สคบ.เดินนโยบายกวดเข้ม! ไล่ตรวจสอบสถานประกอบการขายตรง 1,395 บริษัท ปิดจ๊อบก่อนสิ้นปีไปแล้ว 9 บริษัท
“ออริจินอลเน็ทเวิร์ค - ไบโออินไซด์ - ริโอเอสเซนซ์ - โฟกัสอินเตอร์เน็ตเวิร์ค - โฟกัสอินเตอร์คอร์ปอเรชั่น - ท๊อปอัพทูริช - กู๊ดท๊อปอัพ - เคเคเน็ทเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง - WorldVentures” จี้การรายงานตัวหลังรับแจ้งหนังสือเตือนภายใน 15 วัน วอน “ผู้บริโภค” เก็บหลักฐานทำ MLM เพิ่มความรวดเร็วกรณีดำเนินคดีหากเกิดความเสียหายขึ้น
พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เปิดเผยว่า ได้มีนโยบายกำกับดูแลธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงให้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการจัดระเบียบสำหรับธุรกิจที่ดำเนินการอย่างผิดกฎหมายและการส่งเสริมผู้ประกอบการที่ทำถูกต้องตามกฎหมายกำหนด ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบธุรกิจขายตรงไปแล้วหลายบริษัทซึ่งได้มอบหมายงานให้ผู้อำนวยการกองขายตรงในการรับผิดชอบในการดำเนินการตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และได้รับนโยบายจากเลขาธิการฯ ในการจัดระเบียบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบหลายบริษัทซึ่งจะเริ่มจากบริษัทที่มีการร้องเรียนจากผู้บริโภคก่อน และจะทำให้ครบทั้ง 1,395 บริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจและจดแจ้งไว้กับสคบ.
“ตอนนี้เราได้ตรวจสอบไปแล้วในหลายบริษัท อาทิ บริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด ,บริษัท ไบโออินไซด์ จำกัด หรือบริษัท ริโอ เอสเซนซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด ,บริษัท โฟกัส อินเตอร์ เน็ตเวิร์ค จำกัดหรือบริษัท โฟกัส อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ,บริษัท ท๊อปอัพ ทู ริช จำกัด ,บริษัท กู๊ด ท๊อปอัพ จำกัด ,บริษัท เคเค เน็ทเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และ บริษัทWorldVentures เป็นต้น” พ.ต.อ.ประทีปกล่าว และว่า
โดยก่อนสิ้นปีที่ผ่านมาได้เข้าตรวจสอบถึง 9 บริษัท เพราะมีการลงพื้นที่ทุกสัปดาห์ ในการลงพื้นที่ไปตรวจสอบนั้นทางสคบ. เองได้ประสานความร่วมมือไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ในการลงพื้นที่ตรวจสอบด้วย
อย่างไรก็ตามในการเข้าไปตรวจสอบขายตรงในหลายบริษัทตลอดระยะเวลา 2 เดือนกว่า พบการกระทำผิดหลายอย่าง อาทิ การดำเนินธุรกิจผิดแผน สถานที่ตั้งในการประกอบธุรกิจ สินค้าและบริการไม่เป็นไปตามที่จดแจ้ง และการไม่ดำเนินธุรกิจจริง ในตอนนี้อยู่ระหว่างเรียกบริษัทเข้ามาชี้แจง ตอนนี้สคบ.ต้องดูในเรื่องของพยานหลักฐานและส่งเรื่องรายงานไปยังเลขาธิการฯ และมีหนังสือเชิญไปยังบริษัทที่สคบ.ได้มีการตรวจสอบซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน แต่ถ้าบริษัทไม่มีการเข้ามาชี้แจงทางสคบ.ก็จะส่งหนังสือเชิญมาชี้แจงอีกครั้งถ้ายังไม่มีการตอบรับอีก สคบ.ก็จะสามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้เลยในฐานที่ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
นอกจากนี้สำหรับผู้บริโภคที่มีความเสียหายในธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ในการทำธุรกิจจะต้องเก็บรวบรวมหลักฐานทุกอย่างไว้ เพราะเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นจะสามารถนำมาเป็นหลักฐานให้กับเจ้าพนักงานสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
(ฉบับที่ 339 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 มกราคม 2560)
ที่มาข่าว :
http://www.nakkhai.com/index.php?option=com_content&view=article&id=658:60-1395mlm&catid=32:network-content&Itemid=60
สคบ.จัดระเบียบขายตรงรับ 60 เอ็กซเรย์ 1,395 MLM ทั้งระบบ
สคบ.เดินนโยบายกวดเข้ม! ไล่ตรวจสอบสถานประกอบการขายตรง 1,395 บริษัท ปิดจ๊อบก่อนสิ้นปีไปแล้ว 9 บริษัท
“ออริจินอลเน็ทเวิร์ค - ไบโออินไซด์ - ริโอเอสเซนซ์ - โฟกัสอินเตอร์เน็ตเวิร์ค - โฟกัสอินเตอร์คอร์ปอเรชั่น - ท๊อปอัพทูริช - กู๊ดท๊อปอัพ - เคเคเน็ทเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง - WorldVentures” จี้การรายงานตัวหลังรับแจ้งหนังสือเตือนภายใน 15 วัน วอน “ผู้บริโภค” เก็บหลักฐานทำ MLM เพิ่มความรวดเร็วกรณีดำเนินคดีหากเกิดความเสียหายขึ้น
พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เปิดเผยว่า ได้มีนโยบายกำกับดูแลธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงให้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการจัดระเบียบสำหรับธุรกิจที่ดำเนินการอย่างผิดกฎหมายและการส่งเสริมผู้ประกอบการที่ทำถูกต้องตามกฎหมายกำหนด ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบธุรกิจขายตรงไปแล้วหลายบริษัทซึ่งได้มอบหมายงานให้ผู้อำนวยการกองขายตรงในการรับผิดชอบในการดำเนินการตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และได้รับนโยบายจากเลขาธิการฯ ในการจัดระเบียบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบหลายบริษัทซึ่งจะเริ่มจากบริษัทที่มีการร้องเรียนจากผู้บริโภคก่อน และจะทำให้ครบทั้ง 1,395 บริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจและจดแจ้งไว้กับสคบ.
“ตอนนี้เราได้ตรวจสอบไปแล้วในหลายบริษัท อาทิ บริษัท ออริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด ,บริษัท ไบโออินไซด์ จำกัด หรือบริษัท ริโอ เอสเซนซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด ,บริษัท โฟกัส อินเตอร์ เน็ตเวิร์ค จำกัดหรือบริษัท โฟกัส อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ,บริษัท ท๊อปอัพ ทู ริช จำกัด ,บริษัท กู๊ด ท๊อปอัพ จำกัด ,บริษัท เคเค เน็ทเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และ บริษัทWorldVentures เป็นต้น” พ.ต.อ.ประทีปกล่าว และว่า
โดยก่อนสิ้นปีที่ผ่านมาได้เข้าตรวจสอบถึง 9 บริษัท เพราะมีการลงพื้นที่ทุกสัปดาห์ ในการลงพื้นที่ไปตรวจสอบนั้นทางสคบ. เองได้ประสานความร่วมมือไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ในการลงพื้นที่ตรวจสอบด้วย
อย่างไรก็ตามในการเข้าไปตรวจสอบขายตรงในหลายบริษัทตลอดระยะเวลา 2 เดือนกว่า พบการกระทำผิดหลายอย่าง อาทิ การดำเนินธุรกิจผิดแผน สถานที่ตั้งในการประกอบธุรกิจ สินค้าและบริการไม่เป็นไปตามที่จดแจ้ง และการไม่ดำเนินธุรกิจจริง ในตอนนี้อยู่ระหว่างเรียกบริษัทเข้ามาชี้แจง ตอนนี้สคบ.ต้องดูในเรื่องของพยานหลักฐานและส่งเรื่องรายงานไปยังเลขาธิการฯ และมีหนังสือเชิญไปยังบริษัทที่สคบ.ได้มีการตรวจสอบซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน แต่ถ้าบริษัทไม่มีการเข้ามาชี้แจงทางสคบ.ก็จะส่งหนังสือเชิญมาชี้แจงอีกครั้งถ้ายังไม่มีการตอบรับอีก สคบ.ก็จะสามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้เลยในฐานที่ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
นอกจากนี้สำหรับผู้บริโภคที่มีความเสียหายในธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ในการทำธุรกิจจะต้องเก็บรวบรวมหลักฐานทุกอย่างไว้ เพราะเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นจะสามารถนำมาเป็นหลักฐานให้กับเจ้าพนักงานสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
(ฉบับที่ 339 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 มกราคม 2560)
ที่มาข่าว : http://www.nakkhai.com/index.php?option=com_content&view=article&id=658:60-1395mlm&catid=32:network-content&Itemid=60