แชร์ประสบการณ์ดูแลลูกแพ้อาหารบนเครื่องบิน อุทาหรณ์ของพ่อแม่ต้องมีสติเสมอ

ขอแชร์ประสบการณ์ในการดูแลลูกแพ้อาหาร อุทาหรณ์ของพ่อแม่ต้องมีสติเสมอ ลูกชายคนโตเป็นภูมิแพ้อาหารประเภทแป้งสาลีและไข่ขาว ซึ่งเราได้สังเกตพบอาการและตรวจหาสารภูมิแพ้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบแล้ว ที่ผ่านมาเราดูแลน้องเป็นอย่างดีและคอยหลีกเลี่ยงอาหารที่น้องแพ้เสมอ ซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากเพราะเป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิตได้ ที่ผ่านมาทางครอบครัวเราและคนใกล้ชิดทราบดีว่าน้องแพ้อาหารอะไรบ้าง ก็หลีกเลี่ยงที่จะให้ลูกทานอาหารหรือสิ่งต่างต่างๆที่มีส่วนผสมเป็นส่วนประกอบ เช่น น้องแพ้ไข่ขาว ก็หมายความว่า นอกจากไข่ดาว ไข่เจียวแล้ว ขนมเค้ก ขนมปัง เส้นบะหมี่ที่มีส่วนผสมของไข่ก็ไม่สามารถทานได้เช่นกัน รวมไปถึงบางเรื่องที่เราเองก็นึกไม่ถึงเกี่ยวกับอาหารที่มีส่วนผสมของแป้งสาลี ที่ต้องสังเกตส่วนผสมของแป้งสาลีด้วยเช่นกัน ได้แก่ ขนมต่างๆ แม้แต่น้ำก๊วยเตี๋ยวที่ใช้ซอสปรุงรสที่มีส่วนของแป้งสาลีก็ตาม

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย.59 ที่ครอบครัวเราวางแผนเดินทางไปเที่ยวที่ฮ่องกงกันทั้ง 4 คน พ่อ แม่ ลูกชายคนโต 4 ขวบ ลูกชายคนเล็ก 2 ขวบ และพี่เลี้ยงเด็ก 2 คน เราเตรียมตัวอย่างดี มีการเตรียมยาประจำตัวน้องกรณีแพ้ฉุกเฉินไว้พกติดตัวเสมอ เหตุการณ์ผ่านไปราบรื่นดีจนกระทั่งถึงเที่ยวบินกลับเมืองไทย ที่ครอบครัวเราเดินทางกลับด้วยสายการบินสีม่วงที่เราไว้วางใจในมาตรฐานการบริการ ซึ่งเราได้เตรียมพร้อมทุกอย่างเกี่ยวกับการเดินทาง โดยได้ทำการจองสั่งอาหารพิเศษของน้องไว้แล้วทั้งขาไป-ขากลับ ซึ่งในเที่ยวบินนั้นอาหารพิเศษจะถูกนำมาเสริฟ์ให้ก่อน เมื่อน้องรับประทานอาหารเข้าไป หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง น้องเริ่มบ่นปวดท้อง และอาเจียน คุณพ่อเลยให้น้องทานยาน้ำ แต่ทานยาแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น เลยให้ทานยาเม็ด น้องหลับไป 10 นาที ตื่นขึ้นมาและอาเจียนต่อ คุณพ่อเลยตัดสินใจว่าต้องเปลี่ยนเป็นยาฉีด ซึ่งตอนนั้นต้องหาผู้โดยสารที่เป็นพยาบาลหรือแพทย์มาฉีดให้แต่เนื่องจากเที่ยวบินนั้นไม่มี และน้องอาการเหมือนเริ่มจะหายใจไม่ออก คุณพ่อเลยตัดสินใจฉีดยาให้เอง แล้วจากนั้นอาการน้องก็ค่อยๆดีขึ้น  อย่างไรก็ดีเมื่อลงเครื่องเราก็ตัดสินใจจะต้องส่งน้องไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด  

จนกระทั่งตอนเครื่องลงจอดที่สนามบิน เจ้าหน้าที่บนเครื่องแจ้งบอกพวกเราให้ลงก่อนแล้วจะมีรถมารับและอำนวยความสะดวกให้เรื่องการตรวจคนเข้าเมืองเนื่องจากเป็นเที่ยวบินจากต่างประเทศที่ค่อนข้างใช้เวลา แต่พอเราลงจากเครื่องก็ได้ถามกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินที่ก็ยังแจ้งให้เราขึ้นรถบัสรวมไปกับผู้โดยสารปกติ ซึ่งเราก็ได้แจ้งบอกว่าน้องมีอาการป่วยฉุกเฉินต้องรีบพาไปหาหมอ แต่เจ้าหน้าที่คนเดิมก็ยืนยันว่าเราต้องขึ้นรถบัสไป และไม่ได้มีรถมารับเราเป็นพิเศษเหมือนที่เจ้าหน้าที่บนเครื่องได้แจ้งไว้ ซึ่งใช้เวลานานพอสมควรกว่าเราจะได้ขึ้นรถบัสและต้องรอรถบัสออก กว่าจะผ่านการตรวจคนเข้าเมืองก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว ถ้าหากว่ายาฉีดให้น้องไม่ได้ผลจะทำอย่างไร ซึ่งเรามองว่าการประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่บนเครื่อกับเจ้าหน้าที่บนภาคพื้นดินบกพร่องอย่างมาก น่าจะต้องมีการอำนวยความสะดวกในเหตุการณ์ฉุกเฉินให้ผู้โดยสารมากขึ้นกว่านี้ เพราะเวลาทุกนาทีมีค่าจริงๆสำหรับชีวิตของใครก็ตามที่ต้องมาประสบเหตุแบบเรา

เมื่อออกจากสนามบินได้เราก็รีบส่งน้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.บำรุงราษฎร์ในทันที ซึ่งผลการวินิจฉัยของแพทย์ตามที่แจ้งระบุในใบรับรองแพทย์แจ้งสาเหตุว่า น้องมีอาการแพ้อย่างรุนแรงจากสารอาหารที่ได้รับประทานเข้าไป ซึ่งเราคาดว่าน่าจะมาจากอาหารบนเครื่องแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้น้องรับประทานแต่โจ๊กจากที่โรงแรมและจนเดินทางมาที่สนามบินก็ไม่ได้รับประทานอย่างอื่นเพิ่มนอกจากน้ำและขนมที่เตรียมมาทานอยู่ประจำ

เพื่อเป็นข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หากเกิดอาการแพ้แบบเฉียบพลัน ในรายที่เกิดอาการรุนแรงอาจจะถึงขั้นช็อกหมดสติและมีอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งกรณีของน้อง หากยาฉีดขยายหลอดลมไม่ได้ผล หลอดลมจะหดตัวและทำให้หายใจไม่ได้ ซึ่งต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบิน ถือว่าเป็นอันตรายและเสี่ยงกับความเป็นความตายที่สุด ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีการเตรียมพร้อมที่ดีพอ ต้องมีสติในการตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แม้แต่สิ่งที่เราคิดว่ามั่นใจว่าได้จัดเตรียมไว้แล้ว ในที่สุดแล้วก็อาจจะยังมีข้อผิดพลาดได้เสมอ

หลังจากเกิดเรื่องไป ทางเราได้แจ้งเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นไปที่กองบริการลูกค้าสัมพันธ์สำนักงานใหญ่ของสายการบินที่ได้เดินทาง พยายามสอบถามเกี่ยวกับการจัดเตรียมอาหารพิเศษของน้องที่ได้ร้องขอไว้ และได้คอยโทรติดตามความคืบหน้ามาตลอด ซึ่งสายการบินเพียงแค่รับเรื่องไว้และแจ้งว่ากำลังดำเนินการสอบสวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจะแจ้งผลการตรวจสอบดังกล่าวมาให้ทราบ ซึ่งที่สุดแล้วทางสายการบินก็ตอบมาเพียงแต่ว่าเป็นอาหารที่ได้ถูกจัดเตรียมมาจากสถานีต่างประเทศคือที่ฮ่องกง และส่งจดหมายตอบรับแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับอาหาร(รายการอาหารพิเศษที่ได้ทานมื้อนั้น) ที่เราทราบแล้วมาเพียงเท่านี้ ซึ่งไม่ได้แสดงถึงการแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือข้อมูลการสอบสวน/ ตรวจสอบเกี่ยวกับส่วนเตรียมอาหารที่อาจปนเปื้อน หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการเตรียมอาหาร เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการบริการที่สายการบินมาให้กับลูกค้า

จากประสบการณ์ที่ครอบครัวเราได้เจอมากับตัวเองสอนให้เรียนรู้ว่า อันตรายเกิดขึ้นได้เสมอจริงๆ แม้กับสิ่งที่เรามั่นใจหรือได้เตรียมตัวมาอย่างดีก็ตาม หากตกอยู่ในความประมาทหรือขาดสติในการจัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ช้าไปเพียงนาทีก็ส่งผลต่อความปลอดภัยของลูกเราได้ ทำให้เราอยากแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นให้พ่อแม่ทุกคนได้ทราบข้อมูลและเตรียมพร้อมรับมือ อย่างน้อยต้องมีสติไว้คิดแก้ปัญหา เพราะสุดท้ายคนเป็นพ่อเป็นแม่เท่านั้นที่จะช่วยเหลือลูกของเราได้ดีที่สุด

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราอยากจะแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เรื่องที่เราไม่คาดว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องมีสติอยู่เสมอ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่จำเป็น หรืออุปกรณ์ที่จะใช้ในการดูแลลูก ต้องเตรียมให้พร้อม เพราะที่สุดแล้วความปลอดภัยและชีวิตของลูกเราสำคัญที่สุด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่