ตอนที่ 1 กว่าจะถึง Bacolod นึกว่าไปอังกฤษ

ทริปส่งท้ายปี 2559 เป็นที่ทริปที่ยาวนานและโหดที่สุดตั้งแต่เคยเที่ยวมา ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เป็นเกาะ และมีเกาะเล็กเกาะน้อยมากถึง 7,107 เกาะ เรียกได้ว่าแต่ละเกาะก็มีทะเลและชายหาดที่สวยงามแตกต่างกันไป ถือว่าเป็นอีก 1 ประเทศที่น่าเที่ยว และเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เคยไป นอกเสียจาก Bolacay ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของฟิลิปปินส์ อาจจะเทียบได้กับ ภูเก็ตของประเทศไทย บาหลีของอินโดนีเซีย Phu Quoc ของเวียดนาม เพราะบางครั้งคนรู้จักสถานที่ท่องเที่ยว แต่กลับไม่รู้เลยว่ามันตั้งอยู่ที่ประเทศอะไร
เนื่องจากสามีไปเที่ยวฟิลิปปินส์จนนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้พอจะรู้ว่าต้องไปที่ไหนบ้าง ส่วนตัวเราและลูก ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ไปเยือนประเทศฟิลิปปินส์ ดังนั้นเค้าจึงเป็นคนวางแผนทั้งหมด ทั้งซื้อตั๋ว จองโรงแรม ติดต่อหารถ และเป็นคนที่ทำให้เพื่อน ๆ เรา พากันเรียกทริปนี้ว่า "ทริปสามีโหด" โหดแค่ไหนไปติดตามกันจ้า
เริ่มจากตื่นนอนตี 4 ออกจากบ้าน 4.30น. (ไม่อยากจะบอกว่าเรากับลูกเพิ่งกลับมาจากไทย ถึงบ้านที่สิงคโปร์ตอน 3 ทุ่ม ขณะที่สามีก็เพิ่งกลับมาจากพนมเปญ ถึงบ้านพร้อม ๆ กัน) พวกเราออกเดินทางจากสนามบินชางกี ประเทศสิงคโปร์ บินไปกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ถึงจะบินต่อไปยังมนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากตั๋วเครื่องบินตรงจากสิงคโปร์ไปฟิลิปปินส์ แพงกว่าอีกคนละ 5,000 บาท เราเดินทางกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูกสาวอายุ 5 ขวบ ทำให้ต้องเสียเวลาเดินทาง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
จุดหมายปลายทางคืนนี้ที่ Punta Bulata White Beach Resort & Spa

ผ่านไป 10 ชม. ก็ลงเครื่องที่สนามบิน Ninoy Aquino มนิลา,ประเทศฟิลิปปินส์ แล้วรอต่อเครื่องอีก 4 ชม. นั่งเครื่องบินอีก 1 ชม.เพื่อเดินทางไปยังเกาะ Negros จากนั้นขึ้นรถตู้ของรีสอร์ท เพื่อเดินทางไปยังเมือง Bacolod ทางตอนเหนือของเกาะอีก 3 ชม. สรุปตั้งแต่ออกจากบ้านจนกระทั่งถึงรีสอร์ทประมาณ 22.30 น. (door to door) ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 18 ชม. จนเพื่อนบ้านแอบที่เป็นคนอังกฤษแซวผ่าน Facebook ว่า
ถ้านั่งเครื่องบินป่านนี้ถึงอังกฤษไปแล้วนะนั่น บอกได้เลยว่าเหนื่อยกับการเดินทางครั้งนี้มาก ๆ ปกติเดินทางไม่กี่ชม.ก็ถึงที่พักแล้ว แต่งานนี้ต้องนั่งเครื่องถึง 3 ต่อ รถยนต์อีก 3 ชม.ครึ่ง เข้าห้องพักได้หัวถึงหมอนหลับเป็นตาย
อะ!!!!!ไม่สิ ก่อนจะเข้าห้องพัก สามีข้าพเจ้าก็เริ่มบ่น ยกที่หนึ่ง ห้องที่ได้ไม่ตรงกับห้องที่จอง คือ ฮีจองห้องวิวทะเล แต่ได้วิวสระว่ายน้ำ ขณะที่ห้องวิวทะเลก็ไม่มีคนพัก (แขกไม่มีเลยสักห้อง) แต่เหม็นกลิ่นสี เพราะเพิ่งทาสีห้องน้ำใหม่ เราบอกไม่เอาจะให้มานอนเหม็นแบบนี้ปวดหัวตาย แค่เดินทางทั้งวันก็จะไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจกลับไปห้องเดิน ......นอนสิค่ะ รออะไร

รีสอร์ทที่เราไปพัก
เก็บตกเรื่องเล่าระหว่างการเดินทาง........
นอกจากช่วงเวลาการเดินทางที่แสนโหดครั้งนี้แล้ว ระหว่างทางยังมีเรื่องเล่าอีกมากมาย หลังจากรถตู้ออกจากสนามบิน เพื่อมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ทนั้น แม้จะเป็นถนนใหญ่ในตัวเมือง แต่ 2 ข้างทางมืดมากในที่ชุมชน ร้านค้า ปั้มน้ำมัน ร้านอาหาร จะมีแค่แสงไฟสีเหลืองสลัว ๆ เท่านั้น ไม่ได้สว่างจ้าเหมือนบ้านเรานะคะ

ระหว่างทางทุกคนเริ่มหิวกันแล้ว จึงให้ลุงคนขับรถตู้แวะข้างทางเพื่อซื้ออาหาร แต่คุณสามีกลับให้แวะร้านย่างตามรูป คือจะบอกว่าควันโขมงครอบคลุมพื้นที่สัก 3 เอเคอร์ได้(พูดให้เวอร์ไว้ก่อน) แทบไม่มีออกซิเจนให้หายใจ ผมเผ้า เสื้อผ้าเหม็นกลิ่นควันเต็มไปหมด และเห็นสภาพเนื้อที่ย่างแล้วบอกเลยว่างานนี้ขอบาย เราบอกสามีว่าเราไม่กินแล้ว เธอจะกินก็กินไปเลย สามีก็ซื้อมาเผื่อนะ ได้ไส้กรอกให้ลูก 1 ไม้ ลูกกัดคำเดียวคายทิ้ง บอกไม่อร่อย จากนั้นเค้าก็คะยั้นคะยอให้กินหมูย่าง ทั้งมัน ทั้งเหม็น หวานยังน้ำเชื่อม เรากัดๆไป2 คำ โยนทิ้ง งานนี้เราฝากความหวังไว้กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันนะลูกจ๋า
คนขับรถที่นี่เก่งมาก แม้รถคันที่สวนมาจะเปิดไฟสูงส่องสว่างมาแค่ไหนก็ไม่หวั่น โดยเฉพาะรถบรรทุกที่วิ่งกันขวักไขว่ตลอดเวลา ทั้งรถบรรทุกอ้อยที่สูงเต็มคันรถ รถบรรทุกหมู รถจักรยานยนต์พ่วงที่มีไฟหน้าเพียงดวงเดียว แต่บรรทุกผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 5 คน
นอกจากไฟข้างทางจะไม่มีแล้ว ยังมีการซ่อมบำรุง สร้างถนน ทำทางเดินเท้า สร้างสะพาน ตลอดเส้นทางที่รถวิ่งไป และที่พีคที่สุดคือไม่มีป้ายไฟกระพริบแจ้งเตือนเหมือนบ้านเรานะจ๊ะ บางที่ใช้เชือกฟางมัดกับไม้ปักล้อมจุดที่ซ่อมบำรุง บางที่ใช้ไม้กระดานติดสติ๊กเกอร์เรืองแสงสีส้มเป็นลูกศรชี้ให้เดินรถทางเลี่ยงหรือทางเบี่ยง รถสิบล้อ รถการเกษตรเสียกลางถนนก็จอดทิ้งไว้แบบนั้นโดยไม่มีการเคลื่อนย้าย เพียงวางพุ่มไม้หรือขอนไม้ไว้ด้านหน้าและหลังรถก็เพียงพอ ใครขับรถกลางคืนนอกจากต้องระวังสุด ๆ แล้วยังต้องเป็นคนที่สายดีด้วยนะ กว่าจะถึงที่หมายใจหายใจคว่ำไปหลายรอบเลยทีเดียว
เช้านี้ที่ Punta Bulata White Beach Resort & Spa อากาศสดใสมาก เอารูปบรรยากาศโดยรอบมาฝากกันนะคะ

ทะเลยามเช้าค่ะ ที่นี่ตอนเช้า ๆ น้ำจะยังไม่เข้าฝั่ง ทำให้เห็นท้องทะเลทรายแบบนี้ไกลลิบเลยค่ะ

สายๆ หน่อยจะเริ่มมีน้ำทะเลแล้วค่ะ

มีสระว่ายน้ำด้วย ว่ายน้ำไปก็ชมวิวไป

วิวจากระเบียงห้อง

กลางวันแดดร้อนมากค่ะ

ต้นมะพร้าวสูงมาก ๆ แทบทุกต้นเลย

พวกเราพักที่รีสอร์ทแรก 3 คืน บรรยากาศสงบร่มรื่น ทะเลสวย หาดทรายขาวสะอาด แต่ไม่ค่อยมีคนเล่น อาจเป็นเพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ตอนเราพักมีแต่คนฟิลิปปินส์ ที่มักจะมากันเป็นครอบครัวใหญ่ และนักท่องเที่ยวเกาหลีประมาณ 2 กลุ่มเท่านั้น บรรยากาศแบบนี้ดีค่ะ ครอบครัวเราชอบมาก คนไม่เยอะ ไม่พลุกพล่าน ดูสงบไปอีกแบบ ได้พักร่างไป 3 วันเต็ม ๆ ส่วนเรื่องอาหารอย่าไปคาดหวังอะไรมากนัก อาจจะไม่ค่อยถูกปากคนไทยเท่าไหร แค่พอถูไถไปได้บ้าง เคล็ดลับคือเตรียมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปด้วยบ้างก็ดีนะ เกาหลีเค้ายังทำกันเลย เราคนไทยมีหรือจะไม่พก.......
ขอจบตอนที่ 1 ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ แล้วจะมาเขียนต่อว่าหลังจากเช็คเอ้าท์ออกไปแล้ว เราจะไปไหนกันต่อและเจออะไรกันบ้าง บอกเลยว่าโหดพอ ๆ กัน ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามค่ะ
แชร์ประสบการณ์เที่ยวฟิลิปปินส์สุดโหด 16 วัน Bacolod,Pandan,Boracay และ Coron
ทริปส่งท้ายปี 2559 เป็นที่ทริปที่ยาวนานและโหดที่สุดตั้งแต่เคยเที่ยวมา ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เป็นเกาะ และมีเกาะเล็กเกาะน้อยมากถึง 7,107 เกาะ เรียกได้ว่าแต่ละเกาะก็มีทะเลและชายหาดที่สวยงามแตกต่างกันไป ถือว่าเป็นอีก 1 ประเทศที่น่าเที่ยว และเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เคยไป นอกเสียจาก Bolacay ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของฟิลิปปินส์ อาจจะเทียบได้กับ ภูเก็ตของประเทศไทย บาหลีของอินโดนีเซีย Phu Quoc ของเวียดนาม เพราะบางครั้งคนรู้จักสถานที่ท่องเที่ยว แต่กลับไม่รู้เลยว่ามันตั้งอยู่ที่ประเทศอะไร
เนื่องจากสามีไปเที่ยวฟิลิปปินส์จนนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้พอจะรู้ว่าต้องไปที่ไหนบ้าง ส่วนตัวเราและลูก ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ไปเยือนประเทศฟิลิปปินส์ ดังนั้นเค้าจึงเป็นคนวางแผนทั้งหมด ทั้งซื้อตั๋ว จองโรงแรม ติดต่อหารถ และเป็นคนที่ทำให้เพื่อน ๆ เรา พากันเรียกทริปนี้ว่า "ทริปสามีโหด" โหดแค่ไหนไปติดตามกันจ้า
เริ่มจากตื่นนอนตี 4 ออกจากบ้าน 4.30น. (ไม่อยากจะบอกว่าเรากับลูกเพิ่งกลับมาจากไทย ถึงบ้านที่สิงคโปร์ตอน 3 ทุ่ม ขณะที่สามีก็เพิ่งกลับมาจากพนมเปญ ถึงบ้านพร้อม ๆ กัน) พวกเราออกเดินทางจากสนามบินชางกี ประเทศสิงคโปร์ บินไปกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ถึงจะบินต่อไปยังมนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากตั๋วเครื่องบินตรงจากสิงคโปร์ไปฟิลิปปินส์ แพงกว่าอีกคนละ 5,000 บาท เราเดินทางกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูกสาวอายุ 5 ขวบ ทำให้ต้องเสียเวลาเดินทาง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
จุดหมายปลายทางคืนนี้ที่ Punta Bulata White Beach Resort & Spa
ผ่านไป 10 ชม. ก็ลงเครื่องที่สนามบิน Ninoy Aquino มนิลา,ประเทศฟิลิปปินส์ แล้วรอต่อเครื่องอีก 4 ชม. นั่งเครื่องบินอีก 1 ชม.เพื่อเดินทางไปยังเกาะ Negros จากนั้นขึ้นรถตู้ของรีสอร์ท เพื่อเดินทางไปยังเมือง Bacolod ทางตอนเหนือของเกาะอีก 3 ชม. สรุปตั้งแต่ออกจากบ้านจนกระทั่งถึงรีสอร์ทประมาณ 22.30 น. (door to door) ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 18 ชม. จนเพื่อนบ้านแอบที่เป็นคนอังกฤษแซวผ่าน Facebook ว่า ถ้านั่งเครื่องบินป่านนี้ถึงอังกฤษไปแล้วนะนั่น บอกได้เลยว่าเหนื่อยกับการเดินทางครั้งนี้มาก ๆ ปกติเดินทางไม่กี่ชม.ก็ถึงที่พักแล้ว แต่งานนี้ต้องนั่งเครื่องถึง 3 ต่อ รถยนต์อีก 3 ชม.ครึ่ง เข้าห้องพักได้หัวถึงหมอนหลับเป็นตาย
อะ!!!!!ไม่สิ ก่อนจะเข้าห้องพัก สามีข้าพเจ้าก็เริ่มบ่น ยกที่หนึ่ง ห้องที่ได้ไม่ตรงกับห้องที่จอง คือ ฮีจองห้องวิวทะเล แต่ได้วิวสระว่ายน้ำ ขณะที่ห้องวิวทะเลก็ไม่มีคนพัก (แขกไม่มีเลยสักห้อง) แต่เหม็นกลิ่นสี เพราะเพิ่งทาสีห้องน้ำใหม่ เราบอกไม่เอาจะให้มานอนเหม็นแบบนี้ปวดหัวตาย แค่เดินทางทั้งวันก็จะไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจกลับไปห้องเดิน ......นอนสิค่ะ รออะไร
เก็บตกเรื่องเล่าระหว่างการเดินทาง........
นอกจากช่วงเวลาการเดินทางที่แสนโหดครั้งนี้แล้ว ระหว่างทางยังมีเรื่องเล่าอีกมากมาย หลังจากรถตู้ออกจากสนามบิน เพื่อมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ทนั้น แม้จะเป็นถนนใหญ่ในตัวเมือง แต่ 2 ข้างทางมืดมากในที่ชุมชน ร้านค้า ปั้มน้ำมัน ร้านอาหาร จะมีแค่แสงไฟสีเหลืองสลัว ๆ เท่านั้น ไม่ได้สว่างจ้าเหมือนบ้านเรานะคะ
ระหว่างทางทุกคนเริ่มหิวกันแล้ว จึงให้ลุงคนขับรถตู้แวะข้างทางเพื่อซื้ออาหาร แต่คุณสามีกลับให้แวะร้านย่างตามรูป คือจะบอกว่าควันโขมงครอบคลุมพื้นที่สัก 3 เอเคอร์ได้(พูดให้เวอร์ไว้ก่อน) แทบไม่มีออกซิเจนให้หายใจ ผมเผ้า เสื้อผ้าเหม็นกลิ่นควันเต็มไปหมด และเห็นสภาพเนื้อที่ย่างแล้วบอกเลยว่างานนี้ขอบาย เราบอกสามีว่าเราไม่กินแล้ว เธอจะกินก็กินไปเลย สามีก็ซื้อมาเผื่อนะ ได้ไส้กรอกให้ลูก 1 ไม้ ลูกกัดคำเดียวคายทิ้ง บอกไม่อร่อย จากนั้นเค้าก็คะยั้นคะยอให้กินหมูย่าง ทั้งมัน ทั้งเหม็น หวานยังน้ำเชื่อม เรากัดๆไป2 คำ โยนทิ้ง งานนี้เราฝากความหวังไว้กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันนะลูกจ๋า
คนขับรถที่นี่เก่งมาก แม้รถคันที่สวนมาจะเปิดไฟสูงส่องสว่างมาแค่ไหนก็ไม่หวั่น โดยเฉพาะรถบรรทุกที่วิ่งกันขวักไขว่ตลอดเวลา ทั้งรถบรรทุกอ้อยที่สูงเต็มคันรถ รถบรรทุกหมู รถจักรยานยนต์พ่วงที่มีไฟหน้าเพียงดวงเดียว แต่บรรทุกผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 5 คน
นอกจากไฟข้างทางจะไม่มีแล้ว ยังมีการซ่อมบำรุง สร้างถนน ทำทางเดินเท้า สร้างสะพาน ตลอดเส้นทางที่รถวิ่งไป และที่พีคที่สุดคือไม่มีป้ายไฟกระพริบแจ้งเตือนเหมือนบ้านเรานะจ๊ะ บางที่ใช้เชือกฟางมัดกับไม้ปักล้อมจุดที่ซ่อมบำรุง บางที่ใช้ไม้กระดานติดสติ๊กเกอร์เรืองแสงสีส้มเป็นลูกศรชี้ให้เดินรถทางเลี่ยงหรือทางเบี่ยง รถสิบล้อ รถการเกษตรเสียกลางถนนก็จอดทิ้งไว้แบบนั้นโดยไม่มีการเคลื่อนย้าย เพียงวางพุ่มไม้หรือขอนไม้ไว้ด้านหน้าและหลังรถก็เพียงพอ ใครขับรถกลางคืนนอกจากต้องระวังสุด ๆ แล้วยังต้องเป็นคนที่สายดีด้วยนะ กว่าจะถึงที่หมายใจหายใจคว่ำไปหลายรอบเลยทีเดียว
เช้านี้ที่ Punta Bulata White Beach Resort & Spa อากาศสดใสมาก เอารูปบรรยากาศโดยรอบมาฝากกันนะคะ
ทะเลยามเช้าค่ะ ที่นี่ตอนเช้า ๆ น้ำจะยังไม่เข้าฝั่ง ทำให้เห็นท้องทะเลทรายแบบนี้ไกลลิบเลยค่ะ
สายๆ หน่อยจะเริ่มมีน้ำทะเลแล้วค่ะ
มีสระว่ายน้ำด้วย ว่ายน้ำไปก็ชมวิวไป
วิวจากระเบียงห้อง
กลางวันแดดร้อนมากค่ะ
ต้นมะพร้าวสูงมาก ๆ แทบทุกต้นเลย
พวกเราพักที่รีสอร์ทแรก 3 คืน บรรยากาศสงบร่มรื่น ทะเลสวย หาดทรายขาวสะอาด แต่ไม่ค่อยมีคนเล่น อาจเป็นเพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ตอนเราพักมีแต่คนฟิลิปปินส์ ที่มักจะมากันเป็นครอบครัวใหญ่ และนักท่องเที่ยวเกาหลีประมาณ 2 กลุ่มเท่านั้น บรรยากาศแบบนี้ดีค่ะ ครอบครัวเราชอบมาก คนไม่เยอะ ไม่พลุกพล่าน ดูสงบไปอีกแบบ ได้พักร่างไป 3 วันเต็ม ๆ ส่วนเรื่องอาหารอย่าไปคาดหวังอะไรมากนัก อาจจะไม่ค่อยถูกปากคนไทยเท่าไหร แค่พอถูไถไปได้บ้าง เคล็ดลับคือเตรียมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปด้วยบ้างก็ดีนะ เกาหลีเค้ายังทำกันเลย เราคนไทยมีหรือจะไม่พก.......
ขอจบตอนที่ 1 ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ แล้วจะมาเขียนต่อว่าหลังจากเช็คเอ้าท์ออกไปแล้ว เราจะไปไหนกันต่อและเจออะไรกันบ้าง บอกเลยว่าโหดพอ ๆ กัน ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามค่ะ