หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
BOM AND JOURNEY | 9 วัน 8 คืน ที่หลงรัก 'ญี่ปุ่น' จนหัวปักหัวปำ - EP.2
กระทู้สนทนา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวญี่ปุ่น
โตเกียว
ภาพถ่าย
EP.2 | Tokyo - Kawagoe
Asakusa - Akihabara - Nakameguro - Tsukiji - Ginza - Odiba
Harajuku - Cat Street - Shibuya - Kawagoe
หลังจากโบกมืออำลา Kawaguchiko และฟูจิซังในพาร์ทก่อนหน้านี้ไป...ก็หลับเป็นตายบนรถเกือบสองชั่วโมง จนผมก็ได้มาถึง ‘โตเกียว’ เมืองหลวงที่ชื่อน่า-ที่สุดในโลก ให้ตายเถอะ! ทำไมคนมันเยอะแบบนี้วะ! ทั้งเร่ง ทั้งรีบ จนถีบความสโลว์ไลฟ์ที่กูเพิ่งได้มาจากฟูจิทิ้งไปเลย คืนแรกไม่ได้ไปไหนครับ พักอยู่ที่ห้องแล้วก็เดินสำรวจย่าน Asakusa ย่านที่พักของเรา เอาจริงแค่คืนแรกนี่ก็เสียตังค์ไปกับการเข้าดองกี้เพื่อนรัก ร้านขายของใกล้ที่พักที่มีตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบให้ซื้อ แล้วไหนจะค่าขนมจุกจิกเยอะมากจาก Seven Lawson Familymart อีก
มีแต่ขนมน่ารักน่ากินราคาไม่แพงแถมยังอร่อยทั้งนั้น
Day5 > Asakusa – Akihabara – Nagamekuro
เช้าวันรุ่งขึ้น เราเริ่มเที่ยวจากใกล้ๆที่พักนั่นก็คือวัด Sensoji หรือวัดที่มีโคมแดงๆที่คนเค้าชอบไปถ่ายรูปนั่นล่ะครับ จุดเด่นของวัดนี้นอกจากโคมแดงอันใหญ่แล้ว ก็มีถนนคนเดินเล็กๆที่ทอดยาวเข้าไปภายในวัดที่สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านของฝากและขนมมากมาย ถ้ามาสายหรือวันเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะมากนะครับ และอีกอย่างที่คนเค้านิยมทำการที่วัดนี้ก็คือการเอาธูปไปปักที่กระถังตรงกลางวัด แล้วปัดเอาควันเข้าตัวเอง เคยอ่านเจอมาเค้าบอกว่า ถ้าอยากให้เกิดผลดีกับตรงไหนก็ให้ปัดเข้าส่วนนั้น เช่น อยากให้มีเงินทองโชคลาภก็ควักควันเข้ากระเป๋า ถ้าอยากให้หัวดีเรียนเก่งก็ควักเข้าที่หัว ผมนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ ควักเข้าทั้งตัวเลย!!! ขอทุกๆส่วนแบบเน้นๆ 555
จากนั้นก็นั่งรถไฟมาที่ย่าน Akihabara ย่านนี้คือสวรรค์ของคนรักกล้องเครื่องใช้ไอทีทั้งหลาย รวมไปถึงนักสะสมฟิกเกอร์ทั้งหลายก็ห้ามพลาดเพราะมีเยอะมาก และอีกหนึ่งความเด็กของย่านนี้ คือมันมีตึกชื่อว่า POP Life เป็นตึกที่รวม sex toy ไว้ทั้งตึกเลยครับ ใครอยากเข้าใกล้ความฝันวัยเด็กก็แวะไปกันได้ ตระกรานตาทั้งตึก! โคตรจริงจัง!!! 555
เราเปลี่ยนมาคุยเรื่องกล้องกันดีกว่าครับ 555 ห้างที่ผมจะแนะนำสำหรับคนรักกล้องนั่นก็คือ Yodobashi ที่นี่มีทุกแบบทุกค่ายทุก gadget ที่ต้องการ ใครกำลังมองหาอะไรที่เกี่ยวกับกล้อง ผมว่าทุกอย่างจบได้ที่นี่เลย แต่ถ้าใครชอบเดินก็ลองเดินๆซอกแซกไปตามย่านก็ได้ครับ น่าเจอร้านอื่นๆอีกเหมือนกัน แต่ถ้าใครขี้เกียจ Yodobashi ตอบโจทย์สุดๆ ให้อยู่ทั้งวันก็ไม่เบื่อ
เสร็จจาก Akihabara ฟ้าก็มืดพอดี นึกขึ้นได้ว่ามีอีกที่ที่โคตรน่าไปแต่คนโสดอาจเหงาตายได้ เพราะมันมีแต่คนเค้ามาเดินดูไฟกันเป็นคู่ 555 นั่นก็คือ Naka-meguro ครับ จุดเด่นของย่านนี้คือจะมีคลองเล็กๆที่สองฝั่งเต็มไปด้วยต้นซากุระทอดเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา คือถ้าหน้าซากุระคลองนี้ก็จะกลายเป็นอุโมงค์ซากุระสีชมพู แต่พอหน้าหนาวแบบนี้ต้นซากุระเหลือแต่ก้าน เค้าก็เลยเอาไฟมาประดับ กลายเป็นอุโมงค์ไฟระยิบระยับท่ามกลางอากาศหนาวที่โคตรสวยและฟินเลยจริงๆ ...เป็นกำลังใจให้ไฟ 39 ล้านบ้านเราด้วยครับ ได้แต่ภาวนาว่าสักวันเราจะได้เห็นอะไรแบบนี้ที่บ้านเราบ้าง 555
Day6 > Tsukiji – Ginza - Odiba
แม้จะไม่ได้แหกตาตื่นมาดูประมูลทูน่า แต่ได้มาเดินกินปลาถึงที่ก็โอเค! Tsukiji เป็นหนึ่งที่ที่ผมอยากมามาก ความจริงไฮไลท์ของที่นี่คือการมาดูการประมูลปลาทูน่าตัวใหญ่ๆยักษ์ๆ ซึ่งก็ต้องมาจองคิวกันตั้งแต่ตีสามตีสี่เลยครับ แล้วเค้าก็จำกัดคนเข้าด้วย แต่ยอมรับเลยครับว่าตื่นไม่ไหวและก็ไกลจากที่พักพอสมควรเลย แต่ก็ไม่เป็นไรยังไงก็ได้มาเดินกินปลาดิบถึงตลาดปลาชื่อดังของญี่ปุ่นก็โอเคแล้ว ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเราควรจะไปเดินตรงไหน มันมีหลายซอกหลายซอยเหมือนกัน เอาเป็นว่าให้ดูไว้ ตรงไหนคนเยอะๆก็เดินเข้าไปในซอยนั้นล่ะครับ ที่เหลือก็ตามใจปากแล้วฟาดให้เรียบ มีให้กินตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยแถมมีหลายซอยอีก555
เสร็จจากตลาดปลาชนิดที่ว่าตัวยังไม่หายเหม็น เราเปลี่ยนอารมณ์แบบโคตรคอนทราสมาเดินช้อปกันที่ย่านหรูที่นึกว่าอยู่ New York นั่นก็คือย่าน Ginza นั่นเอง ย่านนี้คอแบรนด์เนมห้ามพลาดครับ Shop ทั้งหลายตั้งเรียงรายรอดูดเงินในกระเป๋ายาวไปตามสองฝั่งถนนเลยทีเดียว ใครสายแบรนด์เนมผมว่าที่นี่เดินง่ายกว่าพวก Shibuya – Harajuku เยอะ อีกอย่างผมชอบ location ที่นี่นะถนนมันสวยดี ฟีลคล้ายๆนิวยอร์กเลย
ก่อนกลับที่พักเราก็นั่งรถไฟกันยาวๆไป Odiba เพื่อที่จะไปถ่ายรูปกับ Gundam ยักษ์ที่เค้ากำลังจะรื้อในปีหน้าแล้ว ความจริงผมไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แต่พอไปเห็นใกล้ๆก็รู้สึกว่ามันโคตรเท่ห์เลย ซึ่งนอกจากกันดั้มแล้ว ที่โอไดบะยังมี Ferris Wheel ชิงช้าสวรรค์ที่มีความสูงติดอันดับโลก และ Rainbow Bridge หรือสะพานสายรุ้งที่เป็นสัญลักษณ์ของโอไดบะอีกด้วย ความจริงผมถ่ายรูปมานะครับแต่ไปเสิร์ชกูเกิลเอาดีกว่า จะได้รู้สึกว่ามันน่าไปขนาดไหน 555 (ฝีมือกาก)
Day7 > harajuku – Cat Street - Shibuya
มาญี่ปุ่นทั้งทีจะไม่เดินย่านฮิตอย่างชิบูย่า ฮาราจุกุได้ไง เริ่มต้นวันแบบใสๆด้วยการไป Slow life กับศาลเจ้าเมจิย่านฮาราจุกุ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่ที่ผมชอบมากๆเลยครับ มันเป็นเหมือนปอดกลางเมืองเลย ทางเข้าศาลเจ้าเป็นอุโมงค์ต้นไม้ยาวประมาณกิโลได้มั้งโคตรร่มรื่น ด้านในวัดก็เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่สวยงามเลย โดยที่ก่อนมาผมอ่านจากหนังสือไกด์บุ๊ค เค้าบอกว่าถ้าโชคดีก็จะได้เห็นพิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่นที่ศาลเจ้าแห่งนี้ และความโชคดีมันก็เกิดกับผมครับ เค้ามีงานแต่งพอดี!!! สวยงามมากครับ
จากศาลเจ้าเมจิเราก็เดินไปตามย่าน Harajuku เพื่อที่จะเดินไป Cat Street และเชื่อมเข้าสู่ Shibuya ทั้งสามที่นี้จะเป็นย่านวัยรุ่นย่านแฟชั่นคล้ายๆกันหมดครับ จะต่างก็ตรงบรรยากาศของแต่ละย่านนี่แหละ เริ่มกันที่ Harajuku ก่อนเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเย็นวันศุกร์ หรือใกล้เทศกาลอะไรยังไง เหมือนกูเดินอยู่สงกรานต์สีลมเลยจริงๆ 5555 คนโคตรเยอะ อยากตะโกนถามว่าไปไหนก๊านนน!!! ยังดีที่อากาศหนาวและบ้านเมืองมันน่าเดินนะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าหน้าร้อนจะเป็นยังไง ส่วนใครสาวก LINE แวะไปแบ๊วกันที่ LINE FRIENDS STORE กันได้ครับ อยู่ในฮาราจุกุนี่แหละ
หายใจได้โล่งขึ้น หลังจากเลี้ยวเข้าซอย Cat Street ถนนเล็กๆที่โคตรชิล สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านเก๋ๆจากแบรนด์ท้องถิ่นสลับกับแบรนด์ใหญ่ที่มีให้เห็นบ้าง ย่านนี้สายช้อปชิลๆต้องมานะ มันชิลจริง
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
รบกวนช่วยตรวจทริป โตเกียว17-22เมย58หน่อยค่ะ
รบกวนช่วยตรวจทริป โตเกียว17-22เมย58หน่อยค่ะ Day1. 18 apr 15 - shinjuku - shibuya - harajuku Day2. 19apr 15 -kawaguchigo Day3. 20apr 15 -yokohama -odiba Day4. 21apr 15 - ueno -asakusa -tokyo sky
สมาชิกหมายเลข 2167710
รบกวนขอช่วยตรวจทริปญี่ปุ่น 12 วัน (5 มีนา-17มีนา) ให้หน่อยครับ
วันที่ 5 มีนา เดินทางตอนเย็นๆ แวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ถึงนาริตะ เช้าวันที่ 6 มีนา วันที่ 1 - ถึงโตเกียว 6.15 am (by cathay pacific) แลก Jr pass - นั่ง NEX เข้าเมือง แล้วเอากระเป๋าฝากไว้ที่ รร แถว
สมาชิกหมายเลข 744534
รบกวนตรวจสอบ/แนะนำแพลนเที่ยวโตเกียว พย-ธค 2025
รบกวนสอบถามแพลนเที่ยวโตเกียวและรอบๆค่ะ แพลนไว้ตามนี้แต่ไม่แน่ใจว่ามันแน่นไปไหม หรือการเดินทางในแต่ละวันมันยุ่งยากหรือเหนื่อยไปไหม มีวันว่างที่ยังไม่รู้จะใส่อะไร 1 วัน คือวันที่ 4 Dec ก่อนกลับ ขอบคุณ
BlackButter
Plan Trip Tokyo ประมาณ 5 วัน จัดแบบนี้ได้ไหมครับ?
อันนี้เป็น Plan ญี่ปุ่น 5 วัน แบบคร่าวๆ แบบนี้พอไหวไหมครับ อยู่แถวๆ Tokyo สมควรเพิ่มลดอะไรตรงไหนได้บ้างครับ 1) Asakusa - Ueno - Tokyo Skytree 2) Imperial Palace - Tokyo Station - Odiba 3) Tsukijt M
Field Marshal
ผมซื้อ Kanto pass คุ้มหรือไม่ และสามารถนั่งจากNarita Airportมาที่พักที่Ikebukuroได้หรือเปล่าครับ
แผนการของผมคือ วันที่1 Ueno zoo,Asakusa,Akihabara วันที่2 Tokyo Disneyland,imperial palace วันที่3 GALA Yuazawa ski resort,Odaiba วันที่4 Kawaguchiko วันที่5 Ghibli,Kinoiji,Yokohama วันที่6 ตลาดปลาTsu
สมาชิกหมายเลข 1767396
ช่วยแนะนำ+เช็คแผนการเดินทางเที่ยวโตเกียวหน่อยค่ะ
16 MAY 2016 ASAKUSA /SEOJOJI TEMPLE UENO / UENO PARK AMEYOKO AKIHABARA TOKYO SKY TREE 17 MAY 2016 KAWAGUCHIKO / MT. FUJI SHOPPING SHINJUKU + HARAJUKU 18 MAY 2016 TSUKIJI FISH MARKET TOKYO DISNEYLA
เต้าหู้อะจิ
ช่วยตรวจแพลนเที่ยวโตเกียวหน่อยค่ะ ไปคนเดียวเดือนหน้า
Day1: ถึงโตเกียวประมาณสายๆค่ะ พักแถว Ueno แพลนไป -National Museum -Ueno Park -Ameyoko -Asakusa (Sensoji, Nakamise,Tokyo Skytree) -Akihabara Day2: ไปดูชิบะซากุระค่ะ และเดินเล่นแถวๆคาวากูจิโกะนิดหน่อย
imladyz
รบกวนตรวจแพลนเที่ยวโตเกียวและเมืองรอบๆ ทีค่ะ
:Oเดินทางไปโตเกียวธันวานี้ค่ะ รบกวนตรวจแพลนให้ทีค่ะ ไปครั้งแรกเลย เพิ่มเติมหรือลดตรงไหนแนะนำได้เลยนะคะ:) Day 1 - 7.45 Narita ไปเก็บกระเป๋าี่โรงแรมย่าน Ueno - Harajuku - Shibuya Day 2 Tokyo Wide Pa
สมาชิกหมายเลข 1418764
รบกวนช่วยตรวจการบ้านทริปโตเกียวให้หน่อยครับ
ทริปนี้อยู่โตเกียว 7 วัน 6 คืน ครับ จองโรงแรมไว้ใกล้สถานี JR UENO ครับ ไม่ได้ซื้อ Japan pass ครับ แต่จะใช้ Suica pass เอา วันที่ 29 กย ถึง นาริตะสายๆ นั่ง Keisei skyliner จากนาริตะถึง ueno แล้วเอาก
สมาชิกหมายเลข 1216088
ช่วยดูให้หน่อยครับกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่น มีอะไรผิดพลาดบ้างรึเปล่าครับ
ตอนนี้ที่เตรียมไำว้ ***กำลังจะเดินทางวันอังคารนี้ครับ เป็นนักศึกษาอยู่ครับ อายุ (19) ไป backpack ครั้งแรกครับ** ใบรับรองการเป็นนักศึกษาภาษาอังกฤษ , passport , pocket wifi , ไกด์บุ้ค , แล้วก็พวกข้อมูลๆ
ไคกิ เดชู
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวญี่ปุ่น
โตเกียว
ภาพถ่าย
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 5.8 พัน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
BOM AND JOURNEY | 9 วัน 8 คืน ที่หลงรัก 'ญี่ปุ่น' จนหัวปักหัวปำ - EP.2
Asakusa - Akihabara - Nakameguro - Tsukiji - Ginza - Odiba
Harajuku - Cat Street - Shibuya - Kawagoe
หลังจากโบกมืออำลา Kawaguchiko และฟูจิซังในพาร์ทก่อนหน้านี้ไป...ก็หลับเป็นตายบนรถเกือบสองชั่วโมง จนผมก็ได้มาถึง ‘โตเกียว’ เมืองหลวงที่ชื่อน่า-ที่สุดในโลก ให้ตายเถอะ! ทำไมคนมันเยอะแบบนี้วะ! ทั้งเร่ง ทั้งรีบ จนถีบความสโลว์ไลฟ์ที่กูเพิ่งได้มาจากฟูจิทิ้งไปเลย คืนแรกไม่ได้ไปไหนครับ พักอยู่ที่ห้องแล้วก็เดินสำรวจย่าน Asakusa ย่านที่พักของเรา เอาจริงแค่คืนแรกนี่ก็เสียตังค์ไปกับการเข้าดองกี้เพื่อนรัก ร้านขายของใกล้ที่พักที่มีตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบให้ซื้อ แล้วไหนจะค่าขนมจุกจิกเยอะมากจาก Seven Lawson Familymart อีก
Day5 > Asakusa – Akihabara – Nagamekuro
เช้าวันรุ่งขึ้น เราเริ่มเที่ยวจากใกล้ๆที่พักนั่นก็คือวัด Sensoji หรือวัดที่มีโคมแดงๆที่คนเค้าชอบไปถ่ายรูปนั่นล่ะครับ จุดเด่นของวัดนี้นอกจากโคมแดงอันใหญ่แล้ว ก็มีถนนคนเดินเล็กๆที่ทอดยาวเข้าไปภายในวัดที่สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านของฝากและขนมมากมาย ถ้ามาสายหรือวันเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะมากนะครับ และอีกอย่างที่คนเค้านิยมทำการที่วัดนี้ก็คือการเอาธูปไปปักที่กระถังตรงกลางวัด แล้วปัดเอาควันเข้าตัวเอง เคยอ่านเจอมาเค้าบอกว่า ถ้าอยากให้เกิดผลดีกับตรงไหนก็ให้ปัดเข้าส่วนนั้น เช่น อยากให้มีเงินทองโชคลาภก็ควักควันเข้ากระเป๋า ถ้าอยากให้หัวดีเรียนเก่งก็ควักเข้าที่หัว ผมนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ ควักเข้าทั้งตัวเลย!!! ขอทุกๆส่วนแบบเน้นๆ 555
จากนั้นก็นั่งรถไฟมาที่ย่าน Akihabara ย่านนี้คือสวรรค์ของคนรักกล้องเครื่องใช้ไอทีทั้งหลาย รวมไปถึงนักสะสมฟิกเกอร์ทั้งหลายก็ห้ามพลาดเพราะมีเยอะมาก และอีกหนึ่งความเด็กของย่านนี้ คือมันมีตึกชื่อว่า POP Life เป็นตึกที่รวม sex toy ไว้ทั้งตึกเลยครับ ใครอยากเข้าใกล้ความฝันวัยเด็กก็แวะไปกันได้ ตระกรานตาทั้งตึก! โคตรจริงจัง!!! 555
เราเปลี่ยนมาคุยเรื่องกล้องกันดีกว่าครับ 555 ห้างที่ผมจะแนะนำสำหรับคนรักกล้องนั่นก็คือ Yodobashi ที่นี่มีทุกแบบทุกค่ายทุก gadget ที่ต้องการ ใครกำลังมองหาอะไรที่เกี่ยวกับกล้อง ผมว่าทุกอย่างจบได้ที่นี่เลย แต่ถ้าใครชอบเดินก็ลองเดินๆซอกแซกไปตามย่านก็ได้ครับ น่าเจอร้านอื่นๆอีกเหมือนกัน แต่ถ้าใครขี้เกียจ Yodobashi ตอบโจทย์สุดๆ ให้อยู่ทั้งวันก็ไม่เบื่อ
เสร็จจาก Akihabara ฟ้าก็มืดพอดี นึกขึ้นได้ว่ามีอีกที่ที่โคตรน่าไปแต่คนโสดอาจเหงาตายได้ เพราะมันมีแต่คนเค้ามาเดินดูไฟกันเป็นคู่ 555 นั่นก็คือ Naka-meguro ครับ จุดเด่นของย่านนี้คือจะมีคลองเล็กๆที่สองฝั่งเต็มไปด้วยต้นซากุระทอดเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา คือถ้าหน้าซากุระคลองนี้ก็จะกลายเป็นอุโมงค์ซากุระสีชมพู แต่พอหน้าหนาวแบบนี้ต้นซากุระเหลือแต่ก้าน เค้าก็เลยเอาไฟมาประดับ กลายเป็นอุโมงค์ไฟระยิบระยับท่ามกลางอากาศหนาวที่โคตรสวยและฟินเลยจริงๆ ...เป็นกำลังใจให้ไฟ 39 ล้านบ้านเราด้วยครับ ได้แต่ภาวนาว่าสักวันเราจะได้เห็นอะไรแบบนี้ที่บ้านเราบ้าง 555
Day6 > Tsukiji – Ginza - Odiba
แม้จะไม่ได้แหกตาตื่นมาดูประมูลทูน่า แต่ได้มาเดินกินปลาถึงที่ก็โอเค! Tsukiji เป็นหนึ่งที่ที่ผมอยากมามาก ความจริงไฮไลท์ของที่นี่คือการมาดูการประมูลปลาทูน่าตัวใหญ่ๆยักษ์ๆ ซึ่งก็ต้องมาจองคิวกันตั้งแต่ตีสามตีสี่เลยครับ แล้วเค้าก็จำกัดคนเข้าด้วย แต่ยอมรับเลยครับว่าตื่นไม่ไหวและก็ไกลจากที่พักพอสมควรเลย แต่ก็ไม่เป็นไรยังไงก็ได้มาเดินกินปลาดิบถึงตลาดปลาชื่อดังของญี่ปุ่นก็โอเคแล้ว ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเราควรจะไปเดินตรงไหน มันมีหลายซอกหลายซอยเหมือนกัน เอาเป็นว่าให้ดูไว้ ตรงไหนคนเยอะๆก็เดินเข้าไปในซอยนั้นล่ะครับ ที่เหลือก็ตามใจปากแล้วฟาดให้เรียบ มีให้กินตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยแถมมีหลายซอยอีก555
เสร็จจากตลาดปลาชนิดที่ว่าตัวยังไม่หายเหม็น เราเปลี่ยนอารมณ์แบบโคตรคอนทราสมาเดินช้อปกันที่ย่านหรูที่นึกว่าอยู่ New York นั่นก็คือย่าน Ginza นั่นเอง ย่านนี้คอแบรนด์เนมห้ามพลาดครับ Shop ทั้งหลายตั้งเรียงรายรอดูดเงินในกระเป๋ายาวไปตามสองฝั่งถนนเลยทีเดียว ใครสายแบรนด์เนมผมว่าที่นี่เดินง่ายกว่าพวก Shibuya – Harajuku เยอะ อีกอย่างผมชอบ location ที่นี่นะถนนมันสวยดี ฟีลคล้ายๆนิวยอร์กเลย
ก่อนกลับที่พักเราก็นั่งรถไฟกันยาวๆไป Odiba เพื่อที่จะไปถ่ายรูปกับ Gundam ยักษ์ที่เค้ากำลังจะรื้อในปีหน้าแล้ว ความจริงผมไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แต่พอไปเห็นใกล้ๆก็รู้สึกว่ามันโคตรเท่ห์เลย ซึ่งนอกจากกันดั้มแล้ว ที่โอไดบะยังมี Ferris Wheel ชิงช้าสวรรค์ที่มีความสูงติดอันดับโลก และ Rainbow Bridge หรือสะพานสายรุ้งที่เป็นสัญลักษณ์ของโอไดบะอีกด้วย ความจริงผมถ่ายรูปมานะครับแต่ไปเสิร์ชกูเกิลเอาดีกว่า จะได้รู้สึกว่ามันน่าไปขนาดไหน 555 (ฝีมือกาก)
Day7 > harajuku – Cat Street - Shibuya
มาญี่ปุ่นทั้งทีจะไม่เดินย่านฮิตอย่างชิบูย่า ฮาราจุกุได้ไง เริ่มต้นวันแบบใสๆด้วยการไป Slow life กับศาลเจ้าเมจิย่านฮาราจุกุ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่ที่ผมชอบมากๆเลยครับ มันเป็นเหมือนปอดกลางเมืองเลย ทางเข้าศาลเจ้าเป็นอุโมงค์ต้นไม้ยาวประมาณกิโลได้มั้งโคตรร่มรื่น ด้านในวัดก็เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่สวยงามเลย โดยที่ก่อนมาผมอ่านจากหนังสือไกด์บุ๊ค เค้าบอกว่าถ้าโชคดีก็จะได้เห็นพิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่นที่ศาลเจ้าแห่งนี้ และความโชคดีมันก็เกิดกับผมครับ เค้ามีงานแต่งพอดี!!! สวยงามมากครับ
จากศาลเจ้าเมจิเราก็เดินไปตามย่าน Harajuku เพื่อที่จะเดินไป Cat Street และเชื่อมเข้าสู่ Shibuya ทั้งสามที่นี้จะเป็นย่านวัยรุ่นย่านแฟชั่นคล้ายๆกันหมดครับ จะต่างก็ตรงบรรยากาศของแต่ละย่านนี่แหละ เริ่มกันที่ Harajuku ก่อนเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเย็นวันศุกร์ หรือใกล้เทศกาลอะไรยังไง เหมือนกูเดินอยู่สงกรานต์สีลมเลยจริงๆ 5555 คนโคตรเยอะ อยากตะโกนถามว่าไปไหนก๊านนน!!! ยังดีที่อากาศหนาวและบ้านเมืองมันน่าเดินนะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าหน้าร้อนจะเป็นยังไง ส่วนใครสาวก LINE แวะไปแบ๊วกันที่ LINE FRIENDS STORE กันได้ครับ อยู่ในฮาราจุกุนี่แหละ
หายใจได้โล่งขึ้น หลังจากเลี้ยวเข้าซอย Cat Street ถนนเล็กๆที่โคตรชิล สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านเก๋ๆจากแบรนด์ท้องถิ่นสลับกับแบรนด์ใหญ่ที่มีให้เห็นบ้าง ย่านนี้สายช้อปชิลๆต้องมานะ มันชิลจริง