ต้องขอเกริ่นก่อนว่าการเที่ยวครั้งนี้แทบไม่มีการวางแผนใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งเรื่องโปรแกรมสถานที่ท่องเที่ยว
และที่พัก อาศัยหาเอาตามระหว่างทางซึ่งต้องใช้เวลาเกือบ 2 ชม.กว่าจะสำเร็จลุล่วง เลยอยากแนะนำเลยว่า
คนที่จะไปเที่ยวในช่วงเทศกาลควรหาจองที่พักล่วงหน้าเอาไว้เลย ไม่งั้นอาจจะเสียเวลาเป็นเหมือนกับตัวผม

เริ่มเลยนะคับ ผมเริ่มออกเดินทางโดยจุด start อยู่ที่ ชลบุรี บางแสน ใช้ Google Map ในการอำนวยความสะดวก
ในการเดินทางครั้งนี้ และเริ่มออกเดินทางเวลา 23.00 น. ของวันที่ 30 ธ.ค. 59 และถึงจุดหมายแรกคือ สะพานมอญ
อ.สังขละบุรี ประมาณ 6.00น. เช้า ของวันที่ 31 ธ.ค. 59 แต่ก่อนจะข้ามไปยังสะพานมอญ ก็ได้แวะตรงจุดชมวิว
เพื่อเก็บภาพ ซึ่งได้ยินมาว่ามีทะเลหมอกตอนเช้า ซึ่งก็มีจริงๆคับและสวยมาก บรรยากาศดี ติดตรงที่คนเยอะ
คงเป็นเพราะช่วงเทศกาล ส่วนอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 24 องศา ไม่หนาวจนเกินไป แต่หมอกค่อนข้างหนา
คือลงจากรถตัวแทบเปียกคับ

หลังจากนั้นก็ได้ขับรถขึ้นไปยังสะพานมอญเพื่อไปใส่บาตรพระยามเช้าตรงนี้ถือเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี้
ถ้าใครมาแล้วไม่ได้ใส่บาตรถือว่ามาไม่ถึงนะครับผม หลังจากนั้นก็เป็นเวลาของอาหารเช้า ตรงช่วงตีนสะพานจะมีตลาด
ส่วนมากจะขายพวกกาแฟ,โจ๊ก,ปาท่องโก๋ฯ และของฝากอื่นๆ ส่วนบนสะพานระหว่างทางก็จะมีเด็กตัวน้อยๆ
น่ารักปะแป้งทะนาคา 2 ข้างแก้ม ให้เราได้เก็บรูป

เสร็จจากการเที่ยวสะพานมอญก็ประมาณ 9 โมงเช้า หลังจากนั้นก็ต้องออกไปหาที่พัก (อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าผมไม่ได้
ทำการจองที่พักล่วงหน้า เลยต้อง Walk in เข้าไปถาม ซึ่งกว่าจะได้ที่ถูกใจก็ใช้เวลาเป็น ช.ม. แถมยังได้ที่พักค่อนข้าง
ไกลจากตัวสังขละนิดนึง โชคดีที่เดินทางไม่ลำบาก) ได้ที่พักเรียบร้อยก็ขอพักผ่อนเอาแรงนิดนึง เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
ไปยังที่เที่ยวจุดที่ 2 ของทริป คือ ด่านเจดีย์ 3 องค์ ซึ่งเป็นชายแดนข้ามไปยังฝั่งพม่า แต่น่าเสียดายคับด้วยของสะเพร่าของผม
ทำให้ลืมหยิบบัตรประชาชนออกมาจากที่พัก เลยได้แต่เที่ยวชมตรงฝั่งไทย ซึ่งก่อนทางเข้าไปยังประเทศพม่าก็จะเป็นตลาดเล็กๆ
ขายพวกของฝาก เช่น บุหรี่, เหล้า ,ร้านกาแฟ และพวกเครื่องเงินให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายใช้สอยกันพอสมควรคับ

จากนั้นก็ขับรถกลับไปยังสังขละบุรี โดยทางกลับได้ผ่านจุดเล่นน้ำซองกาเรีย เลยแวะชมบรรยากาศ ภาพที่เห็นคือเหล่าเด็กน้อย
โหนเถาวัลย์กระโดดลงน้ำกันอย่างสนุกสนาน และยังมีห่วงยางให้เช่า ด้วยความที่น้ำค่อนข้างไหลเชี่ยวจึงสามารถนั่งบนห่วงยาง
และล่องไปตามกระแสน้ำได้
หลังจากนั้นจึงขับรถกลับมายังสังขละบุรี เพื่อมายังถนนคนเดิน แต่ด้วยความที่เดินทางมาถึงเร็วไปนิด เลยขอแวะวัดวังก์วิเวการาม
เพื่อชมเจดีย์พุทธคยาในช่วงตอนเย็นๆ และแล้วหลังจากนั้นก็เดินทางมายังถนนคนเดินก็เวลาดินเนอร์พอดี เมนูเด็ดของทีนี่คือ หมูจุ่มพม่า
ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานาน วันนี้ผมจะได้ลองด้วยตัวเองแล้วครับ สำหรับผม ผมมองว่ามันดูแปลก แต่ก็น่ากินดี
ก็จะมีเป็นเนื้อหมู ,ไส้ ,ตับ ทำเป็นชิ้นๆ เสียบไม้ และนำไปต้มอยู่ในเจ้าน้ำสีแดงๆ มีน้ำจิ้ม 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นซอสสีแดงๆ
รสชาติหนักไปทางเครื่องเทศ และอีกชนิดน่าจะเป็นน้ำจิ้มซีฟู๊ด อิ่มท้องแล้วก็เดินเที่ยวกันต่อ ซึ่งแถวนั้นก็จะขายของทั่วๆ ไป
แถมยังมีการแสดงพื้นบ้านให้ได้ชมกันเพลินๆอีกด้วย

หลังจากที่เดินจากถนนคนเดินเสร็จ ก็ได้ขับรถไปยังร้านกาแฟที่เขาเล่าลือกัน Kaf café ซึ่งบรรยากาศร้านก็น่ารักๆ ชิลๆ
ตกแต่งเรียบๆ เป็นกันเอง รสชาติเครื่องดื่มก็ถือว่าโอเค และยังมีสเต็กขายด้วย จากนั้นก็กลับมายังที่พัก

ตื่นนอนตีสาม ออกจากที่พักตี 4 เริ่มเดินทางตรงไปที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งระหว่างเดินทางขึ้นเขานั้น
เส้นทางค่อนข้างชำรุด อยากให้ทุกคนที่คิดจะเดินทางมาพักผ่อน ตรวจเช็คคุณภาพรถให้ดีด้วย เพราะฉะนั้นจะเกิดเหตุการณ์
แบบที่ผมเจอ คือ มีรถนักท่องเที่ยวยางแตกติดอยู่บนเขา และแล้วเราก็มาถึงตัวอุทยานฯ เวลาประมาณ 6 โมงเช้า
ซึ่งวันนี้อุณภูมิต่ำมาก อากาศค่อนข้างที่จะหนาวพอควร อยู่เดินชมอุทยานได้สักพักนึง แล้วได้เดินทางขึ้นเขาไปสถานีต่อไป
คือ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น (Highlight ของงาน) สถานที่สวยมาก เป็นแอ่งน้ำตก เล็กๆ น้ำที่ตกลงมาจากที่สูงกระทบกระแอ่ง
จึงเกิดเป็นละอองน้ำกระเซน บวกกับอากาศหนาว บอกเลยจุดๆ นี้ ฟินครัช และสวยๆ มาก ใครที่ขึ้นไปห้ามพลาดจุดนี้เลย
หลังจากนั้นสถานที่สุดท้ายที่ไป คือ เหมืองปิล็อก ซึ่งต้องขึ้นไปบนเขาอีกประมาณ 15 กม. แว๊บแรกที่เข้าไปตัวตัวเหมือง
รู้สึกว่าทำไมบนเขาที่สูงมีบ้านสไตล์นี้ตั้งอยู่ แล้วเกิดความสงสัยบางอย่างขึ้นว่า เค้าขนอุปกรณ์สร้างบ้านขึ้นมายังไงกับบนที่สูงๆ แบบนี้ บรรยากาศข้างบนก็หนาวพอควร และมีร้านนม ร้านสเต็ก และอาหารอื่นๆ มากมาย เป็นอีกที่ๆ ห้ามพลาดเหมือนกัน

สุดท้ายนี้ถ้าข้อมูลที่ผมเขียนลงผิดยังไงก็ขออภัย และขอให้สนุกกับการไปเที่ยวนะคับ ; P
[CR] 2 วัน 1 คืน กับช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 เที่ยวกาญจนบุรี
และที่พัก อาศัยหาเอาตามระหว่างทางซึ่งต้องใช้เวลาเกือบ 2 ชม.กว่าจะสำเร็จลุล่วง เลยอยากแนะนำเลยว่า
คนที่จะไปเที่ยวในช่วงเทศกาลควรหาจองที่พักล่วงหน้าเอาไว้เลย ไม่งั้นอาจจะเสียเวลาเป็นเหมือนกับตัวผม
เริ่มเลยนะคับ ผมเริ่มออกเดินทางโดยจุด start อยู่ที่ ชลบุรี บางแสน ใช้ Google Map ในการอำนวยความสะดวก
ในการเดินทางครั้งนี้ และเริ่มออกเดินทางเวลา 23.00 น. ของวันที่ 30 ธ.ค. 59 และถึงจุดหมายแรกคือ สะพานมอญ
อ.สังขละบุรี ประมาณ 6.00น. เช้า ของวันที่ 31 ธ.ค. 59 แต่ก่อนจะข้ามไปยังสะพานมอญ ก็ได้แวะตรงจุดชมวิว
เพื่อเก็บภาพ ซึ่งได้ยินมาว่ามีทะเลหมอกตอนเช้า ซึ่งก็มีจริงๆคับและสวยมาก บรรยากาศดี ติดตรงที่คนเยอะ
คงเป็นเพราะช่วงเทศกาล ส่วนอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 24 องศา ไม่หนาวจนเกินไป แต่หมอกค่อนข้างหนา
คือลงจากรถตัวแทบเปียกคับ
หลังจากนั้นก็ได้ขับรถขึ้นไปยังสะพานมอญเพื่อไปใส่บาตรพระยามเช้าตรงนี้ถือเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี้
ถ้าใครมาแล้วไม่ได้ใส่บาตรถือว่ามาไม่ถึงนะครับผม หลังจากนั้นก็เป็นเวลาของอาหารเช้า ตรงช่วงตีนสะพานจะมีตลาด
ส่วนมากจะขายพวกกาแฟ,โจ๊ก,ปาท่องโก๋ฯ และของฝากอื่นๆ ส่วนบนสะพานระหว่างทางก็จะมีเด็กตัวน้อยๆ
น่ารักปะแป้งทะนาคา 2 ข้างแก้ม ให้เราได้เก็บรูป
เสร็จจากการเที่ยวสะพานมอญก็ประมาณ 9 โมงเช้า หลังจากนั้นก็ต้องออกไปหาที่พัก (อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าผมไม่ได้
ทำการจองที่พักล่วงหน้า เลยต้อง Walk in เข้าไปถาม ซึ่งกว่าจะได้ที่ถูกใจก็ใช้เวลาเป็น ช.ม. แถมยังได้ที่พักค่อนข้าง
ไกลจากตัวสังขละนิดนึง โชคดีที่เดินทางไม่ลำบาก) ได้ที่พักเรียบร้อยก็ขอพักผ่อนเอาแรงนิดนึง เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
ไปยังที่เที่ยวจุดที่ 2 ของทริป คือ ด่านเจดีย์ 3 องค์ ซึ่งเป็นชายแดนข้ามไปยังฝั่งพม่า แต่น่าเสียดายคับด้วยของสะเพร่าของผม
ทำให้ลืมหยิบบัตรประชาชนออกมาจากที่พัก เลยได้แต่เที่ยวชมตรงฝั่งไทย ซึ่งก่อนทางเข้าไปยังประเทศพม่าก็จะเป็นตลาดเล็กๆ
ขายพวกของฝาก เช่น บุหรี่, เหล้า ,ร้านกาแฟ และพวกเครื่องเงินให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายใช้สอยกันพอสมควรคับ
จากนั้นก็ขับรถกลับไปยังสังขละบุรี โดยทางกลับได้ผ่านจุดเล่นน้ำซองกาเรีย เลยแวะชมบรรยากาศ ภาพที่เห็นคือเหล่าเด็กน้อย
โหนเถาวัลย์กระโดดลงน้ำกันอย่างสนุกสนาน และยังมีห่วงยางให้เช่า ด้วยความที่น้ำค่อนข้างไหลเชี่ยวจึงสามารถนั่งบนห่วงยาง
และล่องไปตามกระแสน้ำได้
หลังจากนั้นจึงขับรถกลับมายังสังขละบุรี เพื่อมายังถนนคนเดิน แต่ด้วยความที่เดินทางมาถึงเร็วไปนิด เลยขอแวะวัดวังก์วิเวการาม
เพื่อชมเจดีย์พุทธคยาในช่วงตอนเย็นๆ และแล้วหลังจากนั้นก็เดินทางมายังถนนคนเดินก็เวลาดินเนอร์พอดี เมนูเด็ดของทีนี่คือ หมูจุ่มพม่า
ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานาน วันนี้ผมจะได้ลองด้วยตัวเองแล้วครับ สำหรับผม ผมมองว่ามันดูแปลก แต่ก็น่ากินดี
ก็จะมีเป็นเนื้อหมู ,ไส้ ,ตับ ทำเป็นชิ้นๆ เสียบไม้ และนำไปต้มอยู่ในเจ้าน้ำสีแดงๆ มีน้ำจิ้ม 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นซอสสีแดงๆ
รสชาติหนักไปทางเครื่องเทศ และอีกชนิดน่าจะเป็นน้ำจิ้มซีฟู๊ด อิ่มท้องแล้วก็เดินเที่ยวกันต่อ ซึ่งแถวนั้นก็จะขายของทั่วๆ ไป
แถมยังมีการแสดงพื้นบ้านให้ได้ชมกันเพลินๆอีกด้วย
หลังจากที่เดินจากถนนคนเดินเสร็จ ก็ได้ขับรถไปยังร้านกาแฟที่เขาเล่าลือกัน Kaf café ซึ่งบรรยากาศร้านก็น่ารักๆ ชิลๆ
ตกแต่งเรียบๆ เป็นกันเอง รสชาติเครื่องดื่มก็ถือว่าโอเค และยังมีสเต็กขายด้วย จากนั้นก็กลับมายังที่พัก
ตื่นนอนตีสาม ออกจากที่พักตี 4 เริ่มเดินทางตรงไปที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งระหว่างเดินทางขึ้นเขานั้น
เส้นทางค่อนข้างชำรุด อยากให้ทุกคนที่คิดจะเดินทางมาพักผ่อน ตรวจเช็คคุณภาพรถให้ดีด้วย เพราะฉะนั้นจะเกิดเหตุการณ์
แบบที่ผมเจอ คือ มีรถนักท่องเที่ยวยางแตกติดอยู่บนเขา และแล้วเราก็มาถึงตัวอุทยานฯ เวลาประมาณ 6 โมงเช้า
ซึ่งวันนี้อุณภูมิต่ำมาก อากาศค่อนข้างที่จะหนาวพอควร อยู่เดินชมอุทยานได้สักพักนึง แล้วได้เดินทางขึ้นเขาไปสถานีต่อไป
คือ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น (Highlight ของงาน) สถานที่สวยมาก เป็นแอ่งน้ำตก เล็กๆ น้ำที่ตกลงมาจากที่สูงกระทบกระแอ่ง
จึงเกิดเป็นละอองน้ำกระเซน บวกกับอากาศหนาว บอกเลยจุดๆ นี้ ฟินครัช และสวยๆ มาก ใครที่ขึ้นไปห้ามพลาดจุดนี้เลย
หลังจากนั้นสถานที่สุดท้ายที่ไป คือ เหมืองปิล็อก ซึ่งต้องขึ้นไปบนเขาอีกประมาณ 15 กม. แว๊บแรกที่เข้าไปตัวตัวเหมือง
รู้สึกว่าทำไมบนเขาที่สูงมีบ้านสไตล์นี้ตั้งอยู่ แล้วเกิดความสงสัยบางอย่างขึ้นว่า เค้าขนอุปกรณ์สร้างบ้านขึ้นมายังไงกับบนที่สูงๆ แบบนี้ บรรยากาศข้างบนก็หนาวพอควร และมีร้านนม ร้านสเต็ก และอาหารอื่นๆ มากมาย เป็นอีกที่ๆ ห้ามพลาดเหมือนกัน
สุดท้ายนี้ถ้าข้อมูลที่ผมเขียนลงผิดยังไงก็ขออภัย และขอให้สนุกกับการไปเที่ยวนะคับ ; P