ลูกหลาน

กระทู้สนทนา
"ผมตื่นเช้า คลานออกจากเต็นท์ เห็นหมอกขาวลอยเรี่ยดินอยู่ทั่วบริเวณ หาเสื้อคอเต่าอีกตัวมาสวมทันและออกไปเดินรอบ ๆ ก่อนจะตรงไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ ซึ่งสะอาดเหมือนอยู่บ้าน ทางเจ้าหน้าที่เขาดูแลรักษาอย่างดี กลับมาอีกทีก็ปลุกเด็ก ๆให้ลุกขึ้นมาชมธรรมชาติยามเช้า หลานผมเป็นพวกว่านอนสอนง่าย ไปไหนมาไหนแล้วสบายใจ บอกให้ตื่นก็ตื่น บอกให้อาบน้ำก็ไปอาบ บอกให้ช่วยจัดของเก็บเต็นท์ ขนอุปกรณ์ขึ้นรถ พวกเขาก็ช่วยกันอย่างกุลีกุจอ ไม่มีใครงอแงหรือขี้เกียจเรื่องมากแม้แต่คนเดียว
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผมจะออกไปไหนมาไหนและมักจะเอาหลานชายคนใดคนหนึ่งติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ
ย่าเอาข้าวที่เหลือจากเมื่อคืนมาทำเป็นข้าวต้ม เจียวไข่อีกมื้อ ยำกุ้งแห้งที่ซื้อมาจากระยอง มีไข่เค็มแจกให้คนละครึ่งใบ แถมด้วยเนื้อย่างที่ผมซื้อมาจากตีนเขาใหญ่ อาหารเช้าของเราก็กลายเป็นอีกหนึ่งมื้อที่วิเศษมาก เมื่อกินกันอิ่นแล้ว เด็ก ก็ช่วยกันเก็บจานเก็บถ้วยไปล้างที่ลำธาร มีปลาเล็กเป็นฝูงเข้ามาตอดเศษอาหาร
เราเดินเล่นกันเกือบสองชั่วโมง ผมนำเด็กเดินข้ามสะพานไปทางผากล้วยไม้ เดินเรียงแถวชิดขอบถนนไปเรื่อย ๆ แวะดูจุดชมวิว บนเขาใหญ่แทบไม่มีผู้คนเลย รถราก็ไม่มี เราเดินเล่นดูต้นไม้และทิวทัศน์กันจน ๆ เหงื่อเต็มหลังก็พากันกลับ แดดร้อนขึ้น เต็นท์แห้งดี ไม่มีหยดน้ำค้างเกาะแล้ว ผมบอกให้เด็ก ๆ ช่วยกันเก็บเต็นท์ พับใส่ถุงให้เรียบร้อยและทยอยขึ้นขนใส่ท้ายรถ
ผมสอนพวกเขาทุกอย่าง สอนวิธีกางเต็นท์ สอนวิธีเก็บเต็นท์ สอนการผูกเปลกับต้นไม้ สอนให้ช่วยเหลือกันและกัน แบ่งปันทุกสิ่ง สอนให้ดูแลคนแก่ สอนให้กินทีหลัง สอนให้มีมารยาท สอนให้อ่านหนังสือ พวกเขาทุกคนกลายเป็นเด็กน่ารัก ดูได้จากการเดินทางไปกางเต็นท์ด้วยกัน พวกเขาจะรู้หน้าที่ ใครกางเต็นท์ ใครยกของ ใครช่วยปู่ ช่วยย่า ใครล้างจาน ใครถนัดอะไรก็ทำตรงนั้น เห็นพัฒนาการเหล่านี้ แล้วรู้สึกมีคววามสุข โตขึ้นพวกเขาจะเป็นคนดี รู้หน้าที่ของตัว ที่สำคัญต้องใส่ใจและดูแลคนอื่น คิดถึงคนอื่นให้มากกว่าตัวเอง สิ่งเหล่านี้มันจะช่วยให้เรามีความสุขได้ไม่ยากเลย"
ขจรฤทธิ์ รักษา/จดหมายถึงกนกพงศ์ ตุลาคม2547
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่