นเคยมีเลย
ใจนึงเราก็คิดว่า ดีแล้วที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก จะได้สงบๆ .....กับอีกใจนึงคือ ซวยแล้ว ถูกหลอกแล้ว
และแล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็ขอบอกเลยว่า สุดยอดดดดดดดดดดดดด
โอ้ย ทำไมสวยขนาดนี้ แฟนเราปกติเป็นคนไม่ค่อยชมอะไรง่ายๆ ยังพูดเลยว่า สวยดี ให้ผ่าน
มาดูรูปเป็นหลักฐานกันเลย แล้วจะรู้ว่าเราไม่ได้พูดเกินจริงงง
อันนี้เป็นวิวรอบๆของที่พัก เราเข้ามาจะเจอกระท่อมกลางนาแบบนี้ที่อยู่ด้านซ้ายมือของที่พัก สวยและเป็นธรรมชาติมากๆเลยย : )
ว่าแล้วก็มาพูดการเดินทางกันนะคะ เราเดินทางมาด้วยการเช่ารถขับมา
ที่พักจะอยู่แถวดอยสะเก็ด ก็ไม่ได้ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มาก
ถ้าวัดระยะจากนิมมานเหมินทร์ก็ระยะทางประมาณ30กิโลค่ะ ใช้เวลาขับมาเรื่อยๆประมาณ45นาที
ถึงทางเข้าแล้วค่ะ ป้ายแอบอยู่
มีเจ้าทุย2ตัวอยู่ต้อนรับด้วย ชื่อ"ใจดี" กับ "กะทิ" มันน่ารักและเป็นมิตรมากๆเลย
และเมื่อเข้ามาในโรงแรม ทางเข้าเราจะเห็นสระว่ายน้ำทางด้านขวามือ
ลักษณะภายในอาคาร ชื่อร้าน "กินดี"
ทางที่พักบอกเลยว่าปลูกผักเอง เมนูกับข้าวเลยจะเปลี่ยนตามฤดูกาลของพืชผักที่ออกมา Organic สุด
ด้านหลังอาคารมีเตาอยู่ สำหรับประกอบกิจกรรมทำอาหาร
ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนก็มีพนักงานตัวเล็กนี้เดินตามไปทั่วเลยค่ะ
ต่อไปไปดูบริเวณห้องพักของที่นี่กันต่อ
มีการออกแบบทรงอาคารที่แปลกตามากก เหมือนที่อยู่ของเทเลทับบี้เลย
บ้านพักจะอยู่ในโซนเดียวกัน ห่างกันแต่ไม่ห่างไกลมาก เดินถึงกันได้
ห้องพักนี้เป็นแบบวิลล่าใหญ่2วิลล่า ห้องติดกัน
แต่ไม่ต้องกลัวไม่เป็นส่วนตัวนะคะ เขามีม่านหนาซ่อนอยู่ด้านบนให้รูดลงมาปิดได้
ดีเทลเล็กๆน้อยๆน่ารักมาก
รู้เลยว่าเจ้าของเลือกเองกับมือ เพราะมันบ่งบอกสไตล์มากๆเลย
ว่าแล้ว ออกมาเดินเล่นข้างนอกกันก่อนตะวันตกดินดีกว่า
ไม่มีอะไรบังสายตา ภูเขาและทุ่งนาล้อม พาโนราม่า360องศาเลย นี่หรือเปล่าที่เขาบอกว่าสวรรค์บนดินมันเป็นแบบนี้ : )
มาพูดถึงมุมมองจากฝั่งเราที่ได้ไปเข้าพักนะคะ
ข้อดี
-เห็นเป็นบ้านดิน กลางธรรมชาติ แต่ไม่มีกลิ่นอับชื้นสักนิด แมลง มด ยุงก็แทบจะไม่มีเลย
และที่สำคัญห้องน้ำไม่มีจิ้งจกด้วย อันนี้ชะนีชอบมาก
-ส่วนตัวมากเพราะบริเวณที่พักจะแยกกันเป็นบ้านๆ ที่พักทั้งหมดมีแค่7หลังเอง
-ตกกลางคืนเห็นดาว ชัด มากกกกกกกกกกกกกกก ดาวเต็มท้องฟ้าไปหมดเลย
อยากถ่ายรูปมากแต่ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมาสำหรับตัวFujiและ ความสามารถของIphoneก็ไปไม่ถึง เสียดายเลยอดเอามาอวดกันเลย
ข้อเสีย
-อย่างที่เห็นคือเป็นโรงแรม2ดาว ดังนั้นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจะมีเท่าที่2ดาวมี
อย่างเช่น ไดร์เป่าผมต้องเตรียมมาเอง ตอนเรามาไม่ได้เตรียมมา แต่ในห้องมีพัดลมตั้งพื้นให้ เลยใช้เป่าแทนได้
ห้องน้ำก็มี สบู่ แชมพูให้ แต่พวกอุปกรณ์ของใช้เสริมอื่นๆไม่มีนะคะ
-ไม่มีทีวีหรือเครื่องเล่นเพลงในห้องนะคะ ห้องจะเงียบมากตอนกลางคืน
แต่สำหรับตัวเราเองตรงนี้ไม่มีปัญหาเพราะไม่ชอบดูทีวีอยู่แล้ว
อย่างเราก็ซื้อของกินเข้ามา แฟนก็ซื้อเบียร์เข้ามานั่งกิน หรือถ้าไม่ออกไปไหนที่โรงแรมก็มีไวน์ขายด้วย
มุมตรงข้ามเตียง จิบไปคุยกันไปตรงบริเวณที่นั่งเล่น ไฟจะสลัวๆ เปิดเพลงเบาๆ คือได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน2คนแบบจริงๆ
-ไกลจากบริเวณชุมชมประมาณ6กิโล คือถ้าเข้าที่พักไปแล้วเหมาะจะอยู่ยาวเลย
ตอนเราไป มีขับออกมาตอนประมาณ2ทุ่มมาหาminimart ทางมืดมากกก ไม่แนะนำออกมาดีกว่า
-ไม่มีบริกรคอยบริการนะคะ ต้องดูแลตัวเอง
ตอนเราเข้าพักก็มีฝรั่งHipsterคนนึงเอากุญแจมาให้ พาเดินไปที่ห้อง Say thank you. This is your room. ยิ้มให้หนึ่งที แล้วก็ไป ติสมาก
ถ้าใครชอบที่บริการดีๆ มีผ้าหอมเช็ดมือ welcome drink ลากกระเป๋าให้ พาส่งถึงห้องพัก อันนี้ไม่ใช่ทางแน่นอน 555
อย่างที่เราบอกคือที่นี่เป็นโรงแรม2ดาว แต่ที่เราชอบคือการตกแต่ง บรรยากาศ และวิว มันดีงามกันไปหมด
ถ้าจะเอาการบริการหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับโรงแรม5ดาวก็ผิดตั้งแต่คิดจะเข้ามาพักแล้ว
นอกจากที่เราพูดถึงมา ที่พักมีกิจกรรมอื่นๆอีกนะคะ
แต่แค่เราไม่ได้ทำเพราะเหมือนจะเป็นการจัดกิจกรรมที่เป็นGroup event
เช่น มีเตาก่อกองไฟ ห้องซาวน่า สปาธรรมชาติ โยคะ สระว่ายน้ำแบบน้ำเกลือ
ทั้งหมดเป็นกิจกรรมที่ธรรมชาติมากๆเลย อันนี้ต้องลองติดต่อไปกับทางที่พักกันเนอะ เราไม่รู้ในเรื่องรายละเอียดตรงนี้
มีรูปมาฝากกันนิดๆหน่อยๆกับบริเวณสำหรับกิจกรรมโยคะ
ส่วนกลมๆเหมือนยานอวกาศนี้เป็นห้องซาวน่าริมทุ่งนาค่ะ น่ารักมากเลย
สำหรับเรื่องราคา เราโชคดีที่ตอนเข้าไปดู เขาขึ้นว่าเป็นราคาโปรโมชั่นพิเศษ (มกราคม 2560)
เพราะเหมือนเขาเพิ่งเปิดมาได้1ปีนิดๆ เป็นโรงแรมใหม่เลยค่ะ
ลดเหลือ 2,200.- จาก 5,000.- ต่อคืน (ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะกลับไปราคาเดิมเมื่อไหร่)
ราคานี้เราพอรับได้เลยจองไปไม่คิดเลย ถ้าเรทนี้แล้วแลกกับวิวและบรรยากาศที่พักแบบนี้ แต่ถ้ากลับไปราคาเต็มก็คงคิดหนักเหมือนกัน
เราจองและจ่ายโดยตรงกับทางเวปเขาเลย เพราะราคาก็ไม่ต่างกันกับทางagencyอื่นๆ
จ่ายโดยpaypalหรือตัดบัตรเครดิตก็ได้
หรือถ้าไม่มีบัตรสามารถโทรหาทางโรงแรมและให้เขาส่งเลขบัญชีให้เพื่อโอนจ่ายได้ค่ะ
ใครสนใจลองรีบไปดูได้เลยในเวป http://maladhara.com/
นี่โปรโมตขนาดนี้บอกเลยว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียนะ555 แต่เพราะความชอบส่วนตัวล้วนๆ
อยากให้คนที่มองหาที่พักแบบนี้ได้เจอที่พักดีๆและบรรยากาศดีๆเหมือนกันกับเราค่ะ นี่ก็บอกต่อเพื่อนๆไปหลายคู่เลย
กล้อง: FujiXA2, Ip6Plus
ติดตามกันอีกได้ที่ FB: saturdaysisters.official
ซึ่งปกติเพจเราเขียนเรื่องเน้นเกี่ยวกับความงาม ท่องเที่ยว lifestyle และแง่คิดชีวิตดีๆ
แต่ครั้งนี้ขอหนีเพื่อนสาวมาเที่ยวกับแฟนหน่อยเนอะ
ขอบคุณที่อ่านและติดตามกันมาถึงบรรทัดนี้นะคะ
หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น