คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
เราเอาพื้นฐานตอนเด็กตอนเรียนมาชี้วัดอนาคตไม่ได้ทั้งหมดหรอก ชีวิตคนเราขึ้นลงไม่เหมือนกัน ขึ้นกับดวงโชคชะตาวาสนาด้วยจริง ๆ ของแบบนี้ มันไม่อาจชี้วัดได้อนาคตจะเป็นเช่นไร ยกตัวอย่าง
1. เพื่อนผมเรียน ม.3 รร ชื่อดังประจำจังหวัดมาด้วยกัน
1.1 คนนึงเกเร เด็กหลังห้อง เรียนต่อม.ปลายไม่จบ ปัจจุบันรวยที่สุดของห้อง เป็นคนแรกที่มีรถเบนซ์ป้ายแดงขับ มีเงินหมุนเวียน 100 ล้าน และเป็นกำนัน ใครก็เรียกท่านกำนัน มีแต่คนยกมือไหว้และไหว้ขรก ใหญ่กว่า
1.2 คนนึงเรียนเก่งมากที่สุดของห้อง จบ พระจอมลาดกระบัง ปัจจุบันคือ ผจก. โรงงานแห่งนึงเงินเดือนใกล้ ๆ 1 แสนบาท
1.3 คนนึงเรียนเก่งรองลงมาปัจจุบัน เป็นตำรวจ พตท. แต่งงานกับลูกสาวเจ้าของร้านเพชร มีลูกแล้วแล้วสอบเข้าเรียนมัธยมชื่อดังในกทม ได้เสียค่าแป๊ะเจี๊ยะ หลายแสนเหมือนกัน แต่เขาจ่ายได้สบาย แถมติดยศ พตท ค่อนข้างมีหน้าตาในสมาคมผู้ปกครอง
1.4 คนอื่น ๆ เรียนค่อนข้างเก่ง แต่เด็กค่อนข้างเก่งในรุ่นผม ออกไปทางราชการซะมากกว่าครึ่งนึง อีกครึ่งนึงอยู่เอกชนเงินเดือนไม่ได้ดีอะไรนัก
1.5 คนเรียนไม่เก่งอีกหลายคนชีวิตไปทำกิจการส่วนตัวกันไปได้ดีกว่าคนเรียนกลาง ๆ ของห้องที่ออกไปเป็นมนุษย์เงินเดือน ทั้งนั้นเลย
ผมเรียนไม่เก่งแต่ไม่ถึงกับแย่ของห้องใครเลยจะคิดว่ามีอนาคตขนาดนี้ แต่ไปเรียนกวดวิชาสมัย 20 กว่าปีก่อนโน้นขยันเอาปีสุดท้ายจนสอบเข้า วิศวะพระจอมได้ จบออกมาช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ก็ไปหางานแบบกระท่อนกระแท่น สุดท้ายทำงานมาหลายแห่งปัจจุบันเงินเดือนไม่มากแต่รวมรายรับ + โอทีก็ 5-6 หมื่นบาททุกเดือน ถ้านับเฉพาะเงินเดือนมีแค่นั้นไม่รวมโบนัสขั้นต่ำ 4 เดือนทุกปี แต่มีรายได้จากธุรกิจส่วนตัวอีกเดือนละ 2 แสนกว่าบาท ถ้านับรายได้ก็อันต้น ๆ ของห้องเหมือนกัน ใครถามก็บอกค้าขายได้กำไรเล็กน้อย ขายไม่ค่อยดีหรอกว่ะ ไม่กล้าบอกความจริงเพราะสมัยเรียนกลุ่มเพื่อนเรียนเก่งของห้องกลุ่มนั้นบางคนพวกขี้อิจฉาคน โตมาแล้วนิสัยเป็นไงเราไม่รู้ ถ้าเอานิสัยแบบเก่ามาใช้ กลัวสังสรรค์รุ่นแล้วเสียความรู้สึกกัน
1. เพื่อนผมเรียน ม.3 รร ชื่อดังประจำจังหวัดมาด้วยกัน
1.1 คนนึงเกเร เด็กหลังห้อง เรียนต่อม.ปลายไม่จบ ปัจจุบันรวยที่สุดของห้อง เป็นคนแรกที่มีรถเบนซ์ป้ายแดงขับ มีเงินหมุนเวียน 100 ล้าน และเป็นกำนัน ใครก็เรียกท่านกำนัน มีแต่คนยกมือไหว้และไหว้ขรก ใหญ่กว่า
1.2 คนนึงเรียนเก่งมากที่สุดของห้อง จบ พระจอมลาดกระบัง ปัจจุบันคือ ผจก. โรงงานแห่งนึงเงินเดือนใกล้ ๆ 1 แสนบาท
1.3 คนนึงเรียนเก่งรองลงมาปัจจุบัน เป็นตำรวจ พตท. แต่งงานกับลูกสาวเจ้าของร้านเพชร มีลูกแล้วแล้วสอบเข้าเรียนมัธยมชื่อดังในกทม ได้เสียค่าแป๊ะเจี๊ยะ หลายแสนเหมือนกัน แต่เขาจ่ายได้สบาย แถมติดยศ พตท ค่อนข้างมีหน้าตาในสมาคมผู้ปกครอง
1.4 คนอื่น ๆ เรียนค่อนข้างเก่ง แต่เด็กค่อนข้างเก่งในรุ่นผม ออกไปทางราชการซะมากกว่าครึ่งนึง อีกครึ่งนึงอยู่เอกชนเงินเดือนไม่ได้ดีอะไรนัก
1.5 คนเรียนไม่เก่งอีกหลายคนชีวิตไปทำกิจการส่วนตัวกันไปได้ดีกว่าคนเรียนกลาง ๆ ของห้องที่ออกไปเป็นมนุษย์เงินเดือน ทั้งนั้นเลย
ผมเรียนไม่เก่งแต่ไม่ถึงกับแย่ของห้องใครเลยจะคิดว่ามีอนาคตขนาดนี้ แต่ไปเรียนกวดวิชาสมัย 20 กว่าปีก่อนโน้นขยันเอาปีสุดท้ายจนสอบเข้า วิศวะพระจอมได้ จบออกมาช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ก็ไปหางานแบบกระท่อนกระแท่น สุดท้ายทำงานมาหลายแห่งปัจจุบันเงินเดือนไม่มากแต่รวมรายรับ + โอทีก็ 5-6 หมื่นบาททุกเดือน ถ้านับเฉพาะเงินเดือนมีแค่นั้นไม่รวมโบนัสขั้นต่ำ 4 เดือนทุกปี แต่มีรายได้จากธุรกิจส่วนตัวอีกเดือนละ 2 แสนกว่าบาท ถ้านับรายได้ก็อันต้น ๆ ของห้องเหมือนกัน ใครถามก็บอกค้าขายได้กำไรเล็กน้อย ขายไม่ค่อยดีหรอกว่ะ ไม่กล้าบอกความจริงเพราะสมัยเรียนกลุ่มเพื่อนเรียนเก่งของห้องกลุ่มนั้นบางคนพวกขี้อิจฉาคน โตมาแล้วนิสัยเป็นไงเราไม่รู้ ถ้าเอานิสัยแบบเก่ามาใช้ กลัวสังสรรค์รุ่นแล้วเสียความรู้สึกกัน
แสดงความคิดเห็น
ผมสงสัย ?....ถ้ามีนักศึกษามหาลัยที่เคยมีนิสัยเหล่านี้แล้ว...ต่อไปจะเจอกับอะไรบ้างครับ ?
วิถีชีวิตของนักศึกษาที่เคยแบบว่า...
.
... ตอนเรียนก็ เที่ยวสถานบันเทิงยามราตรีบ่อยๆ
หรือ , ไม่คิดเรื่องการงานในอนาคตจริงจัง แต่คิดเรื่องกินๆ เที่ยวๆเป็นหลัก
หรือ , หรูหราจากเงินพ่อแม่ แต่ ไม่คิดทำงานเลี้ยงชีพตัวเองจริงจัง
หรือ , คิดจะเลี้ยงครอบครัว หรือ คิดฝันการงานใหญ่
แต่ไม่ใส่ใจการวางแผนที่ชัดเจน หรือ หาประสบการณ์ใหม่ๆอะไร
.
.....ผมอยากทราบว่าต่อจากนั้น
สักอายุ 25 30 40 50 เค้าจะใช้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง ?
และสุดท้ายในแต่ละช่วงวัยในชีวิต
เขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือปรับปรุงนิสัย แบบไหนบ้าง
และ วิถีชีวิตเป็นอย่างไรบ้างเหรอครับ ?