สวัสดีค่ะ พอดีเมื่อคืนช่วงเวลาประมาณตี 3 พี่สาวของ จขกท. เกิดหน้ามืด วูบไปในห้องน้ำ เนื่องจากอาการท้องเสียมาทั้งวันจึงเกิดอาการไม่มีแรง อ่อนเพลียมาก ก็เลยต้องรีบพาไปโรงพยาบาล จึงตกลงกันว่าจะไปโรงพยาบาลที่มีสิทธิ์ประสังคมอยู่ นั่นคือโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวถนนสามเสน พอไปถึงก็ต้องไปที่แผนกฉุกเฉินซึ่งพอไปถึง ก็มีบุรุษพยาบาลนำเตียงมารอรับพี่สาว ส่วน จขกท. ก็รีบไปตรงจุดหน่วยคัดกรอง เรื่องมันก็เกิดตอนนี้แหละ ต้องขออนุญาติแจงเป็นข้อๆนะคะ
1.ไปที่หน่วยคัดกรอง ยื่นบัตร ปชช. พี่สาว พร้อมกับบัตรประกันสังคม และบัตรประกันกลุ่ม พร้อมกับคนที่รับหน่วยคัดกรองว่า สอบถามนิดนึงคะ ไม่ทราบว่าจะใช้บัตรอันไหนดีแนะนำได้มั้ยค่ะ คนตรงหน่วยคัดกรองรับแต่บัตร ปชช.ไป และก็เน้นเสียงแล้วชี้ไปทางพยาบาลที่ยืนตรงเตียงพี่สาว พร้อมบอกว่า ถามพยาบาลเอาค่ะ!!! (ฮื้มม ได้แต่คิดในใจว่าเน้นเสียงทำไม?)
2.โอเค หลังจากนั้นก็เดินกลับมาเพื่อถามพยาบาลที่อยู่ตรงพี่สาว ถามคำถามเดิม เพราะต้องการคำแนะนำ พยาบาลก็ตอบในลักษณะเน้นเสียง และเสียงดังว่า ก็แล้วแต่นะค่ะ อยากจะใช้อันไหน (ฮื้มมม อะไรนะ นี่แอบงงช็อตที่สอง) ก็ถามย้ำว่า อ่าวว แล้วสมควรใช้อันไหนดีค่ะ (จขกท. ยังถามต่อ เพราะในวินาทีนั่นอยากรู้คำแนะ เพราะเห็ยว่าพยาบาลน่าจะแนะนำได้) ก็ยังได้คำตอบเดิมคะ พร้อมกับอาการแบบพยาบาลไม่ค่อยพอใจ เบื่อตอบ จขกท.จึงขึ้นเสียงบ้างแล้วก็เลยบอกไปว่า คือ ที่ถามเพราะไม่รู้ค่ะ ว่าอันไหนใช้ได้ แล้วถ้าต้องนอนโรงพยาบาลบัตรไหนครอบคุมมากกว่ากัน สงสัยพยาบาลคงตกใจนิดหน่อย จึงอธิบายอะไรก็ไม่รู้ แต่จับใจความว่า ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลบัตรประกันกลุ่มที่พี่สาวเราทำมาจะต้องออกค่าใช้จ่ายไปก่อนแล้วไปเบิกเอาที่หลัง แต่ถ้าเป็นประกันสังคมถ้ามีสิทธิ์อยู่ที่นี้ก็ใช้ได้เลย เราถึงแบบ อ่อ โอเคคะ ก้อเลยบอกว่า งั้นก็ใช้บัตรประกังสังคม เรากำลังจะกลับหลังเดินไปบอกหน่วยคัดกรอง แต่พยาบาลเสียงสูงนางตะโกนชื่อคนที่อยู่หน่วยคัดกรอง แล้วบอกว่า คนไข้ชื่อ.........ใช้ประกันสังคมนะ เจ้าหน้าที่หน่วยคัดกรองก้อตะโกนตอบกลับมาว่า อ่อรู้ตั้งแต่คีย์แล้ว เพราะสิทธิ์มันโชว์ในระบบ (อ่าว แล้วที่ให้เดินมาถามคืออะไร แล้วทั้งหมดคืออะไร ทำงานกันยังไง) หลังจากนั้นพี่สาวก็ถูกเข็นเข้าห้องไป สักพักนึงพยาบาลประกาศญาติคนไข้........ให้ติดต่อรับเลือดที่เจาะส่งไปเข้าห้องตรวจเลือด เราก้อเดินเอาเลือดที่พี่สาวเจาะไปส่ง แล้วก็กลับมานั่งรอ
3.ไม่เป็นไรสำหรับ 2 ข้อแรกที่เจอถือว่าผ่านๆไป คิดว่าจะไม่เอามาใส่ใจ แต่ไม่วายเจอเหตุการณ์แย่ๆอีก คือ หลังจากพี่สาวได้โดนให้น้ำเกลือไปสัก พี่สาวเราเกิดอยากเข้าห้องน้ำก็เลยโทรออกมาตามให้เราเข้าไปพาลุกหน่อย พอเราเข้าไปถึง ก็ต้องยกน้ำเกลือเอง ช่วยพี่สาวลงจากเตียง ก่อนจะถึงห้องน้ำพี่สาวเราบอกว่า เมื่อกี้เห็นเค้าบอกว่าจะเก็บอุจจาระไปตรวจด้วย ยังจะเอามั้ยอ่ะ ปวดพอดี พี่สาวเหนหมอ 2 คนตรงนั้น จึงถามไป แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ หมอทั้งสองมองหน้ากัน แล้วถามกันว่า เอาอีกมั้ยอ่ะ เอามั้ย เอ๊ะหรือไม่เอา แล้วก้อเงียบ เฮ้ย!!!!เดี๋ยวนะ เรากับพี่สาว งง มาก จึงถามย้ำว่า ตกลงเอามั้ยคะ? หมอ ผช. ก็เลยบอกว่า ไม่เอาก็ได้ แต่.......หมอ ผญ. อีกคนบอกท้วงว่า แต่เราขอแล็บไปแล้วนะ โอ้วโหวว เรากับพี่สาวยิ่ง งง ไปใหญ่ ว่าตกลงจะเอาไง จนเค้าบอกว่า เก็บก็ได้ครับ โอเค......พอหลังจากพี่สาวเข้าห้องน้ำเสร็จ ออกมาจึงถามว่า ให้เอาไว้ไหนค่ะ หมอ ผช. บอกว่าเห็นพยาบาลที่ยืนตรงนั้นมั้ยพร้อมชี้มือไป เดินเอาไปให้พยาบาลเลย พี่สาวก็เดินไปพอถามพยาบาล นางก็ไปคว้าถุงอะไรมาไม่รู้แล้วก้อให้พี่สาวเราหย่อนไป (จนตอนนี้ไม่รู้ว่าเอาไปทิ้งหรือเอาไปตรวจ)
4.หลังจากยื่นอุจจาระให้พยาบาล ก้อมาถึงตอนทำแผลเพราะพี่สาวเราล้มหน้าคว่ำลง ปากน่าจะกระแทกก็เลยแตก พร้อมกับหัวที่ปูดโนมาก ระหว่างที่บุรุษพยาบาลเข็นพี่สาวจะมาทำแผล พยาบาลก็ยื่นใบรับยามาให้เรา พร้อมบอกว่า ไปเอายาได้เลยนะคะ เราก็อ่อๆ ก็รับมาแล้วก็เดินออกไปช่องจ่ายยา แต่พอเจ้าหน้าที่ๆช่องจ่ายยาเห็น ก็ตกใจอีก เพราะยาที่หมอจ่าย เป็นยาที่ต้องฉีดเข้าร่างกาย เจ้าหน้าที่ช่องจ่ายยาจึงให้เราเอากลับไปถามหมอที่ห้องฉุกเฉินว่า ให้จ่ายอันนี้ที่เป็นยาฉีด หรือจะให้จ่ายเป็นยาดเม็ด พอเดินกลับมา ก้อแจ้งกับพยาบาล พยาบาลเลยเดินไปดูที่คุณหมอ ผช. เขียนแล้วก็เดินเอาไปให้หมอแก้ไข (อ่าววว นี่คือจ่ายยาผิดเหรอ ถ้าเจ้าหน้าที่ห้องจ่ายยาไม่ทัก ก็ต้องกลับมาฉีดยากันเองเหรอ?) พอแก้ไขเสร็จเราก็เดินเอาไปที่ห้องจ่ายยาใหม่ แต่ก่อนออกมาก็บอกพี่สาวว่า เออนอนพักรอก่อน (เพราะคิดในใจว่า คงให้น้ำเกลืออีกสักพัก) พอเราเดินไปรับยาเสร็จเรียบร้อยกลับมา ก็เจอพี่สาวยืนรอข้างหน้าที่จะขึ้นรถกลับแล้ว เราก็ตกใจนึกว่าพี่สาวดื้อจะรีบกลับบ้าน เลยถามว่า กลับได้แล้วเหรอ พี่สาวบอกว่า อื้ม ก็เค้าทำแผลเสร็จ ก็ถอดสายน้ำเกลือ แล้วก็บอกว่ากลับบ้านได้ เรา งง เพิ่มไปอีก ก่อนจะเดินออกมา พี่สาวเรานึกขึ้นได้ว่า แล้วผลตรวจเลือดล่ะ เป็นไง เราก้อเออใช่ เลยเดินเข้าไปถามพยาบาลว่า ขอโทษนะคะ แล้วผลเลือดนี่คือต้องยังไง เราจะได้ผลกลับด้วยมั้ย พยาบาลมองหน้าแป๊บนึงแล้วก้มลงทำไรไม่รู้ต่อ พร้อมบอกว่า อ่อ ไม่เปนไรคะ หมอเลยให้กลับไง จขกท.เลยถามว่า อ่าวว แล้วทำไมไม่แจ้งเลยคะ คือ นี่ก็ไม่รู้ไง บอกได้แค่เท่านี้ จขกท. ก้อเดินกลับออกมา แล้วก้อพาพี่สาวกลับบ้าน
******สิ่งที่เล่ามาทั้งหมด ไม่ได้ต้องการให้ร้ายหรือว่าใคร แต่แค่อยากแสดงความคิดเห็นในมุมของญาติคนไข้กับคนไข้นิดนึงคะ ว่าบางครั้งเวลาไปโรงพยาบาลรายละเอียดหลายๆอย่าง ญาติคนไข้ก็ไม่ทราบ หรืออาจจะอยากได้คำแนะนำ ว่าต้องทำแบบไหน ใช้สิทธิ์แบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งถ้าเหตุการณ์หรือเคสที่มันไม่เร่งด่วน ก็น่าจะพอมีเวลาอธิบายกันหน่อยคะ แล้วก็อย่ารำคาญเลยเวลาญาติถามอะไร เพราะเค้าก็อยากได้ความมั่นใจจากคุณหมอหรือพยาบาลให้อุ่นใจ และในส่วนของการตรวจ เข้าใจนะคะว่ามีนักศึกษาแพทย์กำลังฝึกงาน แต่ถ้าบางอย่างยังตัดสินใจชัดเจนไม่ได้ ก็อยากให้มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญอยู่เวรด้วยจะได้คอยสอบถามให้ชัดเจน อย่างที่ จขกท. เจอเรื่องการเก็บอุจจาระ ซึ่งถามกันไปมาว่า เก็บมั้ย เอาอีกมั้ย คือ มันสร้างความงงงวยและสร้างความไม่มั่นใจในการรักษานะคะ ที่สำคัญเลย การใช้น้ำเสียงของพยาบาลและเจ้าหน้าที่ จขกท. เข้าใจคะ ว่าบางทีหน้าที่บริการก็เหนื่อยนะ บางทีก้ออยากพักนะ เข้าใจคะ แต่บางครั้งคือต้องเก็บอาการหน่อยคะ จะรำคาน หรือคุณจะทะเลาะกับใครมาให้ขุ่นข้องหมองใจ แต่เมื่อปฏิบัติหน้าที่แล้ว คุณอาจจะต้องสวมหัวโขนของคนที่ให้บริการอย่างเต็มใจด้วยนะคะ ไม่ว่าจะทั้งหน้าตาหรือน้ำเสียง
ในส่วนของความคิดเห็นทั้งหมดที่ได้แสดงไปข้างต้น ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เอากลับไปปรับแก้ไข และในส่วนดีของที่นี้ก็มีเยอะค่ะ เพราะแม่ของ จขกท. ก็เคยคลอดน้องที่นี้ บริการดี ดูแลดี แต่อาจจะเพราะปัจจัยหลายๆอย่างของเมื่อคืนเลยทำให้ จขกท. กับพี่สาวเจอเหตุการณ์แบบนี้ นี่เป็นเพียงแค่ความคิดเก็นส่วนตัวเท่านั้นนะคะ ที่อยากจะมาแชร์
ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ ที่อ่านจนจบ
เมื่อฉันพาพี่สาวไปหาหมอตอนตี 3
1.ไปที่หน่วยคัดกรอง ยื่นบัตร ปชช. พี่สาว พร้อมกับบัตรประกันสังคม และบัตรประกันกลุ่ม พร้อมกับคนที่รับหน่วยคัดกรองว่า สอบถามนิดนึงคะ ไม่ทราบว่าจะใช้บัตรอันไหนดีแนะนำได้มั้ยค่ะ คนตรงหน่วยคัดกรองรับแต่บัตร ปชช.ไป และก็เน้นเสียงแล้วชี้ไปทางพยาบาลที่ยืนตรงเตียงพี่สาว พร้อมบอกว่า ถามพยาบาลเอาค่ะ!!! (ฮื้มม ได้แต่คิดในใจว่าเน้นเสียงทำไม?)
2.โอเค หลังจากนั้นก็เดินกลับมาเพื่อถามพยาบาลที่อยู่ตรงพี่สาว ถามคำถามเดิม เพราะต้องการคำแนะนำ พยาบาลก็ตอบในลักษณะเน้นเสียง และเสียงดังว่า ก็แล้วแต่นะค่ะ อยากจะใช้อันไหน (ฮื้มมม อะไรนะ นี่แอบงงช็อตที่สอง) ก็ถามย้ำว่า อ่าวว แล้วสมควรใช้อันไหนดีค่ะ (จขกท. ยังถามต่อ เพราะในวินาทีนั่นอยากรู้คำแนะ เพราะเห็ยว่าพยาบาลน่าจะแนะนำได้) ก็ยังได้คำตอบเดิมคะ พร้อมกับอาการแบบพยาบาลไม่ค่อยพอใจ เบื่อตอบ จขกท.จึงขึ้นเสียงบ้างแล้วก็เลยบอกไปว่า คือ ที่ถามเพราะไม่รู้ค่ะ ว่าอันไหนใช้ได้ แล้วถ้าต้องนอนโรงพยาบาลบัตรไหนครอบคุมมากกว่ากัน สงสัยพยาบาลคงตกใจนิดหน่อย จึงอธิบายอะไรก็ไม่รู้ แต่จับใจความว่า ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลบัตรประกันกลุ่มที่พี่สาวเราทำมาจะต้องออกค่าใช้จ่ายไปก่อนแล้วไปเบิกเอาที่หลัง แต่ถ้าเป็นประกันสังคมถ้ามีสิทธิ์อยู่ที่นี้ก็ใช้ได้เลย เราถึงแบบ อ่อ โอเคคะ ก้อเลยบอกว่า งั้นก็ใช้บัตรประกังสังคม เรากำลังจะกลับหลังเดินไปบอกหน่วยคัดกรอง แต่พยาบาลเสียงสูงนางตะโกนชื่อคนที่อยู่หน่วยคัดกรอง แล้วบอกว่า คนไข้ชื่อ.........ใช้ประกันสังคมนะ เจ้าหน้าที่หน่วยคัดกรองก้อตะโกนตอบกลับมาว่า อ่อรู้ตั้งแต่คีย์แล้ว เพราะสิทธิ์มันโชว์ในระบบ (อ่าว แล้วที่ให้เดินมาถามคืออะไร แล้วทั้งหมดคืออะไร ทำงานกันยังไง) หลังจากนั้นพี่สาวก็ถูกเข็นเข้าห้องไป สักพักนึงพยาบาลประกาศญาติคนไข้........ให้ติดต่อรับเลือดที่เจาะส่งไปเข้าห้องตรวจเลือด เราก้อเดินเอาเลือดที่พี่สาวเจาะไปส่ง แล้วก็กลับมานั่งรอ
3.ไม่เป็นไรสำหรับ 2 ข้อแรกที่เจอถือว่าผ่านๆไป คิดว่าจะไม่เอามาใส่ใจ แต่ไม่วายเจอเหตุการณ์แย่ๆอีก คือ หลังจากพี่สาวได้โดนให้น้ำเกลือไปสัก พี่สาวเราเกิดอยากเข้าห้องน้ำก็เลยโทรออกมาตามให้เราเข้าไปพาลุกหน่อย พอเราเข้าไปถึง ก็ต้องยกน้ำเกลือเอง ช่วยพี่สาวลงจากเตียง ก่อนจะถึงห้องน้ำพี่สาวเราบอกว่า เมื่อกี้เห็นเค้าบอกว่าจะเก็บอุจจาระไปตรวจด้วย ยังจะเอามั้ยอ่ะ ปวดพอดี พี่สาวเหนหมอ 2 คนตรงนั้น จึงถามไป แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ หมอทั้งสองมองหน้ากัน แล้วถามกันว่า เอาอีกมั้ยอ่ะ เอามั้ย เอ๊ะหรือไม่เอา แล้วก้อเงียบ เฮ้ย!!!!เดี๋ยวนะ เรากับพี่สาว งง มาก จึงถามย้ำว่า ตกลงเอามั้ยคะ? หมอ ผช. ก็เลยบอกว่า ไม่เอาก็ได้ แต่.......หมอ ผญ. อีกคนบอกท้วงว่า แต่เราขอแล็บไปแล้วนะ โอ้วโหวว เรากับพี่สาวยิ่ง งง ไปใหญ่ ว่าตกลงจะเอาไง จนเค้าบอกว่า เก็บก็ได้ครับ โอเค......พอหลังจากพี่สาวเข้าห้องน้ำเสร็จ ออกมาจึงถามว่า ให้เอาไว้ไหนค่ะ หมอ ผช. บอกว่าเห็นพยาบาลที่ยืนตรงนั้นมั้ยพร้อมชี้มือไป เดินเอาไปให้พยาบาลเลย พี่สาวก็เดินไปพอถามพยาบาล นางก็ไปคว้าถุงอะไรมาไม่รู้แล้วก้อให้พี่สาวเราหย่อนไป (จนตอนนี้ไม่รู้ว่าเอาไปทิ้งหรือเอาไปตรวจ)
4.หลังจากยื่นอุจจาระให้พยาบาล ก้อมาถึงตอนทำแผลเพราะพี่สาวเราล้มหน้าคว่ำลง ปากน่าจะกระแทกก็เลยแตก พร้อมกับหัวที่ปูดโนมาก ระหว่างที่บุรุษพยาบาลเข็นพี่สาวจะมาทำแผล พยาบาลก็ยื่นใบรับยามาให้เรา พร้อมบอกว่า ไปเอายาได้เลยนะคะ เราก็อ่อๆ ก็รับมาแล้วก็เดินออกไปช่องจ่ายยา แต่พอเจ้าหน้าที่ๆช่องจ่ายยาเห็น ก็ตกใจอีก เพราะยาที่หมอจ่าย เป็นยาที่ต้องฉีดเข้าร่างกาย เจ้าหน้าที่ช่องจ่ายยาจึงให้เราเอากลับไปถามหมอที่ห้องฉุกเฉินว่า ให้จ่ายอันนี้ที่เป็นยาฉีด หรือจะให้จ่ายเป็นยาดเม็ด พอเดินกลับมา ก้อแจ้งกับพยาบาล พยาบาลเลยเดินไปดูที่คุณหมอ ผช. เขียนแล้วก็เดินเอาไปให้หมอแก้ไข (อ่าววว นี่คือจ่ายยาผิดเหรอ ถ้าเจ้าหน้าที่ห้องจ่ายยาไม่ทัก ก็ต้องกลับมาฉีดยากันเองเหรอ?) พอแก้ไขเสร็จเราก็เดินเอาไปที่ห้องจ่ายยาใหม่ แต่ก่อนออกมาก็บอกพี่สาวว่า เออนอนพักรอก่อน (เพราะคิดในใจว่า คงให้น้ำเกลืออีกสักพัก) พอเราเดินไปรับยาเสร็จเรียบร้อยกลับมา ก็เจอพี่สาวยืนรอข้างหน้าที่จะขึ้นรถกลับแล้ว เราก็ตกใจนึกว่าพี่สาวดื้อจะรีบกลับบ้าน เลยถามว่า กลับได้แล้วเหรอ พี่สาวบอกว่า อื้ม ก็เค้าทำแผลเสร็จ ก็ถอดสายน้ำเกลือ แล้วก็บอกว่ากลับบ้านได้ เรา งง เพิ่มไปอีก ก่อนจะเดินออกมา พี่สาวเรานึกขึ้นได้ว่า แล้วผลตรวจเลือดล่ะ เป็นไง เราก้อเออใช่ เลยเดินเข้าไปถามพยาบาลว่า ขอโทษนะคะ แล้วผลเลือดนี่คือต้องยังไง เราจะได้ผลกลับด้วยมั้ย พยาบาลมองหน้าแป๊บนึงแล้วก้มลงทำไรไม่รู้ต่อ พร้อมบอกว่า อ่อ ไม่เปนไรคะ หมอเลยให้กลับไง จขกท.เลยถามว่า อ่าวว แล้วทำไมไม่แจ้งเลยคะ คือ นี่ก็ไม่รู้ไง บอกได้แค่เท่านี้ จขกท. ก้อเดินกลับออกมา แล้วก้อพาพี่สาวกลับบ้าน
******สิ่งที่เล่ามาทั้งหมด ไม่ได้ต้องการให้ร้ายหรือว่าใคร แต่แค่อยากแสดงความคิดเห็นในมุมของญาติคนไข้กับคนไข้นิดนึงคะ ว่าบางครั้งเวลาไปโรงพยาบาลรายละเอียดหลายๆอย่าง ญาติคนไข้ก็ไม่ทราบ หรืออาจจะอยากได้คำแนะนำ ว่าต้องทำแบบไหน ใช้สิทธิ์แบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งถ้าเหตุการณ์หรือเคสที่มันไม่เร่งด่วน ก็น่าจะพอมีเวลาอธิบายกันหน่อยคะ แล้วก็อย่ารำคาญเลยเวลาญาติถามอะไร เพราะเค้าก็อยากได้ความมั่นใจจากคุณหมอหรือพยาบาลให้อุ่นใจ และในส่วนของการตรวจ เข้าใจนะคะว่ามีนักศึกษาแพทย์กำลังฝึกงาน แต่ถ้าบางอย่างยังตัดสินใจชัดเจนไม่ได้ ก็อยากให้มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญอยู่เวรด้วยจะได้คอยสอบถามให้ชัดเจน อย่างที่ จขกท. เจอเรื่องการเก็บอุจจาระ ซึ่งถามกันไปมาว่า เก็บมั้ย เอาอีกมั้ย คือ มันสร้างความงงงวยและสร้างความไม่มั่นใจในการรักษานะคะ ที่สำคัญเลย การใช้น้ำเสียงของพยาบาลและเจ้าหน้าที่ จขกท. เข้าใจคะ ว่าบางทีหน้าที่บริการก็เหนื่อยนะ บางทีก้ออยากพักนะ เข้าใจคะ แต่บางครั้งคือต้องเก็บอาการหน่อยคะ จะรำคาน หรือคุณจะทะเลาะกับใครมาให้ขุ่นข้องหมองใจ แต่เมื่อปฏิบัติหน้าที่แล้ว คุณอาจจะต้องสวมหัวโขนของคนที่ให้บริการอย่างเต็มใจด้วยนะคะ ไม่ว่าจะทั้งหน้าตาหรือน้ำเสียง
ในส่วนของความคิดเห็นทั้งหมดที่ได้แสดงไปข้างต้น ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เอากลับไปปรับแก้ไข และในส่วนดีของที่นี้ก็มีเยอะค่ะ เพราะแม่ของ จขกท. ก็เคยคลอดน้องที่นี้ บริการดี ดูแลดี แต่อาจจะเพราะปัจจัยหลายๆอย่างของเมื่อคืนเลยทำให้ จขกท. กับพี่สาวเจอเหตุการณ์แบบนี้ นี่เป็นเพียงแค่ความคิดเก็นส่วนตัวเท่านั้นนะคะ ที่อยากจะมาแชร์
ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ ที่อ่านจนจบ