- นี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกของเราค่ะ ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ
- ทุกรูปในทริปนี้เราใช้มือถือถ่ายนะคะ
เราจะมารีวิวแบบสั้นๆกระชับได้ใจความค่ะ เรามีโอกาสได้ไปเวียดนามเพราะตั๋วถูกค่ะ 55555 จองล่วงหน้าเป็นปี แต่พูดเลยว่าคุ้มค่ามาก ชอบ"ห"ๆ พูดกับเพื่อนหลายรอบว่าอยากย้ายมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่เวียดนาม คือประทับใจมากค่ะ มาเข้าเรื่องกัน ลำดับการเที่ยวของเราก็จะเป็นโฮจิมินห์ - มุยเน่ - ดาลัท -โฮจิมินห์ ตามนี้นะคะ

DAY1 hochiminh (08/01/2017)
ก้าวแรกที่ออกจากสนามบิน อห ร้อนชห 5555 เราก็นั่งรถเมล์สาย 152 จากสนามบินไปตลาด BEN THAN ละก็เดินหา บ.The sinh tourist โดยหลักเราใช้บริการจากบ.นี้หมดเลย เพราะถูกและเชื่อถือได้ เราก็จองตั๋วตามนี้คือ
+ ตั๋วรถจากโฮจิมินห์ - มุยเน่
+ ตั๋วรถจากมุยเน่ - ดาลัท
+ sleeping bus จากดาลัท - โฮจิมินห์
+ private trip muine (jeep) 04.30-08.00
+ one day trip dalat city 08.00-15.30
รวมหมดนี่ก็ประมาณ 1500 บาทค่ะ พอจองเสร็จเราก็ไปหาอะไรกิน เดินเล่นในเมือง จนบ่ายสองมาขึ้นรถบัสไปมุยเน่ ซิมเราแนะนำให้ซื้อนอกสนามบินค่ะ เราใช้แบบ 19 GB (180 บาทแต่อย่าลืม activate simนะ นี่โง่ ลืม ใช้ได้แค่ 5 ชม. ไม่ถึง 1 กิ้กด้วยซ้ำ บัฟมาก 55555) บัสก็มาถึงมุยเน่เย็นๆค่ะ ประมาณ 5-6 โมง มุยเน่เป็นเมืองที่ติดทะเล มีลมพัดตลอด แต่งตัวชิลๆได้เลยค่ะ เราจองโรงแรมล่วงหน้าผ่าน booking.com โรงแรมที่เราอยู่ชื่อ JOE's cafe คือโรงแรมดีมาก บริการดี ห้องดี วิวสวย เราก็แฮปปี้ค่ะ มีบาร์เปิด ติดทะเล  (ราคา 2800 B. หาร4) ตอนเย็นเราก็ออกไปหาอะไรกินแถวๆโรงแรม ที่นี่ดังเรื่องซีฟู้ดค่ะ ชอบมีโปรค้อกเทล 1 แถม 1 ด้วยค่ะ บรรยากาศดีหลายร้านเลย ไม่ควรพลาดนะคะ

DAY2 muine (09/01/2017)
เวลา 04.30 ก็มีคนขับรถจี้ปมารับหน้าโรงแรมค่ะ ตอนเช้าอากาศดีมากค่ะ ลมพัดแรง เค้าก็ขับรถพาเราไปที่ white sand dessert , red sand dessert, fairy steam, fisherman village เราปลื้มทะเลทรายขาวมาก ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ แต่ต้องขับ ATV ขึ้นไป สรุปโดยรวมคือเราแฮปปี้ แอบคิดในใจว่าทำไมถึงเลือกมาที่นี่แค่วันเดียว 555 หลังจากนั้นเราก็กลับมากินอาหารเช้าโรงแรม นอนพักเอาแรง เตรียมขึ้นรถไปดาลัทตอนบ่ายค่ะ อ้อ ลืมบอกค่ะ อากาศที่มุยเน่ก็อยู่ที่ประมาณ 26-28 องศา อากาศสไตล์ริมทะเลค่ะ หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเราก็ขึ้นบัสเพื่อไปดาลัท ถึงดาลัทก็เย็นๆค่ะ ลงจากรถเท่านั้นแหละ อมก หนาวอ้ะ เช็คดูก็ 16 องศาตอน 5 โมงเย็น เรานี่ยิ่งอินเลิฟเลย อากาศกำลังสบาย เมืองนี้เป็นเมืองที่อยู่บนเขา เป็นเมืองที่สวยมาก แบบมากๆ คืออากาศก็ดี คนเค้าก็ออกมาเดินในเมืองไรงี้ ที่นี่ก็จะมีย่าน night town ค่ะ มีตลาดนัด มีของขาย ตอนกลางคืนนี่เปิดไฟในเมืองสวยมาก คือต้องไปเห็นเองอ่ะ แล้วจะเลิฟเมืองนี้แบบสุดๆไปเลย กลับมาต่อ 55 เราก็เดินเปิดแผนที่ไปโรงแรม โรงแรมที่เราอยู่ชื่อ green leaves hotel เรานอนที่นี่ 2 คืนค่ะ (ราคา 2800 B. 2 คืน หาร 4) พอจัดการอะไรเรียบร้อยเราก็เที่ยวสิคะ ไม่รีรอ ออกไปเดินเล่นสำรวจเมือง คนเวียดนามขายของเก่งมาก จนเพื่อนเรานี่แบบอยากห้อยป้ายคอเขียนว่า No, Thank you เลย อห เดินตามแทบจะสิงร่างพวกเรา ของกินที่เราแนะนำก็มี โรตีบูม หม้อไฟ ปิ้งย่างละก็น้ำเต้าหู้ ควรลอง อากาศเย็นๆ กินละฟินมากค่ะ อ้อ และก็แนะนำขนมของร้าน lien hoa ด้วยค่ะ อร่อยมากก

DAY 3 dalat (10/01/2017)

เราแหกขี้ตาตื่นมากินอาหารเช้าเพื่อไปให้ทัน one day trip คือแบบอย่าเรียกว่ากินเลย เรียกว่ายัดกันภายใน 5 นาที ละรีบไปขึ้นรถบัส วันนี้เป็นแบบวันเดย์ทริปเค้าก็พาไปวังก่อน อมก เราเบื่อมากค่ะ คือถ้าไม่ได้เป็นคนชอบเที่ยวอิงปวศ. คงแบบ อห เมื่อไหร่จะจบ เราก็ไม่ฟังเค้าพูดค่ะ เดินเล่นตามสไตล์ หลังจากนั้นเค้าก้พาไปโบสถ์ (ที่ปิดวันที่เราไป) วอท คือไรอ่ะ เราไม่เข้าใจ 55555 หลังจากนั้นเค้าก็พาไป robin hill ไว้ดูวิวเมืองค่ะ เค้ามีให้นั่งกระเช้านะคะ แต่เราไม่ได้นั่งค่ะ ขก 55555 ต่อด้วยพาไปวัดจีน วิวกับสถาปัตยกรรมสวยค่ะ เข้าไปแล้วรู้สึกจิตใจสงบ หลังจากนั้นเค้าก็พาไปสถานีรถไฟเก่า ซึ่งก็ตามเคยเราเบื่อมาก 55555 ตอนเที่ยงก่อน เค้าก็พามากินข้าวที่โรงแรมค่ะ แต่ไฮไลท์อยู่ที่ตอนบ่ายค่ะ พอบ่ายเค้าก็พาไปน้ำตกช้าง โอ้โห ไอเลิฟอิท เพราะเราสามารถนั่งโรลเลอโคสเตอร์แทนการเดินลงไปดูน้ำตกได้ สนุกมากค่ะ มีกิจกรรม adventure ผาดโผนด้วยนะคะ น่าเล่นมาก แต่นี่ไม่ได้เล่นเพราะมาเห็นตอนจะกลับแล้ว เสียดาย ต่อจากนั้นเค้าก็พาไป valley of love อห มีแต่รูปปั้นนก นกเต็มทั้งวัลเล่ ยังกล้าเรียกตัวเองว่าวัลเล่ออฟเลิฟได้ไง 555555 ล้อเล่นค่ะ แต่แบบชอบนะ สวยอ่ะ ทั้งดอกไม้ ทั้งจุดให้ถ่ายรูป ทั้งวิว แฮปปี้แม้ว่าจะนก ไม่มีอินความรักอะไรกับเค้าก็ตาม 555 และก็ต่อด้วยพาไปที่ๆขายแยมค่ะ ก็มีพวกของฝากแหละ กาแฟ แยม บลาๆ เราไม่ได้ซื้ออะไรเลย เอาเงินมากินเที่ยวอย่างเดียว 555 สุดท้ายเค้าก็พาไป flower showroom ก็นะ สวนดอกไม้ก็ต้องสวยงามตามท้องเรื่อง คือมันเป็นด้านหลังของ วัลเล่ออฟเลิฟค่ะ ด้วยเนื่องจากสองสถานที่นี้ใหญ่มากเลยต้องนั่งรถข้ามไปมา ละทริปก็จบที่นี่ เค้าก็พาเข้าเมือง แต่พวกเราขอลงตรงกลางเมือง เที่ยวทะเลสาบ ถีบเป็ด หาอะไรกิน เดินชมเมืองค่ะ

DAY 4 hochiminh (11/01/2017)
วันสุดท้ายแล้ว เราก็ตื่นเช้ามาเพื่อไปนั่งรถรอบ 8.00 กลับโฮจิมินห์ รถก็เป็นแบบนอน ขนาดนี่ว่าเราเตี้ยนะ ยังยืดขาไม่สุดเลย มีไวไฟบนรถค่ะ ก็นอนๆเล่นๆไปมาถึงโฮจิมินห์ประมาณบ่ายสามค่ะ ก็เดินเล่นในเมือง แวะกินอาหารขึ้นชื่อร้านละนิด หาคาเฟ่นั่ง แล้วก็นั่งรถเมล์สายเดิมกลับสนามบินค่ะ


ปล.1 ขอบคุณเด็กไฟแนนซ์-มาร์เกตติ้งโฮจิมินห์ยูที่พาไปส่งป้ายรถเมล์จนเกือบโดนรถชน
ปล.2 ขอบคุณพี่แว้นเสื้อแดงที่ไม่พาเราคว่ำคอหักตายในทะเลทราย
ปล.3 ขอบคุณลุงใส่หมวกที่ไม่ตามเราไปโฮจิมินห์ กลัว
ปล.4 ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปสุดที่รัก ถ้าไม่มีพวกแกเราคงไม่แฮปปี้ขนาดนี้ รักมาก
ปล.5 เรื่องเงินขึ้นอยู่กับการใช้ของแต่ละคนค่ะ นี่เน้นนอนสบาย อยากกินไรก็กิน
ปล.6 เลือกทริปทัวร์เพราะขกไปเองอ่ะ ถ้าใครอยากไปเองก็ได้ค่ะ ที่เที่ยวอยู่ละแวกในเมืองค่ะ
ปล.7 ทริปนี้เสียเวลาไปกับการนั่งรถ แต่เราแฮปปี้ที่ได้เที่ยวสามเมือง
ปล.8 คนเวียดนามพูดภาษาอื่นไม่ค่อยได้ ต้องใช้ภาษามือไม่ก็เตรียมดิคไป
ปล.9 ไม่โดนปล้น จี้ โกงใดๆนะคะ
- ขอบคุณสำหรับการติดตามมากเลยนะคะ -