บันทึกการเดินทาง :: Backpack เที่ยวดอยเสมอดาว 2 วัน 1 คืน

สวัสดีค่ะ ยิ้ม
การเดินทางเริ่มต้นที่กรุงเทพฯ เราขึ้นรถทัวร์กับบริษัทสมบัติทัวร์จากหมอชิตรอบ 20.00 น. ไปถึงสถานีขนส่งจังหวัดน่านเวลา 05.30 น. จริงๆ รถจะจอดที่สถานีขนส่งอำเภอเวียงสาก่อน ใครที่จะขึ้นดอยเสมอดาวก็ลงที่นี่ได้เลย แต่เรากับเพื่อนไม่รู้ก็เลยมาลงที่น่าน ซึ่งก็ดีไปอีกแบบ เราได้มีเวลาเดินเล่น ไปไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนขึ้นดอย เรานั่งรถสองแถวสีแดงไปลงที่ตลาดล่าง ไปถึงตลาดล่างทันใส่บาตรพระพอดี หลังใส่บาตรเสร็จก็แวะเติมพลังที่ร้านโจ๊กเมืองสอง เห็นคนต่อคิวเยอะดี น่าจะเป็นร้านดัง


ได้โจ๊กร้อนๆ กินกับปาท่องโก๋ที่ซื้อจากตลาด ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ในตอนเช้ามันดีมาก พอฟ้าเริ่มสว่างเราก็เดินออกกำลังกายกันหน่อย เดินจากตลาดล่างไปกราบนมัสการพระพุทธรูปที่วัดภูมินทร์ เช้าๆ แบบนี้ยังไม่มีคน ภายในวัดบรรยากาศสงบมาก


พระอุโบสถจัตุรมุขแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปสี่องค์ หันหน้าออกสี่ทิศ และยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวในอดีต แน่นอนว่าภาพที่ทุกคนน่าจะพอรู้จักก็คือภาพปู่ม่านย่าม่าน หรือที่หลายคนคุ้นหูว่าภาพกระซิบรักบันลือโลกนั่นแหละ


ทริปนี้เราตั้งใจจะเที่ยวแบบเนิบๆ แบตโทรศัพท์ใกล้หมดเราเลยกะจะเดินหาร้านกาแฟนั่งชาร์จแบตโทรศัพท์ก่อน ค่อยขึ้นรถไปดอยเสมอดาว แถวๆ ตลาดล่างเจอร้านกาแฟชื่อ Nan art café พิกัดร้านทำเลดีมาก ตั้งอยู่หัวมุมสี่แยกพอดี แต่ตอนนั้น 8.00 น. ร้านยังไม่เปิด เสียดายมาก อดชิคเลย 55 เดินหาร้านอื่น เจอร้านอาหารเช้าชื่อ Sweety 9 หน้าร้านบอกเปิด 7.30 น. แต่ร้านก็ยังไม่เปิดเช่นกัน โว๊ะ ไม่ช๊งไม่ชิคมันละ ขึ้นดอยเลยก็ได้
การเดินทางไปดอยเสมอดาวจากตัวเมืองน่าน ต้องไปขึ้นรถเมล์หวานเย็นสีฟ้า สามารถขึ้นรถได้แถวๆ ตลาดล่าง ไปลงที่สถานีขนส่งอำเภอเวียงสา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นต่อรถเมล์หวานเย็นสีเขียว จากเวียงสาไปลงที่อำเภอนาน้อย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 1 ชม. ช่วงเวียงสาไปนาน้อยจะเริ่มเป็นทางชันขึ้นเขา เรากับเพื่อนหลับกันตลอดทาง ตื่นมาอีกทีรถจอดส่งผู้โดยสารที่อำเภอนาน้อย ตอนนั้นยังงงกันอยู่ ไม่รู้ว่าไปดอยเสมอดาวต้องลงตรงนั้น ก็นั่งรถต่อมาประมาณ 5 นาที เริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วว่าน่าจะเลย เดินไปถามคุณลุงคนขับ แกบอกว่าเลยนาน้อยมาแล้ว พอรู้ว่าเราจะไปดอยเสมอดาวแกบอกจะโทรตามรถมารับให้ รถเขาวิ่งขึ้นลงประจำ พอเราลงจากรถเมล์หวานเย็นไปรอรถกระบะที่จะพาเราขึ้นดอย คุณลุงรถเมล์หวานเย็นก็ยังไม่ออกรถนะ แกรอจนรถกระบะมารับเรา แกค่อยออกรถ เกรงใจคนบนรถมาก ณ จุดนั้น 55
สำหรับคนที่มาแบบไม่มีรถส่วนตัว สามารถขึ้นดอยได้ 3 วิธี คือ โบกรถขึ้น (ซึ่งเท่าที่อ่านจากรีวิวในพันทิปบอกว่าโอกาสประสบความสำเร็จสูง) วิธีต่อมาคือเดินขึ้น (ซึ่งไม่แนะนำเพราะมันไกลมากนะ 55) และวิธีสุดท้ายคือ เหมารถขึ้นไป (มีคุณลุงที่รับจ้างขึ้นดอยอยู่ แกอยู่ที่นั่นประจำ ถ้านั่งรถหวานเย็นไปบอกคนขับว่าจะไปดอยเสมอดาว ลุงแกจะไปจอดให้ที่หน้าร้านรถเหมาขึ้นดอยเลย ราคาเหมาเที่ยวละ 400 บาท ไปหลายคนคุ้ม)
ความจริงทริปนี้ตั้งใจว่าจะลองโบกรถเที่ยว แต่คุณลุงรถหวานเย็นอุตส่าห์โทรตามรถเหมามาให้แล้ว เราจะปฏิเสธก็ยังไงๆ อยู่ คุณลุงเห็นเราไปสองคนคิดราคาเหมา 300 บาท ถ้าใครยังไม่มีเต็นท์คุณลุงจะพาไปเช่าเต็นท์ก่อน ราคา 300 บาทพร้อมเครี่องนอน แต่ต้องเอาไปกางเอง แต่เรากับเพื่อนขี้เกียจแบกเต็นท์ขึ้นไป กางไม่เป็นด้วย เลยไปเช่าเต็นท์ข้างบน
นั่งรถมาประมาณ 30 นาทีก็ถึงดอยเสมอดาว เส้นทางเป็นทางขึ้นเขา ถ้าใครเคยขับรถไปปางอุ๋งหรือหมู่บ้านแม่กำปองน่าจะขับรถมาได้สบาย แต่ยังไงก็ต้องใช้ความระมัดระวังอยู่ดี


หลังจากเก็บของเข้าเต็นท์แล้วเราก็ออกสำรวจพื้นที่ วันที่เราไปตรงกะวันศุกร์พอดี ตอนที่เราไปถึง 12.00 น. คนยังไม่ค่อยเยอะ เดินถ่ายรูปแบบสบายๆ พอบ่ายๆ ก็กลับมานอนพัก ตื่นขึ้นมาอีกทีได้ยินเสียงคนคุยกันเจี๊ยวจ๊าว พอออกมานอกเต็นท์เท่านั้นแหละ โอ้โห คนมาจากไหนกัน 555 อีกอย่างอากาศตอนเที่ยงร้อนมาก นอนในเต็นท์รู้สึกเหมือนกำลังโดนอบ


ตรงนี้วิวจากลานดูดาว


ล้างหน้าล้างตาเสร็จ ไปตามหาที่ชาร์จแบต จนท.บอกว่าต้องลงไปชาร์จข้างล่าง ตรงร้านอาหาร จะมีบริการให้ชาร์จแบต เราก็เดินลงไปข้างล่าง เป็นโซนร้านอาหาร ประมาณ 500 เมตรจากบนดอย เดินชมวิวชิลๆ แป๊บเดียวก็ถึง มีร้านกาแฟอยู่ร้านนึง สั่งน้ำมากินคนละแก้วแล้วชาร์จแบตให้เต็มที่ ทั้งกล้องทั้งโทรศัพท์ ราคา 20 บาทต่อชม.ต่อเครื่อง
วิวระหว่างทาง


เรากับเพื่อนชาร์จกันเกือบสอง ชม. แต่พี่เจ้าของร้านคิดแค่ 20 บาท คนน่านเขาใจดีจริงๆ เย็นแล้วหาข้าวกินไปเลย จะได้ไปนั่งรอชมพระอาทิตย์ตกบนดอยทีเดียว ราคาข้าวก็ราคาจานละประมาณ 50 บาท ถือว่าโอเค ไม่โหดร้ายมาก

จุดชมพระอาทิตย์ตก มีคนมากางเต็นท์นอนตรงนี้ด้วย


ตอนนี้ก็ถึงเวลาเนิบๆ เต็มที่ นั่งอ่านหนังสือรอชมพระอาทิตย์ตก ที่ดอยเสมอดาวนี่วิว 360 องศาจริงๆ นะ จุดชมพระอาทิตย์ตกจะอยู่ตรงข้ามกับลานดูดาว ตอนที่นั่งรอก็ได้คุยกับคุณลุงคุณป้าคู่นึง มาจากสุราษฎร์ แกเกษียณแล้วทั้งคู่ แกบอกว่าให้ลูกกะหลานอยู่บ้าน ส่วนตายายออกมาเที่ยว เราว่าเจ๋งดีนะ คนส่วนใหญ่พอแก่ก็หมดแรงไม่อยากไปไหน แต่คุณป้าแกบอกว่าตอนนี้ยังพอมีแรงก็อยากจะไปเที่ยวเยอะๆ อีกหน่อยก็คงไปไม่ได้แล้ว ความเจ๋งอีกอย่างคือการที่มีคนที่เรารักไปด้วยกัน คุณลุงคุณป้ายังรัก ดูแลเอาใจใส่กัน คุณป้าก็ยังอ้อนคุณลุงเหมือนสมัยสาวๆ มองดูตัวเองไม่เห็นจะมีใคร แสงสีส้มบนท้องฟ้าก็ทำให้เหงาไปอีก


เราชอบตอนพระอาทิตย์ตกนะ แสงมันสวย มันดูเหงาๆ เศร้าๆ ดี


วันนั้นพระอาทิตย์ตกหกโมงนิดๆ พอเริ่มมืด ลมเริ่มมา อากาศเริ่มหนาว เรารีบไปอาบน้ำเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการดูดาวในคืนนี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่