[CR] ==** Dubrovnik! Here I come! ดูบรอฟนิคจ๋าา ฉันมาแล้วจ้า!! จะพาไปปีน The Wall แล้วหามุมมหาชนกัน!! :) [EP2] ** ==

วันนี้ก็จะพยายามสอดแทรกวิธีเดินทางเข้าไปด้วยแล้วกันค่ะ

Dubrovnik เมืองสีส้มที่เหมือนหลุดมาจากยุคกลางนั้น เป็นเมืองที่ได้เข้าร่วมเป็น 1 ใน World UNESCO heritage เหล่าเมืองโบราณ ที่จะถูก protect เอาไว้ ให้เป็นมรดกโลกต่อไป

ตัวเมือง Dubrovnik นั้น จริงๆมีอยู่ 2 ส่วน คือส่วน Old Town ที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพง กับ ตัวเมืองข้างนอกตามแนวชายฝั่งทะเลค่ะ

ขอแทรกแผนที่เมืองก่อน

Cr.http://www.godubrovnik.com/dubrovnik-guide/

ส่วนที่อยู่ภายในกำแพงสีเทาๆนั้นคือส่วน Dubrovnik Old Town ค่ะ

ว่ากันว่า แต่ก่อนนู้น Dubrovnik เป็นรัฐที่มีอิสระเป็นของตัวเอง มีชื่อเสียงโด่งดังด้านการทูตและการค้าแถวบริเวณชายฝั่งแถบนี้เป็นอย่างมาก.. จึงต้องสร้างกำแพงรอบตัวเมืองไว้ป้องกันตัวเองจากข้าศึกต่างๆ

กำแพงเมือง Dubrovnik อยู่ยั้งยืนยงมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 14

มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตรล้อมรอบเมืองทั้งเมือง และมีความหนาประมาณ 5 เมตร

ทางเข้าเมืองจะต้องผ่าน ประตูเมือง ซึ่งมีหลักๆอยู่ 4 gates อย่างที่ จขกท เคยพูดไปใน EP1

แต่ประตูใหญ่สุดคือ Pile gate(อ่านว่า พิล-เล่) ซึ่งคือ No.4 ฝั่งซ้ายสุดในแผนที่ข้างบนค่ะ

ประตูเมือง Pile gate ตอนเดินเข้าจะเห็นพื้นเป็นไม้ค่ะ เหมือนเป็นประตูที่ต้องดึงลงเหมือนในหนังเลยอะ

ว่ากันว่ามันถูกปิดไม่ให้คนสัญจรมาตลอด จนกระทั่งสมัย Napoleon ยกทัพฝรั่งเศสมาเคาะประตู ขอยกทัพทหารผ่านเมือง Dubrovnik ไม่งั้นมีบึ้ม ประตูเมืองก็ถูกเปิดออกแล้วก็ไม่เคยปิดอีกเลยหลังจากนั้น

ผ่านประตูใหญ่มาก็จะเจอประตูเล็กๆ ถึงจะเข้าเมืองได้ หน้าตาประมาณนี้

เข้าเมืองมาแล้ว ก็จะอยู่ถนนเส้นหลักของเมืองเลยค่ะ มองตรงไปจะเจอ Stradun สูงๆซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองนี้

บนถนนเส้นนี้ มีร้านค้า มีธนาคาร ใครใคร่แลกเงินก็แลกกันเลยจ้า ใครใคร่กินไอศครีมก็กินนะจ๊า ไอศครีมเจลาโต้ มี 2-3 ร้าน จขกท ชอบร้านแรกสุด

กลับมาต่อที่กำแพงเมือง

กำแพงเมืองเปิดให้ขึ้นไปเดินชมได้ มีทางขึ้นอยู่ทั้งหมด 3 ทาง

คือจาก Pile gate(No.4),Ploce gate(No.23) และ St.John Fort(No.27)

ช่วงเวลาเปิดให้เข้าชม

ไม่เหมือนกันในแต่ละช่วงค่ะ สามารถเช็คได้ที่ http://www.dubrovnikcard.com/clanak.php?id=173

ช่วงเช้า ไม่ก็โพล้เพล้ Twilight ที่ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ไม่ร้อนแล้วก็สวยดีค่ะ

ลำพัง สำหรับชม City wall ผู้ใหญ่ 120 kuna (ประมาณ 700 บาท) เด็ก หรือมี Student card ลดเหลือ 30 kuna เท่าน้านนน!!! Student Card นี่คุ้มมากสำหรับการเที่ยวยุโรปนะคะ บัตรนักศึกษาของใครมีเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็ใช้ได้เลย สุดคุ้ม!! หรือใครที่ซื้อ Dubrovnik Card ก็จะมี included อยู่ในนั้นอยู่แล้ว หาข้อมูลที่ dubrovnikcard.com ได้

จขกทขึ้นมาจาก Ploce Gate ค่ะ

เดินยาวๆไป เมืองอะไรสีส๊มส้มม

อันนี้เห็น Fort Lovrijenac ของเราจาก EP 1 ด้วย เห็นคนตัวกระจ้อยเดินตามกำแพงอ่ะเปล่า

เดินวนไปค่ะ เดินวนไป

มุมนี้ ไกลๆโพ้นคือ Stradun เห็นถนนเส้นหลัก แล้วก็บริเวณทางเข้าแรกๆเลยค่ะ ขวามือเดินเข้าไปเป็น Tourist information centre

Fort Lovrijenac จากฝั่งนี้บ้าง.. ยังมีปืนใหญ่อยู่เลย 555

มุมนี้ลิบๆเป็นมุมหัวเลี้ยวไปที่ St.John Fortทางขึ้นอีกทาง มีร้านขายไอติมเล็กๆบนนี้ด้วย

พาเดินต่อ ใกล้ครบรอบ พระอาทิตย์ใกล้ตกดินละค่ะ จขกท มีต้องรีบไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่มุมมหาชนที่คิดไว้ 555

ขอจบการเดินบน City Wall ที่ท่าเรือเก่า แล้วเราจะไปขึ้น Cable Car กันค่ะ

สามารถเดินไปขึ้น Cable car ได้ 3 ทางค่ะ คือเดินเลียบถนน ซึ่งต้องเดินออกจาก Ploce gate/Pile gate

หรือถ้าใครยังฟิต เดินทางที่3เลยค่ะ ออกจาก Buza gate(No.7) แต่ต้องปีนบันได หลายขั้นหน่อย แฮ่กๆ

ไป-กลับ 120 kuna แบบ One way 70 kuna .. อันนี้ไม่มีราคานักเรียนนะ สะเตือนไต T.T

จขกทแนะนำก่อน สำหรับใครที่อยากถ่ายรูป มุมมหาชน มันไม่ได้นั่ง Cable car มาถึงแล้วเจอเลยอ่ะค่ะ มันต้องเดินลงถนน ฝ่าดงหิน ถึงจะเจอ เพราะฉนั้น ถ้ามีเวลา อยากถ่ายรูป แนะนำให้ นั่ง Cable ขึ้น แล้วเดินลงตามถนนก็ได้นะคะ เดินกินลมชมวิวไป จะหามุมได้ง่ายกว่า

บรื้นๆๆๆ Cable car

ขึ้นไปถึงแล้ว จขกท ช๊อค วิวแรกที่เห็นจากจุดชมวิวของ Cable car .. ไม่ใช่มุมที่ชั้นวาดไว้นี่หว่า!

วิ่งไปร้านขายของฝากก่อนเลย หยิบโปสเตอร์ 'คุณป้าคะ มุมนี้อยู่ไหนอ่ะคะ ไปยังไง TT' ... ป้าแกบอก 'ไม่ใช่มุมข้างบนเหรอจ้ะ' /เศร้าเลย เดินออกจากศูนย์ Cable ด้านหลัง บริเวณลานจอดรถ มีให้ไปทางซ้ายกับทางขวานะคะ เดินเลียบถนนลงมา ..ฝั่งหนึ่ง (รู้สึกจะฝั่งซ้าย) เดินเลียบถนนลงมาเรื่อยๆ จะเจอมุมนี้ค่ะ ต้องฝ่าดงหินลงมาด้วย

ใครใคร่เก๊กท่า โพสท่า อะไรก็จัดไปเลยค่ะ ถ้ามาตอนกลางวัน แสงจ้าๆหลังคาส้มๆ จะได้เป็น King's Landing ด้วย .. จขกท แมนๆเตะบอล

ต่อๆ กลับไปที่จุด Cable car เหมือนเดิม เมื่อกี๊เลี้ยวซ้ายใช่ไม๊ ตอนนี้ ให้เลี้ยวขวา เดินตามถนน เซาะตามทางไปเรื่อยๆ จะเจอ Lapad peninsula ที่นี่ พระอาทิตย์ตกสวยมากกกก ไข่แดงเป็นไข่แดง แล้วน้ำทะเลเหมือนทะเลหมอกเลยอ่ะ จขกท ชอบม๊ากกก

ดูพระอาทิตย์ตกแล้ว ใครซื้อ Cable car อย่าลืมดูเวลาด้วยนะ เปลืองตัง เดี๋ยวต้องเดินลง 555

...

อ่าวเห๊ย .. ไม่เห็นมีมุมมหาชนของจขกทเลยหนิ 555

ใช่ไง!! มุมมหาชนที่จขกทหา มันไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่มันคืออีกทาง ทางไป Banje Beach

แผนที่อันเดิม ด้านขวาสุด เห็นมั๊ย เดินจาก Ploce gate (No.23)

ระหว่างทางไป Banje beach ก็งดงามไม่แพ้กัน ดูเอาในวันที่ฟ้าสดใส อันนี้ทางออก Ploce gate เลยนะ เดินไปก็เจอเบย

มีร้านอาหารให้กินลมชมท่าเรือด้วย

ส่วนท่าเรือที่ว่าน่ะรึ!!

ดีงามไหม ถามใจเธอดู

ไปต่อ เดี๋ยวไม่ถึง 555 เดินต่อไปถึง Banje beach เลยไปหน่อย มีกองหินให้นั่ง ก็ดีเหมือนกัน ถ้าใครไม่อยากลุยทราย

มุมนี้คนก็ชอบถ่ายนะ

ส่วนมุมที่จขกทตามหานั้น .. ต้องเดินลัดเลาะถนนต่อ ไปจนถึงทางขึ้นแถว Resort และบ้านคน ก็เดินปีนบันไดขึ้นไปเลยค่ะ 100 ขั้น เอ้ยยย 55 ปีนขึ้นไปเรื่อยๆ จนคิดว่านี่คือมุมที่เราต้องการค่ะ ซึ่งจขกท ไปหยุดอยู่ที่ พื้นที่ว่างๆ ติดกับบ้านคุณลุงคุณป้าชาวโครเอเชียค่ะ ไปปักหลักตั้งกล้องอยู่

อยู่จนได้มุมนี้

ซูมออก คืออยู่แถวบ้านคนค่ะ 555

สุดท้ายอยู่จนทุ่มเกือบ2ทุ่ม ถึงจะได้รูปที่จขกทต้องการ .. รูปจั่วหัวกระทู้

ได้เจอ คุณลุงคุณป้าข้างบ้าน กลับมาจากจ่ายตลาด ได้ Good Night กันด้วย น่าร๊ากกกก.. คนเมืองนี้ใจดีค่ะ คนรุ่นใหม่พูดอังกฤษได้ จขกท หาที่พักไม่เจอ ก็มีชาวเมืองช่วยโทรหาให้เลยค่ะ

.. ยัง!! 555 ขอเพิ่มเติม แนะนำ ที่พัก ค่ะ ถ้าใครไปเที่ยวเป็นแกงค์ 5-6 คน จขกท. นอนที่ Flower Apartment Old Town ค่ะ ดีมากกกก ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าเลยค่ะ เดินออกมาก็เจอ square เลย ดีงาม เคยบอกเจ้าของเค้าว่าจะรีวิวให้แล้วก็ลืม .. sorry รีวิวในนี้แล้วกัน

จบจริงๆแล้วค่ะ ยาวว 10000 คำ เกือบจะไม่พอ หวังว่ากระทู้จะมีประโยชน์อีกเช่นเคย สวัสดีค่ะ