จากคนหนึ่งที่เป็นไบโพล่าร์ ไม่ใช่สมมติ

ความสูญเสีย ความผิดหวัง ความรู้สึกล้มเหลว ความเหงา ทั้งหมดคงหลอมรวมเป็นพฤติกรรมของเราเมื่อนานมาแล้ว จนมีหลายๆคนแนะนำให้เราไปพบจิตแพทย์ พวกเขาพยายามบอกว่าคนปกติก็ไปได้ เราอาจจะเครียดก็ได้ อธิบายเหตุผลต่างๆนานา จนเราตัดสินใจไปจริงๆ
วันแรกที่ไป คิดว่าเตรียมตัวเตรียมใจดีแล้ว บอกทุกคนว่ากำลังไปโรงพยาบาลนะ แต่ระหว่างที่ขับรถไป น้ำตาไหลตลอดทาง ตอนนั้นเราไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องมีน้ำตา เราไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญ ทว่าน้ำตามันไหลมาเรื่อยๆ ยิ่งพยายามปาดน้ำตาให้หมดๆยิ่งไหลมาไม่หยุด

เรามาครั้งแรก ตอนทำบัตร เจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามีใครรู้รึป่าว ต้องการให้เบอร์ติดต่อญาติรึป่าว พยาบาลซักประวัติเราก็ตอบแบบงงๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นมากน้อยแค่ไหน นักสังคมให้เล่าประวัติครอบครัวเราเริ่มร้องไห้ แพทย์ถามว่าอะไรคือเหตุผลที่มาพบจิตแพทย์ เราก็ตอบได้แค่ไม่รู้ มีคนบอกให้มา นักจิตวิทยาก็ทำให้เรารู้สึกว่าจิตใจปลอดโปร่งขึ้น  เรายอมกินยาแต่โดยดี ทั้งๆที่ตอนนั้นไม่เชื่อในเรื่องยามากเท่าไหร่ คิดว่าคงกินแค่สักพัก แล้วคราวหน้าหมอนัด หมอก็จะให้เราหยุดยา ตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ เกือบสองปี ทุกอย่างยังเหมือนเดิม จะเปลี่ยนก็แค่ตัวยา กับโรงพยาบาลที่รักษาอยู่แค่นั้น

ตอนแรกเราปิดเรื่องนี้กับคนในครอบครัว ต้องแอบกินยาตลอด จนทนไม่ไหว ต้องบอกคนในครอบครัวไป หมอวินิจฉัยว่าเราเป็นไบโพล่าร์ คนในครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆไม่มีใครยอมรับว่าเราเป็น โดยเฉพาะแม่ ที่ไม่อยากให้เรากินยา ค้านชนฝา บอกว่ากินยาอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น มีครั้งหนึ่งที่เราทำยาหาย แล้วนอนละเมอทั้งคืน จนแม่สงสาร ช่วยหายาจนเจอ แม้แต่กินยานอนหลับ บางคืนเรายังละเมอร้องไห้ตกใจตื่น  ทุกครั้งที่เราฝันร้ายแล้วตกใจตื่น  เราโล่งใจทุกครั้งที่มันเป็นแค่ฝัน ไม่ใช่เรื่องจริง บางช่วงเราไม่หลับไม่นอนติดกัน3-4คืน บางช่วงก็เอาแต่นอนทั้งวันทั้งคืน

วันที่เราเข้ามหาลัย เจอสังคมใหม่ เราไม่กล้าบอกใครว่าเราเป็นไบโพล่าร์ ตอนตรวจสุขภาพวันรายงานตัว เราปรึกษาหมอ หมอบอกว่าถ้าไม่เป็นปัญหาในการเรียน ไม่ต้องเขียนก็ได้ ช่วงแรกน้ำหนักลดไปเยอะมาก เรารู้สึกเหนื่อย ไม่อยากกินอะไร ตอนรับน้องมีหลายครั้งที่เราอยู่ในภาวะที่เกินควบคุม เข้ากับเพื่อนในสาขาไม่ได้ เพื่อนๆไม่ชอบ ไม่มีใครคบ ดูเป็นตัวประหลาดบ้าง ตั้งแต่เขาไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร วันนี้ในสาขาทุกคนรู้ว่าเราเป็นโรคอะไร แต่ก็แค่นั้น เป็นก็คือเป็น ทุกคืนเราต้องกินยานอนหลับ  เสาร์อาทิตย์เพื่อนก็จะโทรตาม

จนเรารู้สึกว่าการปิดบัง เหมือนการที่เราไม่ยอมรับตัวเอง เราคิดว่าคนที่ควรรู้เราก็ควรบอก เรื่องที่เสียใจที่สุด คือคนแรกที่เราตัดสินใจบอกว่าเราเป็นอะไร กินยาอะไร มีผลยังไง โทรมาตามไปทำงาน และบอกว่าอย่าแกล้งป่วย มันตลกแบบขำไม่ออก แม่ถามว่า เนี่ยเหรอคนที่เธอไว้ใจที่สุด?

เราไม่รู้จะระบายกับใคร คงไม่มีใครอยากฟังเรา ถ้าระบายกับแม่ก็จะพาลทำให้แม่เครียดอีก บางครั้งเราทรมานแบบที่บอกใครไม่ได้ ชี้ให้ใครดูไม่ได้ว่ามันเจ็บมันปวดตรงไหน เราขอแม่หยุดความทรมาน ให้เราไปแบบไม่เจ็บปวด แม่ก็ตอบว่าไม่ได้ แม่มีเราคนเดียว ทุกวันนี้เรามีชีวิตเพื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง  เรารู้ว่าพ่อแม่ไม่มีเราไม่ได้ เราโชคร้ายที่ป่วย แต่โชคดีที่ยังมียารักษา เรากินยาตลอด เป็นคนไข้ที่ดี แต่ไม่หายสักที เราเป็นคนที่ดูไม่น่าคบ ดูน่าเอือมระอาในสายตาเพื่อนๆรุ่นพี่ เราก็อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากไปให้เขาเจอหน้าให้กวนตากวนใจ

แม่บอกว่า”ไม่มีใครมีหน้าที่ต้องมารักเรา ใครรักเรานั้นคือเอ็กซ์ตร้า” เราจำได้เสมอ ตอบแทนคนที่รักเราให้มากที่สุด แม้สิ่งดีเล็กๆน้อยๆที่เขาทำให้ เราซาบซึ้งนะ เพราะเคยผ่านวันที่ทุกคนบนโลกหันหลังให้เรามาแล้ว  ถึงรู้ว่าคนที่รักเรามีค่าแค่ไหน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่