กูซูซังโป ภูฏาน ดินแดนมังกรสายฟ้า อันศักดิ์สิทธิ์ งดงาม

แค่ชื่อทริปมันก็พีคตื่นเต้น กินขาดละ ดินแดนอะไรจะมีมังกรสายฟ้า พอเปิดดูก็อ๋อๆไปนิดนึง คือไม่รุ้มันคือที่ไหนน แต่พอมาเจอข่าวในเวปนึงที่ว่า ภูฏานเป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุดในโลก ก็เลยทำให้ต่อมสงสัยผมเกิดขึ้นทันที มันมีไรดี ดีจริงๆไหม ทำไมคนถึงมีความสุขกันขนาดนี้ จนอยากเห็นกับตาตัวเอง ไอ้ที่ว่ามันมีความสุขมันสุขยังไง ฟังแล้วอิจฉา เลยเป็นที่มาของทริปนี้ มีอะไรบ้างผมจะเล่าให้ฟังงง
หลายๆคนคงยังไม่รู้จักประเทศภูฏานนี้ เอ๊ะ! มันอยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้ แต่ช่วงหลังๆที่มีข่าวกษัตริย์จิกมี่ เสด็จมาเมืองไทย เลยจะพอคุ้นหูชื่อประเทศนี้บ้าง จริงๆแล้วประเทศภูฏานนี้อยู่โซนเอเชียเรานี่เอง อยู่ตรงกลางระหว่างจีน ติดทิเบตและอินเดีย สองประเทศที่มีประชากรล้นฟ้า แต่ภูฏานเองประชากรกลับไม่เยอะมาก และประเทศก็เล็กมากด้วย ไม่มีทางออกติดทะเล แต่กลับเป็นประเทศที่มีความสุขมาก

ก่อนอื่นขอเกริ่นประวัติคร่าวๆ แค่บรรทัดเดียวพอ
ประเทศภูฏานนั้น มีประวัติมาโดยท่าน ซับดรุง งาวัง นัมเกล ซึ่งเป็นลามะชาวทิเบต อพยพมาและได้รวบรวมประเทศภูฏานให้เป็นปึกแผ่นขึ้น แต่ไม่ได้เป็นกษัตริย์องค์แรก
- Visa
สำหรับประเทศภูฏานนี้คนไทยจะต้องทำวีซ่าในการเข้าประเทศ และจะต้องติดต่อกับบริษัททัวร์ในการเที่ยวประเทศนี้ โดยรอบนี้เราได้ทำวีซ่ากรุ๊ป เป็นการยื่นเอกสาร Online ก็จะไม่มีตัววีซ่าแปะอยู่ที่ Passport แต่จะเป็นเอกสารแล้วปริ้นออกมายื่นเวลาผ่าน Immigration

ยื่นวีซ่าออนไลน์จะไม่มีแปะหน้าวีซ่า จะมีแสตมป์แค่นี้แหละ
- สายการบิน
สำหรับการเดินทางไปภูฏานนั้นมีอยู่ 2 สายการบินที่เดินทางจากกรุงเทพ นั่นก็คือ 1. Bhutan Airline 2. Druke Airline และจะต้องไปลงที่เมืองพาโรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3ชม.(ถ้าบินตรง แต่ส่วนมากจะไปจอดแวะพักที่ โกกาต้า ไม่ก็เมืองกาย่า ประเทศอินเดีย ประมาณ 45 นาที ก่อนบินต่อ ซึ่งก็จะนั่งเครื่องลำเดิมบินต่อ ไม่ต้องลงจากเครื่อง)

แสงแรก

ภายในเครื่อง
อาหารบนเครื่อง จะคล้ายๆกับอาหารการบินไทย แต่ว่าจะไม่อร่อยสู้การบินไทย 555 ชาติเราดีสุด

ขาไป

และขากลับ
-สนามบิน
เมืองพาโรจะเป็นเมืองเดียวในภูฏาน ที่มีสนามบินนานาชาติ ทุกชาติต้องมาลงที่นี่หมด แต่ว่า..เมืองนี้กลับไม่ใช่เมืองหลวงนะ แต่ที่มีสนามบินหลักก็เพราะว่าทำเลที่ตั้งนั้นเหมาะสมกว่าเมืองหลวงเมืองทิมพู เมืองนี้เราจะพบเจอชาวต่างชาติมากมาย

ลงจอด ก็เดินเอาจ้าา อุณหภูมิ -7เอง แต่ไม่ใช่อุปสรรคต่อการถ่ายรูป

-ภูมิประเทศ
ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาและป่าไม้ ถนนหนทางนี่มีความคดเคี้ยวระดับ 10เต็มเลย เพราะเป็นประเทศที่มีเทือกเขาเป็นส่วนมาก แต่วิวทิวทัศน์ระหว่างทางสวยงามมากคนขับรถนี่ต้องมีฝีมือพอตัว บ้านเมืองเค้าว่ายังไม่ได้เจริญเหมือนประเทศเรา โรงแรมและบ้านเกือบๆหมดจะรูปทรงคล้ายๆกัน ด้วยความที่รัฐบาลอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่แบบเดิม ไม่เปิดรับชาติตะวันตกมาลงทุนเท่าไร เราจะไม่เจอ Star buck, Mcdonald, KFC และห้างใหญ่ๆก็ไม่มี เนื้อสัตว์ก็จะนำเข้าจากอินเดีย เพราะว่าประเทศนี้มันไม่ฆ่าสัตว์ หมาวิ่งกันเต็มบ้านเต็มเมือง เค้ากลัวบาปกรรมกัน และพวกขนม หรือเครื่องปรุงก็นำเข้าจากไทย ซอสน้ำมันหอย ซีอิ้วตราเด็กสมบูรณ์ หรือแม้กระทั่งพวกขนม มาม่าต่างๆ ก็นำเข้าจากไทยมาเรื่อยๆ รถที่ใช้ส่วนมากก็เป็นของเอเชีย พวกโตโยต้า ฮอนด้า ซูซุกิ ฮุนได

หน้าหนาว สวยไปอีกแบบ เหลืองๆดี


ระหว่างการเดินทาง จะเจอนาขั้นบันไดเต็มไปหมด
- คนภูฏาน
คนประเทศนี้หน้าตาคล้ายๆ คนทางเหนือของประเทศไทย ผิวสีออกแทนๆ เด็กเล็กๆก็จะแก้มแดงๆอาจจะเพราะว่าอากาศหนาว คนประเทศนี้น่ารักและเฟรนลี่มาก ช่วยเหลือ ดูปลอดภัยไม่อันตราย และที่สำคัญ หน้าตาดีนาจา คนที่นี่ยังหน้าตาดีอีก สาวภูฏานก็สวยใช่ย่อย ถือเป็นอีกสิ่งที่งดงาม นอกจากธรรมชาติ ฮ่าๆ คนที่นี่ไม่ค่อยสนใจโทรทัศน์ วิทยุ และอินเตอร์เน็ต ประเทศเค้ายังไม่ค่อยใช้ไอโฟนกันเลย ชาวภูฏานจะนับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก และก็ไม่ค่อยจะทานเนื้อสัตว์กันเท่าไร ที่สำคัญบุหรี่นี่จะไม่อนุญาติให้สูบตามที่สาธารณะ จึงไม่ค่อยมีคนสูบ ตามพื้นถนนจึงไม่ค่อยมีขยะเยอะ เลยดูไม่มีอาชีพคนเก็บขยะหรือคนทำความสะอาด ทำให้ความบรรลัยจึงไปตกกับห้องน้ำสาธารณะ เพราะ

ถ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนี่ก็ยังสกปรก เหมือนนักท่องเที่ยวมาก็ไม่ค่อยรักษาความสะอาดกัน ทำให้ห้องน้ำของสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง จึงได้พบเจอกับสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า อุนจิ เป็นบางแห่ง 555 ถามว่าตกใจไหม กุก็ต้องตกใจสิครับ แต่พอดีอยู่เมืองจีนมานาน จึงทำใจได้บ้าง กลั้นใจแล้วเดินออกมาอย่างสงบ ห้องน้ำประเทศนี้หายากนิดนึง แต่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ไม่ไกลมาก จุดพักต่างๆให้เข้าห้องน้ำจึงมี ไม่ได้ต้องกลั้นจนเกินไป

-อาหารการกิน
เนื่องจากมากับทัวร์ อาหารการกินที่นี่ส่วนมากจะเป็นบุฟเฟ่ เรียกว่า -กันให้อิ่มกันไปข้าง ไม่อิ่มเมิงก็เติม เติมเรื่อยๆให้มันอิ่ม แต่...อาหารมันก็ไม่ได้หลากหลายเหมือนบุฟเฟ่นานาชาติที่ไบหยกบ้างเราหรือตามโรงแรมเลย นี่มันบุฟเฟ่ผัดผัก มีเนื้อไก่ทอดเล็กน้อย อาหารทะเลนี่ไม่ต้องพูด เพราะประเทศ

ไม่ติดทะเลเลย หมูก็ไม่ค่อยทาน ยกเว้นบางมื้อที่ทานร้านอาหารไทย ก็จะอร่อยเป็นพิเศษเพราะมี เทพกระเพราะมาคอยเสิฟให้ทาน โดนเชฟคนไทยทำ คนที่นี่จริงๆแล้วจะเป็นพวกมังสาวิรัต แต่ดีที่หัวหน้าทัวร์มีเสริมอาหารเพิ่มบ้าง ผัดมาม่าบ้าง ยำกุนเชียงบ้างก็อร่อยดีตามท้องเรื่องอาหารไทย แต่ผัดผักที่นี่มันก็อร่อยนะ โดยรวมอาหารพอเอาน้ำพริกไปทานด้วย มันก็ไม่ได้แย่จนเกินไปเหมือนไปที่อินเดีย กินไปกินมาก็อร่อยดี แต่ตัวเลือกมันน้อยไปหน่อย นี่ได้ลองทานอาหารพื้นเมืองมื้อนึง

ทานไม่ได้เลย เรียกว่า เอ็มมาดาซี่ไรนี่แหละ มีพริกกะชีสผสมกัน เผ็ดชิหายวายปลวก ทานเข้าไปที ดื่มน้ำตามเป็นลิตร อิ่มน้ำแทน 5555 คือกุกินเผ็ดไม่ค่อยได้ไง เอาจริงๆถ้าชอบทานเผ็ดก็ทานได้อยู่ แต่รสชาติก็แปลกๆกับไทยเรา โดยรวมทริปนี้อาหารกลางๆ คือกินเพื่ออยู่ไป กินผัดทุกมื้อ ขี้

ทุกเช้าเลย

ผักนานาชนิด รสชาติถือว่าไม่แย่นะ

อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อของภูฏาน ขึ้นชื่อว่าเผ็ดมาจริงๆ
- สัตว์หายาก
ภูฏานนั้นเป็นประเทศที่ไม่ฆ่าสัตว์ จึงเห็นสุนัขเต็มถนน ม้าเยอะมากก่อนขึ้นวัดทักซัง แต่จะมีสัตว์พื้นเมืองหายากมากของภูฏาน นั่นคือตัวทาคิน ตาใสกริ้ง ซึ่งหายากมากตามท้องถนน แต่แปลกมาก ที่ไปเยอะพวกมันเป็นฝูงในสวนสัตว์ เลยขึ้นชื่อว่าหายาก เพราะนอกจากสวนสัตวืนี้ กุก็แทบหามันไม่เจอเลย

ลักษณะแบบนี้ หัวเป็นวัวตัวเป็นแพะ หรือหัวเป็นแพะตัวเป็นวัว มองไม่ออก ประหลาดดี แต่น่ารักกก
-โรงแรม
คืนแรก พักที่ เมืองทิมพู ห้องพักดี น้ำอุ่นดี ฮีตเตอร์อุ่น เน็ตแรงกลางๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่อาหารเช้า

มีแต่ผัก ต้องต้มมาม่าทานเพิ่มเอา
คืนสอง นอนที่ พูนาคา ห้องใหญ่ น้ำอุ่น อีตเตอร์แรง อาหารเช้าโอเค แต่เนตกาก

โรงแรมที่ 3 อันนี้นอนสองคืนที่พาโร ห้องมืดไปนิด ฮีตเตอร์ใช้ได้บ้างพังบ้าง น้ำอุ่นน่ะ แต่อาบแค่วันละรอบ เพราะหนาวว อาหารเช้าก็ทานได้แค่อาหารที่หัวหน้าทัวร์ทำเพิ่มให้ นอกนั้นก็พอถูไถ แต่ที่ดีคือเน็ต

แรงพ่อตาย จะอยู่ส่วนไหนก็โรงแรมก็ใช้ได้ดี และก็วิวข้างนอกสามารถมองเห็น วัดทักซังได้เลย
โดยรวมโรงแรมระดับ 3ดาว 4ดาว ที่ภูฏาน ยังไม่ได้หรูหราเหมือนประเทศอื่นๆ แต่จะคงลักษณะไว้แบบตึกบ้านเมืองประเทศเค้า และก็ไม่มีลิฟท์ เพราะมีแค่ไม่กี่ชั้นเท่านั้น แต่โดยรวมถือว่าโอเค ตามท้องที่

บรรยากาศ ภายในโรงแรม มองเห็นถึงวัดทักซังเลย
-เมืองหลักๆ จะมีอยู่สามเมืองที่เราได้ไปคือ พาโร ทิมพู(เมืองหลวง) และพูนาคา(เมืองหลวงเก่า)

-Dzong และ วัด วัดและก็ซอง
มาดูสถานที่เที่ยวสำคัญต่างๆในภูฏานนั้นหลักๆคือ Dzong นั้นก็แปลว่าวัดหรือป้อมปราการ ซึ่งจะมีอยู่ทั่วแทบทุกเมืองของภูฏานเลย แต่ละเมืองก็มีความสวยงามต่างกัน ซองพวกนี้ปกติแล้วจะไว้เป็นสถานที่ราชกาล ที่ทำงานของกษัตริย์หรือคนในรัฐบาล ซึ่งแน่นอนภูฏานเองก็มีนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน นอกจากซองแล้วก็ยังมีวัดต่างๆมากมาย โดยเฉพาะวัดที่อยู่ริมหน้าผาอันสวยงาม คนภูฏานส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ แต่คนละนิกายกับไทยเรา

ทิมพูซอง ใหญ่มากกกกก

พูนาคาซอง สวยเว่อวัง ปังจิงๆ

อันนี้เค้าเรียกกันว่า กงล้อมนตรา จะมีบทสวดติดอยู่ ว่ากันว่า มีอยู่ที่หนแห่ง ในวัดต่างๆของที่นี่

ภาพนี้ไม่ได้ทะลึ่งนะ เป็นภาพตามฝาผนังก่อนถึงวัดชิมิลาคัง ซึ่งเป็นวัดที่ขึ้นชื่อว่า "ใครที่มีบุตรยาก มาขอพรก็จะได้บุตรสมใจ"
[CR] กูซูซังโป ภูฏาน ดินแดนมังกรสายฟ้า อันศักดิ์สิทธิ์
แค่ชื่อทริปมันก็พีคตื่นเต้น กินขาดละ ดินแดนอะไรจะมีมังกรสายฟ้า พอเปิดดูก็อ๋อๆไปนิดนึง คือไม่รุ้มันคือที่ไหนน แต่พอมาเจอข่าวในเวปนึงที่ว่า ภูฏานเป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุดในโลก ก็เลยทำให้ต่อมสงสัยผมเกิดขึ้นทันที มันมีไรดี ดีจริงๆไหม ทำไมคนถึงมีความสุขกันขนาดนี้ จนอยากเห็นกับตาตัวเอง ไอ้ที่ว่ามันมีความสุขมันสุขยังไง ฟังแล้วอิจฉา เลยเป็นที่มาของทริปนี้ มีอะไรบ้างผมจะเล่าให้ฟังงง
หลายๆคนคงยังไม่รู้จักประเทศภูฏานนี้ เอ๊ะ! มันอยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้ แต่ช่วงหลังๆที่มีข่าวกษัตริย์จิกมี่ เสด็จมาเมืองไทย เลยจะพอคุ้นหูชื่อประเทศนี้บ้าง จริงๆแล้วประเทศภูฏานนี้อยู่โซนเอเชียเรานี่เอง อยู่ตรงกลางระหว่างจีน ติดทิเบตและอินเดีย สองประเทศที่มีประชากรล้นฟ้า แต่ภูฏานเองประชากรกลับไม่เยอะมาก และประเทศก็เล็กมากด้วย ไม่มีทางออกติดทะเล แต่กลับเป็นประเทศที่มีความสุขมาก
ก่อนอื่นขอเกริ่นประวัติคร่าวๆ แค่บรรทัดเดียวพอ
ประเทศภูฏานนั้น มีประวัติมาโดยท่าน ซับดรุง งาวัง นัมเกล ซึ่งเป็นลามะชาวทิเบต อพยพมาและได้รวบรวมประเทศภูฏานให้เป็นปึกแผ่นขึ้น แต่ไม่ได้เป็นกษัตริย์องค์แรก
- Visa
สำหรับประเทศภูฏานนี้คนไทยจะต้องทำวีซ่าในการเข้าประเทศ และจะต้องติดต่อกับบริษัททัวร์ในการเที่ยวประเทศนี้ โดยรอบนี้เราได้ทำวีซ่ากรุ๊ป เป็นการยื่นเอกสาร Online ก็จะไม่มีตัววีซ่าแปะอยู่ที่ Passport แต่จะเป็นเอกสารแล้วปริ้นออกมายื่นเวลาผ่าน Immigration
- สายการบิน
สำหรับการเดินทางไปภูฏานนั้นมีอยู่ 2 สายการบินที่เดินทางจากกรุงเทพ นั่นก็คือ 1. Bhutan Airline 2. Druke Airline และจะต้องไปลงที่เมืองพาโรเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3ชม.(ถ้าบินตรง แต่ส่วนมากจะไปจอดแวะพักที่ โกกาต้า ไม่ก็เมืองกาย่า ประเทศอินเดีย ประมาณ 45 นาที ก่อนบินต่อ ซึ่งก็จะนั่งเครื่องลำเดิมบินต่อ ไม่ต้องลงจากเครื่อง)
อาหารบนเครื่อง จะคล้ายๆกับอาหารการบินไทย แต่ว่าจะไม่อร่อยสู้การบินไทย 555 ชาติเราดีสุด
-สนามบิน
เมืองพาโรจะเป็นเมืองเดียวในภูฏาน ที่มีสนามบินนานาชาติ ทุกชาติต้องมาลงที่นี่หมด แต่ว่า..เมืองนี้กลับไม่ใช่เมืองหลวงนะ แต่ที่มีสนามบินหลักก็เพราะว่าทำเลที่ตั้งนั้นเหมาะสมกว่าเมืองหลวงเมืองทิมพู เมืองนี้เราจะพบเจอชาวต่างชาติมากมาย
-ภูมิประเทศ
ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาและป่าไม้ ถนนหนทางนี่มีความคดเคี้ยวระดับ 10เต็มเลย เพราะเป็นประเทศที่มีเทือกเขาเป็นส่วนมาก แต่วิวทิวทัศน์ระหว่างทางสวยงามมากคนขับรถนี่ต้องมีฝีมือพอตัว บ้านเมืองเค้าว่ายังไม่ได้เจริญเหมือนประเทศเรา โรงแรมและบ้านเกือบๆหมดจะรูปทรงคล้ายๆกัน ด้วยความที่รัฐบาลอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่แบบเดิม ไม่เปิดรับชาติตะวันตกมาลงทุนเท่าไร เราจะไม่เจอ Star buck, Mcdonald, KFC และห้างใหญ่ๆก็ไม่มี เนื้อสัตว์ก็จะนำเข้าจากอินเดีย เพราะว่าประเทศนี้มันไม่ฆ่าสัตว์ หมาวิ่งกันเต็มบ้านเต็มเมือง เค้ากลัวบาปกรรมกัน และพวกขนม หรือเครื่องปรุงก็นำเข้าจากไทย ซอสน้ำมันหอย ซีอิ้วตราเด็กสมบูรณ์ หรือแม้กระทั่งพวกขนม มาม่าต่างๆ ก็นำเข้าจากไทยมาเรื่อยๆ รถที่ใช้ส่วนมากก็เป็นของเอเชีย พวกโตโยต้า ฮอนด้า ซูซุกิ ฮุนได
- คนภูฏาน
คนประเทศนี้หน้าตาคล้ายๆ คนทางเหนือของประเทศไทย ผิวสีออกแทนๆ เด็กเล็กๆก็จะแก้มแดงๆอาจจะเพราะว่าอากาศหนาว คนประเทศนี้น่ารักและเฟรนลี่มาก ช่วยเหลือ ดูปลอดภัยไม่อันตราย และที่สำคัญ หน้าตาดีนาจา คนที่นี่ยังหน้าตาดีอีก สาวภูฏานก็สวยใช่ย่อย ถือเป็นอีกสิ่งที่งดงาม นอกจากธรรมชาติ ฮ่าๆ คนที่นี่ไม่ค่อยสนใจโทรทัศน์ วิทยุ และอินเตอร์เน็ต ประเทศเค้ายังไม่ค่อยใช้ไอโฟนกันเลย ชาวภูฏานจะนับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก และก็ไม่ค่อยจะทานเนื้อสัตว์กันเท่าไร ที่สำคัญบุหรี่นี่จะไม่อนุญาติให้สูบตามที่สาธารณะ จึงไม่ค่อยมีคนสูบ ตามพื้นถนนจึงไม่ค่อยมีขยะเยอะ เลยดูไม่มีอาชีพคนเก็บขยะหรือคนทำความสะอาด ทำให้ความบรรลัยจึงไปตกกับห้องน้ำสาธารณะ เพราะ
-อาหารการกิน
เนื่องจากมากับทัวร์ อาหารการกินที่นี่ส่วนมากจะเป็นบุฟเฟ่ เรียกว่า -กันให้อิ่มกันไปข้าง ไม่อิ่มเมิงก็เติม เติมเรื่อยๆให้มันอิ่ม แต่...อาหารมันก็ไม่ได้หลากหลายเหมือนบุฟเฟ่นานาชาติที่ไบหยกบ้างเราหรือตามโรงแรมเลย นี่มันบุฟเฟ่ผัดผัก มีเนื้อไก่ทอดเล็กน้อย อาหารทะเลนี่ไม่ต้องพูด เพราะประเทศ
ผักนานาชนิด รสชาติถือว่าไม่แย่นะ
- สัตว์หายาก
ภูฏานนั้นเป็นประเทศที่ไม่ฆ่าสัตว์ จึงเห็นสุนัขเต็มถนน ม้าเยอะมากก่อนขึ้นวัดทักซัง แต่จะมีสัตว์พื้นเมืองหายากมากของภูฏาน นั่นคือตัวทาคิน ตาใสกริ้ง ซึ่งหายากมากตามท้องถนน แต่แปลกมาก ที่ไปเยอะพวกมันเป็นฝูงในสวนสัตว์ เลยขึ้นชื่อว่าหายาก เพราะนอกจากสวนสัตวืนี้ กุก็แทบหามันไม่เจอเลย
-โรงแรม
คืนแรก พักที่ เมืองทิมพู ห้องพักดี น้ำอุ่นดี ฮีตเตอร์อุ่น เน็ตแรงกลางๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่อาหารเช้า
คืนสอง นอนที่ พูนาคา ห้องใหญ่ น้ำอุ่น อีตเตอร์แรง อาหารเช้าโอเค แต่เนตกาก
โรงแรมที่ 3 อันนี้นอนสองคืนที่พาโร ห้องมืดไปนิด ฮีตเตอร์ใช้ได้บ้างพังบ้าง น้ำอุ่นน่ะ แต่อาบแค่วันละรอบ เพราะหนาวว อาหารเช้าก็ทานได้แค่อาหารที่หัวหน้าทัวร์ทำเพิ่มให้ นอกนั้นก็พอถูไถ แต่ที่ดีคือเน็ต
โดยรวมโรงแรมระดับ 3ดาว 4ดาว ที่ภูฏาน ยังไม่ได้หรูหราเหมือนประเทศอื่นๆ แต่จะคงลักษณะไว้แบบตึกบ้านเมืองประเทศเค้า และก็ไม่มีลิฟท์ เพราะมีแค่ไม่กี่ชั้นเท่านั้น แต่โดยรวมถือว่าโอเค ตามท้องที่
-เมืองหลักๆ จะมีอยู่สามเมืองที่เราได้ไปคือ พาโร ทิมพู(เมืองหลวง) และพูนาคา(เมืองหลวงเก่า)
-Dzong และ วัด วัดและก็ซอง
มาดูสถานที่เที่ยวสำคัญต่างๆในภูฏานนั้นหลักๆคือ Dzong นั้นก็แปลว่าวัดหรือป้อมปราการ ซึ่งจะมีอยู่ทั่วแทบทุกเมืองของภูฏานเลย แต่ละเมืองก็มีความสวยงามต่างกัน ซองพวกนี้ปกติแล้วจะไว้เป็นสถานที่ราชกาล ที่ทำงานของกษัตริย์หรือคนในรัฐบาล ซึ่งแน่นอนภูฏานเองก็มีนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน นอกจากซองแล้วก็ยังมีวัดต่างๆมากมาย โดยเฉพาะวัดที่อยู่ริมหน้าผาอันสวยงาม คนภูฏานส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ แต่คนละนิกายกับไทยเรา