ที่มา
http://www.thaiortho.org/judfun/kick-teeth-เรื่องเศร้าในช่องปา/
ยิ่งทันตแพทย์ทั่วไปเข้าร่วมอบรมในหลักสูตรระยะสั้นเพื่อเรียนลัดวิชาการจัดฟันมากขึ้นเท่าไร ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของคนไข้ที่เข้ารับการจัดฟันก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ทุกครั้งที่ ทพญ. สมจิต (นามสมมติ) มองเข้าไปในปากของคนไข้รายใหม่ๆ เธอมักกังวลกับสิ่งที่อาจจะได้เจอ เพราะตลอด 6 ปีหลังที่เธอหันมาให้การรักษาด้านการจัดฟัน เธอได้เห็นการจัดฟันที่ไม่ถูกต้องมากกว่า 100 ครั้ง
“เราดูจากงานแล้วคิดว่าไม่น่าจะใช่ทันตแพทย์จัดฟัน” เธอกล่าว
ปัจจุบัน ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันในประเทศไทยมีเพียง 600 คนเท่านั้น และมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เปิดการเรียนการสอนเฉพาะทางเกี่ยวกับการจัดฟันก็มีจำนวนไม่มากนัก ทันตแพทย์ทั่วไปจำนวนไม่น้อยจึงตัดสินใจที่จะเรียนรู้ในเรื่องนี้ผ่านการศึกษาของเอกชน
จำนวนทันตแพทย์ทั่วไปที่เข้ารับร่วมหลักสูตรการอบรมระยะสั้นเพื่อให้สามารถจัดฟันได้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีหลัง นำไปสู่ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของคนไข้จากทันตแพทย์จัดฟันที่ได้รับการศึกษาต่อในหลักสูตรจัดฟันที่ได้การรับรองอย่าง ทพญ. สมจิต ผู้ที่ขอให้ปกปิดชื่อและนามสกุลจริงเนื่องจากความอ่อนไหวของประเด็นนี้
ครั้งแรกที่เธอพบกับความผิดปกติเกี่ยวกับการจัดฟัน คือในปี 2550 เมื่อเริ่มคบกับชายหนุ่มที่จะกลายมาเป็นสามีของเธอในภายหลัง ขณะที่ ทพญ. สมจิต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นทันตแพทย์ทั่วไปกำลังขูดหินปูนให้กับแฟนหนุ่มของเธออยู่ ก็สังเกตพบอาการที่เรียกว่า malocclusion หรือ การสบฟันที่ผิดปกติ
เธอจึงตัดสินใจไปพร้อมเขาเมื่อเขานัดจัดฟันครั้งต่อไป ก่อนจะพบว่าทันตแพทย์คนนั้นไม่ใช่ทันตแพทย์จัดฟัน เธอจึงรีบพาเขาไปพบกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นโดยทันที
หลังจากเรียนจบเป็นทันตแพทย์จัดฟันอย่างถูกต้องแล้ว ทพญ. สมจิต จำได้ว่ามีคนไข้นับร้อยที่เปลี่ยนจากทันตแพทย์คนอื่น ๆ มาหาเธอ เนื่องการให้บริการจัดฟันที่ต่ำกว่ามาตรฐานจากทันตแพทย์ที่ไม่ได้เป็นทันตแพทย์จัดฟัน
“ปัจจุบันมีคนไข้หลายคนมาหาหมอ แล้วตกใจที่หมอท่านเดิมไม่ใช่ทันตแพทย์จัดฟันโดยตรง” เธอระบุ
คลินิกชั้นสอง
เมื่อ ทพ. โจ (นามสมมติ) ผู้ขอให้เอ่ยถึงได้เฉพาะชื่อเล่น เปิดคลินิกทำฟันของตัวเองบนถนนพระรามสอง เมื่อปี 2531 เขาตั้งใจว่าจะทำงานขูดหินปูน ถอนฟัน ไปจนถึงอุดฟัน โดยใช้ผู้ช่วยเพียงไม่กี่คน เนื่องจากที่ตั้งของคลินิกที่อยู่บริเวณชานเมืองของกรุงเทพฯ ทำให้ไม่น่าจะทำรายได้ได้มากนัก แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาตัดสินใจรับทันตแพทย์ที่ทำงานจัดฟันเข้ามาทำงานในคลินิกด้วย เมื่อ 5 ปีก่อน
“ถ้ายังเป็นแบบเดิม คงเอาตัวไม่รอด แต่ถึงวันนี้หลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว เพราะคลินิกทำฟันไหนที่ไม่รับจัดฟันด้วยมักถูกมองว่าเป็นคลินิกหมอจีน หรือหมอชั้นสอง” เขาว่า
ในขณะที่ทันตแพทย์จัดฟันส่วนใหญ่นิยมทำงานในโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่หรือคลินิกทำฟันที่ตั้งอยู่ในเขตใจกลางเมืองมากกว่า ทพ. โจ จึงตัดสินใจที่จะจ้างทันตแพทย์ซึ่งไปอบรมจัดฟันมาเพิ่มเติม มาทำงานในคลินิกของเขา ด้วยการแบ่งรายได้ในสัดส่วนที่สูงกว่าการทำฟันอย่างอื่นให้แก่ทันตแพทย์ที่ทำงานจัดฟัน
แต่ก็เหมือนกับเจ้าของคลินิกทำฟันคนอื่นๆ ที่ไม่พอใจสัดส่วนรายได้นี้ เขาจึงตัดสินใจลดลงการพึ่งพาทันตแพทย์อื่น ด้วยการลงทะเบียนเรียนหลักสูตรการอบรมว่าด้วยการจัดฟันด้วยตัวเองแทน
“คนที่เข้าร่วมการอบรมครั้งนั้นจะได้เห็นหลักการปฏิบัติทั่วๆ ไปเกี่ยวกับการจัดฟัน ที่ทำให้ใครก็คิดว่าตัวเองก็เป็นทันตแพทย์จัดฟันได้ และเทรนด์เหล่านี้กำลังมา” ทพ. โจ กล่าว
การอบรมครั้งนั้นใช้ระยะเวลาเพียง 1 ปี โดยจัดขึ้นในคลินิกแห่งหนึ่งย่านงามวงศ์วาน จ.นนทบุรี และมีอาจารย์เกษียณจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพเป็นวิทยากร โดยผู้เข้าอบรมจะต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละประมาณ 500,000 บาท ที่รวมค่าอุปกรณ์กว่า 100,000 บาทเอาไว้แล้ว
“วิทยากรสอนได้ดี ทำให้ผู้เข้าอบรมรู้สึกว่ามันไม่ยากเกินเอื้อม” ทพ. โจที่เข้าร่วมอบรมสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ระบุ
แม้เขาจะสำเร็จการอบรมนั้นตั้งแต่ 4 ปีก่อน แต่ก็เพิ่งให้บริการจัดฟันเมื่อปีที่ผ่านมาที่คลินิกทำฟันแห่งใหม่ของเขาย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ
“ผมยังไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไร ผมกลัวจะทำอะไรผิดพลาด” หมอฟันวัย 56 ปีระบุ “แต่หลังจากทำเคสแรกสำเร็จ กลายเป็นว่ามันน่ากลัวน้อยกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย”
เส้นทางที่ทั้งยาวและคดเคี้ยว
รศ.ทพ.ดร. ไชยรัตน์ เฉลิมรัตนโรจน์ นายกสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้พระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรมของประเทศไทย จะไม่ได้ห้ามทันตแพทย์ทั่วไปจากให้การรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน แต่ภายใต้ระบบการศึกษาระดับปริญญาตรีปกติ สิ่งที่นักศึกษาวิชาชีพทันตกรรมจะได้รับเป็นเพียงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดฟัน โดยได้ลงมือปฏิบัติในการจัดฟันแบบง่าย ๆ ด้วยเครื่องมือแบบถอดได้ ในผู้ป่วย 1-2 รายเท่านั้น
การจะเป็นทันตแพทย์จัดฟันได้นั้น หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี 6 ปีแล้ว ทันตแพทย์ทั่วไปจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมเฉพาะทางต่อ ในหลักสูตรเต็มเวลาเป็นเวลาอย่างน้อยอีก 2 ปี
ปัจจุบัน มีมหาวิทยาลัยเพียง 7 แห่ง ที่ให้การฝึกอบรมวิชาทันตกรรมจัดฟัน โดยมักรับทันตแพทย์ทั่วไปเข้าศึกษาต่อเพียงปีละ 5-10 คนเท่านั้น นั่นแปลว่าจะมีทันตแพทย์จัดฟันที่สำเร็จการศึกษาเพียงปีละ 20-30 คน
ทพ. ไชยรัตน์ ซึ่งขณะเดียวกันยังดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงเหตุผลที่การฝึกอบรมเพื่อให้ได้เป็นทันตแพทย์จัดฟันมีจำนวนค่อนข้างจำกัด ว่าเป็นเพราะ “ต้องการให้ได้ทันตแพทย์จัดฟันที่มีคุณภาพสูง”
ทั้งนี้ การฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางนี้ จะอยู่ภายใต้การดูแลของราชวิทยาลัยทันตแพทย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ระยะเวลาฝึกอบรมกว่า 3 ปี นักศึกษาจำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรมด้วยการปฏิบัติงานจริงในคลินิกและต้องทำการจัดฟันให้กับคนไข้จริง ๆ มากกว่า 50 คน ก่อนที่จะได้รับวุฒิบัตรสาขาทันตกรรมจัดฟันจากทันตแพทยสภา
ภายหลังเรียนจบปริญญาตรีคณะทันตแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทพญ. สมจิตใช้เวลาอีก 2 ปีในการเตรียมตัวสอบเข้าเรียนแพทย์เฉพาะทางด้านการทันตกรรมจัดฟัน โดยใช้เวลาว่างระหว่างทำงานในคลินิกทำฟันของเอกชนอ่านหนังสือ ปีแรก เธอยื่นใบสมัครไปยัง 4 มหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้รับเลือก ปีที่สอง เธอยื่นใบสมัครไปถึง 6 มหาวิทยาลัย และได้รับเลือกให้เข้าเรียนในภาควิชาทันตกรรมจัดฟันของมหาวิทยาลัยขอนแก่น จากจำนวนผู้ที่ยื่นใบสมัครในปีนั้นถึง 80 คน
“เวลา 2 ปีถือว่าไม่มากเลย เป็นเวลาเฉลี่ยในการสอบเข้าเรียนต่อวิชาทันตกรรมเฉพาะทางนี้ เพราะบางคนต้องบินไปสอบทั่วประเทศ และใช้เวลา 4-5 ปีกว่าจะสอบเข้าสำเร็จ” ทันตแพทย์จัดฟันหญิงวัย 37 ปี ซึ่งจบการศึกษาเมื่อปี 2553 ระบุ
ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เธอต้องเข้าเรียนจากวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ระหว่างแปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น นอกจากนี้ ช่วงสุดสัปดาห์ เธอจะยังต้องไปทำงานที่คณะ เพื่อรักษาคนไข้กว่า 60 คน ภายใต้การดูแลของอาจารย์ แม้ถึงปัจจุบัน เธอก็ยอมรับว่ายังรู้สึกกังวลเสมอหากต้องมาเจอกรณีที่เห็นว่ายาก
“มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ ๆ ให้การศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้ และคนที่ได้รับการศึกษาในระบบ ก็คือคนที่ต้องการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีการซึ่งตรงไปตรงมา” ทพญ. สมจิต ระบุ
การศึกษาในโรงเรียนเอกชน
เมื่อศูนย์ทันตกรรมจัดฟันสยามของ อดีตหัวหน้าภาควิชาทันตกรรมจัดฟันของ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เปิดตัวขึ้นเมื่อกว่าทศวรรษก่อน มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับทอล์กออฟเดอะทาวน์ในแวดวงการทำฟัน
ปัจจุบัน ศูนย์ฯ นี้ย้ายไปตั้งอยู่บนถนนพระรามห้า ซึ่งเปิดให้บริการทั้งในฐานะคลินิกทำฟันและศูนย์ฝึกอบรม โดยแหล่งข่าวในวงการได้กล่าวกับทีมข่าว Spectrum ว่า มีเก้าอี้ทำฟันถึง 30 ตัวอยู่ในศูนย์ ให้บริการหลักสูตรอบรมเรื่องการจัดฟันโดยคิดค่าอบรมสูงสุดถึง 1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของผู้เข้าอบรมต่อหัวข้อการอบรมนั้น ๆ
ศ. (พิเศษ) พล.ท.ทพ. พิศาล เทพสิทธา ซึ่งได้มีภาพที่ปรากฎว่าเขาเป็นผู้มอบประกาศณียบัตรให้กับผู้จบการศึกษาจากศูนย์ฯ นี้ เมื่อปี 2547 ในขณะที่ยังเป็นนายกแพทยสภา และปัจจุบันยังเป็นผู้สอนอยู่ที่ศูนย์ฯ นี้ด้วย กล่าวว่า การกระทำต่าง ๆ ของตัวเขา ทำไปในฐานะส่วนตัว โดยที่ทันตแพทยสภาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในพิธีมอบเกียรติบัตรดังกล่าว เพราะศูนย์ฯ นี้ ไม่ใช่สถาบันการศึกษาซึ่งได้รับการรับรองจากทันตแพทยสภา หรือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
แต่ในขณะที่ศูนย์ฯ นี้ มีชื่อเสียงค่อนข้างดีในแวดวงการทำฟัน โรงเรียนทันตกรรมเอกชนอื่นๆ กลับไม่ได้รับการยอมรับในระดับที่ใกล้เคียงกันเลย
ทพ. ไชยรัตน์ จากสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลักสูตรการอบรมส่วนใหญ่มักใช้เวลาในการอบรมเพียง 1-2 วันเท่านั้น ในขณะที่บางหลักสูตรที่จัดอบรมในลักษณะพาร์ทไทม์ใช้เวลาในการอบรม 2 ปี อย่างไรก็ตาม ไม่ทุกหลักสูตรที่จะมีการฝึกอบรมด้วยการปฏิบัติงานจริงในคลินิก นอกจากนี้ จำนวนอาจารย์ผู้สอน จำนวนคนไข้ รวมถึงระยะเวลาในการดูแลคนไข้ ก็มีความไม่แน่นอน
หลักสูตรการอบรมที่ถูกนำเสนอโดยอาจารย์จากมหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งถูกส่งต่อผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ซึ่งทีมข่าว Spectrum ได้เห็น เสนอค่าเล่าเรียนสำหรับการอบรมอยู่ที่รายละ 300,000 บาท และหากมีภาคปฏิบัติด้วย จะคิดเพิ่มอีกรายละ 250,000 บาท โดยการอบรมครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นที่ จ.สระบุรี และแม้จะให้รายละเอียดว่าการอบรมดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 2 ปี แต่บทเรียนต่างๆ มักเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน นั่นแปลว่าตลอดทั้งหลักสูตรจะใช้เวลาในการเรียนเพียง 24 วันเท่านั้น
เรื่องเศร้าในช่องปาก : จัดฟันโดยทันตแพทย์ทั่วไป ที่ไม่ใช่หมอเฉพาะทางจัดฟัน
ยิ่งทันตแพทย์ทั่วไปเข้าร่วมอบรมในหลักสูตรระยะสั้นเพื่อเรียนลัดวิชาการจัดฟันมากขึ้นเท่าไร ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของคนไข้ที่เข้ารับการจัดฟันก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ทุกครั้งที่ ทพญ. สมจิต (นามสมมติ) มองเข้าไปในปากของคนไข้รายใหม่ๆ เธอมักกังวลกับสิ่งที่อาจจะได้เจอ เพราะตลอด 6 ปีหลังที่เธอหันมาให้การรักษาด้านการจัดฟัน เธอได้เห็นการจัดฟันที่ไม่ถูกต้องมากกว่า 100 ครั้ง
“เราดูจากงานแล้วคิดว่าไม่น่าจะใช่ทันตแพทย์จัดฟัน” เธอกล่าว
ปัจจุบัน ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันในประเทศไทยมีเพียง 600 คนเท่านั้น และมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เปิดการเรียนการสอนเฉพาะทางเกี่ยวกับการจัดฟันก็มีจำนวนไม่มากนัก ทันตแพทย์ทั่วไปจำนวนไม่น้อยจึงตัดสินใจที่จะเรียนรู้ในเรื่องนี้ผ่านการศึกษาของเอกชน
จำนวนทันตแพทย์ทั่วไปที่เข้ารับร่วมหลักสูตรการอบรมระยะสั้นเพื่อให้สามารถจัดฟันได้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีหลัง นำไปสู่ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของคนไข้จากทันตแพทย์จัดฟันที่ได้รับการศึกษาต่อในหลักสูตรจัดฟันที่ได้การรับรองอย่าง ทพญ. สมจิต ผู้ที่ขอให้ปกปิดชื่อและนามสกุลจริงเนื่องจากความอ่อนไหวของประเด็นนี้
ครั้งแรกที่เธอพบกับความผิดปกติเกี่ยวกับการจัดฟัน คือในปี 2550 เมื่อเริ่มคบกับชายหนุ่มที่จะกลายมาเป็นสามีของเธอในภายหลัง ขณะที่ ทพญ. สมจิต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นทันตแพทย์ทั่วไปกำลังขูดหินปูนให้กับแฟนหนุ่มของเธออยู่ ก็สังเกตพบอาการที่เรียกว่า malocclusion หรือ การสบฟันที่ผิดปกติ
เธอจึงตัดสินใจไปพร้อมเขาเมื่อเขานัดจัดฟันครั้งต่อไป ก่อนจะพบว่าทันตแพทย์คนนั้นไม่ใช่ทันตแพทย์จัดฟัน เธอจึงรีบพาเขาไปพบกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นโดยทันที
หลังจากเรียนจบเป็นทันตแพทย์จัดฟันอย่างถูกต้องแล้ว ทพญ. สมจิต จำได้ว่ามีคนไข้นับร้อยที่เปลี่ยนจากทันตแพทย์คนอื่น ๆ มาหาเธอ เนื่องการให้บริการจัดฟันที่ต่ำกว่ามาตรฐานจากทันตแพทย์ที่ไม่ได้เป็นทันตแพทย์จัดฟัน
“ปัจจุบันมีคนไข้หลายคนมาหาหมอ แล้วตกใจที่หมอท่านเดิมไม่ใช่ทันตแพทย์จัดฟันโดยตรง” เธอระบุ
คลินิกชั้นสอง
เมื่อ ทพ. โจ (นามสมมติ) ผู้ขอให้เอ่ยถึงได้เฉพาะชื่อเล่น เปิดคลินิกทำฟันของตัวเองบนถนนพระรามสอง เมื่อปี 2531 เขาตั้งใจว่าจะทำงานขูดหินปูน ถอนฟัน ไปจนถึงอุดฟัน โดยใช้ผู้ช่วยเพียงไม่กี่คน เนื่องจากที่ตั้งของคลินิกที่อยู่บริเวณชานเมืองของกรุงเทพฯ ทำให้ไม่น่าจะทำรายได้ได้มากนัก แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาตัดสินใจรับทันตแพทย์ที่ทำงานจัดฟันเข้ามาทำงานในคลินิกด้วย เมื่อ 5 ปีก่อน
“ถ้ายังเป็นแบบเดิม คงเอาตัวไม่รอด แต่ถึงวันนี้หลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว เพราะคลินิกทำฟันไหนที่ไม่รับจัดฟันด้วยมักถูกมองว่าเป็นคลินิกหมอจีน หรือหมอชั้นสอง” เขาว่า
ในขณะที่ทันตแพทย์จัดฟันส่วนใหญ่นิยมทำงานในโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่หรือคลินิกทำฟันที่ตั้งอยู่ในเขตใจกลางเมืองมากกว่า ทพ. โจ จึงตัดสินใจที่จะจ้างทันตแพทย์ซึ่งไปอบรมจัดฟันมาเพิ่มเติม มาทำงานในคลินิกของเขา ด้วยการแบ่งรายได้ในสัดส่วนที่สูงกว่าการทำฟันอย่างอื่นให้แก่ทันตแพทย์ที่ทำงานจัดฟัน
แต่ก็เหมือนกับเจ้าของคลินิกทำฟันคนอื่นๆ ที่ไม่พอใจสัดส่วนรายได้นี้ เขาจึงตัดสินใจลดลงการพึ่งพาทันตแพทย์อื่น ด้วยการลงทะเบียนเรียนหลักสูตรการอบรมว่าด้วยการจัดฟันด้วยตัวเองแทน
“คนที่เข้าร่วมการอบรมครั้งนั้นจะได้เห็นหลักการปฏิบัติทั่วๆ ไปเกี่ยวกับการจัดฟัน ที่ทำให้ใครก็คิดว่าตัวเองก็เป็นทันตแพทย์จัดฟันได้ และเทรนด์เหล่านี้กำลังมา” ทพ. โจ กล่าว
การอบรมครั้งนั้นใช้ระยะเวลาเพียง 1 ปี โดยจัดขึ้นในคลินิกแห่งหนึ่งย่านงามวงศ์วาน จ.นนทบุรี และมีอาจารย์เกษียณจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพเป็นวิทยากร โดยผู้เข้าอบรมจะต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละประมาณ 500,000 บาท ที่รวมค่าอุปกรณ์กว่า 100,000 บาทเอาไว้แล้ว
“วิทยากรสอนได้ดี ทำให้ผู้เข้าอบรมรู้สึกว่ามันไม่ยากเกินเอื้อม” ทพ. โจที่เข้าร่วมอบรมสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ระบุ
แม้เขาจะสำเร็จการอบรมนั้นตั้งแต่ 4 ปีก่อน แต่ก็เพิ่งให้บริการจัดฟันเมื่อปีที่ผ่านมาที่คลินิกทำฟันแห่งใหม่ของเขาย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ
“ผมยังไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไร ผมกลัวจะทำอะไรผิดพลาด” หมอฟันวัย 56 ปีระบุ “แต่หลังจากทำเคสแรกสำเร็จ กลายเป็นว่ามันน่ากลัวน้อยกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย”
เส้นทางที่ทั้งยาวและคดเคี้ยว
รศ.ทพ.ดร. ไชยรัตน์ เฉลิมรัตนโรจน์ นายกสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้พระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรมของประเทศไทย จะไม่ได้ห้ามทันตแพทย์ทั่วไปจากให้การรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน แต่ภายใต้ระบบการศึกษาระดับปริญญาตรีปกติ สิ่งที่นักศึกษาวิชาชีพทันตกรรมจะได้รับเป็นเพียงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดฟัน โดยได้ลงมือปฏิบัติในการจัดฟันแบบง่าย ๆ ด้วยเครื่องมือแบบถอดได้ ในผู้ป่วย 1-2 รายเท่านั้น
การจะเป็นทันตแพทย์จัดฟันได้นั้น หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี 6 ปีแล้ว ทันตแพทย์ทั่วไปจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมเฉพาะทางต่อ ในหลักสูตรเต็มเวลาเป็นเวลาอย่างน้อยอีก 2 ปี
ปัจจุบัน มีมหาวิทยาลัยเพียง 7 แห่ง ที่ให้การฝึกอบรมวิชาทันตกรรมจัดฟัน โดยมักรับทันตแพทย์ทั่วไปเข้าศึกษาต่อเพียงปีละ 5-10 คนเท่านั้น นั่นแปลว่าจะมีทันตแพทย์จัดฟันที่สำเร็จการศึกษาเพียงปีละ 20-30 คน
ทพ. ไชยรัตน์ ซึ่งขณะเดียวกันยังดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงเหตุผลที่การฝึกอบรมเพื่อให้ได้เป็นทันตแพทย์จัดฟันมีจำนวนค่อนข้างจำกัด ว่าเป็นเพราะ “ต้องการให้ได้ทันตแพทย์จัดฟันที่มีคุณภาพสูง”
ทั้งนี้ การฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางนี้ จะอยู่ภายใต้การดูแลของราชวิทยาลัยทันตแพทย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ระยะเวลาฝึกอบรมกว่า 3 ปี นักศึกษาจำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรมด้วยการปฏิบัติงานจริงในคลินิกและต้องทำการจัดฟันให้กับคนไข้จริง ๆ มากกว่า 50 คน ก่อนที่จะได้รับวุฒิบัตรสาขาทันตกรรมจัดฟันจากทันตแพทยสภา
ภายหลังเรียนจบปริญญาตรีคณะทันตแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทพญ. สมจิตใช้เวลาอีก 2 ปีในการเตรียมตัวสอบเข้าเรียนแพทย์เฉพาะทางด้านการทันตกรรมจัดฟัน โดยใช้เวลาว่างระหว่างทำงานในคลินิกทำฟันของเอกชนอ่านหนังสือ ปีแรก เธอยื่นใบสมัครไปยัง 4 มหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้รับเลือก ปีที่สอง เธอยื่นใบสมัครไปถึง 6 มหาวิทยาลัย และได้รับเลือกให้เข้าเรียนในภาควิชาทันตกรรมจัดฟันของมหาวิทยาลัยขอนแก่น จากจำนวนผู้ที่ยื่นใบสมัครในปีนั้นถึง 80 คน
“เวลา 2 ปีถือว่าไม่มากเลย เป็นเวลาเฉลี่ยในการสอบเข้าเรียนต่อวิชาทันตกรรมเฉพาะทางนี้ เพราะบางคนต้องบินไปสอบทั่วประเทศ และใช้เวลา 4-5 ปีกว่าจะสอบเข้าสำเร็จ” ทันตแพทย์จัดฟันหญิงวัย 37 ปี ซึ่งจบการศึกษาเมื่อปี 2553 ระบุ
ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เธอต้องเข้าเรียนจากวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ระหว่างแปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น นอกจากนี้ ช่วงสุดสัปดาห์ เธอจะยังต้องไปทำงานที่คณะ เพื่อรักษาคนไข้กว่า 60 คน ภายใต้การดูแลของอาจารย์ แม้ถึงปัจจุบัน เธอก็ยอมรับว่ายังรู้สึกกังวลเสมอหากต้องมาเจอกรณีที่เห็นว่ายาก
“มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ ๆ ให้การศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้ และคนที่ได้รับการศึกษาในระบบ ก็คือคนที่ต้องการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีการซึ่งตรงไปตรงมา” ทพญ. สมจิต ระบุ
การศึกษาในโรงเรียนเอกชน
เมื่อศูนย์ทันตกรรมจัดฟันสยามของ อดีตหัวหน้าภาควิชาทันตกรรมจัดฟันของ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เปิดตัวขึ้นเมื่อกว่าทศวรรษก่อน มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับทอล์กออฟเดอะทาวน์ในแวดวงการทำฟัน
ปัจจุบัน ศูนย์ฯ นี้ย้ายไปตั้งอยู่บนถนนพระรามห้า ซึ่งเปิดให้บริการทั้งในฐานะคลินิกทำฟันและศูนย์ฝึกอบรม โดยแหล่งข่าวในวงการได้กล่าวกับทีมข่าว Spectrum ว่า มีเก้าอี้ทำฟันถึง 30 ตัวอยู่ในศูนย์ ให้บริการหลักสูตรอบรมเรื่องการจัดฟันโดยคิดค่าอบรมสูงสุดถึง 1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของผู้เข้าอบรมต่อหัวข้อการอบรมนั้น ๆ
ศ. (พิเศษ) พล.ท.ทพ. พิศาล เทพสิทธา ซึ่งได้มีภาพที่ปรากฎว่าเขาเป็นผู้มอบประกาศณียบัตรให้กับผู้จบการศึกษาจากศูนย์ฯ นี้ เมื่อปี 2547 ในขณะที่ยังเป็นนายกแพทยสภา และปัจจุบันยังเป็นผู้สอนอยู่ที่ศูนย์ฯ นี้ด้วย กล่าวว่า การกระทำต่าง ๆ ของตัวเขา ทำไปในฐานะส่วนตัว โดยที่ทันตแพทยสภาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในพิธีมอบเกียรติบัตรดังกล่าว เพราะศูนย์ฯ นี้ ไม่ใช่สถาบันการศึกษาซึ่งได้รับการรับรองจากทันตแพทยสภา หรือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
แต่ในขณะที่ศูนย์ฯ นี้ มีชื่อเสียงค่อนข้างดีในแวดวงการทำฟัน โรงเรียนทันตกรรมเอกชนอื่นๆ กลับไม่ได้รับการยอมรับในระดับที่ใกล้เคียงกันเลย
ทพ. ไชยรัตน์ จากสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลักสูตรการอบรมส่วนใหญ่มักใช้เวลาในการอบรมเพียง 1-2 วันเท่านั้น ในขณะที่บางหลักสูตรที่จัดอบรมในลักษณะพาร์ทไทม์ใช้เวลาในการอบรม 2 ปี อย่างไรก็ตาม ไม่ทุกหลักสูตรที่จะมีการฝึกอบรมด้วยการปฏิบัติงานจริงในคลินิก นอกจากนี้ จำนวนอาจารย์ผู้สอน จำนวนคนไข้ รวมถึงระยะเวลาในการดูแลคนไข้ ก็มีความไม่แน่นอน
หลักสูตรการอบรมที่ถูกนำเสนอโดยอาจารย์จากมหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งถูกส่งต่อผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ซึ่งทีมข่าว Spectrum ได้เห็น เสนอค่าเล่าเรียนสำหรับการอบรมอยู่ที่รายละ 300,000 บาท และหากมีภาคปฏิบัติด้วย จะคิดเพิ่มอีกรายละ 250,000 บาท โดยการอบรมครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นที่ จ.สระบุรี และแม้จะให้รายละเอียดว่าการอบรมดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 2 ปี แต่บทเรียนต่างๆ มักเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน นั่นแปลว่าตลอดทั้งหลักสูตรจะใช้เวลาในการเรียนเพียง 24 วันเท่านั้น