สวัสดีจ่ะ ห้องราชดำเนิน สบายดีมั๊ย?
เราไม่ได้คุยกันมานานมากๆๆเลยนะ
วันนี้ผ่านมาโดยบังเอิญ เลยเข้ามาทักทายกันหน่อย...
เรารู้จักกันมานาน ในช่วงนั้น(น่าจะสิบปีขึ้น) เธอคือสิ่งที่เราต้องตะเกียกตะกายพบหน้าให้ได้ทุกครั้งเมื่อตื่นนอน และบ่อยครั้งที่หลับตาไปพร้อมกับหน้าจอที่ยังเปิดสว่างอยู่..
ช่าย.. ตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์ฉลาด หากเราไม่อยู่บ้าน การพบกันของเราจึงต้องมีพิธีกรรมไม่น้อย เช่น ย่องเข้าตามร้านเนตสาธารณะ บ้านเพื่อน สำนักงาน(ในเวลางาน)
ไม่รู้สินะ ตอนนั้น เมื่อพบเธอทุกครั้ง เรารู้สึกปราดเปรื่องขึ้น ด้วยว่า แต่กระทู้ แต่ละเนื้อหา ล้วนคมคาย ข้อมูลแน่น ความเห็นที่กว้างและลึก อ่านแล้วแทบพยากรณ์ทิศทางของบ้านของเมืองได้ในบัดดล...
ใช่.... เนื้อหาจากห้องนี้แหล่ะ เนื้อหาจากคนวงใน ข่าวสารที่ลึกลับ และหลายๆครั้ง การตีแผ่ความจริงทางการเมือง ก็มาจากห้องราชดำเนินแห่งนี้
ล็อคอินอันเลื่องชื่อแต่ละท่าน พูด(เขียน) แล้วต้องฟัง(อ่าน)!!!! ตามมาติดๆด้วยความเห็นอันร้อนแรง มุมเห็นแย้ง เห็นพ้อง มุมต่าง ล้วนแล้วแต่สร้างประโยชน์มหาศาลให้เรา(คนเดียวรึเปล่าไม่รู้) รู้สึกว่า ยิ่งอ่าน ยิ่งโง่... ที่เพิ่งรู้ว่าที่คิดว่าตัวเองฉลาดล้ำนั้น.. แท้จริงแล้วเราทั้งโง่ ทั้งเขลา...
ขอบคุณจริงๆ เธอทำหน้าที่ได้ดีเชียวจ่ะ... ^^
และเมื่อมาถึงยุคร้อนแรง การแสดงความคิดเห็นแบ่งเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน ตรงกลางไม่ต้องหา มีเพียง เขา และ เรา
จากที่เคยเต็มไปเหตุผลและข้อมูล กลับเปลี่ยนเป็นการส่อเสียด ใส่ร้าย เยาะหยัน ยั่วยุ จนนำไปสู่การเบาะแว้ง จนท้ายที่สุด เธอต้องปิดตัวลงชั่วคราว ก่อนความร้อนที่จะเอาชนะกันนั้น จะทำให้เธอต้องเปลีองตัวไปกว่านี้...
เมื่อพายุซาลง... เราก็กลับมาพบกันใหม่ ที่เดิม คนเดิม แต่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว
กำแพงใหญ่ถูกตั้งตระหง่านระหว่างคนสองกลุ่มในห้องนี้ พวกเขาระดมขว้างหินใส่กันไปมา แต่ที่ร้ายกว่า คือ ขว้างใส่พวกเดียวกันเอง เท่าที่เราเห็น คือทุกคนเจ็บตัวกันถ้วนหน้า และไม่ได้อะไรกลับมา ...
นั่นแหล่ะ คือการจากกันของเราครั้งแรก.. ^^
แต่คนเคยรักกันไงเธอ.. เราจึงวนเวียนกลับมาเยี่ยมเยียนเธอไม่ได้ขาด เพราะยังรู้สึกเสมอๆว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่กว่าเราจะรู้ตัวว่า การพบกันทุกครั้งของเรา เริ่มมีระยะเวลาห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ..
และหากเราจากกันโดยเด็ดขาดในวันนี้ เราก็คงรู้สึกเสียใจน้อยลง หรืออาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็เป็นได้ จริงๆนะ...
ไม่มีใครผิดทั้งนั้น เวลามันทำหน้าที่ของมัน วันนี้ กับเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง เคลื่อนที่ และรวดเร็ว
ข้อมูลข่าวสารที่เราได้รับจากเธอ หลั่งไหลมาสู่มือเราจากทุกๆที่ มิตรภาพและการสนทนาที่ทำให้เราหัวเราะหรืออึ้งงัน ทำได้เร็วเพียงเสี้ยววินาที การกด F5 ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อดูการตอบสนองของเพื่อนๆในห้องนี้ ดูเป็นสิ่งเกินจำเป็นไปแล้ว
เธอสร้างคนมีชื่อเสียงมากมาย หลายคนติดระดับประเทศ แต่ปฏิเสธไม่ได้ ว่าพวกเค้ามีชื่อเสียง ก็เพราะความเป็นตัวตนของเค้า เธอเป็นเพียงทางผ่านให้พวกเค้าได้เริ่มศึกษาการสนทนาผ่านจอพลาสติกเท่านั้นเอง
การใช้ภาษา ความสุภาพ การระวังเรื่องกระทบกระทั่ง ยังเหลืออยู่ก็เพียงที่นี่เท่านั้น ข้างนอกนั่น การใช้คำหยาบกลับดูเท่ห์ การแสดงความเห็นอย่างบ้าเลือดและท้าทายอำนาจ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลข่าวสารถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว จริงมั่ง มั่วมั่ง ความลับเหลือน้อยลงทุกที และการต่อสู้ถูกยกระดับสู่รูปธรรมได้ง่ายขึ้น
แต่เธอก็ยังอยู่ที่เดิม... ในห้องเงียบๆสีฟ้าแห่งนี้ ที่มีป้ายแนะนำเนื้อหาในห้องที่อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง... นั่นใครหนอ? เค้าคุยอะไรกัน? นี่เราพลาดอะไรไป?
วันนี้.. เรากลับมาทักทายเธอ.. คุณป้าที่ใส่แว่นหนา รวบผมเรียบร้อย ชุดกระโปรงสะอาดตา และเดาะไม้เรียวอันเล็กๆในมือ เรายังรักเธอนะ แต่สาวๆข้างนอกนั่น.. ดูชวนเชิญเรามากกว่า คนนั้นก็ทำนมมา คนนี้ก็แก้ผ้าไลฟ์ ตัดผม ขายกล้วยทอด แค่แตะเลื่อนโทรศัพท์ฉลาดของเราไปมา เวลาที่จะคิดถึงเธอก็หมดซะแล้วสิ...
แต่วันนี้ที่เราพบกันได้.. เพราะโทรศัพท์ฉลาดของเรา แสดงเรื่องของเธอขึ้นมา มันเกี่ยวกับ..อะไรนะ.... เอ่อ...ขึ้นคาน ยกคานอะไรนี่แหล่ะ แนวๆนั้น เราเลยคิดถึงความหลังเก่าๆของเราที่เคยมีต่อกัน และมาเยี่ยมนี่ล่ะ...
มาเยี่ยมคือมาเยี่ยม ไม่ได้มาแนะนำอะไร มายิ้มให้ เอาพวงมาลัยมาให้ 1 พวง เรามีสติ้กเกอร์รูปหัวใจเป็นแผงเลยนะ แต่เราไม่กล้าแปะเธอนะ เธอดูอนุรักษ์นิยมเกินไป เราขอเก็บไปแปะสาวๆข้างนอกละกัน... ไม่โกรธนะ ^^
ยังรักเธอเสมอ ไปละ...
Aftertime
11/51/12/1/60
รักนะ.. ราชดำเนิน พันทิป ^^
เราไม่ได้คุยกันมานานมากๆๆเลยนะ
วันนี้ผ่านมาโดยบังเอิญ เลยเข้ามาทักทายกันหน่อย...
เรารู้จักกันมานาน ในช่วงนั้น(น่าจะสิบปีขึ้น) เธอคือสิ่งที่เราต้องตะเกียกตะกายพบหน้าให้ได้ทุกครั้งเมื่อตื่นนอน และบ่อยครั้งที่หลับตาไปพร้อมกับหน้าจอที่ยังเปิดสว่างอยู่..
ช่าย.. ตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์ฉลาด หากเราไม่อยู่บ้าน การพบกันของเราจึงต้องมีพิธีกรรมไม่น้อย เช่น ย่องเข้าตามร้านเนตสาธารณะ บ้านเพื่อน สำนักงาน(ในเวลางาน)
ไม่รู้สินะ ตอนนั้น เมื่อพบเธอทุกครั้ง เรารู้สึกปราดเปรื่องขึ้น ด้วยว่า แต่กระทู้ แต่ละเนื้อหา ล้วนคมคาย ข้อมูลแน่น ความเห็นที่กว้างและลึก อ่านแล้วแทบพยากรณ์ทิศทางของบ้านของเมืองได้ในบัดดล...
ใช่.... เนื้อหาจากห้องนี้แหล่ะ เนื้อหาจากคนวงใน ข่าวสารที่ลึกลับ และหลายๆครั้ง การตีแผ่ความจริงทางการเมือง ก็มาจากห้องราชดำเนินแห่งนี้
ล็อคอินอันเลื่องชื่อแต่ละท่าน พูด(เขียน) แล้วต้องฟัง(อ่าน)!!!! ตามมาติดๆด้วยความเห็นอันร้อนแรง มุมเห็นแย้ง เห็นพ้อง มุมต่าง ล้วนแล้วแต่สร้างประโยชน์มหาศาลให้เรา(คนเดียวรึเปล่าไม่รู้) รู้สึกว่า ยิ่งอ่าน ยิ่งโง่... ที่เพิ่งรู้ว่าที่คิดว่าตัวเองฉลาดล้ำนั้น.. แท้จริงแล้วเราทั้งโง่ ทั้งเขลา...
ขอบคุณจริงๆ เธอทำหน้าที่ได้ดีเชียวจ่ะ... ^^
และเมื่อมาถึงยุคร้อนแรง การแสดงความคิดเห็นแบ่งเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน ตรงกลางไม่ต้องหา มีเพียง เขา และ เรา
จากที่เคยเต็มไปเหตุผลและข้อมูล กลับเปลี่ยนเป็นการส่อเสียด ใส่ร้าย เยาะหยัน ยั่วยุ จนนำไปสู่การเบาะแว้ง จนท้ายที่สุด เธอต้องปิดตัวลงชั่วคราว ก่อนความร้อนที่จะเอาชนะกันนั้น จะทำให้เธอต้องเปลีองตัวไปกว่านี้...
เมื่อพายุซาลง... เราก็กลับมาพบกันใหม่ ที่เดิม คนเดิม แต่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว
กำแพงใหญ่ถูกตั้งตระหง่านระหว่างคนสองกลุ่มในห้องนี้ พวกเขาระดมขว้างหินใส่กันไปมา แต่ที่ร้ายกว่า คือ ขว้างใส่พวกเดียวกันเอง เท่าที่เราเห็น คือทุกคนเจ็บตัวกันถ้วนหน้า และไม่ได้อะไรกลับมา ...
นั่นแหล่ะ คือการจากกันของเราครั้งแรก.. ^^
แต่คนเคยรักกันไงเธอ.. เราจึงวนเวียนกลับมาเยี่ยมเยียนเธอไม่ได้ขาด เพราะยังรู้สึกเสมอๆว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่กว่าเราจะรู้ตัวว่า การพบกันทุกครั้งของเรา เริ่มมีระยะเวลาห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ..
และหากเราจากกันโดยเด็ดขาดในวันนี้ เราก็คงรู้สึกเสียใจน้อยลง หรืออาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็เป็นได้ จริงๆนะ...
ไม่มีใครผิดทั้งนั้น เวลามันทำหน้าที่ของมัน วันนี้ กับเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง เคลื่อนที่ และรวดเร็ว
ข้อมูลข่าวสารที่เราได้รับจากเธอ หลั่งไหลมาสู่มือเราจากทุกๆที่ มิตรภาพและการสนทนาที่ทำให้เราหัวเราะหรืออึ้งงัน ทำได้เร็วเพียงเสี้ยววินาที การกด F5 ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อดูการตอบสนองของเพื่อนๆในห้องนี้ ดูเป็นสิ่งเกินจำเป็นไปแล้ว
เธอสร้างคนมีชื่อเสียงมากมาย หลายคนติดระดับประเทศ แต่ปฏิเสธไม่ได้ ว่าพวกเค้ามีชื่อเสียง ก็เพราะความเป็นตัวตนของเค้า เธอเป็นเพียงทางผ่านให้พวกเค้าได้เริ่มศึกษาการสนทนาผ่านจอพลาสติกเท่านั้นเอง
การใช้ภาษา ความสุภาพ การระวังเรื่องกระทบกระทั่ง ยังเหลืออยู่ก็เพียงที่นี่เท่านั้น ข้างนอกนั่น การใช้คำหยาบกลับดูเท่ห์ การแสดงความเห็นอย่างบ้าเลือดและท้าทายอำนาจ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลข่าวสารถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว จริงมั่ง มั่วมั่ง ความลับเหลือน้อยลงทุกที และการต่อสู้ถูกยกระดับสู่รูปธรรมได้ง่ายขึ้น
แต่เธอก็ยังอยู่ที่เดิม... ในห้องเงียบๆสีฟ้าแห่งนี้ ที่มีป้ายแนะนำเนื้อหาในห้องที่อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง... นั่นใครหนอ? เค้าคุยอะไรกัน? นี่เราพลาดอะไรไป?
วันนี้.. เรากลับมาทักทายเธอ.. คุณป้าที่ใส่แว่นหนา รวบผมเรียบร้อย ชุดกระโปรงสะอาดตา และเดาะไม้เรียวอันเล็กๆในมือ เรายังรักเธอนะ แต่สาวๆข้างนอกนั่น.. ดูชวนเชิญเรามากกว่า คนนั้นก็ทำนมมา คนนี้ก็แก้ผ้าไลฟ์ ตัดผม ขายกล้วยทอด แค่แตะเลื่อนโทรศัพท์ฉลาดของเราไปมา เวลาที่จะคิดถึงเธอก็หมดซะแล้วสิ...
แต่วันนี้ที่เราพบกันได้.. เพราะโทรศัพท์ฉลาดของเรา แสดงเรื่องของเธอขึ้นมา มันเกี่ยวกับ..อะไรนะ.... เอ่อ...ขึ้นคาน ยกคานอะไรนี่แหล่ะ แนวๆนั้น เราเลยคิดถึงความหลังเก่าๆของเราที่เคยมีต่อกัน และมาเยี่ยมนี่ล่ะ...
มาเยี่ยมคือมาเยี่ยม ไม่ได้มาแนะนำอะไร มายิ้มให้ เอาพวงมาลัยมาให้ 1 พวง เรามีสติ้กเกอร์รูปหัวใจเป็นแผงเลยนะ แต่เราไม่กล้าแปะเธอนะ เธอดูอนุรักษ์นิยมเกินไป เราขอเก็บไปแปะสาวๆข้างนอกละกัน... ไม่โกรธนะ ^^
ยังรักเธอเสมอ ไปละ...
Aftertime
11/51/12/1/60