สวัสดีครับ
ผมเป็นคนที่มีความกลัวในการสื่อสารกับคนอื่นที่ไม่รู้จักหรือสนิทด้วยกันน้อยตั้งแต่ยังเด็กแล้วครับ กลัวแม้แต่กระทั่งแค่จะไปสั่งอาหารก็กลัวไม่กล้าสั่ง (ไปยืนอยู่หน้าร้านแต่ไม่สั่งจนแม่ค้าต้องทัก) แต่ที่หนักที่สุดคือเวลารับโทรศัพท์ครับ เวลาต้องรับสายหรือโทรไปหาใครจะต้องนั่งตรองก่อนเป็นชั่วโมงกว่าจะมีความกล้าโทรไปหาเค้า (เป็นทุกคนจริงๆ แม้แต่แม่ของตัวเองยังไม่กล้าโทร) กว่าจะรวบรวมความกล้ามาโพสในพันทิพย์ได้ก็นานเป็นเดือน
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ด้วยความที่ผมกลัวที่จะสื่อสารกับคนอื่นมันทำให้ชีวิตผมล้มลุกคลุกคลานกับปัญหาเล็กๆ (ผมมั่นใจว่ามันเป็นปัญหาที่เล็กมากๆ ในสายตาของคนอื่นหรือจริงๆไม่ได้เป็นปัญหาเลยด้วยซ้ำ) เช่นตอนเรียนมัธยมอยู่มีการบ้านผมก็ทำครับแต่ไม่ยอมส่งเพราะไม่กล้าเข้าไปในห้องพักครู (เกือบเรียนไม่จบเพราะไม่ยอมส่งการบ้านทั้งๆ ที่ทำเสร็จแล้ว) จนเป็นเรื่องใหญ่ระดับทั้งโรงเรียนรู้เรื่องหมดตั้งแต่เพื่อนๆ, ครูและครอบครัวผมเองเพราะครูจะตามยังไงผมก็ไม่ยอมมาสอบซ่อม แต่เรื่องนี้มันผ่านไปแล้วครับต้องขอบคุณคุณครูมากๆ ที่แม้ว่ายังไงก็จะให้ผมเรียนจนจบ (ไม่ใช่ปล่อยผ่านนะครับ ลากจนผมซ่อมจนเสร็จครบทุกวิชา) จนผมสอบเข้ามหาลัยดีๆที่อยากเรียนได้อย่างเฉียดฉิว
ผมทำงานอยู่ในบริษัทหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นระดับท๊อปของสายอาชีพของผมก็ว่าได้ สวัสดิการของบริษัทก็ดีเอามากๆ แถมเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าก็ดีกับผมซะเหลือเกิน แต่เมื่อเดือนสิงหาที่ผ่านมาอยู่ๆ ก็มีก้อนเนื้อบวมออกมาภายในปากของผม แรกๆมันก็บวมไม่มากแล้วก็แตกไปผมก็ไม่ได้สนใจอะไรก็มาทำงานตามปกติ แต่ปรากฎว่ามันบวมใหม่คราวนี้มันบวมใหญ่มากจนมีปัญหาในการกินข้าวผมเลยไปหาหมอ (ใช้สวัสดิการของบริษัท) ปรากฎว่าผมเป็นท่อน้ำลายอุดตันต้องผ่าออกเลยบอกกับหัวหน้าว่าวันเสาร์อาทิตย์ผมจะไปผ่าออกที่โรงพยาบาลน่าจะมาได้วันจันทร์เลย ด้วยที่ว่าเป็นการผ่าในปากผมเลยคิดว่าคงจะเหมือนผ่าฟันคุดไม่มีอะไรมากแต่ปรากฎว่าผ่าเสร็จวันต่อมาหน้าบามเป่งเลยปวดมากๆ เลยโทรไปลากับหัวหน้า ลาไปสัปดาห์นึงก็ยังไม่หายผมก็เริ่มกลัวที่จะลางานกับหัวหน้า (ทั้งๆที่เป็นสิทธิของผมที่จะลาได้) กลัวว่าไม่ได้ทำงานให้กับบริษัทเท่าที่ควร กลายเป็นว่าผมขาดงานแล้วหายไปเลยหัวหน้าโทรตามก็ไม่รับ พี่ HR โทรมาก็ไม่รับ (พยายามติดต่อผมหลายเดือนเลยครับทั้งทางโทรศัพท์, อีเมลล์ ตลอดจนเพื่อนร่วมงานที่ผมสนิทด้วย) ผมนอนอยู่ในห้องปิดกั้นตัวเองกับสังคมแบบไม่มีใครติดต่อผมได้เลยแม้แต่ครอบครัวของผม ผมไม่ออกไปไหนเลยนอกจากออกไปซื้อข้าวแล้วกลับมาเท่านั้น เที่ยวก็ไม่เที่ยว ปีใหม่ก็อยู่คนเดียว
ผมพักอยู่ในห้องเช่าด้วยเงินเก็บของผมเองจนถึงตอนนี้ และผมก็ไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่าเช่าห้องอีกแล้ว (เป็นหนี้ค่าเช่าห้องอีก)
แน่นอนการกู้นอกระบบผมไม่ทำแน่ๆ ผมรู้ตัวว่าผมต้องกลับไปทำงานให้ได้ตั้งแต่ผมเริ่มไม่ติดต่อใครประมาณ 1-2 เดือนครับแต่ผมไม่กล้าที่จะติดต่อกลับไป ผมเริ่มจนมุมเริ่มมีแนวคิดกระโดดตึกให้มันจบๆไปเลยดีไหม (แต่ผมไม่ทำจริงๆหรอกครับกลัวเจ็บ)
ผมอยากจะออกจาก Comfort Zone ของตัวเองเสียที อยากกลับเข้าไปใน Loop เดิมๆของผมที่มันสบายและมีความสุขที่ผมจะได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ผมได้รับรู้แล้วว่าการปิดกันตัวเองกับสังคมมันช่างทรมานผมไม่เคยมีความสุขอีกเลยหลังจากผมเริ่มไม่ติดต่อกับใคร อยู่กับความหวาดกลัวทั้งๆที่ไม่มีอะไรเลย จากเรื่องเล็กจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตอลังการ ผมรู้ว่าตัวเองผิดครับ
รบกวนขอคำปรึกษาด้วยครับ ผมควรจะแก้ไขกับปัญหานี้ยังไงดี?
ผมต้องขอโทษทุกๆคนที่ทำให้เป็นห่วง ทั้งเพื่อนๆ พี่ๆที่บริษัท หัวหน้า พี่ HR ที่ดีกับผมมาตลอด และครอบครัวของผมด้วยครับ
ปล.ที่ผมเป็นอย่างนี้แต่ตอนเรียนมหาลัยกลับไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ถึงขั้นไปคุยกับที่ปรึกษาจนได้ไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศเทอมนีง
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
กลัวการสื่อสารกับคนอื่น จนชีวิตการงานพังไม่เป็นชิ้นดี
ผมเป็นคนที่มีความกลัวในการสื่อสารกับคนอื่นที่ไม่รู้จักหรือสนิทด้วยกันน้อยตั้งแต่ยังเด็กแล้วครับ กลัวแม้แต่กระทั่งแค่จะไปสั่งอาหารก็กลัวไม่กล้าสั่ง (ไปยืนอยู่หน้าร้านแต่ไม่สั่งจนแม่ค้าต้องทัก) แต่ที่หนักที่สุดคือเวลารับโทรศัพท์ครับ เวลาต้องรับสายหรือโทรไปหาใครจะต้องนั่งตรองก่อนเป็นชั่วโมงกว่าจะมีความกล้าโทรไปหาเค้า (เป็นทุกคนจริงๆ แม้แต่แม่ของตัวเองยังไม่กล้าโทร) กว่าจะรวบรวมความกล้ามาโพสในพันทิพย์ได้ก็นานเป็นเดือน
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ด้วยความที่ผมกลัวที่จะสื่อสารกับคนอื่นมันทำให้ชีวิตผมล้มลุกคลุกคลานกับปัญหาเล็กๆ (ผมมั่นใจว่ามันเป็นปัญหาที่เล็กมากๆ ในสายตาของคนอื่นหรือจริงๆไม่ได้เป็นปัญหาเลยด้วยซ้ำ) เช่นตอนเรียนมัธยมอยู่มีการบ้านผมก็ทำครับแต่ไม่ยอมส่งเพราะไม่กล้าเข้าไปในห้องพักครู (เกือบเรียนไม่จบเพราะไม่ยอมส่งการบ้านทั้งๆ ที่ทำเสร็จแล้ว) จนเป็นเรื่องใหญ่ระดับทั้งโรงเรียนรู้เรื่องหมดตั้งแต่เพื่อนๆ, ครูและครอบครัวผมเองเพราะครูจะตามยังไงผมก็ไม่ยอมมาสอบซ่อม แต่เรื่องนี้มันผ่านไปแล้วครับต้องขอบคุณคุณครูมากๆ ที่แม้ว่ายังไงก็จะให้ผมเรียนจนจบ (ไม่ใช่ปล่อยผ่านนะครับ ลากจนผมซ่อมจนเสร็จครบทุกวิชา) จนผมสอบเข้ามหาลัยดีๆที่อยากเรียนได้อย่างเฉียดฉิว
ผมทำงานอยู่ในบริษัทหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นระดับท๊อปของสายอาชีพของผมก็ว่าได้ สวัสดิการของบริษัทก็ดีเอามากๆ แถมเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าก็ดีกับผมซะเหลือเกิน แต่เมื่อเดือนสิงหาที่ผ่านมาอยู่ๆ ก็มีก้อนเนื้อบวมออกมาภายในปากของผม แรกๆมันก็บวมไม่มากแล้วก็แตกไปผมก็ไม่ได้สนใจอะไรก็มาทำงานตามปกติ แต่ปรากฎว่ามันบวมใหม่คราวนี้มันบวมใหญ่มากจนมีปัญหาในการกินข้าวผมเลยไปหาหมอ (ใช้สวัสดิการของบริษัท) ปรากฎว่าผมเป็นท่อน้ำลายอุดตันต้องผ่าออกเลยบอกกับหัวหน้าว่าวันเสาร์อาทิตย์ผมจะไปผ่าออกที่โรงพยาบาลน่าจะมาได้วันจันทร์เลย ด้วยที่ว่าเป็นการผ่าในปากผมเลยคิดว่าคงจะเหมือนผ่าฟันคุดไม่มีอะไรมากแต่ปรากฎว่าผ่าเสร็จวันต่อมาหน้าบามเป่งเลยปวดมากๆ เลยโทรไปลากับหัวหน้า ลาไปสัปดาห์นึงก็ยังไม่หายผมก็เริ่มกลัวที่จะลางานกับหัวหน้า (ทั้งๆที่เป็นสิทธิของผมที่จะลาได้) กลัวว่าไม่ได้ทำงานให้กับบริษัทเท่าที่ควร กลายเป็นว่าผมขาดงานแล้วหายไปเลยหัวหน้าโทรตามก็ไม่รับ พี่ HR โทรมาก็ไม่รับ (พยายามติดต่อผมหลายเดือนเลยครับทั้งทางโทรศัพท์, อีเมลล์ ตลอดจนเพื่อนร่วมงานที่ผมสนิทด้วย) ผมนอนอยู่ในห้องปิดกั้นตัวเองกับสังคมแบบไม่มีใครติดต่อผมได้เลยแม้แต่ครอบครัวของผม ผมไม่ออกไปไหนเลยนอกจากออกไปซื้อข้าวแล้วกลับมาเท่านั้น เที่ยวก็ไม่เที่ยว ปีใหม่ก็อยู่คนเดียว
ผมพักอยู่ในห้องเช่าด้วยเงินเก็บของผมเองจนถึงตอนนี้ และผมก็ไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่าเช่าห้องอีกแล้ว (เป็นหนี้ค่าเช่าห้องอีก) แน่นอนการกู้นอกระบบผมไม่ทำแน่ๆ ผมรู้ตัวว่าผมต้องกลับไปทำงานให้ได้ตั้งแต่ผมเริ่มไม่ติดต่อใครประมาณ 1-2 เดือนครับแต่ผมไม่กล้าที่จะติดต่อกลับไป ผมเริ่มจนมุมเริ่มมีแนวคิดกระโดดตึกให้มันจบๆไปเลยดีไหม (แต่ผมไม่ทำจริงๆหรอกครับกลัวเจ็บ)
ผมอยากจะออกจาก Comfort Zone ของตัวเองเสียที อยากกลับเข้าไปใน Loop เดิมๆของผมที่มันสบายและมีความสุขที่ผมจะได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ผมได้รับรู้แล้วว่าการปิดกันตัวเองกับสังคมมันช่างทรมานผมไม่เคยมีความสุขอีกเลยหลังจากผมเริ่มไม่ติดต่อกับใคร อยู่กับความหวาดกลัวทั้งๆที่ไม่มีอะไรเลย จากเรื่องเล็กจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตอลังการ ผมรู้ว่าตัวเองผิดครับ
รบกวนขอคำปรึกษาด้วยครับ ผมควรจะแก้ไขกับปัญหานี้ยังไงดี?
ผมต้องขอโทษทุกๆคนที่ทำให้เป็นห่วง ทั้งเพื่อนๆ พี่ๆที่บริษัท หัวหน้า พี่ HR ที่ดีกับผมมาตลอด และครอบครัวของผมด้วยครับ
ปล.ที่ผมเป็นอย่างนี้แต่ตอนเรียนมหาลัยกลับไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ถึงขั้นไปคุยกับที่ปรึกษาจนได้ไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศเทอมนีง
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ