" รายงานสด " จาก ผู้รอดชีวิต ในการดูแลผู้ป่วย อิสุกอิใส

สวัสดีค่า  (*^ ・^)ノ
สวัสดีพี่ ๆ น้อง ๆ ในพันทิปทุกคนนะคะ  วันนี้จะมาเล่า เรียกว่าเป็นการ รีวิว ก็ได้ อย่างละเอียดยิบ สำหรับการใช้ชีวิตอยู่กับผู้ป่วยอิสุกอิใส
เป็นระยะเวลา 5 วัน จากวันแรกที่ตุ่มใสขึ้น จนถึงวันนี้ เกาะติดสถานการณ์สด ๆ ร้อน ๆ กันเลย

- ขอท้าวความก่อน -
เมื่อวันเสาร์ เวลาประมาณ 5 โมง ( วันแรกของการติดเชื้อ )
แฟนเราได้ขับรถมาหา พร้อมกับบ่นว่า ปวดหัว พอจับหน้าผากดูก็พบว่าตัวรุม ๆ  
เราก็ให้การพยาบาลรักษาแบบคนทั่วไปคือ กินยาพารา แล้วให้นอนพักผ่อน แต่ช่วงที่แฟนหันหลังกำลังจะนอน
เราเหลือบไปเห็น ตุ่มใส ๆ เล็ก ๆ บริเวณต้นคอ แต่ตอนนั้นคือตุ่มแตกไปแล้ว กลายเป็นหลุม ๆ เราก็ถามว่า
ทำไมมีตุ่มแบบนี้ มีตรงไหนอีกไหม แฟนก็ลองจับ ๆ แล้วก็บอกว่า ไม่รู้ว่าขึ้นตอนไหน
เราก็ถลกเสื้อแฟนขึ้นมา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แล้วก็จ้อง ๆ ดูตามหน้าท้อง หน้าอก และหลัง
พบว่ามีตุ่มแดง ๆ คล้ายยุงกัด ยังไม่เป็นตุ่มใส กระจายอยู่ประมาณ 6 ตุ่ม ด้านหลังมีใสแล้ว 1 ตุ่ม
ตอนนั้นเราฟันธงเลยว่า เป็นอิสุกอิใสแน่นอน ! แต่แฟนก็ยังไม่อยากเชื่อ เพราะไม่รู้ว่าไปเอาเชื้อมาจากไหน
ก็โทรไปถามญาติ ๆ ทุกคนฟันธงว่าเป็นอิสุกอิใส ก็ได้คำแนะนำให้กินพาราแล้วนอน ห้ามกินแอสไพรินเด็ดขาด
โอเคคือนั้นก็นอนก่ายกันปกติ ไม่ได้รู้สึกว่าจะติดโรคกันแต่อย่างได้  

/ ตัดภาพไปที่ เช้าวันอาทิตย์ ( วันที่ 2 ของการติดเชื้อ )
ตื่นมาตอนเช้า เหมือนเชื้อโรคมันรู้ว่า ร่างกายรู้แล้วว่าติดเชื้ออิสุกอิใส ตุ่มแดงเริ่มขึ้นเต็มตัวประมาณ 20 จุด
เน้นหนัก ๆ ไปที่ใบหน้า และหลัง ตุ่มใสเป่งขึ้นมาประมาณ 10 ตุ่ม ตอนนั้นเราก็วิตกกังวลแล้วตกลงกันว่าจะไปหาหมอที่คลินิค
ตอนไปพบหมอแล้วบอกว่าเป็นอิสุกอิใสนั้น โชคร้ายที่คลินิคที่ให้การรักษา แสดงท่าทีกลัวและรังเกียจโรคอย่างเห็นได้ชัด
ถึงขนาดที่ว่า บอกให้แฟนเราไปนั่งที่อื่น แล้วเอาแอลกอฮอร์มาเช็ดเก้าอี้ทันทีที่แฟนเราลุก
( แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาไป เข้าใจนิดหน่อยว่าคงกังวลว่าจะติด เพราะเขาบอกว่ายังไม่เคยเป็น )
พอหมอตรวจก็ฟันธงว่าเป็นอิสุกอิใส 100% แล้วให้ยามากิน ซึ่งเป็นยาแบบเดียวกับในอินเตอร์เน็ต
ที่ต้องกินทุก 4 ชม. เพื่อลดการกระจายตัวของเชื้อไวรัส และลดการเกิดตุ่มอิสุกอิใสเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
คืนวันนั้น เราก็ยังนอนข้างแฟนเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่โดนตัวกันและกัน 55555
ตอนนั้นก็ไม่ได้นึกรังเกียจ แต่ว่ากลัวว่าจะไปโดนแผลแล้วทำให้ตุ่มมันแตกแล้วจะติดเชื้อ
เพราะตัวเราเองก็เป็นอิสุกอิใสแล้วเมื่อตอนเด็ก ๆ ก็เลยคิดว่าจะปลอดภัย ..

- เช้าวันจันทร์ - (วันที่ 3 ของการติดเชื้อ)
พบว่าตุ่มบนหน้าขึ้นจนแทบไม่มีที่ว่างเลย ประมาณ 20-25 ตุ่มได้
เล็กใหญ่ ใส แดง กระจายเต็มใบหน้า แฟนไข้ขึ้นสูง เจ็บหน้าอก และปวดหลังถี่มาก
เราก็เลยบอกให้แฟนแอดมิทที่รพ.เลย เพราะเนื่องจากที่บ้านเรามีคนยังไม่เคยเป็นอิสุกอิใสอีก 2 คน
เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าแพร่เชื้อติดกันทั้งบ้าน  สุดท้ายแฟนก็เลยเข้าแอดมิทที่รพ.กรุงเทพ ( เอ่ยนามได้ไหมไม่รู้ 55 )
หลังจากได้เข้าพักที่รพ.ก็ได้มีการให้น้ำเกลือ และยาผ่านสายน้ำเกลือ มียาลดไข้ และยาแก้คัน
คืนแรกเราก็ได้ไปสังเกตการณ์และคลุกคลีกับผู้ติดเชื้อเหมือนเดิมค่ะ
เพิ่มเติมคือรักษาความสะอาดมากขึ้น เพราะทราบมาจากพี่ที่รู้จักกันว่า เคยเป็นอิสุกอิใสถึง 3 ครั้ง ในชีวิต เท่ากับว่า เป็นแล้ว เป็นอีกได้
ความเชื่อที่บอกว่าเป็นแล้วไม่เป็นอีก คือไม่เป็นความจริง ตัดไปได้เลย TT
ตอนนี้ก็เริ่มกังวลค่ะ กังวลว่าตัวเองจะเป็นเพราะใกล้รับปริญญา ก็เลยเซฟตัวเองมากขึ้น โดยการล้างมือด้วยแอลกอฮอร์บ่อย ๆ สวมผ้าปิดปากตลอดเวลา
และพยายามไม่แตะตุ่มน้ำของผู้ป่วย ( สองวันแรกนี่จิ้ม ๆ เหมือนสิวเลยค่ะ ชี้ให้แฟนดูว่ามีตรงไหนบ้าง ไม่ทันระวัง )
แต่ก็ยังมีช่วยทาเบตาดีนที่หมอให้ กับ คาลาไมน์ว่านพญายอที่ตัวเองอ่านมาจากในเน็ตว่าช่วยให้หายคัน แต่ก็ใส่ถุงมือยางของแพทย์ทุกครั้ง
คืนนั้นเราก็นอนพักที่รพ.ห้องเดียวกับผู้ติดเชื้อค่ะ เริ่มรู้สึกปวดหัวหน่อย ๆ อาจจะเพราะพักผ่อนน้อย
แฟนยังคงเจ็บหน้าอกอยู่เป็นพัก ๆ ค่ะ แต่เอกซ์เรย์แล้ว ไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ

- วันอังคาร - (วันที่ 4 ของการติดเชื้อ )
ตื่นมาตอนเช้า เรารู้สึกเจ็บคอมากกกกกกก กลืนน้ำลายแล้วเจ็บ ไม่สบายใจเลย แต่ก็พยายามกินน้ำเยอะ ๆ
กินนม และอาหารที่ช่วยเสริมสร้ามกล้ามเนื้ออัดเต็มแมกซ์ กินวันละ 4-5 อย่าง เพื่อร่างกายที่แข็งแรง
จากที่เคยอดมื้อเย็นก็ ไม่ได้ ต้องกิน กินอะไรก็ได้ที่รู้สึกว่ากินแล้วจะแข็งแรง 555555
มาที่ผู้ติดเชื้อดีกว่า  ตื่นมาสำรวจเจ้าตุ่มน้ำกันหน่อยยย .. เป่งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เป่งแบบ เป่งเหมือนจะแตกออกมา ตามตัวมีอยู่เยอะมาก นับทั้งตัวก็น่าจะเกิน 50 ตุ่ม แน่นอน
แต่จะขึ้นหนักที่หน้า เป็นหลัก ลำตัว และ หลัง รองลงมา ขากับแขนมีน้อยมา 4-5 ตุ่ม
และที่สำคัญคือ มันขึ้นในปาก หู ด้วย เรียกได้ว่า ขึ้นทั้งตัว .. ไม่มีที่ไหนหลุดรอดไปได้
ที่รู้เพราะแฟนบ่นว่า เจ็บคอ เจ็บหู หมอก็ตรวจแล้วพบว่ามันขึ้นจริง ๆ
พอได้พูดคุยกัน แฟนก็บอกว่า เครียดที่ตัวเองน่าเกลียด มีแต่ตุ่มเต็มไปหมด
แถมใครก็มาสัมผัสตัวก็ไม่ได้ บอกให้ใครมาเยี่ยมก็ไม่ได้  ตอนกลางวันก็เบื่อ ไม่มีอะไรทำ ต้องนอนอยู่กับเตียงอย่างเดียว
เราก็พยายามบอกไม่ให้แกะ ไม่ให้ไปจับ เพราะกังวลว่ามันจะติดเชื้อ แฟนก็ทำหน้าเศร้าสลดน่าสงสารมาก แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
พอตอนเย็นเรากลับไปทายาให้แฟนเหมือนปกติ พบว่าตัวเองมีตุ่มขึ้นที่ข้อมือและท้องแขนในใจตอนนั้น
ยิ้มแล้ว .. อย่าบอกนะว่าเราติดเชื้อเข้าให้แล้ว ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยTT

-วันพุธ-  (วันที่ 5 ของการติดเชื้อ )
ตุ่มของเราหายไป ! เย่ .. ยัง ยัง ยังไม่ถึงตาเรา

วันนี้สำรวจตุ่มน้ำพบว่า มีตุ่มที่ยอมถอย ฝ่อไปหลายตุ่มแล้วจ้า ไม่รู้ว่าเพราะเบตาดีนหรือคาลาไมน์ที่เราซื้อมา แต่ก็รู้สึกดีใจมาก
แต่...ตุ่มน้ำที่เป่งบนหน้า พบว่าติดเชื้อ มีหนอง 3 ตุ่ม  ซึ่งเป็นตุ่มที่ใหญ่มากกกกก พยายามบอกแฟนว่า อย่าไปจับเด็ดขาด
ถ้ามันแตกคือเสียโฉมแน่ ๆ แฟนก็ฟูมฟายเรียกร้องจะไปศัลยกรรม - - ( ยังงี้ก็ได้เหรอ ? )  เราก็ขำๆ พยายามพูดคุย ไม่ให้ผู้ป่วยวิตกกังวล
แต่ตุ่มตามตัวมันยุบลงจริง ๆ แล้ว หมอบอกว่า ถ้าวันนี้ไม่มีไข้ จะสามารถกลับบ้านได้ ..

เดี๋ยวพรุ่งนี้เป็นยังไงจะมาอัปเดตต่อค่ะ
เราค่อนข้างมันใจ 99% ว่าเราจะสามารถเป็นผู้รอดชีวิตจากการดูแลผู้ติดเชื้อในครั้งนี้
เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่ต้องใช้ความใกล้ชิดในการดูแลผู้ป่วยคนอื่น ๆ ..

ปล.ผู้เคยเป็นอิสุกอิใสแล้วจะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสนี้มากกว่าคนที่ยังไม่เป็นนิดหน่อยนะคะ
เพราะฉะนั้น คนที่ยังไม่เป็น พยายามอย่าเสี่ยงจะดีกว่าค่ะ ..
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่