คำว่า จน แปลว่า อัตคัด ขาดแคลน ฝืดเคือง มีไม่สู้จะพอกินพอใช้ หรือแปลว่าแพ้ หมดหนทาง เช่น จนใจ
คำว่า รวย แปลว่า ได้มาก มีมาก
พอเพียง เพียงพอ มีหรือได้เท่าที่ต้องการ พอควรแก่ความต้องการ
ฐานะ ในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง ลำดับความเป็นอยู่ในสังคม
ดังนั้น ความจน ความรวย หากมองในแต่ละคน แต่ละครอบครัว โดยไม่เอามาเปรียบเทียบกัน มันก็คือ การมีมากกว่า หรือ น้อยกว่า ความต้องการหรือความจำเป็นของแต่ละคนหรือแต่ละครอบครัวนั้น
แต่หลักความพอเพียง ที่ในหลวงรัชกาลที่๙ ได้พระราชทานเป็นแนวเป็นหลักในการนำเดินชีวิตให้แก่คนไทยนั้น คือ การปรับสมดุลชีวิต การเข้าหาจุดสมดุล ไม่ใช่การแสวงหาความเหนือกว่า จนเกินพอดี แล้วก่อให้เกิดการเบียดเบียนตน ผู้อื่น จนถึงสิ่งแวดล้อม จนเกิดทุกข์ตามมา
การหาจุดสมดุล ก็คือ การสำรวจความต้องการของตน และกำลังในการเลี้ยงตนและครอบครัว หากความต้องการมีมากกว่ากำลัง ก็ลดในส่วนที่ฟุ่มเฟือยหรือสำคัญน้อยออกไปก่อน ระหว่างนี้ก็พัฒนากำลังตนและครอบครัวในการเลี้ยงชีพชอบ จนมากพอ ความเป็นอยู่ก็จะดีขึ้น แต่ก็ต้องตั้งอยู่บนหลักความพอเพียง และความไม่เบียนเบียนกันและกัน
ซึ่งความไม่เบียดเบียนกันนี้เอง อยู่ในหลัก สมภาพ คือ ความเสมอกันนั่นเอง ( จากหนังสือ กรรมก่อผล คนก่อกรรม พระนิพนธ์ใน สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
ในพระพุทธศาสนา สมภาพ คือ ความเสมอกันนั้น อาจทำให้เสมอกันได้ ในทางที่อาจทำได้ ซึ่งพระพุทธองค์ ได้ทรงให้หลัก...สมจริยา...ไว้
แต่ในส่วนที่ทำให้เสมอกันไม่ได้นั้น ก็ไม่อาจทำได้ เช่น เพศ รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ ฐานะความเป็นอยู่ จะทำให้เสมอกันไม่ได้ ผู้ที่พยายามทำสิ่งที่เสมอกันไม่ได้ให้เสมอกัน มีแต่จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย เช่น เรื่องเปรตเจ้าระเบียบที่ศาลาที่พักคนเดินทาง นั่นเอง
สมจริยา หรือ สมจรรยา คือ ความประพฤติเรียบร้อยเหมาะสม สม่ำเสมอ เป็นธรรมจรรยา คือ เว้นจากกรรมฝ่ายอกุศล และดำเนินในทางกรรมฝ่ายกุศล (กรรมบถ๑๐)
ด้วยความระลึกรู้ถึง สมภาพ คือความเสมอกันของเราและผู้อื่น ว่า ตัวเราเองรักสุขเกลียดทุกข์เช่นไร ผู้อื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน ตัวเราไม่ปรารถนาให้ผู้อื่นก่อกรรมที่ไม่ดีแก่เราทุกๆ ข้อ ตามศีล๕ กรรมบถ๑๐ พอใจให้เค้าประกอบกรรมดีต่อเรา ผู้อื่นก็มีความประสงค์ให้เราทำกรรมดีต่อเค้าและเว้นการทำกรรมไม่ดีต่อเค้าเช่นกัน
เมื่อต่างฝ่าย แต่ละคน ระลึกได้ถึงความสมภาพ เสมอภาพ ในจุดนี้ ก็จะประพฤติตนตามหลักสมจริยา ธรรมจรรยา เมื่อนั้น ก็จะเกิด ภราดรภาพ คือ ความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นญาติ เกิดเสรีภาพ คือ ความสงบสุขที่แท้จริง ที่จะไม่ไปเบียดเบียนใครและไม่ถูกใครเบียดเบียน
*** แม้ต่างฐานะ ก็เสมอกันได้ในความประพฤติ***
ธรรมจารี แปลว่า ผู้ประพฤติธรรม คือ ผู้ที่เว้นจากกรรมอันเป็นอกุศล ทั้งทาง กาย วาจา ใจ และดำเนินไปในทางกรรมอันเป็นกุศล ทั้งทางกาย วาจา ใจ
...สาธุ
จน รวย พอเพียง และหลักสมภาพ ในพระพุทธศาสนส
คำว่า รวย แปลว่า ได้มาก มีมาก
พอเพียง เพียงพอ มีหรือได้เท่าที่ต้องการ พอควรแก่ความต้องการ
ฐานะ ในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง ลำดับความเป็นอยู่ในสังคม
ดังนั้น ความจน ความรวย หากมองในแต่ละคน แต่ละครอบครัว โดยไม่เอามาเปรียบเทียบกัน มันก็คือ การมีมากกว่า หรือ น้อยกว่า ความต้องการหรือความจำเป็นของแต่ละคนหรือแต่ละครอบครัวนั้น
แต่หลักความพอเพียง ที่ในหลวงรัชกาลที่๙ ได้พระราชทานเป็นแนวเป็นหลักในการนำเดินชีวิตให้แก่คนไทยนั้น คือ การปรับสมดุลชีวิต การเข้าหาจุดสมดุล ไม่ใช่การแสวงหาความเหนือกว่า จนเกินพอดี แล้วก่อให้เกิดการเบียดเบียนตน ผู้อื่น จนถึงสิ่งแวดล้อม จนเกิดทุกข์ตามมา
การหาจุดสมดุล ก็คือ การสำรวจความต้องการของตน และกำลังในการเลี้ยงตนและครอบครัว หากความต้องการมีมากกว่ากำลัง ก็ลดในส่วนที่ฟุ่มเฟือยหรือสำคัญน้อยออกไปก่อน ระหว่างนี้ก็พัฒนากำลังตนและครอบครัวในการเลี้ยงชีพชอบ จนมากพอ ความเป็นอยู่ก็จะดีขึ้น แต่ก็ต้องตั้งอยู่บนหลักความพอเพียง และความไม่เบียนเบียนกันและกัน
ซึ่งความไม่เบียดเบียนกันนี้เอง อยู่ในหลัก สมภาพ คือ ความเสมอกันนั่นเอง ( จากหนังสือ กรรมก่อผล คนก่อกรรม พระนิพนธ์ใน สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
ในพระพุทธศาสนา สมภาพ คือ ความเสมอกันนั้น อาจทำให้เสมอกันได้ ในทางที่อาจทำได้ ซึ่งพระพุทธองค์ ได้ทรงให้หลัก...สมจริยา...ไว้
แต่ในส่วนที่ทำให้เสมอกันไม่ได้นั้น ก็ไม่อาจทำได้ เช่น เพศ รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ ฐานะความเป็นอยู่ จะทำให้เสมอกันไม่ได้ ผู้ที่พยายามทำสิ่งที่เสมอกันไม่ได้ให้เสมอกัน มีแต่จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย เช่น เรื่องเปรตเจ้าระเบียบที่ศาลาที่พักคนเดินทาง นั่นเอง
สมจริยา หรือ สมจรรยา คือ ความประพฤติเรียบร้อยเหมาะสม สม่ำเสมอ เป็นธรรมจรรยา คือ เว้นจากกรรมฝ่ายอกุศล และดำเนินในทางกรรมฝ่ายกุศล (กรรมบถ๑๐)
ด้วยความระลึกรู้ถึง สมภาพ คือความเสมอกันของเราและผู้อื่น ว่า ตัวเราเองรักสุขเกลียดทุกข์เช่นไร ผู้อื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน ตัวเราไม่ปรารถนาให้ผู้อื่นก่อกรรมที่ไม่ดีแก่เราทุกๆ ข้อ ตามศีล๕ กรรมบถ๑๐ พอใจให้เค้าประกอบกรรมดีต่อเรา ผู้อื่นก็มีความประสงค์ให้เราทำกรรมดีต่อเค้าและเว้นการทำกรรมไม่ดีต่อเค้าเช่นกัน
เมื่อต่างฝ่าย แต่ละคน ระลึกได้ถึงความสมภาพ เสมอภาพ ในจุดนี้ ก็จะประพฤติตนตามหลักสมจริยา ธรรมจรรยา เมื่อนั้น ก็จะเกิด ภราดรภาพ คือ ความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นญาติ เกิดเสรีภาพ คือ ความสงบสุขที่แท้จริง ที่จะไม่ไปเบียดเบียนใครและไม่ถูกใครเบียดเบียน
*** แม้ต่างฐานะ ก็เสมอกันได้ในความประพฤติ***
ธรรมจารี แปลว่า ผู้ประพฤติธรรม คือ ผู้ที่เว้นจากกรรมอันเป็นอกุศล ทั้งทาง กาย วาจา ใจ และดำเนินไปในทางกรรมอันเป็นกุศล ทั้งทางกาย วาจา ใจ
...สาธุ