
ประมาณ2 เดือนก่อนเพื่อนผมก็มาเกริ่นชวนไปเดินดอยหลวงเชียงดาว โดยเพื่อนเลือกที่จะเดินไปกับทัวร์ของ Trekkingthai(TKT) ผมเองบอกเลยพอรู้จักเวบไซต์ แต่ไม่เคยรู้ว่ามีทัวร์ ซึ่งทุกๆเรื่องเพื่อนผม เป็นคนจัดการหมดรวมถึงการจ่ายเงิน(ซึ่งผมก็ต้องจ่ายคืนภายหลัง)
สิ่งที่ผมต้องทำก็แค่เตรียมของกับพาตัวอวบๆไปเท่านั้นเอง
สำหรับช่วงที่ผมไปคือช่วง 6-8 มกราคม 2560

ปกติผมก็เที่ยวเองแบบBackPackบ้าง ส่วนใหญ่เป็นต่างประเทศ แต่ยังไม่เคย Trekking จริงๆจังๆ ถามว่าผมเตรียมพร้อมอะไรบ้าง... ปกติเป็นคนแข็งแรง แต่ไม่ค่อยชอบออกกำลังกายเลยครับ ขี้เกียจไปนาน แต่ผมแนะนำให้ออกกำลังกายกล้ามเนื้อให้มีความคงทน สำหรับการเดินทางระยะไกล
ข้อแนะนำและอุปกรณ์การเตรียมตัว
1. ควรตรวจสอบสภาพอากาศ และอุณหภูมิ สำหรับช่วงที่ผมไปมีฝนตกปรอยๆ
2. เสื้อกันฝน แนะนำเป็นอย่างหนาหน่อย เสื้อกันผม 7-11 เจอลม ก็ขาดตั้งแต่วันแรกเลยครับ
3. เสื้อหนาว ใส่สบายไม่หนัก ไว้ใส่ตอนอยู่ที่พัก ส่วนระหว่างเดิน ยิ่งเดินยิ่งร้อนครับ
4. รองเท้า อันนี้สำคัญมาก แนะนำรองเท้ามีดอกยางลึก หรือสตัทดอย รองเท้าเดินป่า ผมเอารองเท้าวิ่งไป บอกเลยครับว่าลื่นหัวแตก... เจอดินเลนดินเหนียวล้มไม่เป็นท่าเลยครับ
5. กางเกง แนะนำกางเกงใส่สบายไม่ควรเป็นกางเกงยีนส์ เพราะเมื่อโดนน้ำจะหนักมาก แนะนำเป็นกางเกงขายาว
6. ถุงเท้าหนาๆ เอาไปสักสองสามคู่ครับ เวลาใส่ก็ใส่ทับกางเกงขายาวไป ไม่งั้นชายกางเกงเละไม่เป็นท่า
7. ไฟฉาย แนะนำเป็นไฟฉายสวมศีรษะนะครับ ผมหามาราคา99-159 บาท ไม่ใช่มืออาชีพ เลยไม่อยากซื้อดีมากแนะนำ แบบสวมหัวเพราะเช่นเวลาขึ้นเขา ต้องใช้มือช่วยเกาะยืด มันสะดวกกว่าไฟฉายถือครับ แต่ถ้าใช้ไฟฉายแบบถือ หรือใช้มือถือก็ไม่ว่ากัน
8. ทิชชู่เปียก อันนี้ผมเอาไปเยอะเลยเพราะรู้ว่าจะไม่ได้อาบน้ำ ใช้ได้ดีจริงๆครับ เช็ดหน้า เช็ดตัว เช็ดเท้า สดชื่นหน้าใส
9.ยาส่วนตัว อันนี้ลืมไปไม่ได้นะครับ ผมเองพกยาแก้แพ้ ยาแก้เมารถ แก้ปวดท้อง ยาลดไข้ไปด้วย
10. ถุงนอน เนื่องจาก ทางทัวร์ได้เตรียมไว้ให้ แต่ต้องแบกไปเองนะครับ ผมว่าดีมากๆเวลาดูถุงนอนควรดูด้วยว่ามันนอนได้สบายในอุณหภูมิเท่าไหร่ ควรเลือกให้เหมาะกับห้วงอุณหภูมิที่ไปครับ
นอกจากนี้ที่ผมเอาไปก็เป็นอุปกรณ์เสริม คือลำโพงครับ ลำโพงถ่านชาร์จ อันนี้เพื่อนที่เคยไปแนะนำมา เพราะจะทำให้รู้สึกเหนื่อยน้อยลง ผมเองก็ชอบนะครับ เวลาเดินผ่านไปมา คนอื่นก็ร้องเพลงตามไปบ้าง หรือเวลาอยู่ในที่พัก ก็มานั่งฟังเพลงเพลินๆ นั่งคุยกัน ปล. แต่ไม่ควรเปิดเสียงดังมากหรือเปิดรบกวนยามค่ำคืนนะครับ
หูฟังเพื่อนผมไม่แนะนำนะครับเพราะบางทีเราอาจต้องฟังเพื่อนข้างหน้า หรือข้างหลังว่าจุดไหนลื่น หรือ เวลาเค้าเรียก ไม่งั้นหลงกลุ่มแย่
ปล. การไปรอบนี้ต้องขอขอบคุณ TrekkingThai คุณแจ้ น้องเฟิร์น มากๆ สำหรับทริปที่น่าประทับใจ ผมเองไม่เคยไปกับทัวร์อื่นไม่สามารถเปรียบเทียบได้
ค่าใช้จ่ายทั้งทริป ราว 4750 บาท และค่าลูกหาบอีก 750 บาท /6 Kg
ทริปของเราเริ่มต้นขึ้นรถตู้ ราวๆ 20.00 น. แถวๆสนามเป้า ตรงดิ่งยาวไปถึงตลาดแม่มาลัย มีแวะปั้มเป็นช่วงๆให้เข้าห้องน้ำ
ราว 5.00 น. เราก็มาถึงตลาดแม่มาลัย คุณแจ้แวะซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร สำหรับเรื่องอาหารการกิน ทาง trekking Thai จัดเต็มแบบเหนือความคาดหมายมากๆครับ ก่อนขึ้นดอยหลวงเชียงดาว พวกเราแวะรีสอร์ท ทานอาหารเช้า ข้ามต้ม ข้าวพัด ผัดผัก กาแฟแสนอร่อย หมอกลงเยอะจนแทบไม่เห็นดอยหลวงเชียงดาวเบื้องหน้ากันทีเดียว


เมื่อมาถึง ดอยหลวงเชียงดาว กลุ่มของเราเลือกที่จะเดินขึ้นทางหน่วยขุนห้วยแม่กอกไปถุงจุดกางเต้นท์ที่อ่างสลุง
โดยทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาวจะมีสองทางนะครับ คือ หน่วยขุนห้วยแม่กอก และ ปางวัว

ขุนห้วยแม่กอกนั้นจะเดินง่ายกว่า คือชันน้อยกว่า แต่ระยะที่รถเข้ายาวและลำบากกว่า ในขณะทีปางวัว ชันกว่าแต่สั้นกว่าราว 2 km ถ้าฝนตก ผมไม่ค่อยแนะนำปางวัวนะครับเพราะชันมาก และระยะทางที่ชันยาวต่อเนื่องกันประมาณว่า ถ้าลื่นมากก้าวขึ้นสองไหลลงหนึ่งก้าว ก็ไปไม่ถึงสักที
สำหรับการขึ้นดอยหลวงเชียงดาวเนื่องจากปัจจุบันพยายามที่จะจำกัดนั่งท่องเที่ยวต่อวัน โดยต้องมาติดต่อที่เขตพันธุ์รักษาสัตว์ป่าเชียงดาว เพื่อทำการบันทึกและขออนุญาตขึ้นดอยหลวงเชียงดาว
หลังจากนั้นเราขึ้นรถกระบะเพื่อไปหน่วยขุนห้วยแม่กอก น้องคนขับขับได้มันมาก ทั้งเร่งทั้งดริฟท์ ใจจะวาย แต่เนื่องจากฝนลงประกอบกับหมอกลง ทำให้พื้นถนนแฉะและลื่น ถ้าเบรกเยอะรถจะไม่มีแรงส่งตัว เกาะรถกันแน่นสุดๆเลยครับ


เราไปถึงราว 10.30 น. บรรยากาศโรแมนติกมาก มีหมอกลงหน่อยๆ ที่ป้ายหน่วยขุนห้วยแม่กอกมีต้นพญาเสือโคร่ง 2-3 ต้น บานพอประมาณให้เก็บภาพสวยๆ หลังจากนั้นก้เข้าห้องน้ำและเริ่มต้นการเดินทางของเรา



สำหรับการเดินทางนั้น ใช้ระยะทางประมาณ 8.5km ระหว่างทางแนะนำดูนก ดูดอกไม้ เก็บภาพระหว่างทางจะได้ไม่เบื่อ แต่ขาเซลฟี่ต้องเพลาๆ หน่อยเพราะถ่ายรูปเยอะไปเสียเวลาเดินทางนาน ระหว่างทางให้ระวังทางเดินลื่นหากฝนตกเยอะนะครับ




มีจุดพักเป็นระยะให้พอหายเหนื่อยแล้วก็เดินต่อ
เมื่อเดินมาถึงจุดสามแยกที่บรรจบกับทางที่มากับปางวัว ก็แวะพักสักหน่อยก่อนที่จะเดินต่อ


ลองดูดอกไม้ตามทาง หรือหินที่อาจพบมีฟอสซิลรูปหอยอยู่ด้วย เชื่อว่าสมัยก่อนดอยหลวงเชียงดาวเป็นพื้นที่ทะเลก่อนจะดันตัวขึ้นเป็นภูเขา



นอกจากนี้สังเกตตามภูเขาอาจพบแพะภูเขาด้วยครับ ผมเองตาไม่ดีไม่ค่อยได้สังเกตครับแต่เพื่อนที่ไปด้วยก็บอกว่าเห็นกัน
เราใช้เวลาราว 4-5 ชม. ก็มาถึงจุดพักแรมอ่างสลุง คุณแจ้ของเราก็พาเดินหาเต้น อยากบอกว่าพยายามอย่าหลงนะครับ ช่วงผมไปเต้นเยอะมาก ยิ่งเดินยิ่งงง แถมถ้าเดินลึกไปบางส่วนอาจต้องระวังกับระเบิดที่นักเดินทางบางท่านทิ้งไว้เนืองจากไม่มีห้องน้ำครับ


หลังจากมาถึงที่พักก็จัดเก็บของ ทางทีม trekkingthai ช่วยจัดเตรียมอาหาร ระหว่างนี้ผมและเพื่อนบางคนเลือกที่จะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกที่ยอดดอยหลวงเชียงดาว กันเลยครับ ใครไหวก็ไป ใช้เวลาเดินขึ้นราว 30นาที สำหรับทางขึ้นค่อนข้างชัน และต้องใช้ความระมัดระวังกันพอตัว เนื่องจากวันนี้ฟ้าเปิด ช่วงอาทิตย์ตกมีความสวยงามมาก ผมเองชอบสุดๆ เดินไปถ่ายรูปไปจนไปไม่ถึงยอดครับ แวะถ่ายรูปจากข้างทางก่อน




เรานั่งดูพระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบหมอกไปอย่างช้าๆ

เมื่ออาทิตย์ตกดิน ผมและเพื่อนรีบเดินกลับที่พักแรม เนื่องจากพออาทิตย์ตกปุ๊บ ความหนาวก็มาเยือนเลยครับ พวกเราจัดแจงใส่พร๊อพกันหนาว พร้อมไฟฉายสวมศีรษะ รีบปีนกันลงมา



สำหรับอาหารมื้อเย็น อย่างที่กล่าวไป trekkingthai จัดมาได้เหนือความคาดหมายจริงๆครับ เรามีมะระผัดไข่ ปลาทับทิม หมูทอด ต้มจืดร้อน และตบท้ายด้วย “แป๊ะก๊วยนมสด” ไปขนกันมายังไงคร้าบบบพ่อคู้นนนน
พวกเราอิ่มอร่อยกัน หลังจากนั้นก็แนะนำตัวกับเพื่อนร่วมทริป พูดคุยกัน ก่อนแยกย้ายกันไปนอน ก่อนนอนแหงนมองท้องฟ้า วันนี้ฟ้าเปิด เห็นดวงดาวมากมายน่าประทับใจมากครับ แต่หนาวมาก ขอวิ่งเข้าเต้นท์ก่อน


ค่ำคืนแรกหนาวมากครับ ผมเองนอนบนถุงนอน สักสี่ห้าทุ่มก็ตื่นเพราะความหนาวจัดแจงยัดตัวเองลงถุงแล้วหลับไปด้วยความเหน็ดหนื่อย
[CR] 3 วัน 2 คืน บนดอยหลวงเชียงดาว สวรรค์ที่ไม่เกินเอื้อม
สิ่งที่ผมต้องทำก็แค่เตรียมของกับพาตัวอวบๆไปเท่านั้นเอง
สำหรับช่วงที่ผมไปคือช่วง 6-8 มกราคม 2560
ข้อแนะนำและอุปกรณ์การเตรียมตัว
1. ควรตรวจสอบสภาพอากาศ และอุณหภูมิ สำหรับช่วงที่ผมไปมีฝนตกปรอยๆ
2. เสื้อกันฝน แนะนำเป็นอย่างหนาหน่อย เสื้อกันผม 7-11 เจอลม ก็ขาดตั้งแต่วันแรกเลยครับ
3. เสื้อหนาว ใส่สบายไม่หนัก ไว้ใส่ตอนอยู่ที่พัก ส่วนระหว่างเดิน ยิ่งเดินยิ่งร้อนครับ
4. รองเท้า อันนี้สำคัญมาก แนะนำรองเท้ามีดอกยางลึก หรือสตัทดอย รองเท้าเดินป่า ผมเอารองเท้าวิ่งไป บอกเลยครับว่าลื่นหัวแตก... เจอดินเลนดินเหนียวล้มไม่เป็นท่าเลยครับ
5. กางเกง แนะนำกางเกงใส่สบายไม่ควรเป็นกางเกงยีนส์ เพราะเมื่อโดนน้ำจะหนักมาก แนะนำเป็นกางเกงขายาว
6. ถุงเท้าหนาๆ เอาไปสักสองสามคู่ครับ เวลาใส่ก็ใส่ทับกางเกงขายาวไป ไม่งั้นชายกางเกงเละไม่เป็นท่า
7. ไฟฉาย แนะนำเป็นไฟฉายสวมศีรษะนะครับ ผมหามาราคา99-159 บาท ไม่ใช่มืออาชีพ เลยไม่อยากซื้อดีมากแนะนำ แบบสวมหัวเพราะเช่นเวลาขึ้นเขา ต้องใช้มือช่วยเกาะยืด มันสะดวกกว่าไฟฉายถือครับ แต่ถ้าใช้ไฟฉายแบบถือ หรือใช้มือถือก็ไม่ว่ากัน
8. ทิชชู่เปียก อันนี้ผมเอาไปเยอะเลยเพราะรู้ว่าจะไม่ได้อาบน้ำ ใช้ได้ดีจริงๆครับ เช็ดหน้า เช็ดตัว เช็ดเท้า สดชื่นหน้าใส
9.ยาส่วนตัว อันนี้ลืมไปไม่ได้นะครับ ผมเองพกยาแก้แพ้ ยาแก้เมารถ แก้ปวดท้อง ยาลดไข้ไปด้วย
10. ถุงนอน เนื่องจาก ทางทัวร์ได้เตรียมไว้ให้ แต่ต้องแบกไปเองนะครับ ผมว่าดีมากๆเวลาดูถุงนอนควรดูด้วยว่ามันนอนได้สบายในอุณหภูมิเท่าไหร่ ควรเลือกให้เหมาะกับห้วงอุณหภูมิที่ไปครับ
นอกจากนี้ที่ผมเอาไปก็เป็นอุปกรณ์เสริม คือลำโพงครับ ลำโพงถ่านชาร์จ อันนี้เพื่อนที่เคยไปแนะนำมา เพราะจะทำให้รู้สึกเหนื่อยน้อยลง ผมเองก็ชอบนะครับ เวลาเดินผ่านไปมา คนอื่นก็ร้องเพลงตามไปบ้าง หรือเวลาอยู่ในที่พัก ก็มานั่งฟังเพลงเพลินๆ นั่งคุยกัน ปล. แต่ไม่ควรเปิดเสียงดังมากหรือเปิดรบกวนยามค่ำคืนนะครับ
หูฟังเพื่อนผมไม่แนะนำนะครับเพราะบางทีเราอาจต้องฟังเพื่อนข้างหน้า หรือข้างหลังว่าจุดไหนลื่น หรือ เวลาเค้าเรียก ไม่งั้นหลงกลุ่มแย่
ปล. การไปรอบนี้ต้องขอขอบคุณ TrekkingThai คุณแจ้ น้องเฟิร์น มากๆ สำหรับทริปที่น่าประทับใจ ผมเองไม่เคยไปกับทัวร์อื่นไม่สามารถเปรียบเทียบได้
ค่าใช้จ่ายทั้งทริป ราว 4750 บาท และค่าลูกหาบอีก 750 บาท /6 Kg
ทริปของเราเริ่มต้นขึ้นรถตู้ ราวๆ 20.00 น. แถวๆสนามเป้า ตรงดิ่งยาวไปถึงตลาดแม่มาลัย มีแวะปั้มเป็นช่วงๆให้เข้าห้องน้ำ
ราว 5.00 น. เราก็มาถึงตลาดแม่มาลัย คุณแจ้แวะซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร สำหรับเรื่องอาหารการกิน ทาง trekking Thai จัดเต็มแบบเหนือความคาดหมายมากๆครับ ก่อนขึ้นดอยหลวงเชียงดาว พวกเราแวะรีสอร์ท ทานอาหารเช้า ข้ามต้ม ข้าวพัด ผัดผัก กาแฟแสนอร่อย หมอกลงเยอะจนแทบไม่เห็นดอยหลวงเชียงดาวเบื้องหน้ากันทีเดียว
โดยทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาวจะมีสองทางนะครับ คือ หน่วยขุนห้วยแม่กอก และ ปางวัว
ขุนห้วยแม่กอกนั้นจะเดินง่ายกว่า คือชันน้อยกว่า แต่ระยะที่รถเข้ายาวและลำบากกว่า ในขณะทีปางวัว ชันกว่าแต่สั้นกว่าราว 2 km ถ้าฝนตก ผมไม่ค่อยแนะนำปางวัวนะครับเพราะชันมาก และระยะทางที่ชันยาวต่อเนื่องกันประมาณว่า ถ้าลื่นมากก้าวขึ้นสองไหลลงหนึ่งก้าว ก็ไปไม่ถึงสักที
สำหรับการขึ้นดอยหลวงเชียงดาวเนื่องจากปัจจุบันพยายามที่จะจำกัดนั่งท่องเที่ยวต่อวัน โดยต้องมาติดต่อที่เขตพันธุ์รักษาสัตว์ป่าเชียงดาว เพื่อทำการบันทึกและขออนุญาตขึ้นดอยหลวงเชียงดาว
หลังจากนั้นเราขึ้นรถกระบะเพื่อไปหน่วยขุนห้วยแม่กอก น้องคนขับขับได้มันมาก ทั้งเร่งทั้งดริฟท์ ใจจะวาย แต่เนื่องจากฝนลงประกอบกับหมอกลง ทำให้พื้นถนนแฉะและลื่น ถ้าเบรกเยอะรถจะไม่มีแรงส่งตัว เกาะรถกันแน่นสุดๆเลยครับ
เมื่อเดินมาถึงจุดสามแยกที่บรรจบกับทางที่มากับปางวัว ก็แวะพักสักหน่อยก่อนที่จะเดินต่อ
เราใช้เวลาราว 4-5 ชม. ก็มาถึงจุดพักแรมอ่างสลุง คุณแจ้ของเราก็พาเดินหาเต้น อยากบอกว่าพยายามอย่าหลงนะครับ ช่วงผมไปเต้นเยอะมาก ยิ่งเดินยิ่งงง แถมถ้าเดินลึกไปบางส่วนอาจต้องระวังกับระเบิดที่นักเดินทางบางท่านทิ้งไว้เนืองจากไม่มีห้องน้ำครับ
เมื่ออาทิตย์ตกดิน ผมและเพื่อนรีบเดินกลับที่พักแรม เนื่องจากพออาทิตย์ตกปุ๊บ ความหนาวก็มาเยือนเลยครับ พวกเราจัดแจงใส่พร๊อพกันหนาว พร้อมไฟฉายสวมศีรษะ รีบปีนกันลงมา
พวกเราอิ่มอร่อยกัน หลังจากนั้นก็แนะนำตัวกับเพื่อนร่วมทริป พูดคุยกัน ก่อนแยกย้ายกันไปนอน ก่อนนอนแหงนมองท้องฟ้า วันนี้ฟ้าเปิด เห็นดวงดาวมากมายน่าประทับใจมากครับ แต่หนาวมาก ขอวิ่งเข้าเต้นท์ก่อน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น