ค่ายมือถืองัดกลยุทธ์ดึงลูกค้าเลือกเหมาจ่าย

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1484537627

จับตาสงครามค่ายมือถือรอบใหม่รับมติ "กทค." ตีกรอบแพ็กเกจค่าโทร.เป็นวินาทีคู่เหมาจ่ายนาที "เอไอเอส-ทรูมูฟเอช" เตรียมส่งโปรใหม่ลงตลาด "ดีแทค" ร่วมวงแข่ง "กสทช.-ประวิทย์" ชี้เอื้อเอกชนมากกว่าผู้บริโภคเผย "ค่าบริการเสียง" แพงขึ้น 3 ไตรมาสติด ด้านผู้บริโภคตั้งท่ายื่นฟ้อง 1.8 หมื่นล้าน

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มติคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เมื่อ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 900 MHz และ 1800 MHz ที่ประมูลคลื่นได้ไปเมื่อปลายปี 2558 ต้องออกแพ็กเกจค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในแบบที่ต้องคิดค่าโทร.เป็นวินาที และเป็นนาที ในสัดส่วนอย่างละ 50% ของแพ็กเกจที่มีทั้งหมด ถือเป็นการพลิกมติเดิมเมื่อ 7 พ.ค. 2559 ที่เคยระบุให้ผู้ให้บริการต้องคิดค่าโทร.ตามจริงเป็นวินาทีในทุกแพ็กเกจ หลังจากมีความพยายามจะที่เรียกร้องให้ทบทวนมตินี้มาโดยตลอด จึงเชื่อว่าข้อสรุปที่ออกมาเป็นการเจรจาตกลงกันหลายฝ่ายแล้ว



คิดเป็นวินาทีกระทบรายได้ 20%
"จากผลการศึกษาของสหภาพยุโรป พบว่าการคิดค่าโทร.แบบปัดเศษเป็นนาที ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินโดยไม่จำเป็น เนื่องจากการโดนปัดเศษจำนวนนาทีที่โทร. ถึง 24% ของค่าบริการที่จ่าย แต่ในทางกลับกัน รูปแบบการคิดค่าโทร.แบบนี้ส่งผลต่อรายได้ของโอเปอเรเตอร์ถึง 20% หาก กสทช.บังคับตามมติเดิมที่ทุกแพ็กเกจต้องคิดค่าโทร.เป็นวินาที ก็จะกระทบรายได้ของค่ายมือถือพอสมควร ถึงเป็นประเด็นร้องเรียนให้มีการทบทวน แม้แนวโน้มรายได้จาก voice จะลดลงเรื่อย ๆ"

ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตลาดจากนี้คือ การออกแบบแพ็กเกจค่าโทร.ที่จะจูงใจให้ลูกค้าเลือกใช้แพ็กเกจเหมาจ่ายคิดค่าโทร.เป็นนาทีเหมือนเดิม เพื่อไม่ให้กระทบรายได้ของบริษัท ซึ่งในการประเมินพฤติกรรมผู้บริโภคตามที่สำนักงาน กสทช.วางแผนจะดำเนินการในอีก 6 เดือน เพื่อนำมาประกอบการทบทวนมติอีกครั้ง ผลก็จะออกมาว่าแพ็กเกจแบบคิดค่าโทร.ตามจริงเป็นวินาทีไม่ได้รับความนิยม

"ปัจจุบันทุกค่ายมีแพ็กเกจคิดตามจริงเป็นวินาทีอยู่แล้วราว5%ของทั้งหมดแต่ไม่ได้รับความนิยมและไม่ค่อยได้โปรโมตเพราะเมื่อคำนวณแล้วค่าบริการจะแพงกว่าเดิม เคยสำรวจพบว่า จากที่เคยโทร.ได้ 200 นาที เมื่อคิดเป็นวินาทีจะโทร.ได้แค่ 80 นาที เนื่องจากค่ายมือถือนำเพดานราคาขั้นสูงที่ กสทช. กำหนดไว้ที่ 69 สตางค์/นาทีมาทำแพ็กเกจ ซึ่งแพงกว่าค่าโทร.เหมาจ่ายที่ออกแบบไว้จึงไม่สร้างทางเลือกให้ผู้บริโภคอย่างแท้จริง"

ค่าโทร.แพงขึ้น3ไตรมาสติด
นายประวิทย์ระบุว่าที่เป็นแบบนี้เพราะกลไกการกำกับดูแลของกสทช.ไม่ได้มีนักวิชาการมาช่วยประเมินต้นทุนหาเพดานราคาต่อนาทีที่เหมาะสม การตั้งเพดานราคาของ กสทช.จึงเป็นภาพลวงตา โดยกำหนดราคาไว้ในจุดที่โอเปอเรเตอร์ได้กำไรสูงมากอยู่แล้ว และที่แปลกที่สุดคือ กสทช.ประกาศว่า ผู้บริโภคได้ใช้ค่าโทร.ถูกลง แต่จากรายงานสภาพตลาดโทรคมนาคมของ กสทช.ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าค่าโทร.เฉลี่ยต่อนาทีสูงขึ้น 1-2 สตางค์ติดต่อกัน โดยในไตรมาส 4/2558 อยู่ที่ 0.41 บาท และไตรมาส 1/2559 เฉลี่ย 0.44 บาท ไตรมาส 2/2559 เฉลี่ย 0.45 บาทต่อนาที ส่วนรูปแบบการคิดค่าบริการของค่ายมือถือที่ใช้การปัดเศษ ไม่ได้มีเฉพาะค่าโทร. บางรายนำไปใช้กับการคิคค่าบริการโมบายดาต้าด้วย

ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลและวิจัยเศรษฐกิจโทรคมนาคม สำนักงาน กสทช.ระบุว่า ปี 2559 สัดส่วนรายได้จากบริการเสียงอยู่ที่ราว 34.12% ของรายได้รวม ลดลงจาก 41.53% ในปี 2558 ขณะที่รายได้เสียงต่อไตรมาสรวมทุกค่าย ในไตรมาส 1/2559 อยู่ที่ 25,200 ล้านบาท ลดลง 13.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า

ขณะที่จำนวนนาทีการโทรของลูกค้าต่อเดือนเฉลี่ยรวมทุกค่ายในปี2559อยู่ที่185 นาทีต่อเดือน ลดลงจากปี 2558 ที่เฉลี่ย 248 นาทีต่อเดือน

งัดแพ็กเกจเหมานาทีดูดลูกค้า
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การคิดค่าโทรแบบปัดเศษเป็นการถัวเฉลี่ยรายได้จากการให้บริการ ที่ปัจจุบันค่าโทรของแต่ละค่ายมือถือมีราคาถูกมากด้วยกลไกตลาด รวมถึงเงื่อนไขให้ต้องลดราคาตามที่ กสทช. กำหนดในการประมูลคลื่น ดังนั้นหาก กทค.ยืนตามมติเดิมคือ ห้ามปัดเศษทุกแพ็กเกจ เชื่อได้แต่ละค่ายจะขาดทุนหลักร้อยล้านบาทต่อเดือนแน่นอน

"เมื่อมติ กทค.เปิดช่องให้ออกแพ็กเกจได้ทั้ง 2 รูปแบบ สิ่งที่จะเห็นจากนี้คือ แต่ละค่ายต้องงัดกลยุทธ์ในการออกแบบแพ็กเกจอย่างไรให้ลูกค้าไม่เลือกแบบคิดเป็นวินาที เพราะยิ่งลูกค้าเลือกใช้มากก็จะยิ่งกระทบรายได้ แต่ด้วยราคาที่แข่งกันมากอยู่แล้ว คงไม่เห็นการลดราคาลงไปมากกว่านี้ แต่จะเน้นให้ลูกค้ารู้สึกว่าโทรได้มากขึ้นแต่จ่ายเท่าเดิม โดยเฉพาะแพ็กเกจที่จูงใจลูกค้าได้ดี อย่ากลุ่มราคา 299-399 บาทต่อเดือน"

บังคับเฉพาะไลเซนส์ 4G
นายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานรัฐกิจสัมพันธ์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มติ กทค.ล่าสุดไม่กระทบกับดีแทคโดยตรง เพราะบังคับใช้กับผู้รับใบอนุญาตคลื่น 900 MHz และ 1800 MHz แต่เมื่อคู่แข่งมีแพ็กเกจดังกล่าว ดีแทคก็ต้องออกมาเพื่อให้แข่งขันได้ ซึ่งจุดยืนของดีแทคเองไม่เห็นด้วยกับการกำกับราคาขายปลีกของ กสทช. เพราะราคาขายปลีกต้องถูกด้วยการแข่งขันอยู่แล้ว จึงควรกำกับราคาขายส่งมากกว่า

ด้านนายภัคพงศ์ พัฒนมาศ รองผู้อำนวยการธุรกิจ โมบายล์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ที่ผ่านมาทรูมูฟ เอชมีแพ็กเกจบริการโทรศัพท์มือถือแบบเป็นวินาทีให้ลูกค้าเลือกใช้บริการได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะบริการในระบบเติมเงิน เช่น โปรสบายเป็นวินาที เป็นต้น และกำลังพิจารณาเพิ่มโปรโมชั่นใหม่ให้มากขึ้นตามที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) มีมติล่าสุด

ขณะที่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส (เอไอเอส) ชี้แจงเรื่องมติ กทค.กรณีการกำกับอัตราค่าบริการเป็นวินาทีว่า ในเบื้องต้นบริษัทยินดีปฏิบัติตามมติ แต่สำนักงาน กสทช.ต้องมีการแจ้งมติดังกล่าวมายังบริษัทอย่างเป็นทางการก่อน และบริษัทคงต้องศึกษารายละเอียดเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป

ผู้บริโภครวมตัวฟ้อง
ด้านน.ส.สารี อ๋องสมหวังเลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเปิดเผยว่า ผู้บริโภคจะรวมตัวกันยื่นฟ้องคดีแบบกลุ่มโดยเร็วที่สุด เพื่อฟ้องเอาเงินคืนจากเอไอเอสและทรูมูฟ เอช ในส่วนที่โอเปอเรเตอร์เรียกเก็บเกิน หลังจากที่ กทค.มีมติ 17 พ.ค. 2559 ให้คิดตามจริงเป็นวินาทีในทุกรายการส่งเสริมการขาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของทั้ง 2 บริษัทมากกว่า 18,032.70 ล้านบาท ตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ทั้งไม่ยอมรับการแก้มติ กทค.ที่ให้ออกแพ็กเกจแบบคิดเป็นวินาทีแค่ 50% ของทั้งหมดด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่