"เคยคิดไหม พวก สัมมนาร้อยล้าน ตกลงใครกันแน่ที่รวยขึ้น"
ในยุคที่ใครๆก็อยากจะรวยนั้น สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยว่า จะมักูรู หรือ โค้ช เกิดขึ้นมามากมาย โดยอาศัย ความอยากมี อยากได้ อยากรวย และ ความไม่รู้จักพอของคน มาหาผลประโยชน์ แรกๆเขาก็จะพยายามปั้นตัวเอง ให้เป็นที่รู้จักก่อน โดยใช้คำพูดสวยๆหล่อๆ เพื่อให้คนสนใจ และ อยากติดตาม ซึ่ง ยุคนี้ ก็คงจะเป็นการใช้โซเซียลนั่นแหล่ะ บางคนอาจจะลงทุนไปจ้างช่างภาพ แต่งตัวให้ดูมีระดับ ใส่สูตร ถ่ายรูปแอ็คอาร์ต ให้ดูเท่ห์ จะได้ดูมีความน่าเชื่อถือ ก็คงจะเป็นธรรมดาของสังคม วัตถุนิยมไปแล้วหล่ะมั้ง ที่มักจะมองคนจากภายนอก ลองถ้าใส่แตะ เสื้อคอกลมสิ ใครเขาจะมาสนใจ
แล้วทีนี้ กูรู หรือ โค้ช มันมีอะไรบ้างหล่ะ ส่วนมากก็จะเกี่ยวกับเรื่อง รวยๆ เงินๆทองๆ นั่นแหล่ะ ซึ่งเท่าที่เห็นก็จะมี ประมาณนี้ เช่น
1.รวยร้อยล้านด้วยการนำเข้าสินค้า จาก ประเทศ xxx :: กูรูแนวๆนี้ เขาจะเปิดให้คนเข้าไปเรียนฟรีก่อน (แค่วันเดียว ไม่กี่ชม)แนะนำตัว พร้อมพูดโปรยด้วยคำสวยหรู อาจจะเช่น เคยเป็นนักขายบน เว็ป อี โบ้ย ระดับ power seller รูปดาวสีทอง ซึ่งเขาอาจจะเคยเป็นมาจริงๆ ก็ได้ หรือ ไม่ก็อาจจะอุปโลกขึ้นมา แน่นอน ก็คงจะไม่มีใครไปตรวจสอบ หรือ ขอดูหรอกว่า เขาได้มาจริงๆหรือเปล่า แล้วระหว่างที่พูดไป เขาก้จะค่อยๆเอา ตัวอย่าง มาบิ้วให้คนเกิดความอยาก เสียเงินค่าคอร์ส มากขึ้น อาจจะเป็นการโชว์หน้าสมุดบัญชี (โชว์แค่ตัวเลขนะ ไม่ใช่หน้าแรกที่มี่ชื่อ) จากนั้น เขาก็จะพูดแบบกั๊กๆ ไปสักพัก พอท้ายๆ ก็จะเริ่มเสนอคอร์ส ว่ามีโปรพิเศษ เฉพาะวันนี้เท่านั้น เช่น สมมติ ค่าคอาร์ส 50,000 บาท เขาก็จะเสนอราคามาว่า ปกติ 5 หมื่น สมัครวันนี้ พร้อมเพื่อนอีก 3 คน ลดเหลือ 30,000 บาท เท่านั้น สุดท้ายก็อย่างที่เห็น คนเดินออก เกือบหมด มีส่วนน้อยที่หลงเชื่อ เสียตังค์ไปเรียน แค่สองวัน จบ
2.รวยพันล้านด้วยอสังหา :: กูรูด้านอสังหา นี่ก็เช่นกัน แรกๆก็จะออกมาเป็นหนังสือก่อน โดยพูดนิดๆหน่อยๆ แล้วก็โปรโมทไปเรื่อยๆ แล้วพอติดตลาด หรือ เป็นที่รู้จัก เขาก็จะพยายามนำเสนอ เกี่ยวกับ การสร้าง passive โดยการสร้าง อพาร์ทเม้นต์ ให้เช่า ซึ่งถ้าดูเวลาเขาพูด นำเสนอตัวเอง เขาก็มักจะพูดแค่ประมาณนี้ ให้มันดูยังสวยหรู และดูรวยง่าย จากนั้นก็จะชวนคนไปลงเรียนคอร์ส เสียเป็นหลายหมื่น (วันเดียวจบ) คนก็กลับไปแบบ โหย สงสัยรวยแน่ๆแล้วเรางานนี้ แต่ในความเป็นจริงนั้น ขั้นตอนต่างๆใช้เงินเยอะมากๆ ยิ่งถ้าไม่มีเงินทุนจำนวนนึง หรือ หลักทรัพย์มาค้ำ ก็ยากที่จะเสนอเรื่องกู้ สร้างตึก แล้วไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆมากมายอีก ไม่ว่าจะค่าประเมินราคาที่ดิน ค่ารางวัด จ้างผู้รับเหมา ซื้อวัสดุอิฐ หิน ปูน ทราย ค่าจ้างคนงาน ยิ่งถ้าไม่ได้ที่ดินทำเลดีๆ ก็เสี่ยงสูงที่จะล้มเหลวอีก อาจจะหมดตัวไปเลยก็ได้ เพราะชีวิตที่เหลือ ต้องอยู่ใช้หนี้ กับ ตึกที่ไม่มีคนมาเช่า ประจำ
3.โค้ชพัฒนาชีวิต :: กูรูด้านนี้ จะมาในเชิง การสร้างพลังใจ หรือ แก้ปมในชีวิต เพื่อที่จะทะยานพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ รำรวยได้ โดยการพูดสวยหรู แต่เขาจะมีความสามารถสูง ในการเข้าถึงคน โดยอาจจะพูดดีๆ โอบกอด ปลอบใจต่างๆ สาระพัด เพื่อให้ คนที่เสียเงินหลายหมื่น มาสัมมนากับเขานั้น รู้สึกดีต่อตัวเองมากขึ้น แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ก็มีปัญหาจิตใจกันมาก ไม่ว่าจะยากดีมีจน แต่สุดท้าย คนที่จะไปอบอรม กับ คอร์ส เหล่านีได้ ก็ไม่พ้น ลูกเศรษฐี ที่ยินดี เสียเงิน ให้กับ โค้ชพวกนี้ สุดท้าย เขาก็จะบอกว่า จะต้องมาอบรมเรื่อยๆ เพราะชีวิต จะต้องพัฒนาตลอด สุดท้ายกลายเป็นว่า จะต้องเสียเงินจำนวนมากมายเรื่อยๆ เพื่อไปฟัง คำพูดให้รู้สึกดีแปปนึงเท่านั้น แทนที่จะหาสาเหตุ ว่า จริงๆแล้ว ที่เราเป็นทุกข์ มันเพราะอะไรแน่
4.กูรูเซียนหุ้นพันล้าน :: คอร์ส สัมมนา เกี่ยวกับ หุ้นนี่ ก็เยอะแยะเหลือเกิน อาจจะด้วยว่า ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า อสังหาหล่ะมั้ง มันก็เลยเข้าถึงคนได้ง่าย ซึ่งคอร์สพวกนี้ ก็จะแบ่งเป้น การเรียนวิเคราะห์หุ้น ขั้นพื้นฐาน และ เทคนิคนั่นแหล่ะ แต่ส่วนมาก มักจะเน้นไปทางเทคนิคมากกว่า เหตุผลก็เพราะ มันทำให้เกิดการซื้อขายบ่อย กว่า การดูพื้นฐาน สุดท้ายก็ไม่พ้น การคาดการณ์แนวโน้ม (เดานั่นแหล่ะ) จากอินดิเคเตอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะ macd rsi volume คาดการณ์ราคา ซึ่งโดยมากมักจะเป็น การเล่น พวก tfex forex มากกว่า เพราะมันได้เงินเร็วกว่า ที่จะรอผลประกอบการหุ้น แน่นอนว่า ช้าเกินไป เผลอๆ ถึงเวลานั้น ก็อาจจะไม่ได้ราคาขึ้น อย่างที่คาดหวังไว้ก็ได้ คนก็เลยนิยมมาเทรด แทน เพียงแต่ขอให้ได้กำไรมากกว่าขาดทุนเป็นใช้ได้ ซึ่งคอร์ส พวกกูรูด้านเทคนิคนี้ก็มีมากมาย บ้างโบรกอาจจะเป็นคนจัดเอง แล้วก็เก็บเงินเพิ่มจากลูกบ้าง หรือ ไม่ก็ถ้าปั้นกูรูขึ้นมาติดตลาดแล้ว ก็อาจจะเรียกเก็บค่าคอร์ส หลายหมื่น วันเดียวจบก็ได้ แต่ส่วนมากเทรดเขาไม่ได้กำไรหรอก เพราะไม่มีใครรู้อนาคต แต่พวกที่ได้เงินแน่ๆ ก็ไม่พ้น กูรู หุ้นสู่วันพรุ่งนี้ไง
5.โค้ชวางแผนการเงิน :: โค้ชวาแผงนการเงิน ก็จะเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก คนจะเริ่มสนใจเรื่องนี้ เนื่องจาก สังคมไทย เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ซึ่งเนื้อหาก็คงไม่พ้นการให้ตระหนัก ถึงเรื่องการเก็บเงิน หรือ วางแผนชีวิต ช่วงสุดท้ายของชีวิตนั่นแหล่ะ แล้วก็จะแนะนำให้หารายได้หลายๆทาง (แต่ทำจริงก็ทำกันไม่ได้หรอก ทุกวันนี้คนมันแย่งกันกินใช้นะ ไม่ว่าจะแย่งกันสมัครเข้าองค์กร แย่งกันขายของ) แล้วก็สอนการวางแผน ผ่อนรถ ผ่อนคอนโด ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ น่าจะพอรู้อยู่แล้ว ว่ากินใช้ ก็ควรจะประหยัด ถ้าหาไม่เก่ง ก็ควรจะประหยัดค่าใช้จายให้มากขึ้น อย่าไปติดเที่ยว เสพสุข ช่วงเทศกาล มาก แล้วก็ไม่ต้องบ้าอัพรูปลงโซเซียลบ่อย เพราะมันจะเปลืองเน็ต มือถือ และก็ไม่พ้น จะต้องเสียค่าบริการมากขึ้นด้วย ซึ่งคอร์สวางแผนการเงิน มันก็มีมาเรื่อยๆ นั่นแหล่ะ บางเจ้าก็เก็บหลายหมื่น บางเจ้าก็เก็บหลายพัน เอาเป็นว่า ถ้าอยากเรียนกับใคร และ พอจ่ายไหว ก็เรียนไป
ทั้ง 5 ข้อ ที่ยกมาทั้งหมดนั้น เพียงแค่อยากจะเตือนสติ อย่าไปตกเป็นทาส ของความอยากมี อยากได้ อยากรวย จนต้องเสียเงินทอง ที่หาจะยากเย็น หรือ ต้องเสียสมบัติ ที่มีน้อยนิด หมดไปกับ กูรู พวกนั้น แต่ตัวเองกลับต้องลำบาก จนลง มากกว่าเดิม สำคัญคือ จะต้องดำรง ชีวิต ด้วยความมีสติ พอใจสิ่งที่มี อย่าคาดหวังกับอะไรในชีวิตมาก ที่โลกทุกวันนี้วุ่นวาย ก็เพราะคนไม่รู้จักพอ คนส่วนใหญ่มองกันที่ผลประโยชน์จะได้รับ ซึ่งไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริง ของการมีชีวิต การมีชีวิตที่แท้จริงนั้น ก็คือ การมีชีวิต เพื่อผู้อื่น
เพราะถ้าหากคนมีเงินเยอะ มากมาย ทำไมเขาถึงไม่มีความสุขจริงๆหล่ะ
ทำไมคนรอบๆคนเหล่านี้ ถึงมักจะหาจริงใจไม่ได้สักคน
ลองไปคิดดูนะว่าจริงไหม
เคยคิดไหม พวก สัมมนาร้อยล้าน ตกลงใครกันแน่ที่รวยขึ้น
ในยุคที่ใครๆก็อยากจะรวยนั้น สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยว่า จะมักูรู หรือ โค้ช เกิดขึ้นมามากมาย โดยอาศัย ความอยากมี อยากได้ อยากรวย และ ความไม่รู้จักพอของคน มาหาผลประโยชน์ แรกๆเขาก็จะพยายามปั้นตัวเอง ให้เป็นที่รู้จักก่อน โดยใช้คำพูดสวยๆหล่อๆ เพื่อให้คนสนใจ และ อยากติดตาม ซึ่ง ยุคนี้ ก็คงจะเป็นการใช้โซเซียลนั่นแหล่ะ บางคนอาจจะลงทุนไปจ้างช่างภาพ แต่งตัวให้ดูมีระดับ ใส่สูตร ถ่ายรูปแอ็คอาร์ต ให้ดูเท่ห์ จะได้ดูมีความน่าเชื่อถือ ก็คงจะเป็นธรรมดาของสังคม วัตถุนิยมไปแล้วหล่ะมั้ง ที่มักจะมองคนจากภายนอก ลองถ้าใส่แตะ เสื้อคอกลมสิ ใครเขาจะมาสนใจ
แล้วทีนี้ กูรู หรือ โค้ช มันมีอะไรบ้างหล่ะ ส่วนมากก็จะเกี่ยวกับเรื่อง รวยๆ เงินๆทองๆ นั่นแหล่ะ ซึ่งเท่าที่เห็นก็จะมี ประมาณนี้ เช่น
1.รวยร้อยล้านด้วยการนำเข้าสินค้า จาก ประเทศ xxx :: กูรูแนวๆนี้ เขาจะเปิดให้คนเข้าไปเรียนฟรีก่อน (แค่วันเดียว ไม่กี่ชม)แนะนำตัว พร้อมพูดโปรยด้วยคำสวยหรู อาจจะเช่น เคยเป็นนักขายบน เว็ป อี โบ้ย ระดับ power seller รูปดาวสีทอง ซึ่งเขาอาจจะเคยเป็นมาจริงๆ ก็ได้ หรือ ไม่ก็อาจจะอุปโลกขึ้นมา แน่นอน ก็คงจะไม่มีใครไปตรวจสอบ หรือ ขอดูหรอกว่า เขาได้มาจริงๆหรือเปล่า แล้วระหว่างที่พูดไป เขาก้จะค่อยๆเอา ตัวอย่าง มาบิ้วให้คนเกิดความอยาก เสียเงินค่าคอร์ส มากขึ้น อาจจะเป็นการโชว์หน้าสมุดบัญชี (โชว์แค่ตัวเลขนะ ไม่ใช่หน้าแรกที่มี่ชื่อ) จากนั้น เขาก็จะพูดแบบกั๊กๆ ไปสักพัก พอท้ายๆ ก็จะเริ่มเสนอคอร์ส ว่ามีโปรพิเศษ เฉพาะวันนี้เท่านั้น เช่น สมมติ ค่าคอาร์ส 50,000 บาท เขาก็จะเสนอราคามาว่า ปกติ 5 หมื่น สมัครวันนี้ พร้อมเพื่อนอีก 3 คน ลดเหลือ 30,000 บาท เท่านั้น สุดท้ายก็อย่างที่เห็น คนเดินออก เกือบหมด มีส่วนน้อยที่หลงเชื่อ เสียตังค์ไปเรียน แค่สองวัน จบ
2.รวยพันล้านด้วยอสังหา :: กูรูด้านอสังหา นี่ก็เช่นกัน แรกๆก็จะออกมาเป็นหนังสือก่อน โดยพูดนิดๆหน่อยๆ แล้วก็โปรโมทไปเรื่อยๆ แล้วพอติดตลาด หรือ เป็นที่รู้จัก เขาก็จะพยายามนำเสนอ เกี่ยวกับ การสร้าง passive โดยการสร้าง อพาร์ทเม้นต์ ให้เช่า ซึ่งถ้าดูเวลาเขาพูด นำเสนอตัวเอง เขาก็มักจะพูดแค่ประมาณนี้ ให้มันดูยังสวยหรู และดูรวยง่าย จากนั้นก็จะชวนคนไปลงเรียนคอร์ส เสียเป็นหลายหมื่น (วันเดียวจบ) คนก็กลับไปแบบ โหย สงสัยรวยแน่ๆแล้วเรางานนี้ แต่ในความเป็นจริงนั้น ขั้นตอนต่างๆใช้เงินเยอะมากๆ ยิ่งถ้าไม่มีเงินทุนจำนวนนึง หรือ หลักทรัพย์มาค้ำ ก็ยากที่จะเสนอเรื่องกู้ สร้างตึก แล้วไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆมากมายอีก ไม่ว่าจะค่าประเมินราคาที่ดิน ค่ารางวัด จ้างผู้รับเหมา ซื้อวัสดุอิฐ หิน ปูน ทราย ค่าจ้างคนงาน ยิ่งถ้าไม่ได้ที่ดินทำเลดีๆ ก็เสี่ยงสูงที่จะล้มเหลวอีก อาจจะหมดตัวไปเลยก็ได้ เพราะชีวิตที่เหลือ ต้องอยู่ใช้หนี้ กับ ตึกที่ไม่มีคนมาเช่า ประจำ
3.โค้ชพัฒนาชีวิต :: กูรูด้านนี้ จะมาในเชิง การสร้างพลังใจ หรือ แก้ปมในชีวิต เพื่อที่จะทะยานพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ รำรวยได้ โดยการพูดสวยหรู แต่เขาจะมีความสามารถสูง ในการเข้าถึงคน โดยอาจจะพูดดีๆ โอบกอด ปลอบใจต่างๆ สาระพัด เพื่อให้ คนที่เสียเงินหลายหมื่น มาสัมมนากับเขานั้น รู้สึกดีต่อตัวเองมากขึ้น แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ก็มีปัญหาจิตใจกันมาก ไม่ว่าจะยากดีมีจน แต่สุดท้าย คนที่จะไปอบอรม กับ คอร์ส เหล่านีได้ ก็ไม่พ้น ลูกเศรษฐี ที่ยินดี เสียเงิน ให้กับ โค้ชพวกนี้ สุดท้าย เขาก็จะบอกว่า จะต้องมาอบรมเรื่อยๆ เพราะชีวิต จะต้องพัฒนาตลอด สุดท้ายกลายเป็นว่า จะต้องเสียเงินจำนวนมากมายเรื่อยๆ เพื่อไปฟัง คำพูดให้รู้สึกดีแปปนึงเท่านั้น แทนที่จะหาสาเหตุ ว่า จริงๆแล้ว ที่เราเป็นทุกข์ มันเพราะอะไรแน่
4.กูรูเซียนหุ้นพันล้าน :: คอร์ส สัมมนา เกี่ยวกับ หุ้นนี่ ก็เยอะแยะเหลือเกิน อาจจะด้วยว่า ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า อสังหาหล่ะมั้ง มันก็เลยเข้าถึงคนได้ง่าย ซึ่งคอร์สพวกนี้ ก็จะแบ่งเป้น การเรียนวิเคราะห์หุ้น ขั้นพื้นฐาน และ เทคนิคนั่นแหล่ะ แต่ส่วนมาก มักจะเน้นไปทางเทคนิคมากกว่า เหตุผลก็เพราะ มันทำให้เกิดการซื้อขายบ่อย กว่า การดูพื้นฐาน สุดท้ายก็ไม่พ้น การคาดการณ์แนวโน้ม (เดานั่นแหล่ะ) จากอินดิเคเตอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะ macd rsi volume คาดการณ์ราคา ซึ่งโดยมากมักจะเป็น การเล่น พวก tfex forex มากกว่า เพราะมันได้เงินเร็วกว่า ที่จะรอผลประกอบการหุ้น แน่นอนว่า ช้าเกินไป เผลอๆ ถึงเวลานั้น ก็อาจจะไม่ได้ราคาขึ้น อย่างที่คาดหวังไว้ก็ได้ คนก็เลยนิยมมาเทรด แทน เพียงแต่ขอให้ได้กำไรมากกว่าขาดทุนเป็นใช้ได้ ซึ่งคอร์ส พวกกูรูด้านเทคนิคนี้ก็มีมากมาย บ้างโบรกอาจจะเป็นคนจัดเอง แล้วก็เก็บเงินเพิ่มจากลูกบ้าง หรือ ไม่ก็ถ้าปั้นกูรูขึ้นมาติดตลาดแล้ว ก็อาจจะเรียกเก็บค่าคอร์ส หลายหมื่น วันเดียวจบก็ได้ แต่ส่วนมากเทรดเขาไม่ได้กำไรหรอก เพราะไม่มีใครรู้อนาคต แต่พวกที่ได้เงินแน่ๆ ก็ไม่พ้น กูรู หุ้นสู่วันพรุ่งนี้ไง
5.โค้ชวางแผนการเงิน :: โค้ชวาแผงนการเงิน ก็จะเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก คนจะเริ่มสนใจเรื่องนี้ เนื่องจาก สังคมไทย เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ซึ่งเนื้อหาก็คงไม่พ้นการให้ตระหนัก ถึงเรื่องการเก็บเงิน หรือ วางแผนชีวิต ช่วงสุดท้ายของชีวิตนั่นแหล่ะ แล้วก็จะแนะนำให้หารายได้หลายๆทาง (แต่ทำจริงก็ทำกันไม่ได้หรอก ทุกวันนี้คนมันแย่งกันกินใช้นะ ไม่ว่าจะแย่งกันสมัครเข้าองค์กร แย่งกันขายของ) แล้วก็สอนการวางแผน ผ่อนรถ ผ่อนคอนโด ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ น่าจะพอรู้อยู่แล้ว ว่ากินใช้ ก็ควรจะประหยัด ถ้าหาไม่เก่ง ก็ควรจะประหยัดค่าใช้จายให้มากขึ้น อย่าไปติดเที่ยว เสพสุข ช่วงเทศกาล มาก แล้วก็ไม่ต้องบ้าอัพรูปลงโซเซียลบ่อย เพราะมันจะเปลืองเน็ต มือถือ และก็ไม่พ้น จะต้องเสียค่าบริการมากขึ้นด้วย ซึ่งคอร์สวางแผนการเงิน มันก็มีมาเรื่อยๆ นั่นแหล่ะ บางเจ้าก็เก็บหลายหมื่น บางเจ้าก็เก็บหลายพัน เอาเป็นว่า ถ้าอยากเรียนกับใคร และ พอจ่ายไหว ก็เรียนไป
ทั้ง 5 ข้อ ที่ยกมาทั้งหมดนั้น เพียงแค่อยากจะเตือนสติ อย่าไปตกเป็นทาส ของความอยากมี อยากได้ อยากรวย จนต้องเสียเงินทอง ที่หาจะยากเย็น หรือ ต้องเสียสมบัติ ที่มีน้อยนิด หมดไปกับ กูรู พวกนั้น แต่ตัวเองกลับต้องลำบาก จนลง มากกว่าเดิม สำคัญคือ จะต้องดำรง ชีวิต ด้วยความมีสติ พอใจสิ่งที่มี อย่าคาดหวังกับอะไรในชีวิตมาก ที่โลกทุกวันนี้วุ่นวาย ก็เพราะคนไม่รู้จักพอ คนส่วนใหญ่มองกันที่ผลประโยชน์จะได้รับ ซึ่งไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริง ของการมีชีวิต การมีชีวิตที่แท้จริงนั้น ก็คือ การมีชีวิต เพื่อผู้อื่น
เพราะถ้าหากคนมีเงินเยอะ มากมาย ทำไมเขาถึงไม่มีความสุขจริงๆหล่ะ
ทำไมคนรอบๆคนเหล่านี้ ถึงมักจะหาจริงใจไม่ได้สักคน
ลองไปคิดดูนะว่าจริงไหม