ไม่เคยเปลี่ยน
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น...
วันนี้ฉันคงมีแขกมาเยี่ยมอีกเหมือนเคย
“น้องเดียร์ใครมาเหรอลูก” แม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างการออกเสียงพูดให้เป็นปกติ ไม่สั่นเครือ...ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากไปแล้วสำหรับฉัน ที่กำลังนอนป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย
“เดี๋ยวหนูไปดูให้ค่ะแม่” ลูกสาววัยยี่สิบแปดปีละมือจากการป้อนข้าวต้มที่เป็นอาหารมื้อเช้าของฉัน เดินออกจากห้องไป...
ครู่เดียวน้องเดียร์ก็กลับเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาดีที่ถือตะกร้าของฝากมาด้วย ฉันรู้จักเขา...ที่เป็นอย่างตอนนี้ และคงเป็นอย่างนี้ตลอดไป
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยคำทักทายพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ลูกสาว...ที่ข้างเตียงฉัน
“ค่ะ...คุณเพชร นานทีเดียว” เมื่อมองดูทั้งสองแล้ว...ก็อดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่ฉันเก็บไว้ในใจนั้นควรบอกน้องเดียร์หรือไม่ ว่าชายที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่หนุ่มอายุสามสิบกลางๆ อย่างที่เห็น เขาไม่ใช่วัยเดียวกับเธอ และ...
“อาการเป็นยังไงบ้างครับคุณเดือน” เสียงของเขาแทรกขึ้นมา...ดึงฉันออกจากสิ่งที่คิดอยู่
“ไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ สำหรับคนอายุจะหกสิบ...เห็นทีคงเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว” แววตาห่วงใยของเขายังอบอุ่นเหมือนแรกเจอกัน...และเมื่อรู้จักกัน จนถึงวันนี้...มันก็ไม่เคยเปลี่ยน
“คุณเพชรจะรับชาหรือกาแฟดีคะ” ยิ้มสวยๆ ของลูกสาวและความเป็นแม่ศรีเรือนที่เห็น ฉันคงไม่มีอะไรต้องห่วงเธอ...หากว่าลมหายใจฉันจะดับลงในวันพรุ่งนี้ หรือ...วันนี้
"ชาแล้วกันครับ" ชายหนุ่มมองตามน้องเดียร์ จนเธอผ่านประตูห้องออกไป ก่อนจะหันมาที่ฉัน...อีกครั้ง ฉันเป็นสุขเหลือเกินกับอาการของคุณเพชร แต่มันแค่วูบเดียว...เมื่อนึกถึงความจริง ที่มันยากเหลือเกินสำหรับการจะฝากฝังให้เขาดูแลลูกสาว
“คุณเดือนไม่ต้องเป็นห่วงหรอกผมจะดูแลน้องเดียร์เอง” ในใจฉันรู้อยู่แล้ว ว่าเขาจะพูดแบบนี้
แต่...
“แล้วคุณจะบอกน้องเดียร์ยังไง...ว่าเธอเป็นลูกคุณ มะ...ไม่สิ...ฉันควรถามว่าคุณจะบอกเธอไหมว่าคุณเป็นพ่อ”
“ผะ...ผมจะ...” คำถามคงตรงจุด...และทำให้เขาอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้ามันยากก็อย่าทำเลยค่ะ คุณจากฉันไปทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเธอ ลูกเราโตแล้วค่ะ...เธอไม่เคยมีพ่อ...และคงไม่เป็นไรถ้าจะไม่มี” นี่คือคำปลอบสามีของฉันในขณะที่กุมมือเขาไว้แน่นเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้ เพื่อบอกให้เจ้าของรู้ว่าฉันเข้าใจในความจำเป็นของเขา
“ผมขอโทษจริงๆ คุณเดือน ผมผิดเอง...ผมมันคนต้องสาป” น้ำตาอุ่นๆ ของคุณเพชรหยดลงที่หลังมือฉันทีละหยด...ทีละหยด และมันก็ทำให้ฉันต้องร้องไห้ตามไปด้วย
“ถึงคุณจะดูแลลูกในฐานะพ่อไม่ได้ แต่คุณดูแลเธออยู่ห่างๆ ได้นะคะ”
“ไม่...ผมจะบอกลูก ผมจะ...”
“จะบอกเธอว่ายังไงเหรอคะ บอกว่าคุณมีชีวิตอยู่มาเป็นพันปีโดยไม่แก่ไม่ตาย และต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ทุกๆ สิบปีเพื่อไม่ให้ใครรู้เหรอคะ...แล้วคุณจะทำยังไงตอนเธออายุสี่สิบ แต่คุณยังสามสิบห้าเหมือนเดิม...”
“ถึงตอนนั้นคุณยังกล้าให้น้องเดียร์...เรียกคุณ...ว่าพ่อเหรอคะ”
*************
ครับผม...มาอีกแล้วครับ เรื่องสั้นเพี้ยนๆ ของผม ไม่มีอะไรมากครับ ขอแค่ผู้อ่านสนุกกับงานเขียนของผม แค่นี้ก็ดีใจแล้วครับ
เกือบลืม...ยังมีเรื่องสั้นฟอร์มใหญ่ที่เตรียมจะเขียนเร็วๆ นี้นะครับ ก่อนสิ้นเดือน ม.ค. แน่นอนครับ ฝากติดตามกันด้วยนะครับผม...^^
ไม่เคยเปลี่ยน
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น...
วันนี้ฉันคงมีแขกมาเยี่ยมอีกเหมือนเคย
“น้องเดียร์ใครมาเหรอลูก” แม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างการออกเสียงพูดให้เป็นปกติ ไม่สั่นเครือ...ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากไปแล้วสำหรับฉัน ที่กำลังนอนป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย
“เดี๋ยวหนูไปดูให้ค่ะแม่” ลูกสาววัยยี่สิบแปดปีละมือจากการป้อนข้าวต้มที่เป็นอาหารมื้อเช้าของฉัน เดินออกจากห้องไป...
ครู่เดียวน้องเดียร์ก็กลับเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาดีที่ถือตะกร้าของฝากมาด้วย ฉันรู้จักเขา...ที่เป็นอย่างตอนนี้ และคงเป็นอย่างนี้ตลอดไป
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยคำทักทายพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ลูกสาว...ที่ข้างเตียงฉัน
“ค่ะ...คุณเพชร นานทีเดียว” เมื่อมองดูทั้งสองแล้ว...ก็อดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่ฉันเก็บไว้ในใจนั้นควรบอกน้องเดียร์หรือไม่ ว่าชายที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่หนุ่มอายุสามสิบกลางๆ อย่างที่เห็น เขาไม่ใช่วัยเดียวกับเธอ และ...
“อาการเป็นยังไงบ้างครับคุณเดือน” เสียงของเขาแทรกขึ้นมา...ดึงฉันออกจากสิ่งที่คิดอยู่
“ไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ สำหรับคนอายุจะหกสิบ...เห็นทีคงเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว” แววตาห่วงใยของเขายังอบอุ่นเหมือนแรกเจอกัน...และเมื่อรู้จักกัน จนถึงวันนี้...มันก็ไม่เคยเปลี่ยน
“คุณเพชรจะรับชาหรือกาแฟดีคะ” ยิ้มสวยๆ ของลูกสาวและความเป็นแม่ศรีเรือนที่เห็น ฉันคงไม่มีอะไรต้องห่วงเธอ...หากว่าลมหายใจฉันจะดับลงในวันพรุ่งนี้ หรือ...วันนี้
"ชาแล้วกันครับ" ชายหนุ่มมองตามน้องเดียร์ จนเธอผ่านประตูห้องออกไป ก่อนจะหันมาที่ฉัน...อีกครั้ง ฉันเป็นสุขเหลือเกินกับอาการของคุณเพชร แต่มันแค่วูบเดียว...เมื่อนึกถึงความจริง ที่มันยากเหลือเกินสำหรับการจะฝากฝังให้เขาดูแลลูกสาว
“คุณเดือนไม่ต้องเป็นห่วงหรอกผมจะดูแลน้องเดียร์เอง” ในใจฉันรู้อยู่แล้ว ว่าเขาจะพูดแบบนี้
แต่...
“แล้วคุณจะบอกน้องเดียร์ยังไง...ว่าเธอเป็นลูกคุณ มะ...ไม่สิ...ฉันควรถามว่าคุณจะบอกเธอไหมว่าคุณเป็นพ่อ”
“ผะ...ผมจะ...” คำถามคงตรงจุด...และทำให้เขาอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้ามันยากก็อย่าทำเลยค่ะ คุณจากฉันไปทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเธอ ลูกเราโตแล้วค่ะ...เธอไม่เคยมีพ่อ...และคงไม่เป็นไรถ้าจะไม่มี” นี่คือคำปลอบสามีของฉันในขณะที่กุมมือเขาไว้แน่นเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้ เพื่อบอกให้เจ้าของรู้ว่าฉันเข้าใจในความจำเป็นของเขา
“ผมขอโทษจริงๆ คุณเดือน ผมผิดเอง...ผมมันคนต้องสาป” น้ำตาอุ่นๆ ของคุณเพชรหยดลงที่หลังมือฉันทีละหยด...ทีละหยด และมันก็ทำให้ฉันต้องร้องไห้ตามไปด้วย
“ถึงคุณจะดูแลลูกในฐานะพ่อไม่ได้ แต่คุณดูแลเธออยู่ห่างๆ ได้นะคะ”
“ไม่...ผมจะบอกลูก ผมจะ...”
“จะบอกเธอว่ายังไงเหรอคะ บอกว่าคุณมีชีวิตอยู่มาเป็นพันปีโดยไม่แก่ไม่ตาย และต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ทุกๆ สิบปีเพื่อไม่ให้ใครรู้เหรอคะ...แล้วคุณจะทำยังไงตอนเธออายุสี่สิบ แต่คุณยังสามสิบห้าเหมือนเดิม...”
“ถึงตอนนั้นคุณยังกล้าให้น้องเดียร์...เรียกคุณ...ว่าพ่อเหรอคะ”
ครับผม...มาอีกแล้วครับ เรื่องสั้นเพี้ยนๆ ของผม ไม่มีอะไรมากครับ ขอแค่ผู้อ่านสนุกกับงานเขียนของผม แค่นี้ก็ดีใจแล้วครับ
เกือบลืม...ยังมีเรื่องสั้นฟอร์มใหญ่ที่เตรียมจะเขียนเร็วๆ นี้นะครับ ก่อนสิ้นเดือน ม.ค. แน่นอนครับ ฝากติดตามกันด้วยนะครับผม...^^