ครอบครัวผม มี 3 คน ผม แฟน และลูกชาย 14ปี ไปเที่ยวกับครอบครัว A มี 4 คน พ่อ แม่ ลูกชาย 14 ปี (เพื่อนกับลูกชายผม) และลูกชาย 10 ขวบ
ไปเที่ยวภาคเหนือ ต่างคนต่างนั้งเครื่องและเช่ารถขับกัน แต่เรื่องกินจะกินด้วยกัน และหารกันคนละครึ่ง ส่วนที่พัก พักที่เดียวกันตลอดจองกันไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว ห้องใครห้องมันจ่ายแยกกัน แต่มีอยู่คืนหนึ่งไปพักบนดอย ครอบครัวผมจองห้องราคา 2พัน มี 3เตียงเล็ก และ 1ห้องน้ำ ครอบครัว A จองห้องใหญ่ราคา 4พัน มี 1เตียงคิงไชด์ 1 เตียงควีนไชด์ 2 เตียงเล็ก 1 ห้องน้ำ (คือเค้าจองห้องสำหรับ6คนไป) วันนั้นเข้าเช็คอินเรียบร้อย กำลังจัดของออกจากกระเป๋า ครอบครัว A ก็เดินมาชวนบอกให้ไปดูห้องเค้าหน่อย บอกว่ามันใหญ่มาก ชวนไปนอนห้องเดียวกัน เด็กๆจะได้อยู่ด้วยกันและจะได้ประหยัด ทางเราก็เดินไปดู
ก็เห็นว่าใหญ่พอ แต่ติดที่ห้องน้ำห้องเดียว คนตั้ง7คน แต่ด้วยความเกรงใจเลยตอบตกลง ทางครอบครัว A เลยไปคุยต่อรองกับเจ้าของ ตอนแรกทางเจ้าของไม่ยินยอมเพราะถ้ายกเลิกห้องผมที่ราคา 2พันไป คืนนี้ก็ต้องปล่อยว่าง แต่ดูเหมือนสักพักน่าจะมีลูกค้าโทรมาขอเข้าพัก เค้าเลยยอมแต่ขอเก็บห้องใหญ่จาก
4000 เป็น 4500 ครอบครัวA ก็ตกลง สรุปเลยนอนห้องเดียวกัน ผมกับแฟน นอนเตียงควีนไชด์ ลูกชายผมนอนเตียงเล็ก ครอบครัว A นอนเตียงคิงไชด์ กับเตียงเล็ก
ผมเองก็ไม่ได้คุยกับครอบครัว A ว่าสุดท้ายค่าห้องคืนนี้ของแต่ละครอบครัวเป็นยังไง จนคืนสุดท้ายทางครอบครัวA เอาค่าใช้จ่ายค่าที่พักคืนนั้นมาให้บอกว่าผมต้องจ่ายค่าห้องคืนนั้นเพิ่ม 250 บาท คิดจาก ห้องละ 4500 หารครึ่ง ตกครอบครัวละ 2250 ผมจ่ายไปแล้ว 2000 ดังนั้นต้องจ่ายเพิ่ม 250 (ในขณะที่ครอบครัว A จ่ายไปแล้ว 4000 แต่จะเหลือจ่ายใหม่แค่ 2250 เท่ากับว่าได้เงินคืน 1750 ) ผมฟังแล้วสดุง เลยตอบไปว่า ผมคิดว่าผมเองไม่ควรจ่ายเพิ่มนะ ควรจ่ายเท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิม ผมอุตสาไปแชร์ห้องด้วยจากที่นอนสบายๆ 3เตียงกับ 1 ห้องน้ำแถมมีความเป็นส่วนตัวด้วย โดนเค้าตอบกลับมาว่าบ้านเค้าก็นอนลำบากเหมือนกัน เรื่องค่าใช้จ่ายมันต้องคิดแบบใหม่ ต้องคิดเหมือนว่าทั้ง2ครอบครัวมาเช่าห้องนี้ใหม่ ที่จ่ายกันก่อนหน้านี้ยกเลิก ถ้าผมชีเรียสเรื่องเงินแค่250
เค้าไม่เก็บเพิ่มก็ได้ ให้ผมออกเท่าเดิม 2000 เค้าออก 2500
ผมฟังแล้วอึ้งเลย คืนนั้น ไม่อยากทะเลาะให้เสียบรรยากาศเลยยอมๆไป แต่สุดท้ายกลับมาผมทนไม่ไหวเลยโต้ตอบกันทางไลน์ ทั้ง2ฝ่ายก็ยังใช้เหตุผลของตัวะองว่าตัวเองคิดแบบนี้และถูกแล้ว
เลยอยากจะขอความเห็นว่า case แบบนี้วิธีคิดของครอบครัวไหนถูก
ขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้าครับ
ช่วยตอบหน่อยครับ case นี้ควรคิดแบบไหน
ไปเที่ยวภาคเหนือ ต่างคนต่างนั้งเครื่องและเช่ารถขับกัน แต่เรื่องกินจะกินด้วยกัน และหารกันคนละครึ่ง ส่วนที่พัก พักที่เดียวกันตลอดจองกันไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว ห้องใครห้องมันจ่ายแยกกัน แต่มีอยู่คืนหนึ่งไปพักบนดอย ครอบครัวผมจองห้องราคา 2พัน มี 3เตียงเล็ก และ 1ห้องน้ำ ครอบครัว A จองห้องใหญ่ราคา 4พัน มี 1เตียงคิงไชด์ 1 เตียงควีนไชด์ 2 เตียงเล็ก 1 ห้องน้ำ (คือเค้าจองห้องสำหรับ6คนไป) วันนั้นเข้าเช็คอินเรียบร้อย กำลังจัดของออกจากกระเป๋า ครอบครัว A ก็เดินมาชวนบอกให้ไปดูห้องเค้าหน่อย บอกว่ามันใหญ่มาก ชวนไปนอนห้องเดียวกัน เด็กๆจะได้อยู่ด้วยกันและจะได้ประหยัด ทางเราก็เดินไปดู
ก็เห็นว่าใหญ่พอ แต่ติดที่ห้องน้ำห้องเดียว คนตั้ง7คน แต่ด้วยความเกรงใจเลยตอบตกลง ทางครอบครัว A เลยไปคุยต่อรองกับเจ้าของ ตอนแรกทางเจ้าของไม่ยินยอมเพราะถ้ายกเลิกห้องผมที่ราคา 2พันไป คืนนี้ก็ต้องปล่อยว่าง แต่ดูเหมือนสักพักน่าจะมีลูกค้าโทรมาขอเข้าพัก เค้าเลยยอมแต่ขอเก็บห้องใหญ่จาก
4000 เป็น 4500 ครอบครัวA ก็ตกลง สรุปเลยนอนห้องเดียวกัน ผมกับแฟน นอนเตียงควีนไชด์ ลูกชายผมนอนเตียงเล็ก ครอบครัว A นอนเตียงคิงไชด์ กับเตียงเล็ก
ผมเองก็ไม่ได้คุยกับครอบครัว A ว่าสุดท้ายค่าห้องคืนนี้ของแต่ละครอบครัวเป็นยังไง จนคืนสุดท้ายทางครอบครัวA เอาค่าใช้จ่ายค่าที่พักคืนนั้นมาให้บอกว่าผมต้องจ่ายค่าห้องคืนนั้นเพิ่ม 250 บาท คิดจาก ห้องละ 4500 หารครึ่ง ตกครอบครัวละ 2250 ผมจ่ายไปแล้ว 2000 ดังนั้นต้องจ่ายเพิ่ม 250 (ในขณะที่ครอบครัว A จ่ายไปแล้ว 4000 แต่จะเหลือจ่ายใหม่แค่ 2250 เท่ากับว่าได้เงินคืน 1750 ) ผมฟังแล้วสดุง เลยตอบไปว่า ผมคิดว่าผมเองไม่ควรจ่ายเพิ่มนะ ควรจ่ายเท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิม ผมอุตสาไปแชร์ห้องด้วยจากที่นอนสบายๆ 3เตียงกับ 1 ห้องน้ำแถมมีความเป็นส่วนตัวด้วย โดนเค้าตอบกลับมาว่าบ้านเค้าก็นอนลำบากเหมือนกัน เรื่องค่าใช้จ่ายมันต้องคิดแบบใหม่ ต้องคิดเหมือนว่าทั้ง2ครอบครัวมาเช่าห้องนี้ใหม่ ที่จ่ายกันก่อนหน้านี้ยกเลิก ถ้าผมชีเรียสเรื่องเงินแค่250
เค้าไม่เก็บเพิ่มก็ได้ ให้ผมออกเท่าเดิม 2000 เค้าออก 2500
ผมฟังแล้วอึ้งเลย คืนนั้น ไม่อยากทะเลาะให้เสียบรรยากาศเลยยอมๆไป แต่สุดท้ายกลับมาผมทนไม่ไหวเลยโต้ตอบกันทางไลน์ ทั้ง2ฝ่ายก็ยังใช้เหตุผลของตัวะองว่าตัวเองคิดแบบนี้และถูกแล้ว
เลยอยากจะขอความเห็นว่า case แบบนี้วิธีคิดของครอบครัวไหนถูก
ขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้าครับ