Mon, Sep 19
ทริปนี้เริ่มต้นจากการที่ผมกำลังนั่งเล่น facebook ไปเรื่อยเปื่อย ก็บังเอิญไปเห็นโปรโมชั่นของสายการบิน Malaysia Airlines ไป-กลับ กรุงเทพ-ญี่ปุ่น รวมทุกอย่างแล้วแค่ 9,665 บาท ตาผมนี่ลุกวาวเป็นไข่ห่านเลยครับ เปิด planner เช็คว่าทำงานวันสุดท้ายของปีถึงวันที่เท่าไหร่ ซึ่งคือวันที่ 23 ธันวา 2559 งั้นบิน 24 ธันวา เลยดีกว่า จะได้ไปฉลองคริสต์มาส วันเกิด แล้วก็ปีใหม่ที่ญี่ปุ่นพร้อมกันทีเดียวเลย แต่ก่อนที่จะกดจองตั๋ว ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆว่าจะไม่ได้ไปวันนี้ เพราะที่บริษัทผมชอบมี last minute change ผมก็เลย whatsapp ไปถามบอสว่า คริสต์มาสเบรคเริ่มเมื่อไหร่ บอสตอบกลับมาว่า "This year we might not have it. We could be going to Jakarta from Dec 26 to 29. Do keep ur celebrations 30th onwards." เท่านั้นแหละครับ ความฝันก็พังทลายลงมาในพริบตา ต้องไปฉลองวันเกิดอินโดเหรอ ม่ายยย ผมก็เลยลองเช็คตั๋วเล่นๆว่าถ้าสมมติไป 30 ธันวา หลังจากกลับมาจากจาการ์ต้า แล้วกลับวันที่ 7 มกรา จะมีตั๋วโปรอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่ามีครับ หยิบบัตรมากรอกแล้วจ่ายตังอย่างรวดเร็ว
แต่การเดินทางครั้งนี้มีเงื่อนไขนิดหน่อยครับ เนื่องจากโปรที่ปล่อยออกมาเป็นโปรของ Malaysia Airlines ประเทศไทย จุดเริ่มต้นกับจุดสิ้นสุดของการเดินทางจึงต้องเป็นที่สุวรรณภูมิ แต่จะบินไปลงนาริตะกลับจากโอซาก้า หรือบินไปลงโอซาก้ากลับจากฮาเนดะก็ได้หมดครับ และเที่ยวบินทั้งขาไปและกลับจากญี่ปุ่นจะต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ก่อน ผมซึ่งทำงานอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์อยู่แล้วจึงได้เที่ยวบินดังนี้ครับ
MH 781 BANGKOK (BKK) KUALA LUMPUR (KUL) 30 DEC 2016
MH 70 KUALA LUMPUR (KUL) TOKYO (NRT) 31 DEC 2016
MH 89 TOKYO (NRT) KUALA LUMPUR (KUL) 07 JAN 2017
MH 780 KUALA LUMPUR (KUL) BANGKOK (BKK) 07 JAN 2017
ถึงแม้ว่าตัวผมจะอยู่กัวลาอยู่แล้ว ผมจะขอสายการบินขึ้นกลางทางที่กัวลาเลย ไม่ไปขึ้นที่กรุงเทพ กรณีนี้ทำไม่ได้นะครับ เนื่องจากทริปที่มีหลายขาแล้วอยู่ใน PNR/Booking no. เดียวกันแบบนี้ ถ้าเราไม่ใช้ขาใด ขาต่อไปก็จะถูกยกเลิกแบบอัตโนมัติทันที ผมก็เลยต้องจองตั๋วบินไปขึ้นเครื่องที่กรุงเทพก่อน แต่เดี๋ยวเอาไว้เล่าในลำดับต่อไปนะครับ
Thu, Oct 27
บอส whatsapp มาบอกว่า Jakarta เลื่อนไปปีหน้านะ ทำงานวันสุดท้ายถึง 23 ธันวาเหมือนเดิม ว๊อทททท! ทำไงล่ะทีนี้ จองตั๋วไปแล้วด้วย ว่างตั้งอาทิตย์นึง งั้นบินกลับบ้านที่เชียงรายก่อนดีกว่า มีไฟล์ทบินตรงจากกัวลาไปเชียงใหม่เลย แล้วค่อยให้พ่อขับรถมารับที่เชียงใหม่ เปิดแอพแอร์เอเชียเช็คราคาตั๋ว 24 ธันวา แพง 25 ธันวา แพงกว่า 26 ธันวา ราคาปกติ โอเค จองวันนี้แหละ เอาไฟล์ทเช้าสุดเลย แล้วก็จองตั๋วไลอ้อนแอร์วันที่ 30 ธันวา จากเชียงรายมากรุงเทพตอนเช้า เพื่อขึ้นเครื่องไปกัวลาตอนเย็น
Mon, Dec 26
บินจากกัวลาไปเชียงใหม่
Fri, Dec 30
บินจากเชียงรายไปดอนเมือง แล้วบินจากสุวรรณภูมิไปกัวลา คืนนั้นผมกลับไปนอนที่คอนโดก่อน เพราะยังไม่ได้เก็บกระเป๋าไปญี่ปุ่นเลย
Sat, Dec 31 #NEWYEARGOTOKYO
DAY 1
ผมออกจากคอนโดตั้งแต่เช้า ถึงสนามบินประมาณเจ็ดโมงกว่าเกือบแปดโมง ไปเช็คอิน เอากระเป๋าไปโหลด ขาไปผมใช้โควต้าไปเต็มที่เลย 30 โล เนื่องจากแม่เพื่อนฝากของไปให้เพื่อนที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นเยอะมาก ประมาณครึ่งกระเป๋า แถมมันยังฝากผมซื้อของจากไทย อาทิเช่น น้ำพริกเผาตราแม่ประนอม คนอร์โจ๊กซอง แป้งแคร์ น้ำพริกน้ำเงี้ยวจากเชียงราย ฯลฯ ซึ่งผมโอเค เพราะขาไปกระเป๋าผมไม่ค่อยมีอะไรอยู่แล้ว ผมกะไปขนกลับมาจากญี่ปุ่นเต็มที่ 555 ผมไม่ลืมแจ้งพนักงานว่าขากลับจากนาริตะขอ off-load ที่กัวลาเลยนะ ไม่ไปกรุงเทพ เบิร์นตั๋วขาสุดท้ายทิ้งไปเลย พนักงานก็บอกว่าเดี๋ยวจะเขียน remark ไว้ให้ แต่ยังไงขากลับจากนาริตะรบกวนแจ้งพนักงานภาคพื้นที่นู่นด้วยนะคะ

ผมแวะเคลม 2017 Planner กับเค้กวันเกิด ที่ Starbucks ในสนามบิน ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องซื้อเครื่องดื่มก่อนแก้วนึงถึงจะเคลมเค้กได้ ก็เลยสั่ง caramel cream frappuccino + java chip เมนูประจำไป แต่ตอนคิดตังพนงบอกว่า "แก้วนี้ไม่คิดตังนะคะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ" ดีต่อใจเหลือเกิน

เครื่องออกจากกัวลาสิบโมงตรง ผมเปิด Kingsman ที่ดูค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนดูต่อ พอหนังจบ ลูกเรือก็เริ่มสิร์ฟอาหารกลางวันพอดี
ผมมีความหลังฝังใจกับอาหารของสายการบินนี้อยู่หลายต่อหลายครั้ง ครั้งแรกที่ผมบินกับสายการบินนี้ มีอาหารให้เลือกสองอย่าง คือ briyani กับ spaghetti mushroom cream sauce ผมเลือกอย่างหลัง เพราะว่าเบื่อ briyani แล้ว แต่คิดผิดมหันต์เลยครับ สปาเกตตี้โคตรไม่อร่อย ครั้งที่สองลองสั่งเป็น seafood meal ในใจคือแบบ หมึกกุ้งแน่ๆ แต่วันนั้นเสิร์ฟเป็นปลาครับ ซึ่งผมไม่ชอบกินปลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมอีปลานี่ก็นอนแช่มาในครีมซอสแบบเดียวกับสปาเกตตี้วันนั้นเลย กินไปคำเดียว พอเลยครับ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็สั่ง child meal ตลอด เป็นอาหารที่ไม่เสี่ยงตายที่สุดแล้วครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพาสต้าซอสมะเขือเทศ เด็กกินได้ ผู้ใหญ่(แบบผม)กินดี 55
แต่ครั้งนี้พี่ในสายรหัสที่เคยบินรูทนี้บอกว่า อาหารญี่ปุ่นที่เสิรฟก็อร่อยดีนะ ผมก็เลยลองเชื่อใจ ไม่ request child meal ดู
วันนี้มีอาหารให้เลือกสองอย่าง คือ ข้าวไก่เทริยากิ กับ มันบดเสิร์ฟคู่อะไรซักอย่าง อาหารญี่ปุ่นอร่อยใช่มั๊ย ได้! งั้นเอาข้าวไก่เทริยากิมาลองซิ
อืม... ก็อร่อยดีครับ
พอกินข้าวเสร็จผมก็ตั้งใจจะนอนยาวเลย แต่มีเด็กร้องไห้ไม่หยุด พ่อแม่ก็ไม่ทำอะไรเลย อยากหันไปแยกเขี้ยวใส่มาก เอาหูฟังยัดหูแล้วเปิดเพลงดังสุดเลย หลับๆ ตื่นๆ รู้ตัวอีกทีลูกเรือก็เสิร์ฟของว่างแล้ว วันนี้เป็นโรลไก่กับโรลเห็ด สั่งไก่มากิน กัดเข้าไปคำแรกนึกว่าก้อนหิน แข็งโป๊ก แถมตอนกลืนนี่ฝืดคอสุดๆ คำเดียวพอเลยครับ
กำหนดการถึงนาริตะของผมคือห้าโมงสี่สิบ ห้าโมงก็มืดแล้ว มืดเร็วพอๆกับที่ฟิลิปปินส์เลยครับ ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นภูเขาอะไรก็ไม่รู้อยู่ไกลๆ หยิบกล้องขึ้นมาถ่าย แชะ

ใช่แล้วครับ ฟูจิซังนั่นเอง ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มา countdown ที่ญี่ปุ่นแน่ๆเลย
ลงเครื่อง ผ่านตม. รับกระเป๋า แล้วผมก็ลงไปซื้อตั๋วรถไฟ Keisei Skyliner เข้าเมืองเลยครับ ซื้อแบบไปกลับเลย ขากลับไม่ต้องระบุวันก็ได้ อยากกลับเมื่อไหร่ก็เอาตั๋วไปแลกตั๋วจริงที่สถานีได้เลย
ตอนที่ผมซื้อตั๋วรถไฟไป-กลับสนามบิน เค้ามีโปรโมชั่นร่วมกับรถไฟใต้ดินสาย Metro และ Toei อยู่ มีแบบ 24/48/72 ชั่วโมง ซึ่งจะเริ่มนับหลังจากครั้งแรกที่เราใช้งาน ผมไม่ลังเลเลยครับ เพราะที่พักผมอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน แถมผมไม่ได้จะเดินทางข้ามโซน เลยไม่ได้ซื้อ JR Pass แถมถ้าซื้อแยกต่างหากตกวันละ ¥1,000 แน่ะ ซื้อตอนนี้เลยถูกกว่าเห็นๆ
One-Way Ticket + 24 Hours = ¥2,800
One-Way Ticket + 48 Hours = ¥3,200
One-Way Ticket + 72 Hours = ¥3,500
Round-Trip Ticket + 24 Hours = ¥4,700
Round-Trip Ticket + 48 Hours = ¥5,100
Round-Trip Ticket + 72 Hours = ¥5,400
รายละเอียดเพิ่มเติม
click here
ที่ตั๋วจะมีหมายเลขรถกับที่นั่งระบุไว้อยู่ ไปยืนให้ตรงช่องล่ะครับ
รถไฟที่ญี่ปุ่นคือตรงเวลามาก 18:37 ก็คือ 18:37 ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่นทีเดียว
รถไฟ Skyliner ใช้เวลาจากสนามบินถึงตัวเมืองไม่นานครับ ประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะไม่จอดระหว่างทางเลย จอดแค่สถานี Nippori กับ Ueno อารมณ์เดียวกับ Airport Rail Link Express บ้านเราที่ตอนนี้เอามาวิ่งเป็นรถธรรมดาแล้ว
ผมมาลงที่สถานี Nippori แล้วต่อ JR สาย Yamatone ไปลง Takadanobaba อีก ¥200
พอมาถึง Takadanobaba ซึ่งเพื่อนผมมารออยู่นานแล้ว จริงๆผมต้องออก Waseda Exit แต่ผมดันไปออกอีกฝั่ง เลยต้องลากกระเป๋า 29 นิ้ว หนัก 30 โล อ้อมไกลเลยครับ แถมอากาศข้างนอกก็หนาวสุดๆไปเลย ด้วยความเป็นพลเมืองจากประเทศเขตร้อน ผมไม่มีเครื่องนุ่งห่มกันหนาวฟูลออพชั่นขนาดนั้น เพราะผมกะมาซื้อที่นี่เลยครับ ผมใส่แค่ sweater กับ jacket แล้วก็มีถุงมือกับผ้าพันคอ ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไร
เดินมาจนถึงหน้าห้าง เจอเพื่อนแล้ว ดีใจมาก จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอมันตัวเป็นๆคือเมื่อไหร่ 55
เราเดินจากตรงนั้นไปที่พักที่ผมจองไว้ใน airbnb ประมาณสิบนาที ห้องผมอยู่ชั้น 3 ครับ แต่ว่าไม่มีลิฟท์... แบกขึ้นไปสิครับกระเป๋าน่ะ

ขออนุญาตนำรูปมาจาก airbnb เลยนะครับ เพราะผมไม่ได้ถ่ายไว้เลย แต่ห้องจริงกับในรูปเหมือนกันเด๊ะเลยครับ ผมนอนที่นี่ทั้ง 7 คืนเลยครับ เพราะอยู่โตเกียว 7 วันเลย ไม่ได้ไปไหน จ่ายไป $428 = 15,580.08 THB เฉลี่ยนแล้วตกคืนละสองพันนิดๆ จริงๆที่พักสามารถหาได้ถูกกว่านี้ถ้านอน hostel แต่ผมอยากได้ความเป็นส่วนตัว แล้วปกติเวลาผมไปเที่ยวคนเดียวผมก็ชอบพักกับ airbnb มากกว่า ผมก็เลยเลือกที่นี่ครับ (ดูรูปห้องพักเพิ่มเติม
click here)
พอเก็บของอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็ออกไปหาอะไรกินกับเพื่อนแถวสถานีรถไฟ เพื่อนไม่ได้ไป countdown ด้วยกัน เพราะหอเพื่อนปิดเที่ยงคืน

ร้านที่เราไปกินชื่อร้าน 熱烈中華食堂 日高屋 | RAMEN HIDAKAYA 🍜 เป็นร้านอาหารเชนที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีอยู่ทั่วญี่ปุ่นเลยมั้ง ราคาไม่แพงด้วย เริ่มต้นที่ ¥390

ผมสั่ง Tonkotsu Ramen มากินก่อนเลย เพราะว่าหิวและหนาวมาก อยากซดอะไรร้อนๆ ถ้วยนี้แค่ ¥420 เองครับ
พอกินเสร็จ ผมก็แยกย้ายกับเพื่อน แล้วผมก็นั่งรถไฟไปสถานี... เพื่อจะไปโตเกียวทาวเวอร์ ริงๆผมตั้งใจจะมา countdown ที่นี่ แต่ก่อนผมมาไม่กี่วัน เค้าประกาศว่าปีนี้จะไม่มีการ countdown ที่โตเกียวทาวเวอร์ และจะดับไฟตอนห้าทุ่ม จะเปิดอีกทีตอนตีหนึ่ง แต่ไฟที่เป็นเลข 2017 จะเริ่มวันที่ 1 มกรา ตั้งแต่สี่โมงเย็นเป็นต้นไป โอ้โห นกซ้ำนกซ้อน ไม่เป็นไร ผมมีแผนสำรอง คือการไปนับถอยหลังข้ามปีแบบคนญี่ปุ่นที่วัด ซึ่งวัดที่ใกล้โตเกียวทาวเวอร์ที่สุด ก็คือวัดโซโจจิ (Zōjōji) นั่นเองครับ
เนื่องจากมีคนนกเหมือนผมหลายคน มวลมหาประชาชนก็ไหลไปอยู่ที่วัดโซโจจิกันหมด คนเยอะมากครับ

ตรงทางเข้าวัดจะมีบ่อน้ำเอาไว้ให้คนมาล้างปากล้างมือ แต่อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะประมาณ 3-4 องศา เห็นหลายคนบายเหมือนกัน 55

ในช่วงระหว่างที่รอให้ถึงเที่ยงคืน ผมก็เดินเล่นในวัดนั่นแหละ มีคนมาออกร้านขายของกันเยอะแยะเลยครับ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารมากกว่า อาหารคาวหวานมากับครบฟูลคอร์สเลยครับ มีสาธิตการทำโมจิกันสดๆเลย มีโชว์ตีกลองด้วย
ปล. DAY1 ยังไม่จบนะครับ มีต่อด้านล่าง
[CR] NEW YEAR GO TOKYO | ปีใหม่ไปโตเกียว (คนเดียว) 8 วัน 7 คืน
ทริปนี้เริ่มต้นจากการที่ผมกำลังนั่งเล่น facebook ไปเรื่อยเปื่อย ก็บังเอิญไปเห็นโปรโมชั่นของสายการบิน Malaysia Airlines ไป-กลับ กรุงเทพ-ญี่ปุ่น รวมทุกอย่างแล้วแค่ 9,665 บาท ตาผมนี่ลุกวาวเป็นไข่ห่านเลยครับ เปิด planner เช็คว่าทำงานวันสุดท้ายของปีถึงวันที่เท่าไหร่ ซึ่งคือวันที่ 23 ธันวา 2559 งั้นบิน 24 ธันวา เลยดีกว่า จะได้ไปฉลองคริสต์มาส วันเกิด แล้วก็ปีใหม่ที่ญี่ปุ่นพร้อมกันทีเดียวเลย แต่ก่อนที่จะกดจองตั๋ว ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆว่าจะไม่ได้ไปวันนี้ เพราะที่บริษัทผมชอบมี last minute change ผมก็เลย whatsapp ไปถามบอสว่า คริสต์มาสเบรคเริ่มเมื่อไหร่ บอสตอบกลับมาว่า "This year we might not have it. We could be going to Jakarta from Dec 26 to 29. Do keep ur celebrations 30th onwards." เท่านั้นแหละครับ ความฝันก็พังทลายลงมาในพริบตา ต้องไปฉลองวันเกิดอินโดเหรอ ม่ายยย ผมก็เลยลองเช็คตั๋วเล่นๆว่าถ้าสมมติไป 30 ธันวา หลังจากกลับมาจากจาการ์ต้า แล้วกลับวันที่ 7 มกรา จะมีตั๋วโปรอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่ามีครับ หยิบบัตรมากรอกแล้วจ่ายตังอย่างรวดเร็ว
แต่การเดินทางครั้งนี้มีเงื่อนไขนิดหน่อยครับ เนื่องจากโปรที่ปล่อยออกมาเป็นโปรของ Malaysia Airlines ประเทศไทย จุดเริ่มต้นกับจุดสิ้นสุดของการเดินทางจึงต้องเป็นที่สุวรรณภูมิ แต่จะบินไปลงนาริตะกลับจากโอซาก้า หรือบินไปลงโอซาก้ากลับจากฮาเนดะก็ได้หมดครับ และเที่ยวบินทั้งขาไปและกลับจากญี่ปุ่นจะต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ก่อน ผมซึ่งทำงานอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์อยู่แล้วจึงได้เที่ยวบินดังนี้ครับ
MH 781 BANGKOK (BKK) KUALA LUMPUR (KUL) 30 DEC 2016
MH 70 KUALA LUMPUR (KUL) TOKYO (NRT) 31 DEC 2016
MH 89 TOKYO (NRT) KUALA LUMPUR (KUL) 07 JAN 2017
MH 780 KUALA LUMPUR (KUL) BANGKOK (BKK) 07 JAN 2017
ถึงแม้ว่าตัวผมจะอยู่กัวลาอยู่แล้ว ผมจะขอสายการบินขึ้นกลางทางที่กัวลาเลย ไม่ไปขึ้นที่กรุงเทพ กรณีนี้ทำไม่ได้นะครับ เนื่องจากทริปที่มีหลายขาแล้วอยู่ใน PNR/Booking no. เดียวกันแบบนี้ ถ้าเราไม่ใช้ขาใด ขาต่อไปก็จะถูกยกเลิกแบบอัตโนมัติทันที ผมก็เลยต้องจองตั๋วบินไปขึ้นเครื่องที่กรุงเทพก่อน แต่เดี๋ยวเอาไว้เล่าในลำดับต่อไปนะครับ
Thu, Oct 27
บอส whatsapp มาบอกว่า Jakarta เลื่อนไปปีหน้านะ ทำงานวันสุดท้ายถึง 23 ธันวาเหมือนเดิม ว๊อทททท! ทำไงล่ะทีนี้ จองตั๋วไปแล้วด้วย ว่างตั้งอาทิตย์นึง งั้นบินกลับบ้านที่เชียงรายก่อนดีกว่า มีไฟล์ทบินตรงจากกัวลาไปเชียงใหม่เลย แล้วค่อยให้พ่อขับรถมารับที่เชียงใหม่ เปิดแอพแอร์เอเชียเช็คราคาตั๋ว 24 ธันวา แพง 25 ธันวา แพงกว่า 26 ธันวา ราคาปกติ โอเค จองวันนี้แหละ เอาไฟล์ทเช้าสุดเลย แล้วก็จองตั๋วไลอ้อนแอร์วันที่ 30 ธันวา จากเชียงรายมากรุงเทพตอนเช้า เพื่อขึ้นเครื่องไปกัวลาตอนเย็น
Mon, Dec 26
บินจากกัวลาไปเชียงใหม่
Fri, Dec 30
บินจากเชียงรายไปดอนเมือง แล้วบินจากสุวรรณภูมิไปกัวลา คืนนั้นผมกลับไปนอนที่คอนโดก่อน เพราะยังไม่ได้เก็บกระเป๋าไปญี่ปุ่นเลย
Sat, Dec 31 #NEWYEARGOTOKYO DAY 1
ผมออกจากคอนโดตั้งแต่เช้า ถึงสนามบินประมาณเจ็ดโมงกว่าเกือบแปดโมง ไปเช็คอิน เอากระเป๋าไปโหลด ขาไปผมใช้โควต้าไปเต็มที่เลย 30 โล เนื่องจากแม่เพื่อนฝากของไปให้เพื่อนที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นเยอะมาก ประมาณครึ่งกระเป๋า แถมมันยังฝากผมซื้อของจากไทย อาทิเช่น น้ำพริกเผาตราแม่ประนอม คนอร์โจ๊กซอง แป้งแคร์ น้ำพริกน้ำเงี้ยวจากเชียงราย ฯลฯ ซึ่งผมโอเค เพราะขาไปกระเป๋าผมไม่ค่อยมีอะไรอยู่แล้ว ผมกะไปขนกลับมาจากญี่ปุ่นเต็มที่ 555 ผมไม่ลืมแจ้งพนักงานว่าขากลับจากนาริตะขอ off-load ที่กัวลาเลยนะ ไม่ไปกรุงเทพ เบิร์นตั๋วขาสุดท้ายทิ้งไปเลย พนักงานก็บอกว่าเดี๋ยวจะเขียน remark ไว้ให้ แต่ยังไงขากลับจากนาริตะรบกวนแจ้งพนักงานภาคพื้นที่นู่นด้วยนะคะ
ผมแวะเคลม 2017 Planner กับเค้กวันเกิด ที่ Starbucks ในสนามบิน ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องซื้อเครื่องดื่มก่อนแก้วนึงถึงจะเคลมเค้กได้ ก็เลยสั่ง caramel cream frappuccino + java chip เมนูประจำไป แต่ตอนคิดตังพนงบอกว่า "แก้วนี้ไม่คิดตังนะคะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ" ดีต่อใจเหลือเกิน
เครื่องออกจากกัวลาสิบโมงตรง ผมเปิด Kingsman ที่ดูค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนดูต่อ พอหนังจบ ลูกเรือก็เริ่มสิร์ฟอาหารกลางวันพอดี
ผมมีความหลังฝังใจกับอาหารของสายการบินนี้อยู่หลายต่อหลายครั้ง ครั้งแรกที่ผมบินกับสายการบินนี้ มีอาหารให้เลือกสองอย่าง คือ briyani กับ spaghetti mushroom cream sauce ผมเลือกอย่างหลัง เพราะว่าเบื่อ briyani แล้ว แต่คิดผิดมหันต์เลยครับ สปาเกตตี้โคตรไม่อร่อย ครั้งที่สองลองสั่งเป็น seafood meal ในใจคือแบบ หมึกกุ้งแน่ๆ แต่วันนั้นเสิร์ฟเป็นปลาครับ ซึ่งผมไม่ชอบกินปลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมอีปลานี่ก็นอนแช่มาในครีมซอสแบบเดียวกับสปาเกตตี้วันนั้นเลย กินไปคำเดียว พอเลยครับ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็สั่ง child meal ตลอด เป็นอาหารที่ไม่เสี่ยงตายที่สุดแล้วครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพาสต้าซอสมะเขือเทศ เด็กกินได้ ผู้ใหญ่(แบบผม)กินดี 55
แต่ครั้งนี้พี่ในสายรหัสที่เคยบินรูทนี้บอกว่า อาหารญี่ปุ่นที่เสิรฟก็อร่อยดีนะ ผมก็เลยลองเชื่อใจ ไม่ request child meal ดู
วันนี้มีอาหารให้เลือกสองอย่าง คือ ข้าวไก่เทริยากิ กับ มันบดเสิร์ฟคู่อะไรซักอย่าง อาหารญี่ปุ่นอร่อยใช่มั๊ย ได้! งั้นเอาข้าวไก่เทริยากิมาลองซิ
อืม... ก็อร่อยดีครับ
พอกินข้าวเสร็จผมก็ตั้งใจจะนอนยาวเลย แต่มีเด็กร้องไห้ไม่หยุด พ่อแม่ก็ไม่ทำอะไรเลย อยากหันไปแยกเขี้ยวใส่มาก เอาหูฟังยัดหูแล้วเปิดเพลงดังสุดเลย หลับๆ ตื่นๆ รู้ตัวอีกทีลูกเรือก็เสิร์ฟของว่างแล้ว วันนี้เป็นโรลไก่กับโรลเห็ด สั่งไก่มากิน กัดเข้าไปคำแรกนึกว่าก้อนหิน แข็งโป๊ก แถมตอนกลืนนี่ฝืดคอสุดๆ คำเดียวพอเลยครับ
กำหนดการถึงนาริตะของผมคือห้าโมงสี่สิบ ห้าโมงก็มืดแล้ว มืดเร็วพอๆกับที่ฟิลิปปินส์เลยครับ ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นภูเขาอะไรก็ไม่รู้อยู่ไกลๆ หยิบกล้องขึ้นมาถ่าย แชะ
ใช่แล้วครับ ฟูจิซังนั่นเอง ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มา countdown ที่ญี่ปุ่นแน่ๆเลย
ลงเครื่อง ผ่านตม. รับกระเป๋า แล้วผมก็ลงไปซื้อตั๋วรถไฟ Keisei Skyliner เข้าเมืองเลยครับ ซื้อแบบไปกลับเลย ขากลับไม่ต้องระบุวันก็ได้ อยากกลับเมื่อไหร่ก็เอาตั๋วไปแลกตั๋วจริงที่สถานีได้เลย
ตอนที่ผมซื้อตั๋วรถไฟไป-กลับสนามบิน เค้ามีโปรโมชั่นร่วมกับรถไฟใต้ดินสาย Metro และ Toei อยู่ มีแบบ 24/48/72 ชั่วโมง ซึ่งจะเริ่มนับหลังจากครั้งแรกที่เราใช้งาน ผมไม่ลังเลเลยครับ เพราะที่พักผมอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน แถมผมไม่ได้จะเดินทางข้ามโซน เลยไม่ได้ซื้อ JR Pass แถมถ้าซื้อแยกต่างหากตกวันละ ¥1,000 แน่ะ ซื้อตอนนี้เลยถูกกว่าเห็นๆ
One-Way Ticket + 24 Hours = ¥2,800
One-Way Ticket + 48 Hours = ¥3,200
One-Way Ticket + 72 Hours = ¥3,500
Round-Trip Ticket + 24 Hours = ¥4,700
Round-Trip Ticket + 48 Hours = ¥5,100
Round-Trip Ticket + 72 Hours = ¥5,400
รายละเอียดเพิ่มเติม click here
ที่ตั๋วจะมีหมายเลขรถกับที่นั่งระบุไว้อยู่ ไปยืนให้ตรงช่องล่ะครับ
รถไฟที่ญี่ปุ่นคือตรงเวลามาก 18:37 ก็คือ 18:37 ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่นทีเดียว
รถไฟ Skyliner ใช้เวลาจากสนามบินถึงตัวเมืองไม่นานครับ ประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะไม่จอดระหว่างทางเลย จอดแค่สถานี Nippori กับ Ueno อารมณ์เดียวกับ Airport Rail Link Express บ้านเราที่ตอนนี้เอามาวิ่งเป็นรถธรรมดาแล้ว
ผมมาลงที่สถานี Nippori แล้วต่อ JR สาย Yamatone ไปลง Takadanobaba อีก ¥200
พอมาถึง Takadanobaba ซึ่งเพื่อนผมมารออยู่นานแล้ว จริงๆผมต้องออก Waseda Exit แต่ผมดันไปออกอีกฝั่ง เลยต้องลากกระเป๋า 29 นิ้ว หนัก 30 โล อ้อมไกลเลยครับ แถมอากาศข้างนอกก็หนาวสุดๆไปเลย ด้วยความเป็นพลเมืองจากประเทศเขตร้อน ผมไม่มีเครื่องนุ่งห่มกันหนาวฟูลออพชั่นขนาดนั้น เพราะผมกะมาซื้อที่นี่เลยครับ ผมใส่แค่ sweater กับ jacket แล้วก็มีถุงมือกับผ้าพันคอ ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไร
เดินมาจนถึงหน้าห้าง เจอเพื่อนแล้ว ดีใจมาก จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอมันตัวเป็นๆคือเมื่อไหร่ 55
เราเดินจากตรงนั้นไปที่พักที่ผมจองไว้ใน airbnb ประมาณสิบนาที ห้องผมอยู่ชั้น 3 ครับ แต่ว่าไม่มีลิฟท์... แบกขึ้นไปสิครับกระเป๋าน่ะ
ขออนุญาตนำรูปมาจาก airbnb เลยนะครับ เพราะผมไม่ได้ถ่ายไว้เลย แต่ห้องจริงกับในรูปเหมือนกันเด๊ะเลยครับ ผมนอนที่นี่ทั้ง 7 คืนเลยครับ เพราะอยู่โตเกียว 7 วันเลย ไม่ได้ไปไหน จ่ายไป $428 = 15,580.08 THB เฉลี่ยนแล้วตกคืนละสองพันนิดๆ จริงๆที่พักสามารถหาได้ถูกกว่านี้ถ้านอน hostel แต่ผมอยากได้ความเป็นส่วนตัว แล้วปกติเวลาผมไปเที่ยวคนเดียวผมก็ชอบพักกับ airbnb มากกว่า ผมก็เลยเลือกที่นี่ครับ (ดูรูปห้องพักเพิ่มเติม click here)
พอเก็บของอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็ออกไปหาอะไรกินกับเพื่อนแถวสถานีรถไฟ เพื่อนไม่ได้ไป countdown ด้วยกัน เพราะหอเพื่อนปิดเที่ยงคืน
ร้านที่เราไปกินชื่อร้าน 熱烈中華食堂 日高屋 | RAMEN HIDAKAYA 🍜 เป็นร้านอาหารเชนที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีอยู่ทั่วญี่ปุ่นเลยมั้ง ราคาไม่แพงด้วย เริ่มต้นที่ ¥390
ผมสั่ง Tonkotsu Ramen มากินก่อนเลย เพราะว่าหิวและหนาวมาก อยากซดอะไรร้อนๆ ถ้วยนี้แค่ ¥420 เองครับ
พอกินเสร็จ ผมก็แยกย้ายกับเพื่อน แล้วผมก็นั่งรถไฟไปสถานี... เพื่อจะไปโตเกียวทาวเวอร์ ริงๆผมตั้งใจจะมา countdown ที่นี่ แต่ก่อนผมมาไม่กี่วัน เค้าประกาศว่าปีนี้จะไม่มีการ countdown ที่โตเกียวทาวเวอร์ และจะดับไฟตอนห้าทุ่ม จะเปิดอีกทีตอนตีหนึ่ง แต่ไฟที่เป็นเลข 2017 จะเริ่มวันที่ 1 มกรา ตั้งแต่สี่โมงเย็นเป็นต้นไป โอ้โห นกซ้ำนกซ้อน ไม่เป็นไร ผมมีแผนสำรอง คือการไปนับถอยหลังข้ามปีแบบคนญี่ปุ่นที่วัด ซึ่งวัดที่ใกล้โตเกียวทาวเวอร์ที่สุด ก็คือวัดโซโจจิ (Zōjōji) นั่นเองครับ
เนื่องจากมีคนนกเหมือนผมหลายคน มวลมหาประชาชนก็ไหลไปอยู่ที่วัดโซโจจิกันหมด คนเยอะมากครับ
ตรงทางเข้าวัดจะมีบ่อน้ำเอาไว้ให้คนมาล้างปากล้างมือ แต่อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะประมาณ 3-4 องศา เห็นหลายคนบายเหมือนกัน 55
ในช่วงระหว่างที่รอให้ถึงเที่ยงคืน ผมก็เดินเล่นในวัดนั่นแหละ มีคนมาออกร้านขายของกันเยอะแยะเลยครับ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารมากกว่า อาหารคาวหวานมากับครบฟูลคอร์สเลยครับ มีสาธิตการทำโมจิกันสดๆเลย มีโชว์ตีกลองด้วย
ปล. DAY1 ยังไม่จบนะครับ มีต่อด้านล่าง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น