สวัสดีครับผมขอเล่าเรื่องของผมให้ฟังเผื่อว่ามันจะเป็นตัวอย่างให้ทุกคนได้ดูแลคนรักของตัวเองดีๆนะครับ
เรื่องมันเกิดขึ้นจากการที่ผมจีบรุ่นพี่คนหนึ่ง เธอเป็นคนร่าเริงผมตกหลุมรักเธอหมดหัวใจ เวลาผ่านไปสักพักเราเป็นแฟนกัน คบกันอย่างเปิดเผยต่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย โดยปัจจุบันเธอทำงานเป็น Interior อายุเธอก็ 27 เข้า 28 ปีนี้ (นามสมมุติ น.) ส่วนผมตอนนี้เรียนมหาลัยปีสุดท้ายผมอายุ 25 คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย 4 ปี ผมช่วยวิทยานิพนธ์เธอจนเธอจบส่วนผมต้องเรียนเพิ่มอีก 1 ปี เพราะไม่ได้สนใจตัวเองเลยช่วงนั้น
ระหว่างคบกันผมได้รู้อะไรหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นอดีตของเธอที่ไม่สวยงามนัก สิ่งที่เธอเคยทำที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจให้อภัยได้คือ "เธอมีอะไรกับเด็กรุ่นเดียวกับผมที่เคยเป็นเพื่อนผมทั้งๆที่เรากำลังคุยกัน" แต่นั้นมันก็เป็นเรื่องแรกที่ผมให้อภัยเธอได้และพยายามลืมมันไปจนได้ ตลอดเวลาที่คบกันผมค่อนข้างมีความสุข แม้ว่าจะมีปัญหาบ้างที่ทำให้เราทะเลาะกันบ่อยคือแฟนเก่าผมยังคงทักมาคุยกับผม ซึ่งผมในเรื่องนั้นผมผิดที่ไม่บอกปฏิเสธไม่คุยไปเพราะคิดว่าแค่คุยกันแบบเพื่อนที่นานๆทีทักมามันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สุดท้ายเธอไม่พอใจที่ผมทำ ผมจึงลบเพื่อนแฟนเก่าไปและให้เธอหายออกไปจากชีวิต แม้ว่าแฟนเก่าผมจะพยายามทักมาหาอยู่บ่อยๆ ต่อมาเราก็ตบกันมาจนเข้าปีที่ 4 อยู่ด้วยกันที่หอพัก จนผมจะต้องออกฝึกงาน มันเป็นช่วงเวลาที่ผมอยู่ห่างเธอไกล เพราะที่ทำงานผมอยู่ย่านงามวงศ์วาน ส่วนที่พักผมอยู่รังสิต ผมเลือกที่จะไปกลับในระยะทางหลายกิโลนั่งรถนานๆเพียงเพราะจะได้กลับมาอยู่กับเธอในเวลาเลิกงาน ทั้งๆที่ผมมีบ้านญาติอยู่ใกล้ๆที่ทำงานเพียงแค่ 15 นาทีถึง เมื่อผมฝึกงานเสร็จผมเริ่มรู้สึกถึงพฏติกรรมแปลกๆที่เธอเอาแต่เล่นมือถือ ไม่ห่างแม้กระทั้งอาบน้ำก็นำเข้าไปด้วย วันนึงผมจึงขอดูมือถือเพราะเริ่มสงสัยในพฤติกรรมเธอ เธอไม่ให้ปฏิเสธเสียงแข็งอยู่นานจนผมไล่ต้อนคำถามไป จึงได้คำตอบว่าคุยกับอีกคนอยู่ ผช คนนั้นเป็นคนขาย จิวเวอร์ลี่ อายุ 30 กว่าๆ (นามสมมุติ จ.) จ.เป็นเพื่อนกับพี่ที่ทำงานของเธอ ได้เจอกันคุยกันมาตั้งแต่ที่ผมยังไม่ได้ออกฝึกงาน นั้นหมายความว่าสองคนนี้คุยกันทั้งๆที่อยู่กับผม ในครั้งที่รู้ผมเสียใจแต่ให้อภัยเพราะเธอบอกว่าแค่คุยกันไม่เคยไปไหนด้วยกัน และจะขอคืนดีกับผม ผมเลยยอมโดยเงื่อนไขคือให้บอกเลิกคนนั้นให้ผมได้ยิน แต่สุดท้ายเธอไม่ทำเพราะให้เหตุผลว่า "สงสารคนนั้น" ผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะคิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว ถว่า..
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 เดือนในวันหนึ่งผมเห็นว่าเธอซื้อมือถือเครื่องเล็กมาโดยให้เหตุผลว่าจะเอามือถือเครื่องนี้ให้แม่ ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรจนกระทั้งผ่านไปได้หลายอาทิตย์ มือถือเครื่องนี้ไม่ได้ให้แม่ของเธอใช้อย่างใด แต่เพราะเธอซื้อมาเพื่อคุยกับ จ. โดยเธอสร้าง Facebook และ Line ใหม่โดยบล๊อคผมทุกทางไม่ให้ผมและเพื่อนของผมรู้ เธอคุยกับ จ. มาตลอดเวลาตั้งแต่วันแรกที่จับได้ ไม่เคยเลิกคุยเลย ผมทนต่อเรื่องนี้ไม่ไหวจึงได้โทรฯ ไปคุยกับ ผช คนนี้จึงได้คำตอบที่ทำให้ผมเหมือนเป็นบ้าไปเลย คือ นอกจากเธอไม่ได้เลิกคุยกับ จ. แล้ว เธอยังไม่เที่ยวจ.กาญฯ ด้วยกัน 2 คน ซึ่งไปเที่ยวกันก่อนที่ผมจะฝึกงานซะอีก และพ่วงมาด้วยกันทานข้าวกันหลายครั้ง ดูหนัง นั่งรถตอนกลางคืน โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาให้เหตุผลผมว่ากลับบ้านไปหาแม่ ซึ่งนั้นมันยังไม่พอเมื่อ จ. บอกกับผมว่าเธอมีอะไรกับเขาไปแล้วตั้งแต่เที่ยว กาญ ซึ่งมันเป็นระยะเวลาที่คุยกับคนนั้นได้ไม่ถึง 1 เดือนจึงไปเที่ยวกาญกัน ในช่วงนั้นผมพยายามหาหลักฐานเพื่อเค้นความจริงกับเธอเพระากลัวว่า จ. จะใส่ร้ายเธอ แต่ยิ่งขุด ยิ่งเจ็บหนักเพราะทุกคำพูดที่ จ. บอกมันเป็นความจริงหมด จนสุดท้ายผมถึงได้จับเธอมานั่งคุยและเธอสารภาพทุกอย่างตรงกับที่ จ. พูดทั้งหมด เธอโกหกแม่ตัวเองเพื่อคุยกับผู้ชายคนนั้น เธอยอมแม้ ผช คนนั้นจะมีลูกติดมาแล้วก็ตาม เธอปกป้องผู้ชายคนนั้นในทุกคำพูดที่ผมบอกเธอว่าคนนั้นเป็นคนไม่ดี โดยเธอให้เหตุผลในการมีคนใหม่ว่าผมยังไม่มีอนาคต ยังเรียนไม่จบในขนาดที่เธอมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเธอบอกว่า ผญ ทุกคนต้องการคนที่สร้างอนาคตเป็นรากฐานที่มั่นคงให้เธอได้ทั้งนั้น ผมจึงแน่ใจว่าคนที่ผมรักหมดหัวใจ คนที่ผมเคยเอาชีวิตปกป้อมเธอจากเด็กแว้น ได้หักหลังผมไม่เหลือชิ้นดี
และตอนนี้ผมกำลังออกมาจากเธอผมคงไม่ลืม แต่จะเป็นบทเรียนที่เจ็บหนักของผม
ปล.ผมจะไม่สปอยแชทหรือรูปอะไรระหว่างเธอกับคนนั้นผมไม่อยากทำร้ายเธอไปมากกว่านี้
-----ขอบคุณครับ-----
ผมกลายเป็นคนโง่ เมื่อโดนคนที่รักหักหลัง
เรื่องมันเกิดขึ้นจากการที่ผมจีบรุ่นพี่คนหนึ่ง เธอเป็นคนร่าเริงผมตกหลุมรักเธอหมดหัวใจ เวลาผ่านไปสักพักเราเป็นแฟนกัน คบกันอย่างเปิดเผยต่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย โดยปัจจุบันเธอทำงานเป็น Interior อายุเธอก็ 27 เข้า 28 ปีนี้ (นามสมมุติ น.) ส่วนผมตอนนี้เรียนมหาลัยปีสุดท้ายผมอายุ 25 คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย 4 ปี ผมช่วยวิทยานิพนธ์เธอจนเธอจบส่วนผมต้องเรียนเพิ่มอีก 1 ปี เพราะไม่ได้สนใจตัวเองเลยช่วงนั้น
ระหว่างคบกันผมได้รู้อะไรหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นอดีตของเธอที่ไม่สวยงามนัก สิ่งที่เธอเคยทำที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจให้อภัยได้คือ "เธอมีอะไรกับเด็กรุ่นเดียวกับผมที่เคยเป็นเพื่อนผมทั้งๆที่เรากำลังคุยกัน" แต่นั้นมันก็เป็นเรื่องแรกที่ผมให้อภัยเธอได้และพยายามลืมมันไปจนได้ ตลอดเวลาที่คบกันผมค่อนข้างมีความสุข แม้ว่าจะมีปัญหาบ้างที่ทำให้เราทะเลาะกันบ่อยคือแฟนเก่าผมยังคงทักมาคุยกับผม ซึ่งผมในเรื่องนั้นผมผิดที่ไม่บอกปฏิเสธไม่คุยไปเพราะคิดว่าแค่คุยกันแบบเพื่อนที่นานๆทีทักมามันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สุดท้ายเธอไม่พอใจที่ผมทำ ผมจึงลบเพื่อนแฟนเก่าไปและให้เธอหายออกไปจากชีวิต แม้ว่าแฟนเก่าผมจะพยายามทักมาหาอยู่บ่อยๆ ต่อมาเราก็ตบกันมาจนเข้าปีที่ 4 อยู่ด้วยกันที่หอพัก จนผมจะต้องออกฝึกงาน มันเป็นช่วงเวลาที่ผมอยู่ห่างเธอไกล เพราะที่ทำงานผมอยู่ย่านงามวงศ์วาน ส่วนที่พักผมอยู่รังสิต ผมเลือกที่จะไปกลับในระยะทางหลายกิโลนั่งรถนานๆเพียงเพราะจะได้กลับมาอยู่กับเธอในเวลาเลิกงาน ทั้งๆที่ผมมีบ้านญาติอยู่ใกล้ๆที่ทำงานเพียงแค่ 15 นาทีถึง เมื่อผมฝึกงานเสร็จผมเริ่มรู้สึกถึงพฏติกรรมแปลกๆที่เธอเอาแต่เล่นมือถือ ไม่ห่างแม้กระทั้งอาบน้ำก็นำเข้าไปด้วย วันนึงผมจึงขอดูมือถือเพราะเริ่มสงสัยในพฤติกรรมเธอ เธอไม่ให้ปฏิเสธเสียงแข็งอยู่นานจนผมไล่ต้อนคำถามไป จึงได้คำตอบว่าคุยกับอีกคนอยู่ ผช คนนั้นเป็นคนขาย จิวเวอร์ลี่ อายุ 30 กว่าๆ (นามสมมุติ จ.) จ.เป็นเพื่อนกับพี่ที่ทำงานของเธอ ได้เจอกันคุยกันมาตั้งแต่ที่ผมยังไม่ได้ออกฝึกงาน นั้นหมายความว่าสองคนนี้คุยกันทั้งๆที่อยู่กับผม ในครั้งที่รู้ผมเสียใจแต่ให้อภัยเพราะเธอบอกว่าแค่คุยกันไม่เคยไปไหนด้วยกัน และจะขอคืนดีกับผม ผมเลยยอมโดยเงื่อนไขคือให้บอกเลิกคนนั้นให้ผมได้ยิน แต่สุดท้ายเธอไม่ทำเพราะให้เหตุผลว่า "สงสารคนนั้น" ผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะคิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว ถว่า..
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 เดือนในวันหนึ่งผมเห็นว่าเธอซื้อมือถือเครื่องเล็กมาโดยให้เหตุผลว่าจะเอามือถือเครื่องนี้ให้แม่ ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรจนกระทั้งผ่านไปได้หลายอาทิตย์ มือถือเครื่องนี้ไม่ได้ให้แม่ของเธอใช้อย่างใด แต่เพราะเธอซื้อมาเพื่อคุยกับ จ. โดยเธอสร้าง Facebook และ Line ใหม่โดยบล๊อคผมทุกทางไม่ให้ผมและเพื่อนของผมรู้ เธอคุยกับ จ. มาตลอดเวลาตั้งแต่วันแรกที่จับได้ ไม่เคยเลิกคุยเลย ผมทนต่อเรื่องนี้ไม่ไหวจึงได้โทรฯ ไปคุยกับ ผช คนนี้จึงได้คำตอบที่ทำให้ผมเหมือนเป็นบ้าไปเลย คือ นอกจากเธอไม่ได้เลิกคุยกับ จ. แล้ว เธอยังไม่เที่ยวจ.กาญฯ ด้วยกัน 2 คน ซึ่งไปเที่ยวกันก่อนที่ผมจะฝึกงานซะอีก และพ่วงมาด้วยกันทานข้าวกันหลายครั้ง ดูหนัง นั่งรถตอนกลางคืน โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาให้เหตุผลผมว่ากลับบ้านไปหาแม่ ซึ่งนั้นมันยังไม่พอเมื่อ จ. บอกกับผมว่าเธอมีอะไรกับเขาไปแล้วตั้งแต่เที่ยว กาญ ซึ่งมันเป็นระยะเวลาที่คุยกับคนนั้นได้ไม่ถึง 1 เดือนจึงไปเที่ยวกาญกัน ในช่วงนั้นผมพยายามหาหลักฐานเพื่อเค้นความจริงกับเธอเพระากลัวว่า จ. จะใส่ร้ายเธอ แต่ยิ่งขุด ยิ่งเจ็บหนักเพราะทุกคำพูดที่ จ. บอกมันเป็นความจริงหมด จนสุดท้ายผมถึงได้จับเธอมานั่งคุยและเธอสารภาพทุกอย่างตรงกับที่ จ. พูดทั้งหมด เธอโกหกแม่ตัวเองเพื่อคุยกับผู้ชายคนนั้น เธอยอมแม้ ผช คนนั้นจะมีลูกติดมาแล้วก็ตาม เธอปกป้องผู้ชายคนนั้นในทุกคำพูดที่ผมบอกเธอว่าคนนั้นเป็นคนไม่ดี โดยเธอให้เหตุผลในการมีคนใหม่ว่าผมยังไม่มีอนาคต ยังเรียนไม่จบในขนาดที่เธอมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเธอบอกว่า ผญ ทุกคนต้องการคนที่สร้างอนาคตเป็นรากฐานที่มั่นคงให้เธอได้ทั้งนั้น ผมจึงแน่ใจว่าคนที่ผมรักหมดหัวใจ คนที่ผมเคยเอาชีวิตปกป้อมเธอจากเด็กแว้น ได้หักหลังผมไม่เหลือชิ้นดี
และตอนนี้ผมกำลังออกมาจากเธอผมคงไม่ลืม แต่จะเป็นบทเรียนที่เจ็บหนักของผม
ปล.ผมจะไม่สปอยแชทหรือรูปอะไรระหว่างเธอกับคนนั้นผมไม่อยากทำร้ายเธอไปมากกว่านี้
-----ขอบคุณครับ-----