“I’m going back to a time when we owned this town
Down Powdermill lane and the Battle grounds
We were friends and lovers and clueless clowns”
ท่อนแรกของเพลง Sovereign Light Café ซิงเกิ้ลที่ 3 จากอัลบั้มที่ 4 — Strangeland ของวง Keane
เป็นเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ติดหูเรามากที่สุด เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2012
และได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงโปรดตลอดกาลของเรา
ที่มักเพราะเป็นพิเศษเมื่อเปิดฟังยามขับรถไปทะเล หรือเปิดในคืนสบายใจที่ได้นั่งพักผ่อน
เมื่อเรามีโอกาสไปเที่ยวประเทศอังกฤษในเดือนตุลาคม 2016 เป็นเวลา 2 สัปดาห์เศษ
เพื่อนคนนึงซึ่งเป็นกัลยาณมิตรในการฟังเพลงจึงไม่ลืมที่จะเตือนว่า
“แวะไป Sovereign Light Cafe ด้วยสิ มันไม่ไกลจากลอนดอนนะ”
และนั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักเมืองเล็ก ๆ ชื่อ
Bexhill On Sea ที่มี Sovereign Light Café ของจริง อยู่ริมทะเลตรงไหนซักแห่ง
จากการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ทพบว่า Bexhill On Sea เป็นเมืองตากอากาศริมชายฝั่งทะเล
เป็นส่วนหนึ่งของมณฑล East Sussex และอยู่ห่างจากลอนดอนประมาณ 73 ไมล์
ใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟราว ๆ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
มีสถานที่น่าสนใจคือ De La Warr Pavilion ซึ่งเป็นอาคารสไตล์โมเดิร์นแห่งแรก ๆ ในอังกฤษ
สร้างตั้งแต่ปี 1935 และปัจจุบันมีสถานะเป็น Center of Art & Culture ของเมือง
แล้วก็มี Bexhill On Sea Museum จัดแสดงงานศิลปะที่น่าสนใจ รวมถึงประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
"Let's go down to the bandstand on the pier
Watch the drunks and the lovers appear"
ด้วยความที่เป็นเมืองเล็ก ทั้ง De La Warr Pavillion, Bexhill On Sea Musuem
และ Sovereign Light Café จึงอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ กันหมดแบบเดินไม่กี่นาทีก็ถึง
แถมจุดเริ่มต้นอย่าง De La Warr Pavillion ยังใช้เวลาเดินเพียงแค่ 10 นาทีจากสถานีรถไฟ
พอได้ข้อมูลเพียงพอแล้ว เราก็ตัดสินใจจองตั๋วรถไฟทันที ในใจไม่คิดอะไรมาก
อยากเที่ยวแบบไม่คาดหวัง ไม่รู้อะไรเยอะ
เอาแค่ได้ไป Sovereign Light Café ของจริงและได้เห็นทะเลอังกฤษก็คิดว่าคุ้มแล้ว
เราไปถึง Bexhill On Sea ในเช้าวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม วันนั้นแดดจ้าฟ้าใสผิดวิสัยสหราชอาณาจักร
ความรู้สึกแรกหลังจากเดินออกมาจากสถานีรถไฟคือที่นี่ช่างเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สดใส และที่สำคัญคือ มีแต่คนแก่เต็มไปหมดเลย!
ทุกเมืองในสหราชอาณาจักรจะมีสถานีรถไฟอยู่ที่ศูนย์กลางเมือง
ดังนั้นการเดินทางจึงเป็นเรื่องสะดวกสบายสำหรับคนที่นี่แม้จะไม่มีรถ
เมื่อเรานั่งรถไฟมา และจะเดินต่อไปที่ชายหาด จึงได้เดินผ่านใจกลางเมืองซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งไปโดยปริยาย
แต่บรรยากาศมันช่างแตกต่างจากทุกแหล่งช้อปปิ้งที่เราเคยสัมผัส เพราะ 90% ของประชากรที่เห็นเป็นผู้สูงอายุ
รายละเอียดทุกอย่างของเมืองนี้ ถ้าตั้งใจมองดี ๆ จะพบว่าถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นมิตรกับผู้สูงวัย
ไม่ว่าจะเป็นฟุตบาทกว้างขวางขอบเตี้ย ๆ ให้เข็นรถเข็นขึ้น-ลงสวนกันได้ชิล ๆ
หรือป้ายตามร้านขายของที่เขียนราคาและคำอธิบาย ตัวใหญ่ชัดเจน
เดินแป๊บเดียวก็ถึง De La Waar Pavilion
เราตื่นเต้นกับบรรยากาศที่ดูเหมือนหอศิลป์สำหรับหนุ่มสาววัย 50 up
ที่นี่เป็นอาคารหน้าตาโมเดิร์นริมทะเล ที่มีร้านรวงน่ารัก มีร้านกาแฟเอาท์ดอร์
มีแกลเลอรี่ศิลปะ มีโดมและดาดฟ้าให้ขึ้นไปชมวิว
แต่สิ่งที่ทำให้บรรยากาศของที่นี่ไม่เหมือนที่ไหนที่เคยเจอ
คือทุกมุมเต็มไปด้วยคุณป้าคุณลุงคุณตาคุณยายที่จูงมือ — เกาะแขนกันมาเดินตากอากาศ
ใส่แว่นกันแดดนั่งจิบกาแฟชมทะเล ชมงานศิลป์ด้วยกัน ไม่ต่างจากหนุ่มสาวฮิป ๆ ที่อยู่ใจกลางเมือง
อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบมาก ๆ ของที่นี่ คือทางเดินเลียบชายหาดที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เหมือนใน MV ของ Keane เป๊ะ
ระหว่างทางจะมีช่องให้สามารถเดินลงไปริมทะเลได้เป็นระยะ แต่เป็นหาดหินนะไม่ใช่หาดทราย
และอีกฝั่งของทางเดินเป็นสวนเล็กๆ สลับกับม้านั่ง
เราเจอคนทุกรูปแบบที่นี่ ทั้งคู่รักคุณปู่คุณย่า ครอบครัวที่เข็นลูกเล็ก ๆ มาเดินเล่น
คนจูงสุนัขที่ยืนทักทายกัน และคนที่มาจ็อกกิ้งออกกำลังกาย
เราเดินเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศแสนผ่อนคลาย
และก่อนจะรู้ตัว Sovereign Light Cafe ของจริงก็อยู่ตรงหน้าเรา ข้างทางเดินริมทะเลนี่เอง
ความรู้สึกตอนเดินใกล้ Sovereign Light Café เข้าไปเรื่อย ๆ
คล้ายกันกับความรู้สึกตอนมองแผ่นดินเคลื่อนผ่านขณะที่เราใกล้ถึง UK
ใจมันเต้นแรงแปลก ๆ รู้สึกกึ่งฝันกึ่งจริง เพราะเป็นที่ ๆ เราใฝ่ฝันมานานว่าจะได้มา
แต่คงเพราะนี่คือการเดินเท้า และเห็นจุดหมายอยู่ในที่โล่งตรงหน้า
ความรู้สึกนั้นจึงชัดเจนกว่าตอนอยู่บนเครื่องบิน
ในสมองมีภาพย้อนไปตลอดเวลาหลายเดือนที่เราเคยเปิดดูรูปถ่ายของคนอื่น
เคยอ่านบันทึกการเดินทางของคนอื่น เคยคิดฝันถึงการมาด้วยตัวเอง
จนถึงนาทีที่มันอยู่ตรงหน้าเราแล้วจริง ๆ
เป็นความรู้สึกที่แปลกและทำให้ใจแกว่งอย่างตื่นเต้นปนไม่เชื่อว่านี่คือความจริง
ทั้งที่มันก็แค่คาเฟ่ริมทะเลแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีไฮไลต์อะไรมากไปกว่าการถูกพูดถึงในเพลงของวงดนตรีที่เราชื่นชอบ
Let's go down to the rides on east parade,
By the lights of the palace arcade
And watch night coming down on the Sovereign Light Café
ตอนได้ไปนั่งกิน Fish & Chips กับกาแฟอยู่บนเก้าอี้อลูมิเนียมหน้าร้าน
ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า
"มันสำคัญตรงที่เราได้มาแล้วจริงๆ" 
เหตุผลติ่ง ๆ ที่ทำให้เราอยากมาคาเฟ่แห่งนี้
นำพาเรามาพบเมืองหนึ่งที่ไม่ป๊อปเอาซะเลยในหมู่นักท่องเที่ยวและแม้แต่กับคนอังกฤษเอง
แต่กลับเป็นเมืองที่มีบรรยากาศน่ารักเกินคาดคิด มีความโรแมนติกอยู่ในทุกอณู
เพราะหนุ่มสาวที่จูงมือกันเดินอยู่ที่นี่ไม่ได้เพิ่งพบรักกันเมื่อเร็ว ๆ นี้
แต่เป็นคุณปู่ย่าตายายที่ผ่านชีวิตร่วมกันมาจนถึงบั้นปลาย
เป็นความอุ่นใจชวนให้ยิ้มอย่างประหลาด เมื่อเราได้เดินสำรวจเมืองที่ดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่ปลอดภัย เนิบช้า
และเต็มไปด้วยผู้คนที่อยู่เคียงข้างกันและกันในช่วงสุดท้ายของชีวิต
ผู้คนที่แม้จะเดินไม่ค่อยไหว แต่ก็ยังมีคนจูงมือออกมาเดินเล่นในวันที่อากาศดี
ชวนกันชมความสวยงามของชายหาด
และยังดื่มด่ำกับงานศิลปะและกาแฟแก้วโปรดด้วยกัน แม้ในวัยที่สายตาเริ่มฝ้าฟาง
สิ่งที่ได้จากทริปนี้ นอกจากประสบการณ์สัมผัสทะเลอังกฤษ (น้ำเย็นเฉียบเลย)
และได้ไปนั่งทำเกร๋หน้า Sovereign Light Café ให้เพื่อนติ่งได้อิจฉาแล้ว
เรายังได้รู้ว่า บางทีมันก็ไม่สำคัญเลยว่าปลายทางจะมีอะไรรออยู่
แต่มันสำคัญที่เราได้ตัดสินใจ และลงมือทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำมานานจนสำเร็จต่างหาก
ที่ให้ความรู้สึกที่ดีที่สุดกับเราแบบที่อย่างอื่นไม่สามารถทดแทนได้
เราหลงรัก Bexhill On Sea ไปโดยไม่รู้ตัว และกลับมาพร้อมพลังใจบางอย่างในการใช้ชีวิต
ที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้รับจากเมืองคนแก่แห่งนี้
และสัญญากับตัวเองว่าจะยังคงตามหา Sovereign Light Café แห่งต่อไปในชีวิตอีกเรื่อย ๆ
หมายเหตุ:
- กระทู้นี้คัดลอก-ดัดแปลงมาจากบล็อกของเรา ไปดูรูปเพิ่มได้ที่
https://medium.com/@BetteTweet/
- ว่าจะบันทึกเรื่องเมืองอื่น ๆ ที่เราได้ไปมาอีก (กำลังเขียน One-day trip ที่ Oxford) และภาพรวมทริป UK 16 วัน 7 เมืองด้วย แต่ยังไม่รู้เมื่อไหร่นะคะ :p
- หากเดินทางด้วยรถไฟ ตั้งใจฟังประกาศให้ดี ๆ เพราะปลายทางเป็นเมืองเล็ก
รถทั้งขบวนจึงไม่ได้มุ่งตรงมาที่นี่อย่างเดียว จะมีการแบ่งโบกี้แยกเส้นทางกันเป็นระยะจากลอนดอน
เลือกนั่งให้ถูกโบกี้ ไม่อย่างนั้นอาจหลงไปเมืองอื่นได้ หากไม่แน่ใจ รีบถามเจ้าหน้าที่บนรถไฟเพื่อความชัวร์นะ
- เราพลาดที่ไม่ได้เข้าไป Bexhill Museum เพราะเวลาไม่พอ แต่แนะนำให้ทุกคนแวะไป
คงยิ่งประทับใจกับเมืองน่ารักแห่งนี้ได้มากขึ้น website:
http://www.bexhillmuseum.co.uk
- สถานที่อื่น ๆ ในเพลง Sovereign Light Café ก็มีอยู่จริงหมด ใน East Sussex นี่แหละ แต่ MV ทั้งหมดถ่ายที่ Bexhill รวมถึงภาพประกอบอัลบั้ม Strangeland ด้วย
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ De La Warr Pavilion:
https://www.dlwp.com
ติ่ง Keane ไปตามหา Sovereign Light Café ที่ประเทศอังกฤษ :)
Down Powdermill lane and the Battle grounds
We were friends and lovers and clueless clowns”
ท่อนแรกของเพลง Sovereign Light Café ซิงเกิ้ลที่ 3 จากอัลบั้มที่ 4 — Strangeland ของวง Keane
เป็นเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ติดหูเรามากที่สุด เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2012
และได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงโปรดตลอดกาลของเรา
ที่มักเพราะเป็นพิเศษเมื่อเปิดฟังยามขับรถไปทะเล หรือเปิดในคืนสบายใจที่ได้นั่งพักผ่อน
เมื่อเรามีโอกาสไปเที่ยวประเทศอังกฤษในเดือนตุลาคม 2016 เป็นเวลา 2 สัปดาห์เศษ
เพื่อนคนนึงซึ่งเป็นกัลยาณมิตรในการฟังเพลงจึงไม่ลืมที่จะเตือนว่า
“แวะไป Sovereign Light Cafe ด้วยสิ มันไม่ไกลจากลอนดอนนะ”
และนั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักเมืองเล็ก ๆ ชื่อ Bexhill On Sea ที่มี Sovereign Light Café ของจริง อยู่ริมทะเลตรงไหนซักแห่ง
จากการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ทพบว่า Bexhill On Sea เป็นเมืองตากอากาศริมชายฝั่งทะเล
เป็นส่วนหนึ่งของมณฑล East Sussex และอยู่ห่างจากลอนดอนประมาณ 73 ไมล์
ใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟราว ๆ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
มีสถานที่น่าสนใจคือ De La Warr Pavilion ซึ่งเป็นอาคารสไตล์โมเดิร์นแห่งแรก ๆ ในอังกฤษ
สร้างตั้งแต่ปี 1935 และปัจจุบันมีสถานะเป็น Center of Art & Culture ของเมือง
แล้วก็มี Bexhill On Sea Museum จัดแสดงงานศิลปะที่น่าสนใจ รวมถึงประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
Watch the drunks and the lovers appear"
ด้วยความที่เป็นเมืองเล็ก ทั้ง De La Warr Pavillion, Bexhill On Sea Musuem
และ Sovereign Light Café จึงอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ กันหมดแบบเดินไม่กี่นาทีก็ถึง
แถมจุดเริ่มต้นอย่าง De La Warr Pavillion ยังใช้เวลาเดินเพียงแค่ 10 นาทีจากสถานีรถไฟ
พอได้ข้อมูลเพียงพอแล้ว เราก็ตัดสินใจจองตั๋วรถไฟทันที ในใจไม่คิดอะไรมาก
อยากเที่ยวแบบไม่คาดหวัง ไม่รู้อะไรเยอะ
เอาแค่ได้ไป Sovereign Light Café ของจริงและได้เห็นทะเลอังกฤษก็คิดว่าคุ้มแล้ว
เราไปถึง Bexhill On Sea ในเช้าวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม วันนั้นแดดจ้าฟ้าใสผิดวิสัยสหราชอาณาจักร
ความรู้สึกแรกหลังจากเดินออกมาจากสถานีรถไฟคือที่นี่ช่างเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สดใส และที่สำคัญคือ มีแต่คนแก่เต็มไปหมดเลย!
ทุกเมืองในสหราชอาณาจักรจะมีสถานีรถไฟอยู่ที่ศูนย์กลางเมือง
ดังนั้นการเดินทางจึงเป็นเรื่องสะดวกสบายสำหรับคนที่นี่แม้จะไม่มีรถ
เมื่อเรานั่งรถไฟมา และจะเดินต่อไปที่ชายหาด จึงได้เดินผ่านใจกลางเมืองซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งไปโดยปริยาย
แต่บรรยากาศมันช่างแตกต่างจากทุกแหล่งช้อปปิ้งที่เราเคยสัมผัส เพราะ 90% ของประชากรที่เห็นเป็นผู้สูงอายุ
รายละเอียดทุกอย่างของเมืองนี้ ถ้าตั้งใจมองดี ๆ จะพบว่าถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นมิตรกับผู้สูงวัย
ไม่ว่าจะเป็นฟุตบาทกว้างขวางขอบเตี้ย ๆ ให้เข็นรถเข็นขึ้น-ลงสวนกันได้ชิล ๆ
หรือป้ายตามร้านขายของที่เขียนราคาและคำอธิบาย ตัวใหญ่ชัดเจน
เดินแป๊บเดียวก็ถึง De La Waar Pavilion
เราตื่นเต้นกับบรรยากาศที่ดูเหมือนหอศิลป์สำหรับหนุ่มสาววัย 50 up
ที่นี่เป็นอาคารหน้าตาโมเดิร์นริมทะเล ที่มีร้านรวงน่ารัก มีร้านกาแฟเอาท์ดอร์
มีแกลเลอรี่ศิลปะ มีโดมและดาดฟ้าให้ขึ้นไปชมวิว
แต่สิ่งที่ทำให้บรรยากาศของที่นี่ไม่เหมือนที่ไหนที่เคยเจอ
คือทุกมุมเต็มไปด้วยคุณป้าคุณลุงคุณตาคุณยายที่จูงมือ — เกาะแขนกันมาเดินตากอากาศ
ใส่แว่นกันแดดนั่งจิบกาแฟชมทะเล ชมงานศิลป์ด้วยกัน ไม่ต่างจากหนุ่มสาวฮิป ๆ ที่อยู่ใจกลางเมือง
อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบมาก ๆ ของที่นี่ คือทางเดินเลียบชายหาดที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เหมือนใน MV ของ Keane เป๊ะ
ระหว่างทางจะมีช่องให้สามารถเดินลงไปริมทะเลได้เป็นระยะ แต่เป็นหาดหินนะไม่ใช่หาดทราย
และอีกฝั่งของทางเดินเป็นสวนเล็กๆ สลับกับม้านั่ง
เราเจอคนทุกรูปแบบที่นี่ ทั้งคู่รักคุณปู่คุณย่า ครอบครัวที่เข็นลูกเล็ก ๆ มาเดินเล่น
คนจูงสุนัขที่ยืนทักทายกัน และคนที่มาจ็อกกิ้งออกกำลังกาย
เราเดินเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศแสนผ่อนคลาย
และก่อนจะรู้ตัว Sovereign Light Cafe ของจริงก็อยู่ตรงหน้าเรา ข้างทางเดินริมทะเลนี่เอง
ความรู้สึกตอนเดินใกล้ Sovereign Light Café เข้าไปเรื่อย ๆ
คล้ายกันกับความรู้สึกตอนมองแผ่นดินเคลื่อนผ่านขณะที่เราใกล้ถึง UK
ใจมันเต้นแรงแปลก ๆ รู้สึกกึ่งฝันกึ่งจริง เพราะเป็นที่ ๆ เราใฝ่ฝันมานานว่าจะได้มา
แต่คงเพราะนี่คือการเดินเท้า และเห็นจุดหมายอยู่ในที่โล่งตรงหน้า
ความรู้สึกนั้นจึงชัดเจนกว่าตอนอยู่บนเครื่องบิน
ในสมองมีภาพย้อนไปตลอดเวลาหลายเดือนที่เราเคยเปิดดูรูปถ่ายของคนอื่น
เคยอ่านบันทึกการเดินทางของคนอื่น เคยคิดฝันถึงการมาด้วยตัวเอง
จนถึงนาทีที่มันอยู่ตรงหน้าเราแล้วจริง ๆ
เป็นความรู้สึกที่แปลกและทำให้ใจแกว่งอย่างตื่นเต้นปนไม่เชื่อว่านี่คือความจริง
ทั้งที่มันก็แค่คาเฟ่ริมทะเลแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีไฮไลต์อะไรมากไปกว่าการถูกพูดถึงในเพลงของวงดนตรีที่เราชื่นชอบ
By the lights of the palace arcade
And watch night coming down on the Sovereign Light Café
ตอนได้ไปนั่งกิน Fish & Chips กับกาแฟอยู่บนเก้าอี้อลูมิเนียมหน้าร้าน
ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า "มันสำคัญตรงที่เราได้มาแล้วจริงๆ"
เหตุผลติ่ง ๆ ที่ทำให้เราอยากมาคาเฟ่แห่งนี้
นำพาเรามาพบเมืองหนึ่งที่ไม่ป๊อปเอาซะเลยในหมู่นักท่องเที่ยวและแม้แต่กับคนอังกฤษเอง
แต่กลับเป็นเมืองที่มีบรรยากาศน่ารักเกินคาดคิด มีความโรแมนติกอยู่ในทุกอณู
เพราะหนุ่มสาวที่จูงมือกันเดินอยู่ที่นี่ไม่ได้เพิ่งพบรักกันเมื่อเร็ว ๆ นี้
แต่เป็นคุณปู่ย่าตายายที่ผ่านชีวิตร่วมกันมาจนถึงบั้นปลาย
เป็นความอุ่นใจชวนให้ยิ้มอย่างประหลาด เมื่อเราได้เดินสำรวจเมืองที่ดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่ปลอดภัย เนิบช้า
และเต็มไปด้วยผู้คนที่อยู่เคียงข้างกันและกันในช่วงสุดท้ายของชีวิต
ผู้คนที่แม้จะเดินไม่ค่อยไหว แต่ก็ยังมีคนจูงมือออกมาเดินเล่นในวันที่อากาศดี
ชวนกันชมความสวยงามของชายหาด
และยังดื่มด่ำกับงานศิลปะและกาแฟแก้วโปรดด้วยกัน แม้ในวัยที่สายตาเริ่มฝ้าฟาง
สิ่งที่ได้จากทริปนี้ นอกจากประสบการณ์สัมผัสทะเลอังกฤษ (น้ำเย็นเฉียบเลย)
และได้ไปนั่งทำเกร๋หน้า Sovereign Light Café ให้เพื่อนติ่งได้อิจฉาแล้ว
เรายังได้รู้ว่า บางทีมันก็ไม่สำคัญเลยว่าปลายทางจะมีอะไรรออยู่
แต่มันสำคัญที่เราได้ตัดสินใจ และลงมือทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำมานานจนสำเร็จต่างหาก
ที่ให้ความรู้สึกที่ดีที่สุดกับเราแบบที่อย่างอื่นไม่สามารถทดแทนได้
เราหลงรัก Bexhill On Sea ไปโดยไม่รู้ตัว และกลับมาพร้อมพลังใจบางอย่างในการใช้ชีวิต
ที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้รับจากเมืองคนแก่แห่งนี้
และสัญญากับตัวเองว่าจะยังคงตามหา Sovereign Light Café แห่งต่อไปในชีวิตอีกเรื่อย ๆ
หมายเหตุ:
- กระทู้นี้คัดลอก-ดัดแปลงมาจากบล็อกของเรา ไปดูรูปเพิ่มได้ที่ https://medium.com/@BetteTweet/
- ว่าจะบันทึกเรื่องเมืองอื่น ๆ ที่เราได้ไปมาอีก (กำลังเขียน One-day trip ที่ Oxford) และภาพรวมทริป UK 16 วัน 7 เมืองด้วย แต่ยังไม่รู้เมื่อไหร่นะคะ :p
- หากเดินทางด้วยรถไฟ ตั้งใจฟังประกาศให้ดี ๆ เพราะปลายทางเป็นเมืองเล็ก
รถทั้งขบวนจึงไม่ได้มุ่งตรงมาที่นี่อย่างเดียว จะมีการแบ่งโบกี้แยกเส้นทางกันเป็นระยะจากลอนดอน
เลือกนั่งให้ถูกโบกี้ ไม่อย่างนั้นอาจหลงไปเมืองอื่นได้ หากไม่แน่ใจ รีบถามเจ้าหน้าที่บนรถไฟเพื่อความชัวร์นะ
- เราพลาดที่ไม่ได้เข้าไป Bexhill Museum เพราะเวลาไม่พอ แต่แนะนำให้ทุกคนแวะไป
คงยิ่งประทับใจกับเมืองน่ารักแห่งนี้ได้มากขึ้น website: http://www.bexhillmuseum.co.uk
- สถานที่อื่น ๆ ในเพลง Sovereign Light Café ก็มีอยู่จริงหมด ใน East Sussex นี่แหละ แต่ MV ทั้งหมดถ่ายที่ Bexhill รวมถึงภาพประกอบอัลบั้ม Strangeland ด้วย
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ De La Warr Pavilion: https://www.dlwp.com