เรื่องราวนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตผมที่หลงเข้าในวงจรยาเสพติด(ยาไอซ์) จากความเหงาและหว้าเว่ของคนโสดที่ไม่มีใคร...ผมจึงขอเผยแพร่เรื่องราวนี้ให้กับใครที่กำลังหลงทางอยู่ได้มีสติและหันตัวเองกับมาให้ทันอย่าให้เดินทางมาจนถึงเหตุการณ์ที่ผมจะเล่านี้.......เพราะเมื่อถึงจุดนี้แล้วอนาคตที่จะเป็นผู้ขายของใครบางคนคงไม่ไกลเกินฝัน......
ขอเริ่มต้นกระทู้คำถามจากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นจากเรื่องหลอนด้วยความเป็นหว่ง......เลยก่อนแล้วกันนะครับ คำถามของเรื่องนี้ คือ
1. ผู้หลอนด้วยความเป็นหว่ง (ผม) ขณะที่มีอาการหลอนนั้น สภาวะทางจิตเป็นปกติสนทนารู้เรื่อง มีอาการทางประสาท(มองเห็นภาพไม่ชัด)เล็กน้อย...สภาวะนี้ ผมมีอาการหลอนหรือไม่
2. อาการหลอนด้วยความเป็นหว่งของผมเกิดจากการคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาอย่างใช้สติ....กังวลกับคนที่เป็นหว่งว่าหากอนาตที่จะเกิดเป็นไปอย่างที่คลาดคิด ผมนั้นจะมีความผิดอย่างมหันต์ในชีวิตกับอนาคตของคนๆนั้น เรียกว่าความกังวลซึ่งเป็นปกติใช่มั๊ย
3. คำว่าหลอนจะไปแจ้งตำรวจ...เป็นคำกล่าวเตือนของผู้ค้ายา ซึ่งในเกมส์นี้ตัวผู้หลอนได้ถูกกำหนดแล้วคือผม มันคือการวางแผนอย่างเป็นระบบไม่ใช่สิ่งบังเอิญที่เกิดขึ้นมาแล้วผมคิดไปเองใช่หรือไม่
4. โทรศัพท์ต่างๆของบุคคลในกิจกรรมนี้ ได้ถูกแอบติดตั้ง ตรวจสอบ ติดตามกิจกรรมต่างๆ ไว้โดยผู้กำหนดเกมส์เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของคนหลอนใช่หรือไม่
5. สิ่งหนึ่งที่ส่งสัยมาก คือ ผู้กำหนดเกมส์นี้เหมือนจะควบคุมความคิดและจิตใจของบุคคลต่างๆ ไว้ได้และพยามกีดกันทุกวิถีทางที่จะให้ผู้หลอนพูดคุยพบเจอโดยตรงกับบุคคลอื่นที่เป็นหว่ง เพราะผมพยายามตั้งกลุ่มไลน์ที่มากกว่า 2 คนขึ้นไปในการสนทนาพบว่าบุคคลเหล่านั้นหลีกเลี่ยงการที่จะพูดคุยและสนทนาในกลุ่มที่ตั้งขึ้นซึ่งเป็นจุดผิดปกติ
6. สิ่งต่างที่เกิดขึ้น..มันเกิดจากสภาวะความเป็นหว่งจริงๆปกติทั่วไป...หรือ ท่านคิดว่า นี่มันเป็นเกมส์เอาเหยื่อเลี้ยงยา...
เรามาติดตามเรื่องจรืงต่อไปนี้กันเลยครับ
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก น้องเอ ผม และน้องบี เราทั้ง 3 ต่างเสพยาเสพติดที่เรียกกันว่ายาไอซ์ น้องเอนั้นกับผมแล้วรู้จักกันมาก่อนน้องบี ผมกับน้องเอต่างก็มีนิสัยชายรักชาย เราสองคนต่างสนิทกันในสถานะเหมือนพี่เหมือนน้องจึงมีความหว่งใยคอยตักเตือนอ่ะไรหลายอย่างที่เกินกว่าขอบเขตให้แก่กันและกัน...ส่วนน้องบีเข้ามาทีหลังน้องเอซึ่งผมก็รู้สึกชอบมากและพิเศษกว่าน้องเอแต่อ่อนประสบการณ์มากทางเส้นทางของวงจรยา น้องเอ กับ น้องบี ไม่เคยรู้จักและพบเจอกัน เหตุการณ์เริ่มต้นจากโปรแกรมเเชตโปรแกรมหนึ่ง ผู้กำหนดเกมส์ได้ติดต่อน้องเอเพื่อเล่นกิจกรรมแบบ 3 คนกันขึ้น และ ปล่อยน้องเอออกมา...ผมติดต่อน้องเอเพื่อให้ช่วยหาผู้ขายงานเพื่อจะซื้องานมาเสพ จึงได้แนะนำจนรู้จักผู้ขายงานและมีการติอต่อเพื่อซื้อขายงานกัน ผมเลยซื้องานเพื่อการเสพ ต่อมาผมกับน้องบีได้มีการนัดไฮกัน แต่เนื่องจากงานในกิจกรรมนั้นมันเหลือน้อย จึงติดต่อซื้องานจากผู้กำหนดเกมส์(ผู้ขาย) และมีการพูดคุยในการจัดกิจกรรมหมู่เกิดขึ้นในลักษณะ 4 คน คือผม(ได้หมด) น้องบี (รับ) ผู้กำหนดเกมส์ และ แฟน(ผู้ขาย) (เป็นฝ่ายรุกทั้งคู่) กิจกรรมนี้มีกฎว่าห้ามนอยกันถ้าทุกคนเชื่อใจกัน ( ผมเป็นผู้คัดออกจากเกมส์ผมจึงไม่เชื่อใจใคร) และ กิจกรรมนี้หากใครมีอาการหลอนจะไปแจ้งตำรวจเราต้องให้สติอล้วข่วยกันดึงกลับมา...ไม่เช่นนั้นทุกคนตายหมู่ ผมและน้องบีต่างก็เสพโดยวิธีการดึงเนื่องจากน้องบีกลัวการฉีด...และน้องชายผมไม่แข็งตัว กิจกรรมนี้ถูกโน้มน้าวใจให้เราทั้ง 2 คนลองฉีดอีกครั้ง โดยงานที่เตรียมผู้กำหนดเกมส์เตรียมและฉีดให้ โดยที่เราทั้ง 2 คนไม่ได้ตรวจสอบปริมาณงานที่ฉีดได้เลย ฉีดเสร็จผลเป็นปกติทั่วไปของฟิวส์ฉีดสำหรับน้องบี...แต่ผมนั่นอวัยวะอ่อนตัว แต่ก็ทดลองสร้างบรรยากาศกันสักระยะหนึ่ง ผู้กำหนดเกมส์ก็แนะนำให้ฉีดซ้ำฟิวส์ผมขณะนั้นรู้สึกแย่จึงตัดสินใจทดลองฉีดซ้ำเข้าไปใหม่....อาการตอนนั้นรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม มีอาการผิดปกติทางร่างกายซึ่งเริ่มหนาวสั่นทั้งตัว จนถึงเวลาที่แฟนผู้กำหนดเกมส์ ต้องออกจากกิจกรรมเพื่อให้เหลือเพียง 3 คน จนกระทั่งกิจกรรมกำลังจะเลิกจึงอาบน้ำ และ ออกจากสถานที่นั่นไป โดยผู้กำหนดได้ชวนผมและน้องบีขึ้นรถไปด้วยกัน ขณะผมจำเป็นต้องลง แต่ทางกลับบ้านของน้องบีไปเส้นทางเดียวกัน แต่แยกกันตรงช่วงระยะทางหนึ่ง จึงพาไปส่งตรงจุดต่อรถ ขณะที่ผมนั่งรถมาถึงที่พักจึงทักไลน์ไปหาน้องบี...ซึ่งในกลุ่มไลน์ที่ติดต่อกันน้องบีได้ทักเข้ามาอีก 5 นาทีกำลังจะถึงบ้านซึ่งเวลาที่บอกนั้นทำให้ผมเริ่มเกิดความระแวงไปในทางที่คาดคิดคือการย้อนมาจัดกิจกรรมหมู่ซึ่งไม่มีผมกัน. และมีการทักเข้ามาอีกครั้งในกลุ่มว่ารีโมทหายไปไหน ซึ่งก็ไม่รู้มันคืออ่ะไร คำอธิบายที่ผมได้รับรู้สึกไม่ค่อยเคลียร์ความชัดเจน...ทำให้เกิดสภาวะความคิดเริ่มฟุ้งซ่านเริ่มมีอาการผิดปกติทางร่างกายเกิดขึ้น.....ส่งผมให้สภาวะทางจิตใจรู้สึกเหมือนจะอยู่คนเดียวไปไม่ได้...จึงเรียกขอร้องให้น้องเอมาอยู่เป็นเพื่อนสักระยะหนึ่ง สภาพตอนนั้นนีองเอได้เตือนสติและให้ข้อคิดอย่างแรงว่าทำไมพี่ไม่รักตัวเอง....ทำไมพี่ถึงน้อยใจและระแวงคนอื่น พี่ไม่ดูแลตัวเอง เสียสุขภาพ เสียงาน เสียเงินไปแล้วพี่ได้อ่ะไรกลับมา..ผมจึงได้สติกลับมา และน้องเอก็กลับไป การอยู่คนเดียวในสภาวะที่สติเริ่มฟื้นตัวขึ้นทำให้ผมถึงกับร้องไห้เพื่อปลดปล่อยต่อสภาพอาการต่างๆที่เกิดขึ้น จนมันมีความรู้สึกดีขึ้นอย่างชัดเจนกับอาการทั้งหมด ในสถานะการณ์ตอนนี้มันทำให้ทุกคนรับรู้ว่าผมได้นอยน้องบีแล้ว...หลังจากนั้นเราก็รับสารภาพถึงความไม่พอใจกันด้วยเกิดจากความเป็นหว่งที่ให้น้องบีไปกัน 2 คน และ เริ่มเกิดความระแวงที่ไม่ดีไม่คาดคิดกับน้องบีในอนาคตเกิดเขึ้นเกิดขึ้น นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการหลอนด้วยความเป็นหว่ง ซึ่งทุกคนกล่าวหาว่าผมหลอน ทั้งที่ผมมีสติทุกองค์ประกอบพูดคุยสนทนารู้เรื่อง จนถึงกลับพิสูจน์ตัวเองว่าไม่หลอนกับจิตแพทย์ ซึ่งมาถึงจุดนี้แล้วขั้นตอนการขจัดความเป็นหว่งผมจึ่งเริ่มเกิดขึ้นทีล่ะขั้นตอนดังนี้
1. น้องเอกำผู้กำหนดเกมส์....ไม่ค่อยเป็นหว่งเท่าไหร่เพราะดูเหมือนว่าจะถูกตัดจากความกังวลของผมแล้ว
2. ผมถูกตัดจากเกมส์ โดยกำหนดให้เป็นผู้หลอน
ผมจึงพยายามติดต่อน้องบีเพื่อพบเจอตัว แต่มีความรู้สึกว่าเราจะถูกกีดกัน และ ควบคุมจากผู้กำหนดเกมส์เพื่อมิให้ได้เจอกัน
3. วงจรความกังวลจึงถูกตัดโดยน้องบีด้วยการบ็อคไลน์ผู้กำหนดเกมส์ทิ้งแล้วส่งภาพให้ดู
แต่ผมก็ไม่เขื่อใจยืนยันจะพบตัว
4.วงจรความกังวลถูกตัดโดยการบล็อคไลน์
ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินการมาถึงจุดนี้ ผมก็ยังยืนยันจะพบตัวให้ได้เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมีลักษณะถูกกีดกัน และ กิจกรรมความกังวลที่ถ่ายทอดน้องเอให้ฟังนั้น มีลักษณะเหมือนผู้กำหนดเกมส์จะรู้ทุกการเคลื่อนไหว ผมจึงเกิดความสงสัยและตั้งไลน์กลุ่มเพื่อให้ทุกคนพูดพร้อมกันในกลุ่มแต่ทุกคนพยามหลีกเลี่ยงการสนทนาโดยพร้อมเพียงยกเว้นผมที่ได้ตั้งคำถามที่สงสัยไว้ให้ทุกคนตอบ
เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว คุณคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป...
ข้อ 1. หยุดไว้เพียงเท่านี้ เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว
2. ทำให้ผู้อื่นหลอนแทน
ขอบคุณครับ
จากผู้หลอนจากความเป็นหว่ง
หลอนด้วยความเป็นหว่ง.....จนพบจุด Hi
ขอเริ่มต้นกระทู้คำถามจากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นจากเรื่องหลอนด้วยความเป็นหว่ง......เลยก่อนแล้วกันนะครับ คำถามของเรื่องนี้ คือ
1. ผู้หลอนด้วยความเป็นหว่ง (ผม) ขณะที่มีอาการหลอนนั้น สภาวะทางจิตเป็นปกติสนทนารู้เรื่อง มีอาการทางประสาท(มองเห็นภาพไม่ชัด)เล็กน้อย...สภาวะนี้ ผมมีอาการหลอนหรือไม่
2. อาการหลอนด้วยความเป็นหว่งของผมเกิดจากการคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาอย่างใช้สติ....กังวลกับคนที่เป็นหว่งว่าหากอนาตที่จะเกิดเป็นไปอย่างที่คลาดคิด ผมนั้นจะมีความผิดอย่างมหันต์ในชีวิตกับอนาคตของคนๆนั้น เรียกว่าความกังวลซึ่งเป็นปกติใช่มั๊ย
3. คำว่าหลอนจะไปแจ้งตำรวจ...เป็นคำกล่าวเตือนของผู้ค้ายา ซึ่งในเกมส์นี้ตัวผู้หลอนได้ถูกกำหนดแล้วคือผม มันคือการวางแผนอย่างเป็นระบบไม่ใช่สิ่งบังเอิญที่เกิดขึ้นมาแล้วผมคิดไปเองใช่หรือไม่
4. โทรศัพท์ต่างๆของบุคคลในกิจกรรมนี้ ได้ถูกแอบติดตั้ง ตรวจสอบ ติดตามกิจกรรมต่างๆ ไว้โดยผู้กำหนดเกมส์เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของคนหลอนใช่หรือไม่
5. สิ่งหนึ่งที่ส่งสัยมาก คือ ผู้กำหนดเกมส์นี้เหมือนจะควบคุมความคิดและจิตใจของบุคคลต่างๆ ไว้ได้และพยามกีดกันทุกวิถีทางที่จะให้ผู้หลอนพูดคุยพบเจอโดยตรงกับบุคคลอื่นที่เป็นหว่ง เพราะผมพยายามตั้งกลุ่มไลน์ที่มากกว่า 2 คนขึ้นไปในการสนทนาพบว่าบุคคลเหล่านั้นหลีกเลี่ยงการที่จะพูดคุยและสนทนาในกลุ่มที่ตั้งขึ้นซึ่งเป็นจุดผิดปกติ
6. สิ่งต่างที่เกิดขึ้น..มันเกิดจากสภาวะความเป็นหว่งจริงๆปกติทั่วไป...หรือ ท่านคิดว่า นี่มันเป็นเกมส์เอาเหยื่อเลี้ยงยา...
เรามาติดตามเรื่องจรืงต่อไปนี้กันเลยครับ
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก น้องเอ ผม และน้องบี เราทั้ง 3 ต่างเสพยาเสพติดที่เรียกกันว่ายาไอซ์ น้องเอนั้นกับผมแล้วรู้จักกันมาก่อนน้องบี ผมกับน้องเอต่างก็มีนิสัยชายรักชาย เราสองคนต่างสนิทกันในสถานะเหมือนพี่เหมือนน้องจึงมีความหว่งใยคอยตักเตือนอ่ะไรหลายอย่างที่เกินกว่าขอบเขตให้แก่กันและกัน...ส่วนน้องบีเข้ามาทีหลังน้องเอซึ่งผมก็รู้สึกชอบมากและพิเศษกว่าน้องเอแต่อ่อนประสบการณ์มากทางเส้นทางของวงจรยา น้องเอ กับ น้องบี ไม่เคยรู้จักและพบเจอกัน เหตุการณ์เริ่มต้นจากโปรแกรมเเชตโปรแกรมหนึ่ง ผู้กำหนดเกมส์ได้ติดต่อน้องเอเพื่อเล่นกิจกรรมแบบ 3 คนกันขึ้น และ ปล่อยน้องเอออกมา...ผมติดต่อน้องเอเพื่อให้ช่วยหาผู้ขายงานเพื่อจะซื้องานมาเสพ จึงได้แนะนำจนรู้จักผู้ขายงานและมีการติอต่อเพื่อซื้อขายงานกัน ผมเลยซื้องานเพื่อการเสพ ต่อมาผมกับน้องบีได้มีการนัดไฮกัน แต่เนื่องจากงานในกิจกรรมนั้นมันเหลือน้อย จึงติดต่อซื้องานจากผู้กำหนดเกมส์(ผู้ขาย) และมีการพูดคุยในการจัดกิจกรรมหมู่เกิดขึ้นในลักษณะ 4 คน คือผม(ได้หมด) น้องบี (รับ) ผู้กำหนดเกมส์ และ แฟน(ผู้ขาย) (เป็นฝ่ายรุกทั้งคู่) กิจกรรมนี้มีกฎว่าห้ามนอยกันถ้าทุกคนเชื่อใจกัน ( ผมเป็นผู้คัดออกจากเกมส์ผมจึงไม่เชื่อใจใคร) และ กิจกรรมนี้หากใครมีอาการหลอนจะไปแจ้งตำรวจเราต้องให้สติอล้วข่วยกันดึงกลับมา...ไม่เช่นนั้นทุกคนตายหมู่ ผมและน้องบีต่างก็เสพโดยวิธีการดึงเนื่องจากน้องบีกลัวการฉีด...และน้องชายผมไม่แข็งตัว กิจกรรมนี้ถูกโน้มน้าวใจให้เราทั้ง 2 คนลองฉีดอีกครั้ง โดยงานที่เตรียมผู้กำหนดเกมส์เตรียมและฉีดให้ โดยที่เราทั้ง 2 คนไม่ได้ตรวจสอบปริมาณงานที่ฉีดได้เลย ฉีดเสร็จผลเป็นปกติทั่วไปของฟิวส์ฉีดสำหรับน้องบี...แต่ผมนั่นอวัยวะอ่อนตัว แต่ก็ทดลองสร้างบรรยากาศกันสักระยะหนึ่ง ผู้กำหนดเกมส์ก็แนะนำให้ฉีดซ้ำฟิวส์ผมขณะนั้นรู้สึกแย่จึงตัดสินใจทดลองฉีดซ้ำเข้าไปใหม่....อาการตอนนั้นรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม มีอาการผิดปกติทางร่างกายซึ่งเริ่มหนาวสั่นทั้งตัว จนถึงเวลาที่แฟนผู้กำหนดเกมส์ ต้องออกจากกิจกรรมเพื่อให้เหลือเพียง 3 คน จนกระทั่งกิจกรรมกำลังจะเลิกจึงอาบน้ำ และ ออกจากสถานที่นั่นไป โดยผู้กำหนดได้ชวนผมและน้องบีขึ้นรถไปด้วยกัน ขณะผมจำเป็นต้องลง แต่ทางกลับบ้านของน้องบีไปเส้นทางเดียวกัน แต่แยกกันตรงช่วงระยะทางหนึ่ง จึงพาไปส่งตรงจุดต่อรถ ขณะที่ผมนั่งรถมาถึงที่พักจึงทักไลน์ไปหาน้องบี...ซึ่งในกลุ่มไลน์ที่ติดต่อกันน้องบีได้ทักเข้ามาอีก 5 นาทีกำลังจะถึงบ้านซึ่งเวลาที่บอกนั้นทำให้ผมเริ่มเกิดความระแวงไปในทางที่คาดคิดคือการย้อนมาจัดกิจกรรมหมู่ซึ่งไม่มีผมกัน. และมีการทักเข้ามาอีกครั้งในกลุ่มว่ารีโมทหายไปไหน ซึ่งก็ไม่รู้มันคืออ่ะไร คำอธิบายที่ผมได้รับรู้สึกไม่ค่อยเคลียร์ความชัดเจน...ทำให้เกิดสภาวะความคิดเริ่มฟุ้งซ่านเริ่มมีอาการผิดปกติทางร่างกายเกิดขึ้น.....ส่งผมให้สภาวะทางจิตใจรู้สึกเหมือนจะอยู่คนเดียวไปไม่ได้...จึงเรียกขอร้องให้น้องเอมาอยู่เป็นเพื่อนสักระยะหนึ่ง สภาพตอนนั้นนีองเอได้เตือนสติและให้ข้อคิดอย่างแรงว่าทำไมพี่ไม่รักตัวเอง....ทำไมพี่ถึงน้อยใจและระแวงคนอื่น พี่ไม่ดูแลตัวเอง เสียสุขภาพ เสียงาน เสียเงินไปแล้วพี่ได้อ่ะไรกลับมา..ผมจึงได้สติกลับมา และน้องเอก็กลับไป การอยู่คนเดียวในสภาวะที่สติเริ่มฟื้นตัวขึ้นทำให้ผมถึงกับร้องไห้เพื่อปลดปล่อยต่อสภาพอาการต่างๆที่เกิดขึ้น จนมันมีความรู้สึกดีขึ้นอย่างชัดเจนกับอาการทั้งหมด ในสถานะการณ์ตอนนี้มันทำให้ทุกคนรับรู้ว่าผมได้นอยน้องบีแล้ว...หลังจากนั้นเราก็รับสารภาพถึงความไม่พอใจกันด้วยเกิดจากความเป็นหว่งที่ให้น้องบีไปกัน 2 คน และ เริ่มเกิดความระแวงที่ไม่ดีไม่คาดคิดกับน้องบีในอนาคตเกิดเขึ้นเกิดขึ้น นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการหลอนด้วยความเป็นหว่ง ซึ่งทุกคนกล่าวหาว่าผมหลอน ทั้งที่ผมมีสติทุกองค์ประกอบพูดคุยสนทนารู้เรื่อง จนถึงกลับพิสูจน์ตัวเองว่าไม่หลอนกับจิตแพทย์ ซึ่งมาถึงจุดนี้แล้วขั้นตอนการขจัดความเป็นหว่งผมจึ่งเริ่มเกิดขึ้นทีล่ะขั้นตอนดังนี้
1. น้องเอกำผู้กำหนดเกมส์....ไม่ค่อยเป็นหว่งเท่าไหร่เพราะดูเหมือนว่าจะถูกตัดจากความกังวลของผมแล้ว
2. ผมถูกตัดจากเกมส์ โดยกำหนดให้เป็นผู้หลอน
ผมจึงพยายามติดต่อน้องบีเพื่อพบเจอตัว แต่มีความรู้สึกว่าเราจะถูกกีดกัน และ ควบคุมจากผู้กำหนดเกมส์เพื่อมิให้ได้เจอกัน
3. วงจรความกังวลจึงถูกตัดโดยน้องบีด้วยการบ็อคไลน์ผู้กำหนดเกมส์ทิ้งแล้วส่งภาพให้ดู
แต่ผมก็ไม่เขื่อใจยืนยันจะพบตัว
4.วงจรความกังวลถูกตัดโดยการบล็อคไลน์
ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินการมาถึงจุดนี้ ผมก็ยังยืนยันจะพบตัวให้ได้เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมีลักษณะถูกกีดกัน และ กิจกรรมความกังวลที่ถ่ายทอดน้องเอให้ฟังนั้น มีลักษณะเหมือนผู้กำหนดเกมส์จะรู้ทุกการเคลื่อนไหว ผมจึงเกิดความสงสัยและตั้งไลน์กลุ่มเพื่อให้ทุกคนพูดพร้อมกันในกลุ่มแต่ทุกคนพยามหลีกเลี่ยงการสนทนาโดยพร้อมเพียงยกเว้นผมที่ได้ตั้งคำถามที่สงสัยไว้ให้ทุกคนตอบ
เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว คุณคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป...
ข้อ 1. หยุดไว้เพียงเท่านี้ เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว
2. ทำให้ผู้อื่นหลอนแทน
ขอบคุณครับ
จากผู้หลอนจากความเป็นหว่ง