สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ธรรมชาติคนทมิฬ (ออกเสียง ตะ - มิฬ: ฬ. ออกเสียงแบบ ล. แต่ม้วนลิ้นขึ้นไปอีก) เป็นพวกอนุรักษ์นิยม และมีความภาคภูมิใจในภาษาและวัฒนธรรมของตัวเองสูงมาก ชาวทมิฬเป็นตัวแปรสำคัญเลยที่ทำให้ปัจจุบันอินเดียไม่มีภาษาประจำชาติ แต่มีภาษาราชการ 22 ภาษา ควบคู่กับภาษาอังกฤษ
คิดว่าการแยกตัวไม่น่าจะทำกันง่ายๆนะคะ ขนาดทางอัสสัม แคชเมียร์ ที่ปะทุมาตลอดก็ไม่ได้สำเร็จง่ายๆ แต่การประท้วงที่มีสาเหตุจากวัฒนธรรมของชาวทมิฬมีอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะด้านภาษา ลองหาอ่านดูเกี่ยวกับภาษาทมิฬได้ค่ะ ชาวทมิฬภูมิใจในภาษาและวัฒนธรรมของตัวเองสูงจนการจะพูดถึงวัฒนธรรมของพวกเค้าคนพูดต้องระมัดระวัง
ด้วยตัวภาษาและวัฒนธรรมของชาวทมิฬเองมันก็น่าภูมิใจอยู่ไม่น้อย หลักฐานด้านภาษาของชาวทมิฬ สืบสาวไปได้ไกลถึงกว่า 3,000 ปี ทำให้ชาวทมิฬภูมิใจว่า ภาษาของตัวเองเป็นภาษาหนึ่งที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในโลกที่ยังถูกใช้สืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน โดยไม่ขาดสาย และมีคนใช้พูดอยู่ในชีวิตประจำวันเป็นจำนวนมาก (เฉพาะในอินเดียเองก็มีชาวทมิฬอาศัยอยู่ถึง 60 - 70 ล้านคน ไม่นับชาวทมิฬพลัดถิ่นในต่างประเทศ) ซึ่งภาษาทมิฬเองก็ถูกจัดเป็นหนึ่งใน 6 ภาษาคลาสสิคของอินเดีย
ด้านประวัติศาสตร์เอง ในสมัยโจฬะ ราชวงศ์ทมิฬก็มีการพิชิตดินแดนในอินเดียได้กว้างใหญ่ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราชวงศ์โจฬะก็มีการตั้งสถานีการค้าขึ้น รวมถึงส่งอิทธิพลทางวัฒนธรรมเอาไว้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย (ข้อนี้ชาวทมิฬบางคนถึงกับพูดว่า ดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเมืองขึ้นของราชวงศ์โจฬะเลยทีเดียว) นอกจากนี้ก็ยังมีวัฒนธรรมด้านอื่นๆของอินเดียที่ชาวทมิฬเคลมว่าตนเองเป็นต้นกำเนิด (หลายอย่างก็จริงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี บางอย่างก็โม้บ้างอะไรบ้าง)
ในแง่การเมืองเอง พรรคใหญ่อย่างคองเกรส และพรรครัฐบาลปัจจุบัน BJP ไม่เคยชนะการเลือกตั้งในทมิฬนาฑูเลย มีเพียง 2 พรรคเท่านั้นที่กุมคะแนนเสียงในรัฐนี้คือ พรรค DMK (Dravida Munnetra Kazhagam) และ AIADMK (All India Anna Dravida Munnetra Kazhagam) ซึ่งทางพรรคใหญ่อย่างคองเกรส และ BJP ก็พยายามทุกทางที่จะให้ชนะในรัฐนี้ แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่สำเร็จ ล่าสุดมีข่าวความเคลื่อนไหวจาก BJP ภายหลังจากที่อัมมา (อัมมา ภาษาทมิฬแปลว่า แม่ ส่วนชื่อจริงๆของท่านคือ Jayalalithaa) มุขมนตรี (พรรค ALADMK) คนล่าสุดเสียชีวิตลง โดยทาง BJP ได้ส่งจดหมายเชิญดาราซุปเปอร์สตาร์ Rajinikanth เข้าร่วมพรรค แต่ก็ยังไม่ได้รับตอบรับจากคุณตาราจินีนะคะ เพียงแค่ส่งจดหมายเชิญเฉยๆ แต่คุณตาราจินีเป็นดาราที่ได้รับการเทิดทูนจากชาวทมิฬมาก หนังแกเข้าฉายทีไรแฟนๆฉลองยิ่งใหญ่มาก เอาไฟไปอารตีหน้าจอฉายในโรงหนังก็มีมาแล้ว ฉะนั้นแกเลยเนื้อหอมและเป็นที่จับตาในทางการเมืองมาก เพราะมุขมนตรีคนก่อนๆของทมิฬนาฑูเองก็มาจากสายนักแสดงเกือบทั้งนั้น ทั้ง M. G. Ramachandran รวมถึงล่าสุด อัมมา ก็เป็นนางเอกเก่า ที่แสดงหนังคู่กับ M. G. Ramachandran มาก่อน
คำถามของเจ้าของกระทู้บอกตรงๆว่าไม่ทราบเหมือนกันว่า ถ้ารัฐทมิฬนาฑูแยกเป็นประเทศได้จริงๆจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในความคิดส่วนตัว คิดว่าทำไม่สำเร็จค่ะ ที่มาประท้วงๆกันเนี่ย คิดว่าถ้าทางรัฐบาลกลางออกมากล่าวขอโทษ หรือโอนอ่อนอะไรซักอย่าง เหมือนเมื่อครั้งประท้วงเรื่องภาษาประจำชาติ เหตุการณ์ก็จะสงบลง เพราะคิดว่า ความต้องการจริงๆของชาวทมิฬคือ ต้องการให้คนอินเดียภูมิภาคอื่นและรัฐบาลกลางมีท่าทีที่ให้เกียรติ และให้ความสำคัญในวัฒนธรรมของพวกเค้าเท่านั้น คือ ไม่ใช่พูดถึงอินเดีย ก็นึกถึงแต่ภาษาฮินดี หรืออื่นๆที่เป็นอินเดียเหนือตามที่รัฐบาลกลางโปรโมทแก่ชาวโลกน่ะค่ะ
ข้อแตกต่างของชาวทมิฬกับอินเดียภูมิภาคอื่นๆ นอกจากด้านผิวพรรณตามที่เห็น ซึ่งจริงๆชาวทมิฬผิวขาวก็มีนะคะ ยกตัวอย่างเป็นดาราในบอลลีวู้ดละกันนะคะ รุ่นเก่าๆที่คนไทยส่วนมากคุ้นชื่อคุ้นหน้าก็เช่น เฮม่า มาลินี, กมัล ฮาซัน, ศรีเดวี, เรขา ฯ แต่ที่ผิวออกขาวๆโดยมากเป็นวรรณะพราหมณ์กันซะเยอะ รูปหน้าคนทมิฬสังเกตได้อีกอย่างคือ จะหน้าป้อมๆ แตกต่างจากคนอินเดียทางเหนือที่รูปหน้าจะยาวกว่า
ในด้านวรรณะ ปัจจุบันรัฐบาลท้องถิ่นทมิฬนาฑู ถือว่าประสบความสำเร็จในการขจัดเรื่องนี้มากกว่าที่อื่นในอินเดียค่ะ แต่เรื่องนี้ต้องพูดถึงเรื่องชื่อของชาวทมิฬด้วย ซึ่งเป็นข้อแตกต่างของชาวทมิฬกับรัฐอื่นๆ (แต่ชื่อของชาวทมิฬจะคล้ายกับคนในรัฐเกรละ รัฐเพื่อนบ้านของทมิฬนาฑู) หากเป็นคนอินเดียจากรัฐอื่นๆ ก็จะมีชื่อ ตามด้วยนามสกุล ตามปกติ เหมือนชนชาติอื่นๆทั่วโลก แต่สำหรับชาวทมิฬแต่เดิม นามสกุลของพวกเค้าจะเป็นชื่อพ่อ แล้วตามด้วยวรรณะ ดังนั้นชื่อของชาวทมิฬสมัยก่อนจะเรียงแบบนี้คือ ชื่อตัว+ชื่อพ่อ+วรรณะ ต่อมารัฐบาลท้องถิ่นทมิฬประกาศห้ามนำเอาวรรณะมาต่อท้ายชื่อพ่อ ดังนั้นปัจจุบันชื่อคนทมิฬจึงเหลือแต่ ชื่อตัว+ชื่อพ่อ (แทนนามสกุล) ในกรณีผู้หญิง เมื่อแต่งงานไป จะเอาชื่อสามีมาใส่เป็นนามสกุลแทนชื่อพ่อ ดังนั้นกรณีผู้หญิงที่แต่งงานจะเป็น ชื่อตัว+ชื่อสามี กรณีที่มีลูกนามสกุลของพ่อกับลูกชาวทมิฬจึงไม่เหมือนกัน เพราะคนพ่อใช้ชื่อปู่เป็นนามสกุล ส่วนลูกก็ใช้ชื่อพ่อเป็นนามสกุล ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่แตกต่างระหว่างชาวทมิฬกับคนอินเดียรัฐอื่นๆยกเว้นเกรละ และจากการห้ามเอาวรรณะมาต่อท้ายชื่อทำให้แทบไม่สามารถทราบได้เลยว่า คนๆนั้นอยู่ในวรรณะอะไร ถือว่าขจัดระบบวรรณะไปได้ส่วนหนึ่ง (แต่คิดว่าพวกเค้าต้องมีวิธีอื่นๆในการดูว่าใครอยู่ในวรรณะไหนแน่นอน เพียงแต่เราไม่รู้)
ด้านอาหารการกิน อาหารหลักของคนทมิฬคือ ข้าว ส่วนคนทางเหนือจะเป็นเป็นแผ่นแป้งต่างๆ เช่น นาน จาปาตี โรตี ฯ รสชาติในอาหารก็แตกต่างกัน ที่เห็นได้ชัดคือความมันค่ะ อาหารของชาวทมิฬจะมันน้อยกว่าทางอินเดียเหนือ โดยส่วนตัวกินแรกๆจะแปลกๆแหยะๆ แต่สามารถกินได้หมดโดยไม่เลี่ยน ในขณะที่อาหารของทางอินเดียเหนือแรกๆจะอร่อยมาก แต่กินๆไปความมันจะเริ่มมาและรู้สึกเลี่ยนๆในตอนท้ายๆ ส่วนเผ็ดไม่เผ็ดอยู่ที่คนทำใส่พริกมากหรือน้อยนะคะ 555+
ด้านการแต่งกาย ถ้าไม่ใช่ชุดสากลนิยม ผู้ชายนิยมนุ่งลุงกิ (Lungi) หรือในภาษาทมิฬเรียก เวตติ (Vetti) หรือที่คนไทยเรียกว่าโสร่งนั่นเอง โดยถ้าใส่แบบยาวก็ถือเป็นชุดสุภาพสามารถใส่ไปวัดและออกงานสังคมได้ สีสุภาพนิยมเป็นสีขาวขลิบทอง แต่ถ้าทบขึ้นมาให้สั้นประมาณเข่าหรือเหนือเข่าสำหรับใส่ลำลองหรือทำงานในไร่ในสวนได้ ในขณะที่ผู้ชายทางเหนือจะไม่นิยมนุ่งเวตติ สำหรับไปวัดหรืออกงาน ส่วนผู้หญิงรูปแบบส่าหรีแตกต่างกันไปในภูมิภาคต่างๆ (รายละเอียดมันเยอะค่ะ) แต่ง่ายๆคือ ผู้หญิงทมิฬและผู้หญิงอินเดียใต้นิยมติดพวงดอกไม้สดไว้ที่มวยผมด้านหลัง นิยมเป็นดอกมะลิ
ด้านศาสนาชาวทมิฬนับถือไศวนิกายและศักติเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุด
ปัจจุบันทมิฬนาฑูถือเป็นรัฐที่มีเศรษฐกิจและการศึกษาดีมากในอันดับต้นรัฐนึงของอินเดีย (ผลงานของอัมมา) เราเคยดู Lonely planet เมื่อหลายสิบปีก่อน พิธีกรรายการถึงกับพูดว่ารัฐนี้ผู้คนดูค่อนข้างว่างงาน เดินไปทางไหนเห็นแต่คนนั่งเฉยๆ และดูเหมือนคนจนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันทมิฬนาฑู ถือเป็นที่เศรษฐกิจดีมาก เจริญเติบโตเร็วมาก และเป็นรัฐที่มีเศรษฐกิจดีเป็นอันดับต้นๆของอินเดีย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ เมืองเชนไน ถึงกับได้ชื่อว่า ดีทรอยต์ออฟเอเชีย
ระบบการศึกษาของรัฐทมิฬนาฑูแตกต่างจากระบบของรัฐบาลกลาง เพราะเหตุผลด้ายภาษา ที่ระบบของรัฐบาลกลางให้มีการเรียนการสอนภาษาฮินดีเป็นภาคบังคับ แต่รัฐบาลท้องถิ่นและคนทมิฬไม่ต้องการให้มีการบังคับเรียนภาษาฮินดี จึงทำหลักสูตรของตัวเองขึ้นมา แต่พอมหาวิทยาลัยก็ใช้ภาษาอังกฤษกันหมดค่ะ มหาวิทยาลัยมัทราสนี่เป็นอันดับต้นๆของอินเดียเหมือนกัน
สำหรับอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ทมิฬนาฑูไม่รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับอินเดียภูมิภาคอื่นๆคือ ความรู้สึกรักและภูมิใจในภาษาของตัวเองอย่างมาก หากคุณรู้ภาษาฮินดี และหวังจะไปลองวิชาที่นี่ คุณไปผิดที่ค่ะ เพราะคนทมิฬแทบไม่รู้ภาษาฮินดีเลย หาคนรู้ได้น้อยมาก เพราะไม่มีการเรียนการสอนเป็นภาคบังคับในโรงเรียน (เท่าที่ทราบเหมือนเป็นวิชาเลือกค่ะ) แต่คนอินเดียเองเหมือนจะบอกว่า คนทางใต้โดยเฉพาะทมิฬนาฑู เก่งภาษาอังกฤษกว่าคนทางเหนือ ซึ่งไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ที่แน่ๆคนอินเดียทุกภูมิภาคภาษาอังกฤษดีกว่าคนไทยแน่นอน 555+
ตอบซะยาว แต่ไม่รู้ว่าตอบเข้าประเด็นที่เจ้าของกระทู้อยากรู้บ้างรึเปล่า ยาวไปก็ขออภัยด้วยนะคะ
คิดว่าการแยกตัวไม่น่าจะทำกันง่ายๆนะคะ ขนาดทางอัสสัม แคชเมียร์ ที่ปะทุมาตลอดก็ไม่ได้สำเร็จง่ายๆ แต่การประท้วงที่มีสาเหตุจากวัฒนธรรมของชาวทมิฬมีอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะด้านภาษา ลองหาอ่านดูเกี่ยวกับภาษาทมิฬได้ค่ะ ชาวทมิฬภูมิใจในภาษาและวัฒนธรรมของตัวเองสูงจนการจะพูดถึงวัฒนธรรมของพวกเค้าคนพูดต้องระมัดระวัง
ด้วยตัวภาษาและวัฒนธรรมของชาวทมิฬเองมันก็น่าภูมิใจอยู่ไม่น้อย หลักฐานด้านภาษาของชาวทมิฬ สืบสาวไปได้ไกลถึงกว่า 3,000 ปี ทำให้ชาวทมิฬภูมิใจว่า ภาษาของตัวเองเป็นภาษาหนึ่งที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในโลกที่ยังถูกใช้สืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน โดยไม่ขาดสาย และมีคนใช้พูดอยู่ในชีวิตประจำวันเป็นจำนวนมาก (เฉพาะในอินเดียเองก็มีชาวทมิฬอาศัยอยู่ถึง 60 - 70 ล้านคน ไม่นับชาวทมิฬพลัดถิ่นในต่างประเทศ) ซึ่งภาษาทมิฬเองก็ถูกจัดเป็นหนึ่งใน 6 ภาษาคลาสสิคของอินเดีย
ด้านประวัติศาสตร์เอง ในสมัยโจฬะ ราชวงศ์ทมิฬก็มีการพิชิตดินแดนในอินเดียได้กว้างใหญ่ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราชวงศ์โจฬะก็มีการตั้งสถานีการค้าขึ้น รวมถึงส่งอิทธิพลทางวัฒนธรรมเอาไว้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย (ข้อนี้ชาวทมิฬบางคนถึงกับพูดว่า ดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเมืองขึ้นของราชวงศ์โจฬะเลยทีเดียว) นอกจากนี้ก็ยังมีวัฒนธรรมด้านอื่นๆของอินเดียที่ชาวทมิฬเคลมว่าตนเองเป็นต้นกำเนิด (หลายอย่างก็จริงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี บางอย่างก็โม้บ้างอะไรบ้าง)
ในแง่การเมืองเอง พรรคใหญ่อย่างคองเกรส และพรรครัฐบาลปัจจุบัน BJP ไม่เคยชนะการเลือกตั้งในทมิฬนาฑูเลย มีเพียง 2 พรรคเท่านั้นที่กุมคะแนนเสียงในรัฐนี้คือ พรรค DMK (Dravida Munnetra Kazhagam) และ AIADMK (All India Anna Dravida Munnetra Kazhagam) ซึ่งทางพรรคใหญ่อย่างคองเกรส และ BJP ก็พยายามทุกทางที่จะให้ชนะในรัฐนี้ แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่สำเร็จ ล่าสุดมีข่าวความเคลื่อนไหวจาก BJP ภายหลังจากที่อัมมา (อัมมา ภาษาทมิฬแปลว่า แม่ ส่วนชื่อจริงๆของท่านคือ Jayalalithaa) มุขมนตรี (พรรค ALADMK) คนล่าสุดเสียชีวิตลง โดยทาง BJP ได้ส่งจดหมายเชิญดาราซุปเปอร์สตาร์ Rajinikanth เข้าร่วมพรรค แต่ก็ยังไม่ได้รับตอบรับจากคุณตาราจินีนะคะ เพียงแค่ส่งจดหมายเชิญเฉยๆ แต่คุณตาราจินีเป็นดาราที่ได้รับการเทิดทูนจากชาวทมิฬมาก หนังแกเข้าฉายทีไรแฟนๆฉลองยิ่งใหญ่มาก เอาไฟไปอารตีหน้าจอฉายในโรงหนังก็มีมาแล้ว ฉะนั้นแกเลยเนื้อหอมและเป็นที่จับตาในทางการเมืองมาก เพราะมุขมนตรีคนก่อนๆของทมิฬนาฑูเองก็มาจากสายนักแสดงเกือบทั้งนั้น ทั้ง M. G. Ramachandran รวมถึงล่าสุด อัมมา ก็เป็นนางเอกเก่า ที่แสดงหนังคู่กับ M. G. Ramachandran มาก่อน
คำถามของเจ้าของกระทู้บอกตรงๆว่าไม่ทราบเหมือนกันว่า ถ้ารัฐทมิฬนาฑูแยกเป็นประเทศได้จริงๆจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในความคิดส่วนตัว คิดว่าทำไม่สำเร็จค่ะ ที่มาประท้วงๆกันเนี่ย คิดว่าถ้าทางรัฐบาลกลางออกมากล่าวขอโทษ หรือโอนอ่อนอะไรซักอย่าง เหมือนเมื่อครั้งประท้วงเรื่องภาษาประจำชาติ เหตุการณ์ก็จะสงบลง เพราะคิดว่า ความต้องการจริงๆของชาวทมิฬคือ ต้องการให้คนอินเดียภูมิภาคอื่นและรัฐบาลกลางมีท่าทีที่ให้เกียรติ และให้ความสำคัญในวัฒนธรรมของพวกเค้าเท่านั้น คือ ไม่ใช่พูดถึงอินเดีย ก็นึกถึงแต่ภาษาฮินดี หรืออื่นๆที่เป็นอินเดียเหนือตามที่รัฐบาลกลางโปรโมทแก่ชาวโลกน่ะค่ะ
ข้อแตกต่างของชาวทมิฬกับอินเดียภูมิภาคอื่นๆ นอกจากด้านผิวพรรณตามที่เห็น ซึ่งจริงๆชาวทมิฬผิวขาวก็มีนะคะ ยกตัวอย่างเป็นดาราในบอลลีวู้ดละกันนะคะ รุ่นเก่าๆที่คนไทยส่วนมากคุ้นชื่อคุ้นหน้าก็เช่น เฮม่า มาลินี, กมัล ฮาซัน, ศรีเดวี, เรขา ฯ แต่ที่ผิวออกขาวๆโดยมากเป็นวรรณะพราหมณ์กันซะเยอะ รูปหน้าคนทมิฬสังเกตได้อีกอย่างคือ จะหน้าป้อมๆ แตกต่างจากคนอินเดียทางเหนือที่รูปหน้าจะยาวกว่า
ในด้านวรรณะ ปัจจุบันรัฐบาลท้องถิ่นทมิฬนาฑู ถือว่าประสบความสำเร็จในการขจัดเรื่องนี้มากกว่าที่อื่นในอินเดียค่ะ แต่เรื่องนี้ต้องพูดถึงเรื่องชื่อของชาวทมิฬด้วย ซึ่งเป็นข้อแตกต่างของชาวทมิฬกับรัฐอื่นๆ (แต่ชื่อของชาวทมิฬจะคล้ายกับคนในรัฐเกรละ รัฐเพื่อนบ้านของทมิฬนาฑู) หากเป็นคนอินเดียจากรัฐอื่นๆ ก็จะมีชื่อ ตามด้วยนามสกุล ตามปกติ เหมือนชนชาติอื่นๆทั่วโลก แต่สำหรับชาวทมิฬแต่เดิม นามสกุลของพวกเค้าจะเป็นชื่อพ่อ แล้วตามด้วยวรรณะ ดังนั้นชื่อของชาวทมิฬสมัยก่อนจะเรียงแบบนี้คือ ชื่อตัว+ชื่อพ่อ+วรรณะ ต่อมารัฐบาลท้องถิ่นทมิฬประกาศห้ามนำเอาวรรณะมาต่อท้ายชื่อพ่อ ดังนั้นปัจจุบันชื่อคนทมิฬจึงเหลือแต่ ชื่อตัว+ชื่อพ่อ (แทนนามสกุล) ในกรณีผู้หญิง เมื่อแต่งงานไป จะเอาชื่อสามีมาใส่เป็นนามสกุลแทนชื่อพ่อ ดังนั้นกรณีผู้หญิงที่แต่งงานจะเป็น ชื่อตัว+ชื่อสามี กรณีที่มีลูกนามสกุลของพ่อกับลูกชาวทมิฬจึงไม่เหมือนกัน เพราะคนพ่อใช้ชื่อปู่เป็นนามสกุล ส่วนลูกก็ใช้ชื่อพ่อเป็นนามสกุล ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่แตกต่างระหว่างชาวทมิฬกับคนอินเดียรัฐอื่นๆยกเว้นเกรละ และจากการห้ามเอาวรรณะมาต่อท้ายชื่อทำให้แทบไม่สามารถทราบได้เลยว่า คนๆนั้นอยู่ในวรรณะอะไร ถือว่าขจัดระบบวรรณะไปได้ส่วนหนึ่ง (แต่คิดว่าพวกเค้าต้องมีวิธีอื่นๆในการดูว่าใครอยู่ในวรรณะไหนแน่นอน เพียงแต่เราไม่รู้)
ด้านอาหารการกิน อาหารหลักของคนทมิฬคือ ข้าว ส่วนคนทางเหนือจะเป็นเป็นแผ่นแป้งต่างๆ เช่น นาน จาปาตี โรตี ฯ รสชาติในอาหารก็แตกต่างกัน ที่เห็นได้ชัดคือความมันค่ะ อาหารของชาวทมิฬจะมันน้อยกว่าทางอินเดียเหนือ โดยส่วนตัวกินแรกๆจะแปลกๆแหยะๆ แต่สามารถกินได้หมดโดยไม่เลี่ยน ในขณะที่อาหารของทางอินเดียเหนือแรกๆจะอร่อยมาก แต่กินๆไปความมันจะเริ่มมาและรู้สึกเลี่ยนๆในตอนท้ายๆ ส่วนเผ็ดไม่เผ็ดอยู่ที่คนทำใส่พริกมากหรือน้อยนะคะ 555+
ด้านการแต่งกาย ถ้าไม่ใช่ชุดสากลนิยม ผู้ชายนิยมนุ่งลุงกิ (Lungi) หรือในภาษาทมิฬเรียก เวตติ (Vetti) หรือที่คนไทยเรียกว่าโสร่งนั่นเอง โดยถ้าใส่แบบยาวก็ถือเป็นชุดสุภาพสามารถใส่ไปวัดและออกงานสังคมได้ สีสุภาพนิยมเป็นสีขาวขลิบทอง แต่ถ้าทบขึ้นมาให้สั้นประมาณเข่าหรือเหนือเข่าสำหรับใส่ลำลองหรือทำงานในไร่ในสวนได้ ในขณะที่ผู้ชายทางเหนือจะไม่นิยมนุ่งเวตติ สำหรับไปวัดหรืออกงาน ส่วนผู้หญิงรูปแบบส่าหรีแตกต่างกันไปในภูมิภาคต่างๆ (รายละเอียดมันเยอะค่ะ) แต่ง่ายๆคือ ผู้หญิงทมิฬและผู้หญิงอินเดียใต้นิยมติดพวงดอกไม้สดไว้ที่มวยผมด้านหลัง นิยมเป็นดอกมะลิ
ด้านศาสนาชาวทมิฬนับถือไศวนิกายและศักติเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุด
ปัจจุบันทมิฬนาฑูถือเป็นรัฐที่มีเศรษฐกิจและการศึกษาดีมากในอันดับต้นรัฐนึงของอินเดีย (ผลงานของอัมมา) เราเคยดู Lonely planet เมื่อหลายสิบปีก่อน พิธีกรรายการถึงกับพูดว่ารัฐนี้ผู้คนดูค่อนข้างว่างงาน เดินไปทางไหนเห็นแต่คนนั่งเฉยๆ และดูเหมือนคนจนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันทมิฬนาฑู ถือเป็นที่เศรษฐกิจดีมาก เจริญเติบโตเร็วมาก และเป็นรัฐที่มีเศรษฐกิจดีเป็นอันดับต้นๆของอินเดีย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ เมืองเชนไน ถึงกับได้ชื่อว่า ดีทรอยต์ออฟเอเชีย
ระบบการศึกษาของรัฐทมิฬนาฑูแตกต่างจากระบบของรัฐบาลกลาง เพราะเหตุผลด้ายภาษา ที่ระบบของรัฐบาลกลางให้มีการเรียนการสอนภาษาฮินดีเป็นภาคบังคับ แต่รัฐบาลท้องถิ่นและคนทมิฬไม่ต้องการให้มีการบังคับเรียนภาษาฮินดี จึงทำหลักสูตรของตัวเองขึ้นมา แต่พอมหาวิทยาลัยก็ใช้ภาษาอังกฤษกันหมดค่ะ มหาวิทยาลัยมัทราสนี่เป็นอันดับต้นๆของอินเดียเหมือนกัน
สำหรับอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ทมิฬนาฑูไม่รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับอินเดียภูมิภาคอื่นๆคือ ความรู้สึกรักและภูมิใจในภาษาของตัวเองอย่างมาก หากคุณรู้ภาษาฮินดี และหวังจะไปลองวิชาที่นี่ คุณไปผิดที่ค่ะ เพราะคนทมิฬแทบไม่รู้ภาษาฮินดีเลย หาคนรู้ได้น้อยมาก เพราะไม่มีการเรียนการสอนเป็นภาคบังคับในโรงเรียน (เท่าที่ทราบเหมือนเป็นวิชาเลือกค่ะ) แต่คนอินเดียเองเหมือนจะบอกว่า คนทางใต้โดยเฉพาะทมิฬนาฑู เก่งภาษาอังกฤษกว่าคนทางเหนือ ซึ่งไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ที่แน่ๆคนอินเดียทุกภูมิภาคภาษาอังกฤษดีกว่าคนไทยแน่นอน 555+
ตอบซะยาว แต่ไม่รู้ว่าตอบเข้าประเด็นที่เจ้าของกระทู้อยากรู้บ้างรึเปล่า ยาวไปก็ขออภัยด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
เกิดอะไรกับอินเดียช่วงนี้หรือ ทมิฐต้องการแยกจากอินเดียหรือ ถ้าเกิดจริงจะมีอะไรกับโลก
ม้นเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดขึ้นจริง อินเดียจะเป็นยังไง
จะเกิดการรบกันหนักในอินเดียไหม
เศรษฐกิจ และ หุ้นทั่วโลกจะมีการปรับฐานไหม
ถ้า ทมิฐ แยกออกมาจากอินเดียจริง เศรษฐกิจโลกจะเกิดอะไรขึ้น
พวกทมิฐ กับ พวกที่อยู่ตอนเหนืออินเดียต่างกันมากไหม
ดูจากคลิป คนทมิฐจะผิวดำมาก ชนิดว่าดำขึ้นม้นเลย
ส่วนอินเดียเหนือ จะออกแนวไปทาง พวกตะวันออกกลาง